Share

Chapter 12. แล้วเจ้าเล่า ไม่ใช่ปีศาจหรือไร

            “ข้าจำได้ว่า ผู้ดูแลหลิวบอกว่า ข้ามีวิญญาณพิสุทธิ์ นั้นหมายความว่าข้าเป็นคนดีหรือ?”

            “ถูกต้อง” นางพยักหน้ายืนยัน “เหล่าภูตผีปีศาจชอบวิญญาณพิสุทธิ์ หากได้กลืนกินจะเพิ่มพลังให้แก่ตนเอง”

            “เช่นนั้น เป็นคนดีย่อมไม่ปลอดภัยสินะ” เขายิ้มขำ คนอย่างเขานะหรือ?ที่เรียกว่า “คนดี” หากเรียกว่า “เจ้าเล่ห์เพทุบาย” น่าจะได้อยู่

            “ไม่ๆ”  นางส่ายหน้าไปมา “เพราะเป็นคนดี สวรรค์จึงคุ้มครอง ไม่ให้มารปีศาจตนใดจะแตะต้องได้ง่ายๆ”

            “แล้วเจ้าเล่า ไม่ใช่ปีศาจหรือไร”

            “ข้า... “ นางยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ “เพราะร่างเดิมข้าคือจิ้งจอกแดง  ท่านแม่ข้าเป็นจอมปีศาจชุบเลี้ยงข้าด้วยปราณปีศาจ ข้าจึงเป็นปีศาจ แต่ข้ายังไม่กล้าแกร่ง ไอปีศาจเบาบาง เจ้าเลยไม่รู้ว่าข้าเป็นปีศาจอย่างไรเล่า”

            “เช่นนั้น ร่างกายนี้เป็นสิ่งที่ท่านแม่ของเจ้าสร้างขึ้น”

            “ถูกต้อง ข้าถึงเรียกนางว่าท่านแม่อย่างไร”   นาวพยักหน้ารับ “ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกว่า  จริงๆ พวกเราต้องเรียกท่านแม่ว่าอาจารย์ แต่ท่านแม่ไม่ชอบ ท่านแม่แสดงให้เห็นว่ารักทุกตนเท่าเทียมกันจึงให้เรียกนางว่าท่านแม่ และปีศาจจิ้งจอกแดงในหุบเขาก็แซ่เดียกันหมดคือแซ่หลิว เท่ากับว่าเราทุกตนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องช่วยเหลือพึ่งพากันและกัน”

            เขาอดกวาดตามองนางอีกครั้งไม่ได้ ใบหน้าเรียวรูปไข่ จมูกเชิดรั้น  ดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากดุจผลอิงเถา ผิวขาวราวหิมะ เรือนร่างอรชร นางถูกสรรค์สร้างมาอย่างงดงาม ‘ท่านแม่’ ที่นางเรียกขานคงตั้งใจสร้างนางเพื่อยั่วยวนบุรุษเพศ ทว่ากลับมีนิสัยไร้เดียงดุจเด็กน้อย 

และเพราะกวาดตามองทำให้สะดุดกับเสื้อผ้าที่นางสวม มันช่างบางเบาจนแทบปกปิดอะไรไม่ได้ หานหรงเหยากระแอมไอแล้วพูดกับนาง

            “หากเจ้าเป็นสาวใช้ จะแต่งกายเช่นนี้ไม่ได้” 

            “ไม่ได้รึ?” นางก้มมองตัวแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเศร้าหมอง “ศิษย์พี่มอบให้ ข้าคิดว่ามันสวยงามมาก เกิดมาข้าไม่เคยมีเสื้อผ้างดงามเช่นนี้มาก่อน เจ้าดูสิ ตรงนี้ปักลายดอกไม้เล็กๆ ด้วยนะ มันช่างน่ารักเหลือเกิน”

            นางตัดใจจากเสื้อผ้าชุดงามนี้ไม่ลงจริงๆ ยังชี้ให้เขาดูที่ลายปักดอกไม้ที่หน้าอกอวบอิ่มของตน แต่เขากลับเบือนหน้าหนี นางจึงลุกขึ้นเดินไปเบื้องหน้า กางแขนแล้วหมุนตัว

            “เจ้าทำอะไร” เขาดุนางแต่ก็อดยิ้มขำไม่ได้

            “ก็...ข้าอยากให้เจ้าเห็นว่าชุดนี้มันสวยจริงๆ”

            “ข้ารู้ แต่ไม่เหมาะกับสาวใช้”

            หลิวเข่อซิงหยุดหมุนตัวแล้วจ้องหน้าเขา ดวงตางามกะพริบตาปริบๆ “แต่ข้ามีเสื้อผ้าแค่สามชุด ชุดที่สวมนี้ ชุดที่ท่านแม่ให้มาก่อนออกเดินทางและอีกชุดที่ท่านให้ข้า”

            “เช่นนั้น เจ้าไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้มัน...เอ่อ...มิดชิดกว่านี้หน่อย เวลาทำงานจะได้สะดวก”

            “เข้าใจแล้ว” ชุดงามก็จริงแต่ไม่เหมาะกับงานสาวใช้ นางเคยซักผ้ากองเท่าภูเขาย่อมๆ มาแล้ว ชุดงามที่สวมนี้ไม่เหมาะจริงๆ “แต่ข้าเสกใบไม้เป็นเงินไม่ได้”

            “เอ่อ...ข้ามีเงินให้เจ้าซื้อเสื้อผ้า เจ้าเลือกมาหลายๆ ชุดหน่อย และเนื้อผ้าหนากว่านี้”

            “แต่ข้าไม่เคยซื้อเสื้อผ้าเองเลย”

            “ได้ พรุ่งนี้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า หากมีของใช้อะไรที่เจ้าต้องการก็ซื้อมาพร้อมกัน”

            “อื้ม ตกลงตามนี้ แล้วข้านอนที่ไหน” นางมองไปด้านใน

            “ข้าเกรงว่าเจ้าจะกลายร่างให้ผู้อื่นเห็น เอาอย่างนี้ เจ้านอนเตียงใหญ่ของข้า ข้าจะไปนอนตั่งเอง”

            หลิวเข่อซิงหันมามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้เขานั่งอยู่ก็เห็นได้ชัดว่ารูปร่างสูงใหญ่  “ท่านตัวโตขนาดนี้ไปนอนที่ตั่งก็ปวดเมื่อยแย่ แต่เตียงท่านก็ใหญ่ นอนสองคนไม่เบียดกันเท่าไหร่หรอก”

            “แค่กๆ”

            “เป็นอะไรไป”  นางเห็นเขาไอหนักจึงเข้าไปลูบหลังให้ “อาการกำเริบรึ ท่านไม่ได้กินยาหรอกหรือ?”

            “กะ...กิน...กินแล้ว”   เขาโบกมือไปมาให้นางรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว

            “กินแล้วยังสภาพเช่นนี้ สู้ไม่กินจะดีกว่า” นางเบ้ปากใส่เขา “ยานั้นขมจะตาย ตัวเจ้าก็มีแต่กลิ่นยา ยามข้ากลืนพลังชีวิตเจ้าก็ได้กลิ่นยามาด้วย”

            “นั้นสินะ กินมาเป็นสิบปีไม่เห็นดีขึ้น ไม่กินน่าจะดีกว่า” เขาคิดตามที่นางพูดก็คล้อยตามไปด้วย ท่านพ่อท่านแม่เสียเงินทองไปมหาศาลแต่ไม่อาจทำให้หัวใจของเขาดีขึ้นมาได้ ในเมื่อหนีความตายไม่พ้นก็ไม่รู้จะทรมานตัวเองไปเพื่อสิ่งใดอีก

            “เชื่อฟังข้าแบบนี้ดียิ่ง” หลิวเข่อซิงยิ้มกว้างแล้วยื่นมือมาทาบที่หน้าอกซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจของเขา “หัวใจเจ้าเต้นแผ่วช้ามาก แบบนี้อยู่ได้ไม่นานจริงๆ อย่างไรก็ถนอมตัวเองด้วย ข้าไม่อยากให้เจ้าตายเร็วนัก ข้ามีความคิดว่าจะค่อยๆ กลืนกินพลังชีวิตของเจ้า ระหว่างนี้จะได้รู้จักมนุษย์อย่างพวกเจ้าไปด้วย”

            คุยกันมาตั้งนาน เพิ่งเห็นว่านางมีความคิดอยู่เหมือนกัน หานหรงเหยาพยักหน้าเข้าใจแต่ยังยืนยันให้นางนอนที่เตียงและเขาไปนอนที่ตั่ง แม้เตียงจะกว้าง แต่ให้นอนกันสองคนนั้น เห็นที่ว่า...เขาทำไม่ได้แน่นอน

            “ถ้าไม่นอนด้วยกัน ข้าไปนอนตั่งแล้วเจ้าเอ๊ยท่านไปนอนเตียง”  นางพูดเหมือนตัดรำคาญ อยู่ในหุบเขาจื่อเซ่อนางถูกผู้อื่นชี้นิ้วสั่ง อยู่กับบุรุษผู้นี้ เขากลับเชื่อฟังนาง ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีอะไรเช่นนี้นะ!

            หานหรงเหยาไม่รู้ความคิดของหญิงสาว เอ่อ...ปีศาจจิ้งจอกแดง ขอแค่ไม่ต้องนอนร่วมเตียงกับนาง เขายอมรับทุกข้อเสนอ

            “ตกลงตามนี้ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนยกเครื่องนอนมาให้ และสำรับอาหาร เจ้ากินข้าพร้อมข้าก็แล้วกัน”

            “ได้”

            “แล้วเวลาที่เจ้าต้องการกินพลังชีวิตของข้า ต้องไม่มีผู้อื่นเห็น”

            “ได้”  นางพยักหน้ารับ

            หานหรงเหยาถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็ตกลงกับนางได้สำเร็จเสียที เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หมายจะเดินไปสั่งการให้บ่าวไพร่ของจวนแม่ทัพจัดการยกเครื่องนอนมา  แต่มือเรียวเล็กคว้าแขนเขาไว้ก่อน

            “ข้าไม่ได้ไปไหนไกล แค่จะไปสั่งบ่าวคนอื่นเตรียมที่นอนให้เจ้า”

            “เรื่องนั้นข้ารู้ ข้าจะไปเอาเองได้อย่างไร ข้าไม่รู้ที่เก็บเสียหน่อย” นางทำหน้าเหมือนตนเองฉลาดเหลือเกิน “ข้าแค่จะบอกว่า ครั้งหน้าถ้าข้ากินพลังชีวิต ห้ามสอดลิ้นเข้ามาในปากของข้า”

            “เรื่องนั้น...” 

เขาทำเรื่องน่าอายอย่างนั้นด้วยหรือ? เป็นไปไม่ได้น่า

            “ความผิดครั้งแรกข้าอภัยให้ได้ ครั้งหน้าอย่าทำอีก”

นางอายุหนึ่งร้อยสิบหกปี นับว่าอายุมากกว่าเขา เรื่องแค่นี้ต้องทำใจกว้าง แต่นางไม่กล้าบอกความจริงว่า ยามลิ้นของเขาแตะลิ้นของนาง มันนำพาความรู้สึกแปลกประหลาดที่นางไม่เคยรู้จัก  นางไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมันคืออะไร รู้เพียงแค่นางต้องการอย่างไม่มีที่สิ่งสุด

แต่ต้องการสิ่งใดนั้นคืออะไร นางก็ไม่อาจเข้าใจตนเองได้.

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status