Share

Chapter 6. งดงามราวเทพธิดา

เรื่องพวกนี้หากเขาไม่ตอบสนอง ในสักวันคงเลิกราไปเอง

            “อื้ม”  นางพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ถึงปลายนิ้วของเขาที่รวบผมนางแล้วปักปิ่นให้ “ยามข้ากินเศษพลังชีวิตที่ศิษย์หลงเหลือไว้ให้ ก็ได้เสพรสชาติเหล่านี้ด้วย ไม่อร่อยเลยสักนิด แต่ก็ต้องกินไม่เช่นนั้นข้าก็จะทรมานมาก”

            “อย่างนั้นหรือ”

            “ข้าเป็นปีศาจอย่างไรเสียก็ต้องกลืนกินความรู้สึกเหล่านี้อยู่แล้ว” นางเบ้ปากแต่เมื่อหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขาแล้ว แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา “แต่เจ้ามีวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างไรถ้าเจ้าตายแล้วยกให้ข้านะ”

            “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”

            “เพราะข้าไม่กล้าฆ่ามนุษย์ ซ้ำยังยั่วยวนมนุษย์ไม่เป็นอีก หากรอกินเพียงเศษพลังชีวิตที่ศิษย์พี่เหลือให้เกรงว่าต้องกลายเป็นปีศาจพิกลพิการไม่สมบูรณ์  ท่านแม่จึงให้ข้ามาหาศิษย์พี่ที่หอชมบุหลัน ให้สั่งสอนการเสพพลังชีวิตมนุษย์และพลังหยางด้วย”

            “หอชมบุหลัน เจ้าหมายถึงหอนางโลม...”  ยังพูดไม่จบประโยคดีนางก็พยักหน้ารับ มิน่าเล่าถึงได้พบกันที่สะพานข้ามคลอง เพราะนางกำลังจะไปที่หอชมบุหลัน

            “แล้วเจ้าล่ะ ทำไมอยากฆ่าตัวตาย หรือเพราะหัวใจอ่อนแอจึงอยากตาย” นางถามทั้งที่ดวงตาพราวระยับด้วยความหวัง

            หานหรงเหยากลั้นหัวเราะ นางยังเข้าใจผิดว่าเขาจะฆ่าตัวตาย ท่าทางไร้อาวรณ์ในชีวิตของเขาคงเหมือนคนอยากตายกระมัง แต่คนที่อายุสั้นเช่นเขาคงไม่ต้องเร่งร้อนพาตัวเองไปสู่ความตายเร็วนัก

            แต่นางกล่าวได้ถูกต้องแล้ว หัวใจของเขายังไม่แข็งแรงจริงๆ เมื่อครู่ยังเผลอคิดถึงหลัวซู่เหมยอยู่เลย นางกลายเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะเลิกคิดถึงนางเสียที

            “เอาเถิด ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้ามาก” นางพูดแล้วยืดแผ่นหลังขึ้นเลียนแบบท่าทางสูงส่งของท่านแม่ ท่านแม่เป็นปีศาจจิ้งจอกแดงอายุหลายพันปี ท่วงท่างามสง่าน่าเคารพยำเกรงเป็นที่สุด นางวาดฝันไว้ว่าสักวันต้องเป็นให้ได้เช่นท่านแม่

            แต่การวางท่าของนางกลับเรียกเสียงหัวเราะพรืดจากบุรุษตรงหน้า หลิวเข่อซิงทำปากยู่ใส่ แถมด้วยถลึงตาแต่หานหรงเหยากลับมองว่าช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

            “ช่างเถอะ” นางอ่อนใจที่ไม่สามารถทำให้มนุษย์ผู้หนึ่งยำเกรงนางได้ เอาเถิด สักวัน นางต้องเป็นปีศาจที่เพียงแค่เอ่ยชื่อผู้คนก็ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก

            “เจ้าจะไปที่หอชมบุหลัน”

            “อืม” นางพยักหน้ารับ ร่างกายกลับมาเป็นมนุษย์แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก

            “ข้าช่วยเจ้า เจ้าไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณข้าบ้างหรือ”

            “ตอบแทนบุญคุณ?” นางทำเป็นไม่เข้าใจ จะว่าไปเขาก็พูดถูก พลังชีวิตของเขาช่วยให้นางคืนร่างมนุษย์ จากที่บรรดาศิษย์พี่เล่าให้ฟัง แต่พวกมนุษย์หาดีไม่ได้สักคน  หรือว่าเขาเห็นนางในร่างจิ้งจอกแดงแล้วอยากได้หนังของนาง!

            หานหรงเหยาเลิกคิ้วประหลาดใจ จู่ๆ จิ้งจอกตัวน้อยก็หน้าซีดกอดห่อผ้าแน่น กลายเป็นนางที่แสดงท่าทีหวาดกลัวเขา

            “แม่นาง...เอ่อ เข่อซิง...เจ้า...”

            “เจ้า...เจ้าเห็นตัวตนของข้าแล้ว”  นางกอดห่อผ้าแน่นขึ้นข่มกายไม่ให้สั่นเทา

            ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่า เป็นตนเองที่เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของนาง หากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องเป็นเขาที่รับผิดชอบต่อนาง

            “เจ้าคงไม่คิดจะถลกหนังข้าหรอกนะ”

            “ถลงหนัง?”

            เพียงเขาพูดทวนคำของนาง หลิวเข่อซิงก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมห่อผ้า หานหรงเหยาลุกขึ้นตามหมายจะอธิบายเรื่องที่นางเข้าใจผิด แต่นางกลับวิ่งไปที่ประตูทันที เป็นจังหวะที่ประตูเปิดออกพอดี ร่างนางปะทะกับร่างแข็งแกร่งดุจกำแพงหินจนผงะไปด้านหลัง หากไม่มีมือแกร่งของหานหรงเหยาประคองไว้ทันเวลา นางคงหงายหลังศีรษะกระแทกพื้นไปแล้ว

            “เกิดเรื่องใดขึ้น”  ซุนเจ้าเฟิงถามอย่างงุนงง ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรมาชนร่างตนเลยสักนิด สหายรักกลับจากหอนางโลมทั้งที่ดื่มสุราไปไม่กี่จอก และเมื่อเขากลับมาถึงจวน ก็ได้ยินบ่าวไพร่พูดกันว่าหานหรงเหยามีซ่อนสตรีในห้องนอน  เขาแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยินจึงมาดูด้วยตนเอง

            “เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”  หานหรงเหยาประคองร่างนุ่มนิ่มที่ยกมือลูบปลายจมูกป้อยๆ ดวงตางดงามมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ นางคงเจ็บไม่น้อยที่ไปกระแทกกับกำแพงหินอย่างซุนเจ้าเฟิงเข้าให้

            “เข้าใจผิด” นางถลึงตาใส่ “เจ้าจะบอกว่า เจ้าเห็นเนื้อหนังของข้าแล้วไม่คิดอะไรจริงๆ”

            “เห็นเนื้อหนัง...”  คราวนี้ซุนเจ้าเฟิงอ้าปากค้าง เอาล่ะ เขารู้ว่าหานหรงเหยาไม่ใช่นักพรตรักษาพรหมจรรย์ แต่สหายรักก็ไม่ใช่บุรุษที่เที่ยวเด็ดดอกไม้มาเชยชม ที่เขามั่นใจคือหานหรงเหยายังตัดใจจากคนรักเก่าไม่ได้

            “ถือว่าข้ากับเจ้าไม่มีอะไรติดค้างกัน” นางสะบัดตัวออกจากมือที่อ่อนโยนคู่นั้นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที  ซุนเจ้าเฟิงเกรงนางจะชนเขาอีกจึงหลบทางให้ เขายืนมองร่างเล็กวิ่งจากไปแล้ว เขามองสหายที่ยังยืนเหม่ออยู่จึงโบกมือไปมาเรียกสติอีกฝ่าย

            “หรงเหยา”

            “ไม่มีอะไร แค่เรื่องเข้าใจผิด” 

            “อย่างนั้นรึ”  เขาอยากถามแต่รู้ดีว่าคนอย่างหานหรงเหยาถ้าไม่อยากเล่าเรื่องใดต่อให้เค้นคอถามก็ไม่ยอมพูดแน่นอน “เจ้านี่ก็เหลือเกินจริงๆ ทิ้งข้าไว้ที่หอชมบุหลันผู้เดียว”

            “หอชมบุหลัน...” 

            “เสียดายที่ไม่ได้พบแม่นางหลิวชิงเซียงเลย ได้ยินว่านางเล่นเพลงพิณได้ไพเราะยิ่งนัก”

            หานหรงเหยาพึมพำนึกถึงเรื่องที่สนทนากับเจ้าจิ้งกจอกแดงตัวน้อย นางคงจะไปหาศิษย์พี่ของนางสินะ เขายื่นมือไปเตะไหล่ของซุนเจ้าเฟิงแล้วเอ่ยด้วยขึ้น

            “เอาไว้ครั้งหน้า ข้าขอติดตามเจ้าไปหอชมบุหลันแล้ว”

            ซุนเจ้าเฟิงประหลาดใจกับประโยคที่ได้ยิน นี่สหายของเขาถึงกับเอ่ยปากต้องการไปหอนางโลมด้วยตนเองเชียวหรือ? และที่เห็นคือใบหน้าระบายยิ้มอ่อนโยนที่เขาไม่ได้มานานแล้ว

            อ่า...นางเป็นใครกันที่ทำให้หานหรงเหยากลับมายิ้มได้อีกครา.

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status