แต่งงานกันมาเจ็ดปี เฟิงถิงเซินเย็นชากับเธอราวกับน้ำแข็ง ทว่าหรงฉือกลับยิ้มรับเสมอมา เพราะเธอรักเขามาก และเชื่อว่าเธอจะสามารถเอาชนะใจเขาได้ในสักวันหนึ่ง แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือการที่เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่แรกพบ แถมยังรักและดูแลเธออย่างดีที่สุด แต่เธอยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาชีวิตแต่งงานของพวกเขาไว้ จนกระทั่งถึงวันเกิดของเธอ เธอเดินทางไกลหลายพันไมล์เพื่อไปหาเขาและลูกสาวที่ต่างปะเทศ แต่เขากลับพาลูกสาวไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ทิ้งให้เธอเฝ้าห้องที่ว่างเปล่าเพียงลำพัง ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้อย่างราบคาบ เมื่อเห็นลูกสาวที่เธอเลี้ยงมากับมือต้องการเรียกผู้หญิงคนอื่นว่าแม่ หรงฉือก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป เธอร่างข้อตกลงการหย่าร้าง และสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก แล้วจากไปอย่างสง่างาม นับแต่นั้นก็ไม่สนใจพ่อลูกคู่นั้นอีกเลย และรอเซ็นใบหย่าร้าง เธอละทิ้งครอบครัว และหันกลับมาทุ่มเทให้กับงาน เธอที่เคยถูกทุกคนดูถูกในอดีต กลับสามารถหาเงินได้กว่าหลายแสนล้านอย่างง่ายดาย ทว่าเธอรอแล้วรอเล่า ใบหย่าไม่เพียงแต่ไม่ได้เซ็นสักที แต่ผู้ชายที่ไม่ยอมกลับบ้านในอดีต กลับกลับบ้านบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แถมยังติดเธอมากขึ้นทุกวันอีกต่างหาก เมื่อรู้ว่าเธอต้องการหย่า ชายผู้สูงศักดิ์และเย็นชามาโดยตลอดก็ผลักเธอไปที่มุมกำแพง “หย่าเหรอ? ไม่มีทาง”
View Moreตอนแรกเธอตกใจจริงๆ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วแขกเหรื่อหลายคนพาแห่กันไปทางเฟิงถิงเซิน เนื่องจากกลั้นกลางด้วยกำแพงผู้คน พวกเฟิงถิงเซินจึงไม่สังเกตเห็นหรงฉือจริงๆแม้ภายนอกหรงฉือจะดูอ่อนโยนและเรียบร้อย แต่อวี้มั่วซวินรู้ว่าจริงๆ แล้วหรงฉือมีความเด็ดเดี่ยวจากข้างใน และเป็นคนกล้าคิดกล้าทำในเรื่องการงาน เพียงแค่เธอมีความคิดหรือสนใจอะไร เธอจะทุ่มเทความคิดและจิตใจทั้งหมดลงไป แม้ว่าผลลัพธ์ที่วิจัยออกมาจะไม่มีผลกำไรทางการตลาด แต่เธอก็ยังยินดีที่จะทำและสนุกกับมันเพราะสำหรับเธอแล้ว จะมีประโยชน์หรือไม่ ต้องลองทำดูก่อนถึงจะรู้คำตอบในเรื่องความรู้สึกก็เช่นกันเธอรักเฟิงถิงเซินมากถึงขนาดยอมเดิมพันด้วยอนาคต เลือกที่จะละทิ้งโอกาสในการเรียนต่อ แล้วทุ่มเทให้กับครอบครัวอย่างไม่ลังเลตอนนี้เธอได้ลองทำแล้ว แม้ว่าราคาที่จ่ายจะสูงเกินไป แต่อวี้มั่วซวินก็ไม่เคยเห็นความเสียใจในดวงตาของหรงฉือเลยดังนั้น ตอนนี้หรงฉือบอกว่าเธอไม่เป็นไร บอกว่าเธอจะปล่อยวาง อวี้มั่วซวินย่อมเชื่อสนิทใจเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดื่มอะไรหน่อยไหม?”หรงฉือพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ”จากนั้นทั้งสองคนก็เดินสวนทางกับฝูงชนไปยังพื้นที่ร
ตอนพวกเขามาถึง แขกเหรื่อในงานก็มาถึงกันเกือบหมดแล้วหรงฉือมีรูปลักษณ์และออร่าโดดเด่น ทันทีที่เธอปรากฏตัวในห้องโถงก็ดึงดูดสายตาของแขกจำนวนมากเจ้าภาพงานเลี้ยงรู้จักมักคุ้นกับอวี้มั่วซวิน เมื่อเขาเห็นพวกเขาก็เดินมาทักทายด้วยรอยยิ้มทันทีขณะที่เขากำลังทักทายอวี้มั่วซวินและหรงฉือ ที่บริเวณทางเข้าห้องโถงก็มีแขกมาถึงอีกเมื่อเจ้าภาพงานเลี้ยงเห็นแขกผู้มาเยือนก็อึ้งไปชั่วขณะ ถึงขั้นสงสัยว่าตนเองตาฝาดแขกเหรื่อคนอื่นๆ ในห้องจัดเลี้ยงก็เช่นกัน ต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นผู้มาเยือนเนื่องจากหรงฉือและอวี้มั่วซวินหันหลังให้ทางเข้าห้องจัดเลี้ยง พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นแขกเหรื่อจำนวนมากจู่ๆ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงปนดีใจออกมา จึงหันกลับไปมองด้วยความสงสัย จากนั้นเจ้าภาพงานเลี้ยงก็ส่งสายตาขอโทษให้พวกเขาก่อนจะผ่านหน้าพวกเขาไปยังประตูทางเข้า“คุณเฟิง คุณเฮ่อ คุณฉี——”หรงฉือได้ยินดังนั้นก็ใจเต้นตุบๆ จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจเธอหันไปมอง พอเห็นชัดว่าเป็นใคร รอยยิ้มก็หายไปทันทีคนที่มาคือคนที่เธอคิดไว้ในใจจริงๆ นั่นคือเฟิงถิงเซิน เฮ่อฉางปั่ว และฉีอวี้หมิง สามคนไม่ผิดแต
หรงฉือถึงกับอึ้งไปในทันที “หลินอู๋? คุณบอกว่าคนๆ นั้นชื่อหลินอู๋เหรอ? ใช่อู๋ที่มาจากคำว่าฮวงอู๋ไหม? คนที่เพิ่งกลับมาจากประเทศเอนาวาเมื่อไม่นานมานี้ใช่ไหม?”อวี้มั่วซวินพยักหน้าอย่างประหลาดใจมาก “ใช่ คุณรู้จักเหรอ?”“เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน”อวี้มั่วซวินถึงกับอึ้งไปในทันทีเขาพอรู้เรื่องสถานการณ์ทางบ้านของหรงฉือมาบ้างแต่ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้หรงฉือมีแววตาเย็นชา และพูดเสริมอีกว่า “และเธอยังเป็นชู้ของเฟิงถิงเซินด้วย”ทันใดนั้นรถพลันเบรกกะทันหันอวี้มั่วซวินเบิกตากว้าง “คุณ——”หรงฉือส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร” เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เพียงแต่ คุณจะว่าฉันใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็ได้ แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้เธอเข้ามาทำงานในบริษัทของเรา”อวี้มั่วซวินมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “ไม่มีทาง ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณ”หรงฉือรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณนะ” จากนั้นพูดอีกว่า “เพียงแต่ แบบนี้ก็เท่ากับว่าคุณเสียอัจฉริยะไปคนหนึ่งเลยนะ”อวี้มั่วซวินส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วมองเธอแวบหนึ่ง “เธอถือว่าเป็นอัจฉริยะด้านอัลกอริธึมจร
วันรุ่งขึ้นหรงฉือกลับบ้านหลังจากที่ฉู่จื่อหลานหายไข้แล้ว เนื่องจากเธอยังไม่ได้เตรียมชุดที่จะใส่ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนวันพรุ่งนี้เลยตอนบ่ายเธอจึงออกไปข้างนอกเมื่อถึงร้านชุดราตรีหรู ผู้จัดการร้านและพนักงานหลายคนกำลังจัดชุดราตรีชุดหนึ่งอย่างพิถีพิถันจนกระทั่งหรงฉือเดินเข้ามาใกล้ พวกเธาถึงสังเกตเห็นเธอ“ขอโทษนะค่ะ คุณผู้หญิง คุณต้องการอะไรไหมค่ะ?”“ฉันขอดูก่อน”“ได้ค่ะ”แม้ว่าจะเธอแต่งงานเข้าตระกูลเฟิง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอแทบไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรเลยเพราะถึงแม้เฟิงถิงเซินและซางเชี่ยนต้องไปร่วมงานที่เป็นทางการ ก็ไม่พาเธอไปด้วยอยู่ดีส่วนคุณหญิงย่าเฟิง เธอได้ถอนตัวจากวงการนานหลายปีแล้ว และไม่สนใจเสาะหาผลประโยชน์จากการออกงานมานานแล้วแม้ว่าหรงฉือจะมีความรู้เกี่ยวกับชุดราตรีไม่มากนัก แต่ฉู่จื่อหลานก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าหรูหรา เธอจึงได้เห็นและซึมซับมาบ้าง ซึ่งทำให้เธอพอจะมีรสนิยมพื้นฐานอยู่บ้างเพียงแต่ว่า ชุดสวยๆ ในร้านมีเยอะมากจริงๆ เห็นแล้วตาลายหรงฉือก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน คิดว่าแค่พอใช้ได้ก็พอแล้วในขณะที่เธอกำลังคิดเช่นนั้น ชุดราตรีที่พนักงาน
“คุณ...”หรงฉือยื่นมือออกไป “ขอบคุณสำหรับการดูแลในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะคะ”เจียงเจ๋อยังไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ “เกรงใจเกินไปแล้วครับ”หรงฉือเก็บข้าวของของตัวเองเสร็จแล้วก็จากไปทันทีเจียงเจ๋อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหรงฉือจะจากไปแบบนี้จริงๆ“เหม่ออะไรอยู่?” เฉิงหยวนตบไหล่เขาเบาๆ“หรงฉือออกจากบริษัทไปแล้ว”เฉิงหยวนอึ้งไปชั่วขณะ “จริงเหรอ?”เธอยอมออกจากบริษัทจริงหรือ? ทำไมเขาถึงไม่เชื่อเลยล่ะ?เขาหัวเราะเยาะก่อนพูดว่า “ตอนนี้เธอไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่หาทางกลับมา คอยดูเถอะ คาดว่าอีกไม่นาน เธอก็จะกลับมาด้วยความช่วยเหลือของคุณหญิงเฟิงนั่นแหละ”เจียงเจ๋อไม่พูดอะไรแม้ว่าจะดูไม่น่าเชื่อ แต่ช่วงนี้หรงฉือทำให้เขารู้สึกว่าเธอจริงจังหรงฉือตรงกลับบ้านทันทีหลังออกจากเฟิงซื่อกรุ๊ปคาดว่าเฟิงจิ่งซินคงจะเอาใจกลับไปอยู่ที่หลินอู๋อีกแล้ว เพราะสองวันหลังจากนั้น หรงฉือก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากเธออีกเลยกลางดึกคืนวันถัดมา เนื่องจากฉู่จื่อหลานเป็นไข้ หรงฉือจึงรีบปิดหนังสือแล้วหยิบกุญแจขับรถออกไปวันนี้ฝนตกตลอดทั้งวัน จนป่านนี้แล้วฝนก็ยังไม่หยุดตกเลยฉู่จื่อหลานอ
ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นหรงฉือเผลอหันมาและบังเอิญเห็นสายโทรเข้าที่มีชื่อว่า “ที่รัก” บนจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาพอดีหรงฉือคิดว่าเธอเองไม่รู้สึกอะไรแล้วแต่ยังไงก็รักมาตั้งหลายปี บอกตัดใจ ก็จะตัดใจได้ง่ายๆ ได้เหรอ?เธอถูกสองคำนั้นทิ่มแทงตา จนต้องรีบเบือนหน้าหนีในทันทีเมื่อเฟิงถิงเซินเงยหน้าขึ้นก็สังเกตเห็นความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งในแววตาของเธอ แต่เขากลับรับโทรศัพท์ต่อหน้าเธออย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ?”เฟิงจิ่งซินก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของเฟิงถิงเซินในความทรงจําของเฟิงจิ่งซิน เฟิงถิงเซินจะแสดงด้านที่อ่อนโยนเช่นนี้เฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าหลินอู๋เท่านั้นทันใดนั้นเธอก็ลืมไปสนิทเลยว่าหรงฉือก็อยู่ด้วย ถามอย่างดีใจว่า “คุณพ่อคะ น้าอู๋อู๋เหรอคะ?”เฟิงถิงเซินพูดเสียงเบาว่า “อืม”เฟิงจิ่งซินกำลังจะบอกว่าเธอก็อยากคุยกับน้าอู๋อู๋ แต่พอนึกได้ว่าหรงฉืออยู่ด้วย และรู้ว่าหรงฉือก็ไม่ชอบหลินอู๋ เธอก็เลยกลืนคำพูดนั้นกลับไปซึ่งมันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่ดีของเธอด้วยเธอขมวดคิ้วน้อยๆ และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าแม่สามารถเข้ากันได้ด
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็มีสีหน้าต่างกันไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนพูดกันมาตลอดว่าเฟิงถิงเซินแต่งงานไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าภรรยาของคุณเฟิงคือใครแต่ก็มีบางคนพูดว่าเฟิงถิงเซินยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำแต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัด และไม่กล้าถามให้มากความตอนนี้เฟิงถิงเซินเริ่มพูดว่าเขามีลูกสาวก่อน ซึ่งทำให้หลายคนตกใจเป็นอย่างมากแต่ที่มากไปกว่านั้นคือพวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรอีก..................หลังทานอาหารเย็นเสร็จ เฟิงจิ่งซินยังคงรอหรงฉืออยู่ตลอดรอเธอกลับบ้านแต่ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว เธออาบน้ำจนเสร็จแล้ว แต่หรงฉือก็ยังไม่กลับมาเธอคอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวข้างนอกอยู่ตลอดตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า พอเธอได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากข้างนอกก็ตาลุกวาว แล้วรีบวิ่งลงบันไดพร้อมตะโกนว่า “คุณแม่——”แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้าประตูมาคือเฟิงถิงเซิน เสียงร้องที่ร่าเริงก็หยุดชะงักลงทันที“คุณพ่อ?”เฟิงถิงเซินยื่นเสื้อคลุมในมือให้พ่อบ้านก่อนจะสังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของลูกสาว “เป็นอะไรเหรอ?”“หนูคิดว่าคุณแม่กลับมาแล้ว..
ในขณะนั้นเอง เจียงเจ๋อก็เดินมาถึงห้องพักเบรคพอดี พอได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปชั่วขณะเขากับเฉิงหยวนคิดมาตลอดว่าหรงฉือไม่น่าจะยอมออกจากบริษัทจริงๆและพวกเขาก็เชื่อมั่นว่าเธอจะหาโอกาสอยู่ต่ออย่างแน่นอนเมื่อวาน ตอนที่สวีเสว่น่า คนที่จะมาทำหน้าที่แทนเธอมาถึงบริษัท พวกเขายังคิดว่าหรงฉือจะทำอะไรบางอย่างเพราะอย่างไรเสีย สวีเสว่น่าก็มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามและโดดเด่นหรงฉือจะวางใจให้ผู้หญิงแบบนี้อยู่ข้างกายเฟิงถิงเซินได้อย่างไรแต่สองวันที่ผ่านมา หรงฉือไม่เพียงแต่ส่งช่วงต่อให้สวีเสว่น่า แต่ยังเข้ากับเธอได้ดีด้วย ตอนนี้ถึงขนาดจะถ่ายทอดฝีมือการชงกาแฟของเธอให้กับสวีเสว่น่าด้วย?นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หรงฉือไม่รู้ว่าเจียงเจ๋อคิดอย่างไรเธอตั้งใจทำงานของเธอ และปฏิเสธคำชวนไปเลี้ยงข้าวของสวีเสว่น่า เมื่อถึงเวลาเธอก็วางแผนว่าจะศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่อหลังจากกลับบ้านและทานข้าวเสร็จเธอเพิ่งออกจากบริษัท โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากเฟิงจิ่งซิน“คุณแม่คะ ทำงานเสร็จหรือยังคะ?”หรงฉือขึ้นรถแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”“หนูอยากกินหมูชุปแป้งทอดกับซุปเนื
เช้าวันนี้มีการประชุมใหญ่และเฟิงถิงเซินก็เข้าร่วมด้วยหรงฉือและคนอื่นๆ นั่งรออยู่ในห้องประชุมประมาณสิบกว่านาที เฟิงถิงเซินถึงปรากฏตัวทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น สวีเสว่น่าก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย และไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลยหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อการประชุมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เธอถึงสะดุ้งตื่นและกลับมามีสติก่อนจะดึงแขนเสื้อของหรงฉือ “ท่านประธานเฟิงหล่อมากจริงๆ ด้วย!”หรงฉือเพียงเงยหน้ามองเฟิงถิงเซินแวบหนึ่งตอนที่เขาเดินเข้ามาเท่านั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงตอบแบบขอไปทีว่า “อืม” คำหนึ่ง โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยเมื่อเห็นว่าหรงฉือดูเหมือนจะไม่สนใจเฟิงถิงเซินเลยสักนิด สวีเสว่น่าก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหรงฉือแต่งงานแล้ว และลูกก็โตพอสมควร เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติระหว่างการประชุม สวีเสว่น่าใจเต้นแรงตลอดเวลา และเอาแต่จ้องมองเฟิงถิงเซินอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอไม่ได้ฟังเลยว่าในการประชุมพูดถึงเรื่องอะไรส่วนหรงฉือกลับตั้งใจบันทึกวาระการประชุมลงในคอมพิวเตอร์หลังจากประชุมเสร็จ เฟิงถิงเซินก็เดินออกไปก่อน จากนั้
เมื่อหรงฉือมาถึงสนามบินประเทศเอนาวาก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ววันนี้เป็นวันเกิดของเธอเธอได้รับข้อความอวยพรวันเกิดทันทีที่เปิดโทรศัพท์โดยทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนของเธอส่งมาแต่กลับไม่มีข้อความใดๆ จากเฟิงถิงเซินเลยซึ่งทำให้หรงฉือหน้าบึ้งเธอมาถึงวิลล่าตอนสี่ทุ่มกว่าเมื่อป้าหลิวเห็นเธอก็อึ้งไปชั่วขณะ “คุณผู้หญิง คุณ... คุณมาได้ยังไงคะ”“ถิงเซินกับซินซินล่ะ”“คุณผู้ชายยังไม่กลับ ส่วนคุณหนูกำลังเล่นอยู่ในห้องค่ะ”จากนั้นหรงฉือจึงยื่นกระเป๋าเดินทางให้เธอ เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นลูกสาวในชุดนอนกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเล็กๆ อย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร แต่จริงจังมาก ถึงกับไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาในห้อง“ซินซิน?”เมื่อเฟิงจิ่งซินได้ยินเสียงก็หันกลับมามองพร้อมร้องด้วยความดีใจว่า “คุณแม่!”จากนั้นก็หันกลับไปทำสิ่งที่ทำค้างไว้ต่อหรงฉือเดินเข้าไปกอดลูกสาว ทันทีที่เธอหอมลูกก็ถูกผลักออก “แม่คะ หนูกำลังยุ่งอยู่ค่ะ”หรงฉือไม่เจอหน้าลูกสาวสองเดือนแล้ว จึงคิดถึงมาก ไม่ว่าจะหอมเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่พอ และอยากจะพูดคุยกับลูกสาวมากแต่เมื่อเห็นลูกสาวตั้งอกตั้งใจขนาดนี้จึงไม่อยา...
Comments