Share

Chapter 17. หุบเขาจื่อเซ่อ

            “แต่หุบเขาจื่อเซ่ออันตรายมาก มนุษย์เข้าไปไม่ได้”

            “ข้ารู้ ข้าไม่ต้องการเข้าไปในหุบเขา เพียงแค่ต้องใช้เส้นทางลัดเลาะรอบนอก แต่เราจำเป็นต้องรู้ภูมิประเทศ อีกอย่าง ข้าได้อ่านบันทึกของเมืองนี้ เคยเกิดดินถล่มปิดเส้นทาง ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ทั้งเสบียง

อาหารยารักษาโรค กว่าจะใช้เส้นทางได้ก็นานนับเดือน”

            “ข้าจำได้ ข้าเคยเห็น”

            “นั้นมั้นตั้งยี่สิบปีมาแล้ว”

            “ก็ข้าอายุหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว ก็ต้องเคยเห็นสิ” นางแยกเขี้ยวใส่  “ข้าอายุมากกว่านายท่านนะ อย่าลืมสิ”

            คราวนี้เขาหลุดหัวเราะมาอีกครั้ง “เป็นข้าที่ผิดเอง”

            นางผงกศีรษะรับคำขอโทษ แล้วจิบน้ำชา รสชาติดีชุ่มคอเหลือเกิน

            “ความจริงเส้นทางในหุบเขาไม่ใช่ความลับอะไร ท่านแม่บอกว่าห้ามคนนอกรู้ แต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวย่อมรู้เส้นทางเหล่านี้ได้”

          หานหรงเหยาพยักหน้ารับเข้าใจคำพูดของนาง ที่นั้นเสมือนบ้านของนางหากให้ผู้อื่นรู้เส้นทางเข้าออกบ้านย่อมไม่ปลอดภัย

            “จริงสิ” หลิวเข่อซิงร้องขึ้นอย่างนึกได้ “ท่านก็เป็นคนในครอบครัวข้าสิ ข้าจะได้บอกเส้นทางให้ท่านรู้ได้”

            “ข้าจะเป็นคนในครอบครัวเจ้าได้อย่างไร”  เขายิ้มเอ็นดูนางพลางจิบชาในถ้วยของตน

            “แต่งงานกับข้า มาเป็นเขยสกุลหลิว แค่นี้ท่านก็สามารถล่วงรู้เส้นทางในหุบเขาจื่อเซ่อได้แล้ว”

            “แค่กๆ”

            “นายท่าน เป็นอะไรไป โรคเก่ากำเริบรึ”

            “ไม่...ไม่มีอะไร” เขาวางถ้วยชาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปาก “เรื่องเมื่อครู่...เจ้าอย่าเอาไปพูดกับผู้อื่น”

            หลิงเข่อซิงอ้าปากจะถามแต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะเห็นนายท่านไอหนักๆ สองสามที เอาเถิด เขาไม่อยากให้นางพูด นางก็ไม่พูด แต่น้ำชานี้เลิศรสจริงๆ

แต่ไม่มีอะไรเลิศรสไปกว่า ยามได้กลืนกินพลังชีวิตจากริมฝีปากของเขาอีกแล้ว.

ณ เรือนคนรับใช้

            “ข้าไม่ชอบนาง นางต้องเป็นมารปีศาจทำคุณไสยใส่ที่ปรึกษาหานและท่านแม่ทัพให้ลุ่มหลงเป็นแน่”

            “พูดจาอะไรให้ระวังหน่อยอี้ซิน”    พ่อบ้านจูเส้ากันตำหนิหลานสาวพรางยกน้ำชาขึ้นดื่ม “มาถึงเวลานี้แล้ว เจ้าล้มเลิกความคิดปีนขึ้นเตียงนายท่านเถิด”

            “ท่านลุง!”  จูอี้ซินแทบหวีดร้องด้วยความไม่พอใจ  “ข้าลงทุนขนาดนี้ ท่านก็ช่วยสงเสริมข้าอีกหน่อยเถิด”

            “ท่านแม่ทัพไม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่รำคาญ หากเขาหมดความอดทนเมื่อใด ทั้งข้าและเจ้าไร้ที่ซุกหัวนอนเป็นแน่”

            “ข้าไม่เชื่อว่าตนเองไร้เสน่ห์จนท่านแม่ทัพและที่ปรึกษาหานไม่ชายตามอง” นางกัดริมฝีปากด้วยความโมโห “ดูเข่อซิงนั้นอย่างไร จู่ๆ ก็เข้ามาเป็นสาวใช้ข้างกายที่ปรึกษาหาน”

            “พอทีจูอี้ ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เข่อซิงเป็นสตรีของนายท่านหานหรงเหยา หากเจ้ากล้าพูดจาไม่ดีถึงนางอีก ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้านทันที”

            “ท่านลุง”

            “กลับไปห้องของเจ้าได้แล้ว ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าอีก”

            จูอี้ซินจะโต้เถียงกลับแต่เปลี่ยนใจ นางไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้ กว่าจะได้มาอยู่จวนแม่ทัพก็มิใช่เรื่องง่าย นางไม่อยากถูกส่งตัวกลับไปอยู่บ้านยากจนที่เคยจากมา อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็ได้กินอิ่มมีเสื้อผ้าดีๆ สวมใส่  มีที่ซุกหัวนอนไม่ต้องกลัวแดดและฝน จูเส้ากันเบือนหน้าไปทางอื่นแสร้งหยิบสมุดบัญชีมาเปิดออก จูอี้ซินจึงขอตัวเดินออกมาอย่างเงียบๆ แต่ในใจยังเต็มไปด้วยความริษยา เพียงแค่คิดถึงสาวใช้ข้างกายหานหรงเหยา หัวใจนางก็ร้อนรุ่มราวมีกองเพลิงโหมไหม้  นางเดินวนไปวนมาในสวนดอกไม้ยามค่ำคืนที่ไร้ผู้คน หลิวเข่อซิงเป็นใครกัน ท่าทางโง่งมและฉีกยิ้มตลอดเวลานั้นรบกวนสายตาของนางยิ่งนัก

            “แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ที่แท้ก็นางปีศาจยั่วยวนบุรุษ!”

นางสู้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บุรุษทั้งสองหันมามอง แต่พวกเขาก็ไม่เคยเหลียวแล  จูอี้ซินกระทืบอย่างไม่พอใจ หางตาเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างจึงหันไปมองแล้วก็พบจิ้งจอกแดงตัวหนึ่งกระโจนผ่านหน้า  จูอี้ซินเบิกตากว้าง เจ้าจิ้งจอกแดงก็ทำเช่นกันแต่ในปากของมันเหมือนคาบบางสิ่งอยู่  ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งแต่เป็นจิ้งจอกแดงที่ได้สติรีบกระโดดออกไปทันที

            “นะ...นั้น...นั้นมัน...จิ้งจอก... จิ้งจอกแดง...”   จูอี้ซินขยี้ตาแม้เบื้องหน้าไร้ไม่มีเงาร่างนั้นแล้ว นางรีบมองตามทิศทางที่จิ้งจอกแดงกระโดดไปและพบว่า มันวิ่งไปทางเรือนของที่ปรึกษาหาน นางนิ่งงันไปอย่างทำอะไรไม่ถูก  ก่อนได้สติแล้วรีบยกชายกระโปรงขึ้นวิ่งตามไปทันที

            หลังฉากกั้นมีบุรุษเปลือยกายในอ่างน้ำอุ่น หานหรงเหยาผ่อนลมหายใจแล้วเอนหลังผิงขอบอ่างไม้ ตั้งแต่หลิวเข่อซิงเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  ก็หาเวลาเป็นส่วนตัวได้ยากยิ่ง  นางพยายามทำตัวเป็นสาวใช้ที่ดีจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ แต่ก็อดหัวเราะกับความไร้เดียงสาไม่ได้   ป่านนี้นางคงหาของกินอยู่ในครัว เขาจึงรีบฉวยโอกาสนี้แช่กายในน้ำอุ่นให้สบายตัว

            ทว่าเพียงหลับตาลงได้เพียงชั่วครู่ หานหรงเหยาก็รู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวพุ่งตรงมา เขาวาดฝ่ามือตวัดน้ำจากในอ่างสาดใส่ผู้มาเยือน แต่สิ่งนั้นก็ยังกระโจนใส่อ่างอาบน้ำใบเดียวกับเขา

            “เข่อซิง!” 

หานหรงเหยาตกใจที่เผลอซัดฝ่ามือใส่   เจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่โผล่ขึ้นจากผิวน้ำ สองมือ เอ่อ ขาหน้าตะกายๆ พยุงตัวขึ้น เขาจึงรีบยื่นมือไปช้อนร่างนางขึ้นมา แต่นางกลับกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วยื่นขาหน้า เอ่อ มือสองข้างมาประคองใบหน้าของเขา  ตามด้วยประกบริมฝีปากที่เผยอขึ้นอยู่ก่อนแล้ว  หญิงสาวป้อนยาเม็ดลูกกลอนใส่ปากของเขา ด้วยเกรงว่าเขาจะคายยาออก  นางจึงใช้ลิ้นดุนดันยาเม็ดนั้นเข้าปากเขาไป

หานหรงเหยาถูกลิ้นของนางบังคับให้ต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงคอ ดวงตาคมปลาบจ้องมองนางที่ยังประกบปากของเขาอยู่   แววตากระจ่างใสคู่นั้นก็จ้องมองเขาไม่เบือนหน้าหนี  ร่างอิ่มเอิบเย้ายวนนั่งคร่อมตักของชายหนุ่ม อะไรที่ควรสงบนิ่งกลับตื่นฟื้น  เข่อซิงกะพริบตาปริบๆ นางมั่นใจว่ายาลูกกลอนเม็ดนั้นลงคอเขาแล้ว  จึงคิดจะผละออก  แต่ฝ่ามือใหญ่โอบรัดแผ่นหลังของนางไม่ให้ถอยหนี และคราวนี้เป็นลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปากกวาดชิมความหวาน  ทำเอาเข่อซิงตัวสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status