เฟิงจิ่งซินเอ่ยพลางกระโดดบนเตียง “จริงเหรอคะ?!”“อืม”“งั้นทำไมเมื่อกี้น้าอู๋อู๋ไม่บอกหนูล่ะคะ?”“เรื่องเพิ่งชัดเจน ก็เลยยังไม่ได้บอกเธอน่ะ”เฟิงจิ่งซินตื่นเต้นมาก “งั้นคุณพ่ออย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับน้าอู๋อู๋นะคะ หลังจากเรากลับประเทศแล้วค่อยเซอร์ไพรส์คุณน้าดีไหมคะ”“ดีจ๊ะ”“คุณพ่อดีที่สุดเลย หนูรักคุณพ่อมากเลย!”เฟิงจิ่งซินยังคงดีใจมากแม้จะวางสายแล้ว ทั้งร้องทั้งกระโดดโลดเต้นบนเตียงผ่านไปสักพัก จู่ๆ เธอก็นึกถึงหรงฉือหลายวันมานี้เธออารมณ์ดีมากๆ เพราะแม่ไม่ได้โทรหาเธอจริงๆ แล้วหลายวันมานี้เธอไม่เพียงแค่จงใจออกบ้านแต่เช้า แต่ยังจงใจวางโทรศัพท์ไว้ไกลๆ หรือปิดเครื่องหลังเลิกเรียนกลับบ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคุยโทรศัพท์กับแม่แต่หลังจากผ่านไปสองวันเธอก็ไม่ทำเช่นนั้นอีกเพราะกลัวว่าแม่รู้แล้วจะโกรธแต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือแม่ไม่โทรหาเธอเลยหลายวันหลังจากนั้นตอนแรกเธอยังคิดว่าแม่รู้เรื่องที่เธอจงใจพลาดรับสายจากแม่แต่พอคิดดูอีกที จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าแม่รู้ว่าเธอทำเรื่องผิดพลาด แม่จะต้องให้เธอแก้ไขทันที แต่ไม่ใช่โกรธจนไม่โทรหาเธอแบบนี้เพราะอย่างไรเสีย เธอก็สำคัญที
หลายปีมานี้ อวี้มั่วซวินและหรงฉือแทบไม่ได้เจอกันเลยจริงๆแต่หลังจากเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง อวี้มั่วซวินก็มองออกว่าเธอในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ไม่กระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อนเมื่อนึกถึงหรงฉือในตอนนั้น เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าวันหนึ่งคำว่ามีปมด้อยจะถูกใช้กับหรงฉืออวี้มั่วซวินไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของหรงฉือและเฟิงถิงเซินแต่ก็พอรู้มาบ้างเขาเพียงคาดเดาอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เพียงพูดกับเธออย่างจริงจังว่า “ไม่สำคัญว่าคุณจะตามหลังไปสักระยะหนึ่ง ความสามารถและพรสวรรค์ของคุณ ไม่ใช่อัจฉริยะทั่วไปจะเทียบได้ เสี่ยวฉือ ตราบใดที่คุณยังมีใจที่จะเดินตามเส้นทางนี้ ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่”“อย่าลืมว่าคุณเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ภูมิใจที่สุดในชีวิตการเป็นอาจารย์”หรงฉือได้ฟังแล้วก็ยิ้ม “ถ้าอาจารย์ได้ยินเข้า ฉันเกรงว่าเขาคงจะเยาะเย้ย และบอกว่าเขาถูกบังคับให้เลือกคนที่ดีที่สุดจากหมู่คนที่แย่ที่สุด”เมื่อนึกถึงอาจารย์ผู้สง่างามและปากร้ายในอดีต รอยยิ้มของหรงฉือก็จางลง “เมื่อกี้ฉันเห็นในข่าวว่าอาจารย์ท่านก็กลับมาร่วมงานฉลองครบรอบด้วย ท่านยังสบายดีไหม”“สบายดี เพ
วันรุ่งขึ้นเมื่อเฟิงถิงเซินมาถึงบริษัทก็บังเอิญเจอกับหรงฉือพอดีหรงฉือไม่รู้ว่าเฟิงถิงเซินและเฟิงจิ่งซินได้กลับประเทศแล้วจู่ๆ ก็เจอกับเฟิงถิงเซินที่บริษัทโดยไม่ทันตั้งตัว หรงฉือถึงกับหยุดชะงักในทันทีเมื่อเฟิงถิงเซินเห็นหรงฉือ นัยน์ตาก็ฉายแววตาประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็คิดเพียงว่าหรงฉือคงเพิ่งกลับมาจากไปทำธุระ จึงไม่ได้คิดอะไรมากเขามีสีหน้านิ่งเฉย เดินผ่านเธอไปอย่างเย็นชาเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้าแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในบริษัทถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อรู้ว่าเขากลับประเทศอย่างกะทันหัน หรงฉือจะรู้สึกประหลาดใจมากในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถวิ่งเข้าไปกอดเข้าได้ แต่เธอก็จะมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมีความสุข เริ่มกล่าวทักทายเขาว่าสวัสดีตอนเช้าด้วยรอยยิ้มก่อนแม้ว่าเขาจะเย็นชาก็ตาม ทว่าตอนนี้ หรงฉือกลับหลบตาลงทันทีที่มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา และบนใบหน้าก็ไม่แสดงความตื่นเต้นและความสุขเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแต่เฟิงถิงเซินไม่ทันได้สังเกตก็เดินจากไปก่อนแล้วหรงฉือมองตามแผ่นหลังที่มั่นคงและสง่างามของชายหนุ่ม และไม่รู้ว่าเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในเมื่อ
เพื่อนร่วมงานสองคนที่ยืนข้างหรงฉือแอบมองหลินอู๋ในขณะเดียวกันก็รีบถอยหลังสองก้าวจนติดกับกําแพงหลินอู๋ก็มองเห็นหรงฉือเช่นกันแต่กลับละสายตาหนีอย่างเย็นชาในทันที เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเธออยู่ในสายตา จากนั้นเข้าไปในลิฟต์ท่ามกลางการล้อมรอบของผู้จัดการหลายคนหลังจากประตูลิฟต์ปิดเพื่อนร่วมงานสองคนของหรงฉือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แล้วเริ่มซุบซิบกันอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง“เมื่อกี้คนนั้นน่าจะเป็นแฟนของท่านประธานเฟิงใช่ไหม โอ้โห สวยมากเลย เธอใส่แบรนด์เนมทั้งตัว คงจะแพงมากน่าดู? สมกับที่เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย มีความมั่นใจ สุขุม และมีอำนาจ มีออร่าแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างพวกเราจริงๆ ด้วย”“ใช่ ใช่”ทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จแล้วก็ถามหรงฉือเสียงเบาๆ ว่า “หรงฉือ เธอคิดว่าไง?”หรงฉือก้มมองต่ำ และพูดเบาๆ ว่า “ใช่แล้ว”ความจริงแล้วหลินอู๋เป็นลูกสาวนอกสมรสของพ่อเธอแต่จะพูดว่าเป็นลูกนอกสมรสอาจไม่ถูกต้องนักเพราะอย่างไรเสีย ตอนเธออายุแปดขวบ พ่อของเธอก็ยืนกรานว่าจะหย่ากับแม่ของเธอเพื่อไม่ให้หลินอู๋และแม่ของเธอน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วแต่งงานใหม่กับแม่ของหลินอู๋หลังจากที่พ่อแม่หย่าร้างกัน เธอได้อาศัยอ
คนที่อยู่ข้างเขาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“เหมือนเห็นคนรู้จักคนหนึ่งน่ะ”พวกเขากับเฟิงถิงเซินเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก และก็รู้ว่าหรงฉือชอบเฟิงถิงเซินพูดตามตรง หรงฉือสวยมาก แต่ดูเงียบๆ สวยก็จริง แต่ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่ใช่สไตล์ที่เฟิงถิงเซินชอบเฟิงถิงเซินจึงรักษาระยะห่างจากอีกฝ่าย และพวกเขาก็ดูจะไม่ค่อยชอบหรงฉือพวกเขาไม่ค่อยได้เจอเธอบ่อยนัก แต่พอเจอกันก็ไม่อยากทักทายเธอพูดตามตรง ภาพของหรงฉือในความทรงจำของเขาเริ่มเลือนรางแล้ว เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองมองผิดหรือเปล่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นหรงฉือจริงๆ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเขาไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังแล้วกลับเข้าห้องส่วนตัว.......หรงฉือไม่ได้สังเกตเห็นฉีอวี้หมิงหลังจากออกจากโรงแรมเธอก็พาฉู่จื่อหลานกลับที่พัก และคืนนั้นก็ค้างคืนที่นั่นเพื่อดูแลฉู่จื่อหลานเมื่อฉู่จื่อหลานตื่นมาเห็นหรงฉือจึงสวมกอดเธอด้วยความซาบซึ้งใจ “เมื่อคืนลำบากเธอแล้ว วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนะ!”หรงฉือได้ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอตบหัวฉู่จื่อหลานเบาๆ พร้อมพูดว่า “ลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าล้างตา อาหารเช้าใกล้จะเย็นหมดแล้ว”ฉู่จื่อหลานกอดเธอไว้ ซบหน้าที่เอวขอ
เฉิงหยวนทำหน้าตึง คิดว่าหรงฉือกำลังใช้อภิสิทธิ์ “เลขาหรง ช่วยปรับทัศนคติในการทำงานของคุณด้วย คิดว่าที่นี่คือบ้านของคุณหรือไง”หรงฉือหยิบกระเป๋าขึ้นมา และยังมีท่าทีเหมือนเดิม “ถ้าคุณไม่พอใจอะไร สามารถไล่ฉันออกเดี๋ยวนี้ได้เลย”“นี่คุณ——”ก่อนหน้านี้เขาได้ติดตามเฟิงถิงเซินไปที่ประเทศเอนาวา แต่เขาก็รู้เรื่องที่หรงฉือได้ยื่นใบลาออกแล้วถึงแม้ว่าเขาจะได้รับความไว้วางใจจากเฟิงถิงเซินอย่างมาก แต่บริษัทไม่ใช่ที่ที่เขาจะสั่งอะไรก็ได้ตามใจ และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะสั่งให้หรงฉือไสหัวไปแล้วเธอต้องทำตามยิ่งไปกว่านั้น หรงฉือยังเป็นที่รักใคร่ของคุณหญิงย่าเฟิงอีกด้วย ถ้าเกิดหรงฉือไปฟ้องท่าน ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเฟิงถิงเซินต้องปกป้องเขาอย่างสุดกำลังแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้อยู่ดีหรงฉือไม่ได้สนใจเขา เดินผ่านเขาไปแล้วออกไปทันทีเฉิงหยวนโมโหจนหน้าเขียวปัด แล้วเดินออกไปจากแผนกเลขานุการเจียงเจ๋อเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”เฉิงหยวนจึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟังเจียงเจ๋อประหลาดใจอย่างมากปกติแล้วเขาจะติดต่อกับหรงฉือค่อนข้างบ่อยและเขาก็พอรู้นิสัยของหรงฉืออ
แต่เขาไม่ได้คิดมาก คิดเพียงว่าหรงฉืออาจจะกลับบ้านตระกูลหรงก็ได้ขณะที่เขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้หรงฉือจะพาเฟิงจิ่งซินไปด้วยทุกครั้งที่กลับบ้านตระกูลหรงแต่วันนี้แปลกที่ไม่ได้พาลูกสาวไปด้วยหรือว่าเธอไม่ได้กลับบ้านตระกูลหรง?แต่ว่า บางทีที่บ้านตระกูลหรงอาจมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้ในหัวของเขาผุดคำพูดของเฉิงหยวนเมื่อบ่ายวันนี้ตอนที่เขาออกจากบริษัท เฟิงถิงเซินก็ยืนยันในเรื่องนี้เขาหยุดเดินชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้คิดสนใจเช้าวันรุ่งขึ้น เฟิงถิงเซินพูดกับเฟิงจิ่งซินขณะทานอาหารเช้าว่า “ทำเรื่องเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าไปรายงานตัวที่โรงเรียน”“รู้แล้วค่ะ” เฟิงจิ่งซินย่นจมูกเล็กน้อย “งั้นพรุ่งนี้คุณพ่อไปส่งหนูที่โรงเรียนได้ไหมคะ”“พ่ออาจจะไม่ว่าง”“ก็ได้” เฟิงจิ่งซินกรอกตา แต่จู่ๆ ดวงตาพลันเปล่งประกาย และพูดอย่างดีใจว่า “งั้นเดี๋ยวหนูจะโทรหาน้าอู๋อู๋ ให้น้าอู๋อู๋ไปส่งหนูที่โรงเรียน”เฟิงถิงเซินยังไม่ทันพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเป็นคนจากบ้านเก่าโทรมาทันทีที่เขารับสาย เสียงของคุณหญิงย่าเฟิงก็ดังมาจากปลายสาย“ได้ยินว่าแกกลับประเทศแล้วเหรอ”
หรงฉือฟังแล้วก็เกือบจะหัวเราะออกมาหลินอู๋กับเฟิงถิงเซินรู้จักกันหลังจากที่เธอแต่งงานกับเฟิงถิงเซินหลินอู๋รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเฟิงถิงเซิน เธอจึงไม่เชื่อว่าหลินลี่ไห่จะไม่รู้ว่าเฟิงถิงเซินเป็นสามีของลูกสาวอีกคนของเขา!เขาต้องรู้แน่ๆแต่เขาก็ยังคงจับคู่หลินอู๋และเฟิงถิงเซินอย่างไร้ยางอายเห็นได้ชัดว่าในใจของหลินลี่ไห่ เขาเพิกเฉยต่อลูกสาวคนนี้มากแค่ไหน!เฟิงถิงเซินตอบตกลงแล้วพวกเขาก็ถามไถ่กันต่อสักพัก หรงฉือเฝ้ามองเฟิงถิงเซินที่รอให้หลินลี่ไห่ขึ้นรถและขับรถออกไปแล้ว เขาถึงนั่งรถจากไปด้วยสถานะและตำแหน่งในตอนนี้ของเฟิงถิงเซิน คนที่สามารถทำให้เขาทำถึงขนาดนี้ได้ โดยปกติแล้วจะมีแค่ผู้อาวุโสในตระกูลเฟิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นแต่เห็นได้ชัดว่าเฟิงถิงเซินเคารพหลินลี่ไห่เพียงเพราะเขาเป็นพ่อของหลินอู๋เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็นึกถึงครั้งที่เฟิงถิงเซินได้พบกับคุณยายและลุงกับป้าสะใภ้ของเธอ เขามักจะมีท่าทีเฉยเมยและเย็นชาตลอดเวลายิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะพูดกับเขาอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือลุงของเธอเลย...แต่เขากลับไม่ได้มีท่าทีเช่นนั้นกับคน
ตอนแรกเธอตกใจจริงๆ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วแขกเหรื่อหลายคนพาแห่กันไปทางเฟิงถิงเซิน เนื่องจากกลั้นกลางด้วยกำแพงผู้คน พวกเฟิงถิงเซินจึงไม่สังเกตเห็นหรงฉือจริงๆแม้ภายนอกหรงฉือจะดูอ่อนโยนและเรียบร้อย แต่อวี้มั่วซวินรู้ว่าจริงๆ แล้วหรงฉือมีความเด็ดเดี่ยวจากข้างใน และเป็นคนกล้าคิดกล้าทำในเรื่องการงาน เพียงแค่เธอมีความคิดหรือสนใจอะไร เธอจะทุ่มเทความคิดและจิตใจทั้งหมดลงไป แม้ว่าผลลัพธ์ที่วิจัยออกมาจะไม่มีผลกำไรทางการตลาด แต่เธอก็ยังยินดีที่จะทำและสนุกกับมันเพราะสำหรับเธอแล้ว จะมีประโยชน์หรือไม่ ต้องลองทำดูก่อนถึงจะรู้คำตอบในเรื่องความรู้สึกก็เช่นกันเธอรักเฟิงถิงเซินมากถึงขนาดยอมเดิมพันด้วยอนาคต เลือกที่จะละทิ้งโอกาสในการเรียนต่อ แล้วทุ่มเทให้กับครอบครัวอย่างไม่ลังเลตอนนี้เธอได้ลองทำแล้ว แม้ว่าราคาที่จ่ายจะสูงเกินไป แต่อวี้มั่วซวินก็ไม่เคยเห็นความเสียใจในดวงตาของหรงฉือเลยดังนั้น ตอนนี้หรงฉือบอกว่าเธอไม่เป็นไร บอกว่าเธอจะปล่อยวาง อวี้มั่วซวินย่อมเชื่อสนิทใจเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดื่มอะไรหน่อยไหม?”หรงฉือพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ”จากนั้นทั้งสองคนก็เดินสวนทางกับฝูงชนไปยังพื้นที่ร
ตอนพวกเขามาถึง แขกเหรื่อในงานก็มาถึงกันเกือบหมดแล้วหรงฉือมีรูปลักษณ์และออร่าโดดเด่น ทันทีที่เธอปรากฏตัวในห้องโถงก็ดึงดูดสายตาของแขกจำนวนมากเจ้าภาพงานเลี้ยงรู้จักมักคุ้นกับอวี้มั่วซวิน เมื่อเขาเห็นพวกเขาก็เดินมาทักทายด้วยรอยยิ้มทันทีขณะที่เขากำลังทักทายอวี้มั่วซวินและหรงฉือ ที่บริเวณทางเข้าห้องโถงก็มีแขกมาถึงอีกเมื่อเจ้าภาพงานเลี้ยงเห็นแขกผู้มาเยือนก็อึ้งไปชั่วขณะ ถึงขั้นสงสัยว่าตนเองตาฝาดแขกเหรื่อคนอื่นๆ ในห้องจัดเลี้ยงก็เช่นกัน ต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นผู้มาเยือนเนื่องจากหรงฉือและอวี้มั่วซวินหันหลังให้ทางเข้าห้องจัดเลี้ยง พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นแขกเหรื่อจำนวนมากจู่ๆ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงปนดีใจออกมา จึงหันกลับไปมองด้วยความสงสัย จากนั้นเจ้าภาพงานเลี้ยงก็ส่งสายตาขอโทษให้พวกเขาก่อนจะผ่านหน้าพวกเขาไปยังประตูทางเข้า“คุณเฟิง คุณเฮ่อ คุณฉี——”หรงฉือได้ยินดังนั้นก็ใจเต้นตุบๆ จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจเธอหันไปมอง พอเห็นชัดว่าเป็นใคร รอยยิ้มก็หายไปทันทีคนที่มาคือคนที่เธอคิดไว้ในใจจริงๆ นั่นคือเฟิงถิงเซิน เฮ่อฉางปั่ว และฉีอวี้หมิง สามคนไม่ผิดแต
หรงฉือถึงกับอึ้งไปในทันที “หลินอู๋? คุณบอกว่าคนๆ นั้นชื่อหลินอู๋เหรอ? ใช่อู๋ที่มาจากคำว่าฮวงอู๋ไหม? คนที่เพิ่งกลับมาจากประเทศเอนาวาเมื่อไม่นานมานี้ใช่ไหม?”อวี้มั่วซวินพยักหน้าอย่างประหลาดใจมาก “ใช่ คุณรู้จักเหรอ?”“เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน”อวี้มั่วซวินถึงกับอึ้งไปในทันทีเขาพอรู้เรื่องสถานการณ์ทางบ้านของหรงฉือมาบ้างแต่ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้หรงฉือมีแววตาเย็นชา และพูดเสริมอีกว่า “และเธอยังเป็นชู้ของเฟิงถิงเซินด้วย”ทันใดนั้นรถพลันเบรกกะทันหันอวี้มั่วซวินเบิกตากว้าง “คุณ——”หรงฉือส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร” เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เพียงแต่ คุณจะว่าฉันใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็ได้ แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้เธอเข้ามาทำงานในบริษัทของเรา”อวี้มั่วซวินมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “ไม่มีทาง ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณ”หรงฉือรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณนะ” จากนั้นพูดอีกว่า “เพียงแต่ แบบนี้ก็เท่ากับว่าคุณเสียอัจฉริยะไปคนหนึ่งเลยนะ”อวี้มั่วซวินส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วมองเธอแวบหนึ่ง “เธอถือว่าเป็นอัจฉริยะด้านอัลกอริธึมจร
วันรุ่งขึ้นหรงฉือกลับบ้านหลังจากที่ฉู่จื่อหลานหายไข้แล้ว เนื่องจากเธอยังไม่ได้เตรียมชุดที่จะใส่ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนวันพรุ่งนี้เลยตอนบ่ายเธอจึงออกไปข้างนอกเมื่อถึงร้านชุดราตรีหรู ผู้จัดการร้านและพนักงานหลายคนกำลังจัดชุดราตรีชุดหนึ่งอย่างพิถีพิถันจนกระทั่งหรงฉือเดินเข้ามาใกล้ พวกเธาถึงสังเกตเห็นเธอ“ขอโทษนะค่ะ คุณผู้หญิง คุณต้องการอะไรไหมค่ะ?”“ฉันขอดูก่อน”“ได้ค่ะ”แม้ว่าจะเธอแต่งงานเข้าตระกูลเฟิง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอแทบไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรเลยเพราะถึงแม้เฟิงถิงเซินและซางเชี่ยนต้องไปร่วมงานที่เป็นทางการ ก็ไม่พาเธอไปด้วยอยู่ดีส่วนคุณหญิงย่าเฟิง เธอได้ถอนตัวจากวงการนานหลายปีแล้ว และไม่สนใจเสาะหาผลประโยชน์จากการออกงานมานานแล้วแม้ว่าหรงฉือจะมีความรู้เกี่ยวกับชุดราตรีไม่มากนัก แต่ฉู่จื่อหลานก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าหรูหรา เธอจึงได้เห็นและซึมซับมาบ้าง ซึ่งทำให้เธอพอจะมีรสนิยมพื้นฐานอยู่บ้างเพียงแต่ว่า ชุดสวยๆ ในร้านมีเยอะมากจริงๆ เห็นแล้วตาลายหรงฉือก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน คิดว่าแค่พอใช้ได้ก็พอแล้วในขณะที่เธอกำลังคิดเช่นนั้น ชุดราตรีที่พนักงาน
“คุณ...”หรงฉือยื่นมือออกไป “ขอบคุณสำหรับการดูแลในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะคะ”เจียงเจ๋อยังไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ “เกรงใจเกินไปแล้วครับ”หรงฉือเก็บข้าวของของตัวเองเสร็จแล้วก็จากไปทันทีเจียงเจ๋อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหรงฉือจะจากไปแบบนี้จริงๆ“เหม่ออะไรอยู่?” เฉิงหยวนตบไหล่เขาเบาๆ“หรงฉือออกจากบริษัทไปแล้ว”เฉิงหยวนอึ้งไปชั่วขณะ “จริงเหรอ?”เธอยอมออกจากบริษัทจริงหรือ? ทำไมเขาถึงไม่เชื่อเลยล่ะ?เขาหัวเราะเยาะก่อนพูดว่า “ตอนนี้เธอไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่หาทางกลับมา คอยดูเถอะ คาดว่าอีกไม่นาน เธอก็จะกลับมาด้วยความช่วยเหลือของคุณหญิงเฟิงนั่นแหละ”เจียงเจ๋อไม่พูดอะไรแม้ว่าจะดูไม่น่าเชื่อ แต่ช่วงนี้หรงฉือทำให้เขารู้สึกว่าเธอจริงจังหรงฉือตรงกลับบ้านทันทีหลังออกจากเฟิงซื่อกรุ๊ปคาดว่าเฟิงจิ่งซินคงจะเอาใจกลับไปอยู่ที่หลินอู๋อีกแล้ว เพราะสองวันหลังจากนั้น หรงฉือก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากเธออีกเลยกลางดึกคืนวันถัดมา เนื่องจากฉู่จื่อหลานเป็นไข้ หรงฉือจึงรีบปิดหนังสือแล้วหยิบกุญแจขับรถออกไปวันนี้ฝนตกตลอดทั้งวัน จนป่านนี้แล้วฝนก็ยังไม่หยุดตกเลยฉู่จื่อหลานอ
ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นหรงฉือเผลอหันมาและบังเอิญเห็นสายโทรเข้าที่มีชื่อว่า “ที่รัก” บนจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาพอดีหรงฉือคิดว่าเธอเองไม่รู้สึกอะไรแล้วแต่ยังไงก็รักมาตั้งหลายปี บอกตัดใจ ก็จะตัดใจได้ง่ายๆ ได้เหรอ?เธอถูกสองคำนั้นทิ่มแทงตา จนต้องรีบเบือนหน้าหนีในทันทีเมื่อเฟิงถิงเซินเงยหน้าขึ้นก็สังเกตเห็นความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งในแววตาของเธอ แต่เขากลับรับโทรศัพท์ต่อหน้าเธออย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ?”เฟิงจิ่งซินก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของเฟิงถิงเซินในความทรงจําของเฟิงจิ่งซิน เฟิงถิงเซินจะแสดงด้านที่อ่อนโยนเช่นนี้เฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าหลินอู๋เท่านั้นทันใดนั้นเธอก็ลืมไปสนิทเลยว่าหรงฉือก็อยู่ด้วย ถามอย่างดีใจว่า “คุณพ่อคะ น้าอู๋อู๋เหรอคะ?”เฟิงถิงเซินพูดเสียงเบาว่า “อืม”เฟิงจิ่งซินกำลังจะบอกว่าเธอก็อยากคุยกับน้าอู๋อู๋ แต่พอนึกได้ว่าหรงฉืออยู่ด้วย และรู้ว่าหรงฉือก็ไม่ชอบหลินอู๋ เธอก็เลยกลืนคำพูดนั้นกลับไปซึ่งมันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่ดีของเธอด้วยเธอขมวดคิ้วน้อยๆ และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าแม่สามารถเข้ากันได้ด
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็มีสีหน้าต่างกันไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนพูดกันมาตลอดว่าเฟิงถิงเซินแต่งงานไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าภรรยาของคุณเฟิงคือใครแต่ก็มีบางคนพูดว่าเฟิงถิงเซินยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำแต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัด และไม่กล้าถามให้มากความตอนนี้เฟิงถิงเซินเริ่มพูดว่าเขามีลูกสาวก่อน ซึ่งทำให้หลายคนตกใจเป็นอย่างมากแต่ที่มากไปกว่านั้นคือพวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรอีก..................หลังทานอาหารเย็นเสร็จ เฟิงจิ่งซินยังคงรอหรงฉืออยู่ตลอดรอเธอกลับบ้านแต่ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว เธออาบน้ำจนเสร็จแล้ว แต่หรงฉือก็ยังไม่กลับมาเธอคอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวข้างนอกอยู่ตลอดตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า พอเธอได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากข้างนอกก็ตาลุกวาว แล้วรีบวิ่งลงบันไดพร้อมตะโกนว่า “คุณแม่——”แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้าประตูมาคือเฟิงถิงเซิน เสียงร้องที่ร่าเริงก็หยุดชะงักลงทันที“คุณพ่อ?”เฟิงถิงเซินยื่นเสื้อคลุมในมือให้พ่อบ้านก่อนจะสังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของลูกสาว “เป็นอะไรเหรอ?”“หนูคิดว่าคุณแม่กลับมาแล้ว..
ในขณะนั้นเอง เจียงเจ๋อก็เดินมาถึงห้องพักเบรคพอดี พอได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปชั่วขณะเขากับเฉิงหยวนคิดมาตลอดว่าหรงฉือไม่น่าจะยอมออกจากบริษัทจริงๆและพวกเขาก็เชื่อมั่นว่าเธอจะหาโอกาสอยู่ต่ออย่างแน่นอนเมื่อวาน ตอนที่สวีเสว่น่า คนที่จะมาทำหน้าที่แทนเธอมาถึงบริษัท พวกเขายังคิดว่าหรงฉือจะทำอะไรบางอย่างเพราะอย่างไรเสีย สวีเสว่น่าก็มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามและโดดเด่นหรงฉือจะวางใจให้ผู้หญิงแบบนี้อยู่ข้างกายเฟิงถิงเซินได้อย่างไรแต่สองวันที่ผ่านมา หรงฉือไม่เพียงแต่ส่งช่วงต่อให้สวีเสว่น่า แต่ยังเข้ากับเธอได้ดีด้วย ตอนนี้ถึงขนาดจะถ่ายทอดฝีมือการชงกาแฟของเธอให้กับสวีเสว่น่าด้วย?นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หรงฉือไม่รู้ว่าเจียงเจ๋อคิดอย่างไรเธอตั้งใจทำงานของเธอ และปฏิเสธคำชวนไปเลี้ยงข้าวของสวีเสว่น่า เมื่อถึงเวลาเธอก็วางแผนว่าจะศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่อหลังจากกลับบ้านและทานข้าวเสร็จเธอเพิ่งออกจากบริษัท โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากเฟิงจิ่งซิน“คุณแม่คะ ทำงานเสร็จหรือยังคะ?”หรงฉือขึ้นรถแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”“หนูอยากกินหมูชุปแป้งทอดกับซุปเนื
เช้าวันนี้มีการประชุมใหญ่และเฟิงถิงเซินก็เข้าร่วมด้วยหรงฉือและคนอื่นๆ นั่งรออยู่ในห้องประชุมประมาณสิบกว่านาที เฟิงถิงเซินถึงปรากฏตัวทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น สวีเสว่น่าก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย และไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลยหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อการประชุมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เธอถึงสะดุ้งตื่นและกลับมามีสติก่อนจะดึงแขนเสื้อของหรงฉือ “ท่านประธานเฟิงหล่อมากจริงๆ ด้วย!”หรงฉือเพียงเงยหน้ามองเฟิงถิงเซินแวบหนึ่งตอนที่เขาเดินเข้ามาเท่านั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงตอบแบบขอไปทีว่า “อืม” คำหนึ่ง โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยเมื่อเห็นว่าหรงฉือดูเหมือนจะไม่สนใจเฟิงถิงเซินเลยสักนิด สวีเสว่น่าก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหรงฉือแต่งงานแล้ว และลูกก็โตพอสมควร เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติระหว่างการประชุม สวีเสว่น่าใจเต้นแรงตลอดเวลา และเอาแต่จ้องมองเฟิงถิงเซินอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอไม่ได้ฟังเลยว่าในการประชุมพูดถึงเรื่องอะไรส่วนหรงฉือกลับตั้งใจบันทึกวาระการประชุมลงในคอมพิวเตอร์หลังจากประชุมเสร็จ เฟิงถิงเซินก็เดินออกไปก่อน จากนั้