Share

Chapter 50. จบ

            เพราะนางหลับใหลไม่ได้สติ แม้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคล เขาก็ต้องคอยประคองนางอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้สึกเป็นภาระแต่อย่างใด ร่างเล็กเอียงซบต้นแขนของเขา มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กไว้มั่น หลิวชิงเซียง คอยประคองยามที่ต้องคารวะให้กันและกัน  เมื่อเสร็จพิธีทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ  แต่ขึ้นรถม้าที่ตระเตรียมไว้ออกนอกเมืองทันที

            “เจ้าติดค้างคืนเข้าหอของข้าอยู่นะ ซิงเอ๋อร์”  เขาลูบใบหน้าน้อยที่หลับตาพริ้ม บางครั้งนางเหมือนอยู่ในห้วงฝัน แต่คงเป็นฝันดี เพราะนางยิ้มตลอดเวลา

            ราวครึ่งชั่วยามรถม้าก็หยุด หลิวชิงเซียงลงจากรถม้าแล้วส่งเสียงบอกหานหรงเหยาว่าถึงที่หมายแล้ว  เขาเปิดผ่านประตูรถม้าก้าวลงมาก่อน กวาดตามองกระท่อมหลังเล็กที่มีดอกไม้นานาพรรณรายล้อม ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสถานที่ที่ปีศาจอยู่

            “ตำหนักของท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ท่านกับเข่อซิงพักที่นี่ หมอกสีม่วงที่ปกคลุมบริเวณนี้ไม่ทำอันตรายท่าน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจถึงแก่ชีวิตได้”

            “ข้าทราบแล้ว” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าต้องดูแลเข่อซิงอย่างไร”

            “ให้นางนอนหลับเช่นนี้ หากร่างกายนางฟื้นฟูเต็มที่ นางจะตื่นเอง แต่ข้าหรือท่านแม่ก็ตอบไม่ได้ว่าเข่อซิงจะตื่นเมื่อใด” หลิวชิงเซียงเอ่ยตอบแต่อดยิ้มไม่ได้ “แบบนี้ข้าก็เรียกเจ้าว่าน้องเขยได้แล้วสินะ”

            หานหรงเหยาหัวเราะน้อยๆ 

            “ท่านไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ตลอดเวลา หมอกสีม่วงจะคุ้ยภัยให้ปีศาจทุกตนในหุบเขานี้ ท่านอยากกลับเข้าเมืองเมื่อใดก็ได้ แต่เส้นทางที่เข้าหุบเขาเป็นความลับ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรู้ รวมทั้งแม่ทัพซุน”

            “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้ดูแลหลิวมาก” หานหรงเหยาอึกอักครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “ข้ารบกวนถามอีกสักเรื่อง ข้าอยากทำแผ่นที่สำหรับเดินทาง แต่เป็นเส้นทางเลี่ยงการเข้ามาในบริเวณนี้ ข้าจะทำได้หรือไม่”

            หลิวชิงเซียงคลี่ยิ้ม “ข้าก็คิดอยู่ว่าเจ้าจะพูดเรื่องนี้เมื่อใด ท่านแม่เคยพูดเรื่องนี้แล้วเช่นกัน เจ้าจะสำรวจเส้นทางทำแผ่นที่ก็ได้ ขอแค่ไม่เปิดเผยที่ตั้งของพวกเราก็พอ บางทีอาจนับเป็นเรื่องดี เพราะพวกเราก็ไม่ต้องเก็บศพมนุษย์ที่หลงเข้ามาในเขตหมอกสีม่วงนี้ด้วย”

            “ขอบคุณมาก”

            “ข้าไปล่ะ ที่พักของข้าอยู่ที่นั้น” นางชี้ไปทางเดินเล็กๆ ปลายทางมองเห็นยอดตำหนักอยู่ไม่ไกลนัก “ปกติข้าอยู่ในหอชมบุหลัน แต่ระยะนี้ข้าเองก็ต้องพักฟื้นร่างกาย ในช่วงเวลานี้หากมีเรื่องใดก็ขึ้นไปตามได้ แต่ที่นี่ไม่บ่าวรับใช้ อาหารการกินเกรงว่า...”

            “ข้าสามารถทำเองได้ ผู้ดูแลหลิวไม่ต้องกังวลไป” เขายังคงยิ้มอย่างไร้กังวล

            “เช่นนั้นข้าขอตัว”

            หานหรงเหยามองร่างหลิวชิงเซียงเดินจากไป เขาเข้าไปสำรวจในกระท่อมหลังน้อย แม้เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ แต่ทำความสะอาดไว้แล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินมาที่รถม้า  อุ้มร่างที่หลับสนิทลงมาและพานางไปสู่เตียงนอน  เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ใบหน้านางออกแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม

            “ถึงบ้านของเจ้าแล้ว ไม่สิ นี่บ้านของเรา เจ้าเป็นเด็กดีรอที่นี่ ข้าจะจัดเก็บสัมภาระก่อน” 

            ปากพูดว่าจัดการเองได้ แต่นี้นับเป็นครั้งแรกที่ทำเองทุกสิ่งอย่าง หานหรงเหยาหัวเราะให้ตนเอง  ทยอยขนสัมภาระที่ขนมาจากเมืองหลวง นอกจากเสื้อผ้าของใช้ก็มีกระดาษ และเครื่องเขียน  ตำราหลายเล่มรวมทั้งข้าวสารอาหารแห้งที่หลัวซู่เหมยตระเตรียมให้ 

            ความสัมพันธ์ครั้งนั้นเหลือเพียงเถ้าธุลีของความทรงจำ

            จากที่เคยสวมผ้าไหมเนื้อดีกลายเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ หลิวเข่อซิงไม่ต้องกินอาหาร เพียงแค่ค่อยๆ ป้อนน้ำดื่มให้นางเท่านั้น แต่เขาต้องกินอาหาร  เขาเคยเคี่ยวยาให้ตนเองพอจะจัดการเรื่องก่อไฟในเตาได้แต่การหุงข้าวเตรียมอาหารเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย  กว่าจะได้โจ๊กถ้วยหนึ่งก็เล่นเอาเหนื่อยเต็มแผ่นหลัง วันต่อมาจึงดีขึ้นมาบ้าง  ไม่รู้เลยว่างานในครัวก็ต้องใช้ทักษะความชำนาญอยู่ไม่น้อย  เขาพูดคุยกับเข่อซิงทั้งที่นางยังคงหลับสนิท กลางคืนก็โอบกอดนางไว้ในวงแขน  ได้กอดร่างอ่อนนุ่มยามหลับนอนนับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ไม่สามารถร่วมรักกับภรรยาได้ก็เป็นความทุกข์เช่นกัน เขาก้มลงจุมพิตที่กลางหน้าผากของหญิงสาวแล้วพูดแผ่วเบา

            “รีบตื่นเถิดภรรยาตัวน้อยของข้า  อย่าให้ข้าต้องลักหลับเจ้าเลยนะ”

            วันเวลาผ่านมาสิบวัน หานหรงเหยาทำอาหารง่ายๆ คล่องขึ้น ผิวกายของหลิวเข่อซิงฝาดสีเลือดมากขึ้นเช่นกัน และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดย่างกรายเข้ามาทำร้ายทั้งสองได้  เขาก็เริ่มออกสำรวจผืนป่าบริเวณนี้ แม้เขาเป็นมนุษย์ แต่เป็นเขยที่แต่งเข้าสกุลหลิวจึงสามารถเข้านอกออกในทั่วทั้งป่าได้ ทั้งในและนอกเขตหมอกสีม่วง  แต่ละวันเขาออกสำรวจเส้นทำ ทำเครื่องหมาย และเมื่อพบกับดักสัตว์ก็จัดการทำลายมันเสีย  ในวันต่อมา เขาก็ทำเช่นเดิม แต่เมื่อกลับถึงบ้าน เขาพบว่ามีผลไม้ป่าวางไว้หน้ากระท่อม เขากวาดตามองแต่ไม่เห็นผู้ใด เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากดูแลเข่อซิงแล้วเขาก็ออกสำรวจป่าเพื่อทำแผนที่ เมื่อเจอกับดักสัตว์ก็กำจัดทิ้ง เขาทำเช่นนี้เป็นประจำ และนั้นทำให้หน้ากระท่อมมีทั้งผักป่าและผลไม้ ซ้ำน้ำในตุ่มก็เต็มเปี่ยมทั้งที่ฝนไม่ได้ตก หานหรงเหยากวาดตามอง พบดวงตาคู่เล็กๆ หลายคู่ จากสัตว์ตัวน้อยที่อาศัยในป่าแอบมองเขาเช่นกัน  เขาได้แต่กล่าวขอบคุณและนำเรื่องนี้ไปเล่าให้หลิวเข่อซิงที่ยังหลับอยู่

            ผ่านมาหนึ่งเดือน เข่อซิงก็ยังหลับเช่นเดิมแต่สภาพร่างกายดีขึ้น หลิวชิงเซิยงนำข้าวสาร แป้ง เกลือ ของใช้มาส่งที่กระท่อมและดูอาการหลิวเข่อซิง  หานหรงเหยาที่ทำแผนที่ในหุบเขาได้ครึ่งทางแล้ว  ถึงจะรู้ว่าที่นี่มีปีศาจหลายตนแต่เขาไม่เคยพบใครอื่นอีกนอกจากหลิวชิงเซียง

            “แม่ทัพซุนฝากข้ามาถามเจ้าว่า  เมื่อไหร่จะไปเยี่ยมเขาบ้าง”  นางถามแต่สายตามองที่เข่อซิง ช่างเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงที่โชคดีที่ได้พบบุรุษที่รักใคร่อย่างจริงใจ ดวงตาหลังเปลือกตาที่ปิดสนิทกลอกไปมา ราวกับรับรู้ทุกสิ่งแต่ยังไม่พร้อมจะตื่นฟื้น

            “เขากลับมาประจำชายแดนแล้วหรือ?”  ก่อนออกจากเมืองหลวง ซุนเจ้าเฟิงมาส่งเขาที่ประตูเมือง แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สหายรักเข้าใจหนทางที่เขาเลือก 

            “ใช่” หลิวชิงเซียงหัวเราะเสียงใสแล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเข่อซิง “ตื่นได้แล้ว สามีรอเจ้าอยู่”

            ชายหนุ่มได้ยินชัด เขาหัวเราะกลบเกลื่อนความเขินอาย หลิวชิงเซียงกลับไปแล้ว เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย นำกล้วยไม้ป่ามาปลูกที่บ้าน หวังให้กลิ่นหอมนี้ช่วยให้เข่อซิงอารมณ์ดี เขายังคงเดินทางสำรวจภูเขาเพื่อทำแผ่นที่ เงาร่างของเขาเป็นที่เล่าขานของคนที่มาหาของป่าว่าเป็นภูตผีปีศาจ วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ผ่านไปสองเดือน เขาก็ทำแผนที่เสร็จ

            แม้รู้ว่าเข่อซิงยังหลับอยู่ แต่เขาก็เกรงนางจะเบื่อ  เช้านี้หลังเช็ดหน้าแปรงผมให้นางแล้ว  เขาก็อุ้มนางมานั่งเล่นที่เก้าอี้หน้าบ้าน หมอกสีม่วงจางยังรายล้อมกระท่อมที่พักอาศัย ทว่าแสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบเปลือกตาของหญิงสาว  เขายกมือขึ้นบังแดดอุ่นให้นางพลางคิดว่า ตนเองมีหมวกอยู่ หยิบมาให้นางสวมจะดีกว่า แต่เพียงเขาลดมือลง มือเรียวเล็กก็ยกขึ้นจับมือของเขาไว้

            “ท่านจะไปไหน” 

            น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถาม ดวงตางดงามจ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้ม นางเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่เขามองมาทางนาง นางจะยิ้มให้ทุกครั้ง

            “เข่อซิง...เจ้าตื่นแล้ว” 

            “อื้ม...” นางครางตอบรับแล้วยืดแขนขึ้นคล้องคอของเขา “ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว”

            “ไม่...ข้าไม่ลำบาก” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือแล้วโอบกอดนางไว้ กลัวว่านี่จะเป็นเพียงฝันไป

            “ข้ารักท่าน”

            นี่คือสิ่งแรกที่นางอยากทำมากที่สุด ประโยคเดียวที่นางอยากพูดให้เขาได้ยิน

            “ข้าก็รักเจ้า”

            “ข้ารักท่านมากกว่า”

            “อื้ม ข้าสิรักเจ้ามากกว่า”

            “ไม่นะ! เป็นข้าที่รักท่านมากกว่า!”

            นางยันกายออกจากอกอุ่น เห็นแววตาของเขาเปื้อนน้ำตา หลิวเข่อซิงยื่นริมฝีปากจูบซับน้ำตาของเขา

            “ได้..ข้ายอมให้ท่านรักข้ามากกว่าก็ได้”

            หานหรงเหยาหัวเราะออกมา แล้วกอดร่างอบอุ่นแน่นขึ้น หลิวเข่อซิงสูดกลิ่นอายของคนรัก  เขามีกลิ่นอายอบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางโอบเอวเขาเพราะเข้าใจผิดว่าเขาจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย เขาก็มีกลิ่นอายเช่นนี้

มีเรื่องมากมายอยากเอื้อยเอ่ย แต่นางและเขายังมีเวลา นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการใช้ชีวิตของคนทั้งสอง  

ไม่สิ หนึ่งคนกับปีศาจหนึ่งตนต่างหาก.

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status