หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก
“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา
“เชิญคุณหนู”
หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ
“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ
“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของเจิ้งเหม่ยอิงบุตรีบุญธรรมท่านอ๋องจะงดงามเพียงใด”
เสี่ยวเจิ้งปิดปากขำกับท่าทีเกินจริงของจงหลิน ช่างวัดตัวที่เป็นหญิงวัยแก่กว่าไม่กี่มากน้อย ยิ้มย่อกายลงเสี่ยวเจิ้งจับไหล่นางไว้โบกมือห้าม
“ขอบคุณคุณหนู”
ยิ้มด้วยไมตรีจิต สายตาจับจ้องที่รูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเจิ้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยจะเห็นว่าจะมีหญิงงามคนไหนงดงามทั้งใบหน้าและรูปร่างเพียงนี้ นางไปซ่อนกายอยู่ที่ใดมา ท่านอ๋องจะรับนางเป็นลูกบุญธรรมเห็นได้ชัดว่านางงดงามเกินหญิงใดไม่แน่ว่าคำว่าลูกบุญธรรมก็เพียงใช้บังหน้าเท่านั้น อนิจจา ใครกันจะอดคิดเกินเลยไปไกลในเมื่อท่านอ๋องเองก็ยังหนุ่มแน่นไม่ได้แก่ชรา อีกทั้งหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่
“พี่สาวคุณหนูเจิ้งนางพูดไม่ได้ แต่ฟังเราพูดได้ทุกคำ ท่านก็แค่พูดกับนาง เจิ้งเหม่ยอิง ใจดีที่สุุด”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มให้กับชือหรูด้วยความที่ไม่ถือตัว
จงหลินพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าพี่สาวช่างวัดตัวตะลึงในความงามของเสี่ยวเจิ้งเหมือนคนอื่นๆ
“เช่นนั้นคุณหนูเจิ้งโปรดเมตตาตาข้าน้อย ร้านเราถูกท่านอ๋องเรียกให้มาตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้ท่าน จึงอยากจะแอบขอให้คุณหนูให้พวกเราตัดอาภรณ์ให้มากหน่อยเพราะจะได้มีรายได้เข้าร้าน คุณหนูงดงามเพียงนี้หากมีใครถามถึงร้านที่ตัดเย็บวานคุณหนูบอกว่าเป็นร้านของเราเพื่อเป็นการโฆษณาไปในตัว”
เสี่ยวเจิ้งเลิกคิ้วสูง
“ว้าข้านี่แย่จริงคุณหนูพูดไม่ได้ จะให้บอกใครได้อย่างไรเอาแบบนี้ดีกว่าเอาเป็นว่าหากคุณหนูไม่ว่าข้าจะอาศัยเอาไปบอกหลายๆคนว่าแม้แต่คุณหนูเจิ้งเหม่ยอิงที่งดงามยังสวมอาภรณ์ที่ตัดจากร้านของเรา”
เสี่ยวเจิ้งยกนิ้วยิ้มบางๆ จงหลินหัวเราะสบตากับเสี่ยวเจิ้งขำๆ
เสียงพูดคุยด้วยความสนิทสนมดังเล็ดลอดออกมาด้านนอกอีกทั้งเสียงหัวเราะชอบใจ พูดไม่ได้แต่เสียงหัวเราะใสหวานของเสี่ยวเจิ้งช่างทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาในจวนอ๋องช่างน่าอภิรมย์เสียจริง
“ท่านอ๋อง”
หยวนกังประสานมือเมื่อคนรับใช้เข็นรถเข็นให้กับชิงกวานอ๋องมายังห้องวัดตัว
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง”
แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงมาแต่ไกลแต่ก็ไม่วายถามด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“คุณหนูน่าเอ็นดูไม่น้อย นางเข้ากับทุกคนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ชิงกวานอ๋องซ่อนยิ้มพยักหน้าขึ้นลง ภายใต้ใบหน้าแอบซ่อนความรู้สึกเป็นสุข
“เครื่องประดับที่ข้าสั่งทำให้คุณหนูเล่า”
“ใกล้จะเรียบร้อยเแล้วขอรับรอเพียงท่านอ๋อง ติชม”
“อืมจัดเครื่องเสวยที่ห้องวัดตัวด้วย เผื่อช่างวัดตัวเพราะคงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วยาม เสี่ยวเจิ้งจะได้มีคนคอยพูดคุยแก้เหงา”
หยวนกังประสานมือ ชิงกวานอ๋องโบกมือให้คนรับใช้เข็นรถไปเสียอีกทาง
“ท่านอ๋องจะไม่รอพบคุณหนูก่อนหรือไรในวันนี้”
“ข้าไม่อยากให้นางรู้ว่าข้ามายุ่มย่าม นางเป็นเจ้าของจวนอ๋องเช่นกัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้นางเห็น รึเจ้าว่าข้าควร เข้าไปดูนางเสียหน่อย”
หยวนกังยิ้มบางๆ ก้มหน้าเสีย เขาพยายามที่จะให้ชิงกวานอ๋องได้เห็นว่าเสี่ยวเจิ้งแปรเปลี่ยนไปเพียงใดนางงดงามเพียงใดต่างหาก เผื่อว่าบางทีท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องทนเหงาเหมือนที่ผ่านมา
คนรับใช้เข็นรถเลยไปยังป่าไผ่ร่มครึ้ม ชิงกวานอ๋องเผลอยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เตลิดไปไกล
ทำท่าจะลุกขึ้นยืน ทว่ากับทรุดกายลงบนรถเข็น
“ตามหมอหลวง”
คนรับใช้ที่เดินตามอีกคนรีบวิ่งไปทันที
หมอหลวงพูดเสียงสั่นด้วยกลัวอาญา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่อาจกล่าวคำนี้ได้เกรงว่าท่านอ๋องจะทรง จะทรง”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ รู้สึกอะไร”
“แม้คมกระบี่จากมือสังหารจะไม่ได้ถูกจุดสำคัญทำให้บาดเจ็บสาหัส แต่เอ็นรอยหวายที่ขาด้านซ้ายของท่านอ๋องถูกทำลาย ขะข้าน้อยรับรองจะพยายามหายา ดีมารักษา ..ให้ ..จนได้… ท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว”
ก้มศีรษะจรดพื้น
“เจ้าหมายความว่าข้า ข้าจะเดินไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป“อือ อือ”อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น“อย่าโวยวาย”ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้นจงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาวเสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่งนี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทรจงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็
“กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย”เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ“เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ” เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่“น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า” เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน“นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้”“พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไป ข้าก็หักออกจากค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ”จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวผลักตาเฒ่าหงายหลัง“จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่ห
“อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ”แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิงเสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง ชิงกวานอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป“ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม“ฝ่าบาท”ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน“ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ”“ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง“การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย”“ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ …ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้”“ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเ
เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกันอู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ""ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ ""ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว""ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พั
หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา“เชิญคุณหนู”หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจเสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของ
เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกันอู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ""ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ ""ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว""ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พั
“อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ”แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิงเสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง ชิงกวานอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป“ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม“ฝ่าบาท”ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน“ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ”“ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง“การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย”“ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ …ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้”“ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเ
“กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย”เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ“เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ” เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่“น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า” เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน“นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้”“พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไป ข้าก็หักออกจากค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ”จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวผลักตาเฒ่าหงายหลัง“จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่ห
“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป“อือ อือ”อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น“อย่าโวยวาย”ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้นจงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาวเสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่งนี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทรจงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็