Share

Chapter 16. จิ้งจอกแดงกะล่อน!

            ซุนเจ้าเฟิงมองหญิงสาวก้าวเดินจากไป เขายกมือขึ้นกอดอก นางมาจากทางใดกัน เขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ไม่รู้ว่ามองเขาอยู่นางเพียงใด นางไม่เหมือนคนมีวรยุทธ์ แต่ท่าทีสงบนิ่งนั้นต้องผ่านการฝึกฝนมาก่อน ไอสังหารในตัวเขาทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้ แต่นางกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว และยังคงมีสติต่อปากต่อคำกับเขาได้อีก ปกติเขาไม่ชอบสตรีพูดมากน่ารำคาญ แต่น้ำเสียงนางราบรื่นดุจสายน้ำและพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ  เขาให้องครักษ์เงาสืบเรื่องของนาง แต่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ  แต่ความเป็นปกตินั้นมากเกินไป เหมือนซ่อนสิ่งที่ไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้

            แม่ทัพหนุ่มถอนหายใจเบาๆ หวังว่าสาวใช้ที่อยู่ข้างกายสหายเขาจะไม่ใช่คนที่นางส่งหลอกลวงหานหรงเหยา เขามีสหายรักเพียงคนเดียว เกรงว่าจะถูกความไร้เดียงสานั้นทำให้ปวดใจอีกครา

            หญิงงามในชุดกระโปรงสีแดงสดใส วิ่งไปมาในจวนแม่ทัพจนกลายเป็นภาพคุ้นตาของคนในจวน แม้กระทั่งในค่ายทหาร นางก็ติดตามหานหรงเหยาไปด้วย โดยที่แม่ทัพใหญ่เห็นดีเห็นงามให้เหตุผลเรื่องสุขภาพของที่ปรึกษาหานต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนคนต้นเรื่องได้แต่กุมขมับไม่คิดว่าสหายจริงจังถึงเพียงนี้

            หลิวเข่อซิงประคองกล่องใส่ใบชาไว้ในอ้อมแขน วิ่งเร็วๆ ราวกับมีวิชาตัวเบารีบกลับมาหานหรงเหยาที่ยังนั่งทำงานอยู่ในเรือนของตน

            “นายท่าน! ข้าได้ใบชามาแล้ว”  หลิวเข่อซิงไม่สนใจว่าเบื้องหน้าจะมีรายงานใดวางอยู่ แต่นางกวาดพวกมันไปไว้ด้านข้างแล้ววางกล่องชาลงตรงหน้าหานหรงเหยา

            “อืม”  เขารับคำในลำคอ แต่มือยังคงตวัดขีดเขียนตัวอักษรอย่างแน่วแน่ไม่วอกแวก ราวกับคัดคัมภีร์พระไตรปิฎก

            “ชาไป๋หาวหยินเจินมาแล้ว”  นางพูดเสียงดังขึ้นอีกนิดแล้วเปิดกล่องออก  ใช้มือโบกเบาๆให้กลิ่นใบชาชั้นเลิศส่งกลิ่นยั่วยวนอีกฝ่าย “พ่อบ้านจูเส้ากันบอกว่า  เป็นชาดีหายากส่งมาจากเมืองหลวง ชานี้จัดเป็นชาขาว ฮ่องเต้ทรงเสวยน้ำชานี้ทรงติดใจมาก บรรดาพ่อค้ารู้ข่าวจึงรีบนำเข้ามาขาย”

            “ไป๋หาวหยินเจิน...พ่อบ้านจูให้เจ้าถือกล่องใบชามาด้วยตนเองเชียวหรือ?” เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางเบา แม้จะดูอิดโรยแต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนเช่นทุกวัน

            หญิงสาวพยักหน้ารับ “ข้าบอกว่านายท่านต้องการ พ่อบ้านก็ไปเบิกใบชามาให้ข้า”

            หานหรงเหยายอมวางพู่กันลง หลิวเข่อซิงรีบเดินไปหยิบผ้าเปียกส่งให้เขาเช็ดมือ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย หลายวันที่อยู่รวมกัน ดูเหมือนนางจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าที่คิด แม้ยังติดนิสัยซุกซนไปสักหน่อย เขาสอนนางอย่างไร นางก็ทำตาม แต่ช่างซักถามไปบ้าง จนบางคราวเขาก็จนปัญญาจะหาคำตอบ

            “เจ้ากล้าแอบอ้างใช้ชื่อข้าเบิกของในคลังแล้วหรือ?” เขาถามไม่จริงจังนัก

            “แอบอ้างอันใดกัน นายท่านต้องการใบชาจริงๆ ข้าแค่ระบุว่าต้องการชาไป๋หาวหยินเจินเท่านั้นเอง”

เป็นจิ้งจอกแดงที่กะล่อนจริงๆ

            หานหรงเหยาโคลงศีรษะไปมา เอาเถิด นางเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว

            “ไป๋หาวหยินเจินจัดเป็นชาขาว มีลักษณะเหมือนเข็มเย็บผ้า  มีกลิ่นหอม หวาน ชุ่มคอ น้ำชาที่อยู่ในถ้วยสดใสสวยสด ประเดี๋ยวข้าชงชาเจ้าลองสังเกตดูให้ดี”

            “ให้ข้าชงเอง”

            “เจ้าใช้ใบชาธรรมดาหัดชงไม่ดีกว่ารึ”  เขาแอบเสียดายใบชาเลิศรสที่ถูกนางทำเสียหายไปหลายครั้ง

            นางทำหน้างอแต่ยอมพยักหน้าอย่างจำนน อย่างไรเสีย นายท่านของนางชงชาได้น่ามองและยังเลิศรสอีกด้วย เช่นนั้น นางแค่นั่งนิ่งๆ ได้ชิมชาเลิศรสไม่เปลืองแรงจะดีกว่า  อยู่ด้วยกันมาครึ่งเดือน เขาสอนนางหลายอย่าง แม้นางไม่ใช่คน เอ๊ย!ปีศาจที่ฉลาดนัก แต่ก็ไม่โง่ที่จะไม่เข้าใจ  เขามักพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ‘ในวันที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจะได้ทำเป็น’  นางไม่รู้ว่า ทำไมต้องปวดใจเมื่อได้ยินเขาพูดประโยคนี้  ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่า เขาอยู่บนโลกนี้ไม่นาน มนุษย์ก็มีชีวิตอันแสนสั้นอยู่แล้ว แต่เขา...เขาอายุแค่ยี่สิบปีเอง นอกจากใบหน้าหล่อเหลาแล้ว ยังเป็นคนที่เปี่ยมความรู้ความสามารถ ถ้าเขาตายไปก็น่าเสียดายไม่น้อย

            “เข่อซิง”  หานหรงเหยาเรียกเมื่อเห็นนางเงียบไป แต่ทุกครั้งที่เขามองใบหน้านั้น นางจะยิ้มให้เสมอ ราวกับชีวิตไม่เคยพานพบเรื่องเลวร้ายใด  หากไม่นับที่นางกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงเพื่อรบกวนสมาธิการทำงานของเขา นางก็ไม่เหมือนปีศาจเลยสักนิด

            “อื้ม!”  นางตื่นจากภวังค์แล้วเดินเร็วๆ ไปหาเขาที่ชงชาเสร็จแล้ว ไม่เพียงรสชาที่แสนวิเศษ แต่ท่วงท่าการชงชางามสง่าชวนมอง นางจำได้ว่าที่หอชมบุหลันก็สอนหญิงงามให้ชงชา แต่นางโง่เขลาเกินกว่าจะเรียนรู้ได้

            “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เจ้าควรฝึกฝนเรียนรู้ไว้ ยามที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจะได้ทำได้เอง” เขาพูดเหมือนสอน แต่เดิมเขาไม่เคยใส่ใจว่าตนจะจากโลกนี้ไปเมื่อใด แต่เมื่อมีเจ้าจิ้งจอกแดงน้อยตัวนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ทำให้เป็นห่วงและกังวลว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีเขา

            “ทำไมล่ะ นายท่านคิดจะฆ่าตัวตายอีกแล้วรึ” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น “คิดออกแล้วหรือว่าจะตายอย่างไร ครั้งที่แล้วจะกระโดดน้ำที่สะพาน ครั้งนี้จะทำอะไรดี ผูกคอตายหรือว่ากลั้นหายใจหรือกินยาพิษหรือว่า...”

            หานหรงเหยาหลุดหัวเราะออกมา  “เจ้าอดใจรอข้าตายไม่ได้หรือ?”

            “ไม่ใช่เสียหน่อย” นางย่นจมูกใส่ “ข้าก็สงสัยมาตลอดว่านายท่านจะฆ่าตัวตายทำไม ในเมื่อยังไงก็ต้องตายอยู่ดี”

            ชายหนุ่มพยักหน้ารับทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ ในโลกนี้จะหาใครทำให้เขาหัวเราะได้อย่างนางอีกนะ

            “ก็จริงอย่างที่เจ้ากล่าว”

            “คนฉลาดน้อยอย่างข้ายังเข้าใจเลย เพราะฉะนั้นท่านก็เลิกคิดฆ่าตัวตายได้แล้ว” นางพูดแล้วยื่นมือไปจับบ่าของเขา “รู้เช่นนี้แล้ว  ท่านจะหักโหมทำงานเพื่ออะไร  ท่านน่าจะเอาเวลามาทำอะไรที่อยากทำก่อนตาย”

            “ก็เพราะรู้ว่าเวลาเหลือน้อย  ข้าจึงอยากทำอะไรที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น”

            “งานพวกนั้นนะหรือ?” นางเบิกตากว้าง “นั้นมิใช่แผนที่หุบเขาจื่อ เซ่อหรอกหรือ?”

            “ถูกต้อง”  เขายิ้มให้นางแล้วยื่นถ้วยชาส่งให้ “ข้ามาอยู่ที่นี่ไม่นาน แต่พอรู้ว่ามีปัญหาเรื่องเส้นทางถอยทัพ หากใช้เส้นทางผ่านหุบเขานี้ได้ ย่อมเป็นผลดีต่อทหาร ทั้งการสุ่มโจมตีและตั้งรับ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status