องครักษ์ที่ซุนเจ้าเฟิงให้อารักขารถม้าของหานรถเหยานำหน้ามาก่อน ทหารสองนายลงจากหลังม้าประสานมือคารวะหานกั๋วกงแล้วตามด้วยคุณชายทั้งสอง แล้วหันกลับไปรอรถม้าที่เคลื่อนมาอย่างช้าๆ จนหยุดที่ประตูจวนสกุลหาน
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถม้าลง ใบหน้าอ่อนโยนคลี่ยิ้มละมุนแล้วคารวะบิดา
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ น้องเล็ก”
“พี่รอง!” หานหลี่เจี๋ยปราดเข้าไปรับพี่ชาย “ในที่สุดพี่รองก็กลับมาเสียที”
“ท่านแม่เล่า” หานหรงเหยาอดถามถึงมารดาไม่ได้
“ท่านแม่ไม่ค่อยสบาย รอเจ้าอยู่ด้านใน” หานลี่จูยื่นมือไปตบไหล่น้องชาย พลันรู้สึกว่าแขนของหานหรงเหยาเต็มไปด้วยความเนื้อจนอดบีบแรงๆไม่ได้
“พี่ใหญ่” หานหรงเหยาประหลาดใจที่หานลี่จูบีบต้นแขนตน แต่เพียงครู่เดียวมือข้างนั้นก็ปล่อยออกแล้วเปลี่ยนมาจับชีพจรของเขาแทน
“มีอะไรรึพี่ใหญ่” หานหลี่เจี๋ยรู้ดีว่าพี่รองสุขภาพไม่ดีนักแต่เห็นพี่ใหญ่จับชีพจรหน้าบ้านเช่นนี้ก็อดเป็นกังวลไม่ได้
“ไม่มีอะไร” หานลี่จูยิ้มกว้าง “อยู่ชายแดนคงลำบากไม่น้อย”
“ไม่เลย หากไม่นับเรื่องการศึกแล้ว นับว่าเงียบสงบและงดงามไม่น้อย”
“รู้อย่างนี้ข้าตามพี่รองไปด้วยก็ดี” หานหลี่เจี๋ยยิ้มทะเล้น
“พอแล้วๆ เข้าไปคุยในบ้านเถิด แม่เจ้ารออยู่”
“ขอรับท่านพ่อ” หานหรงเหยารับคำ เขาหมุนตัวกลับไปที่รถม้าเป็นจังหวะที่หลิวเข่อซิงกำลังก้าวเท้าลงมา
“ระวังด้วย”
“รู้แล้ว” หญิงสาวยิ้มกว้างก้าวลงจากรถม้าอย่างระวัง แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี และตื่นเต้นมากเมื่อถูกสายตาหลายคู่จ้องมอง
“นาง...” หานหลี่เจี๋ยอ้าปากค้าง พี่รองพาสตรีกลับบ้านมาด้วย! ซ้ำนางยังงดงามราวเทพธิดา!
“นาง...” หานหรงเหยากำลังจะแนะนำหลิวเข่อซิง แต่หญิงสาวกลับรีบพูดขึ้นก่อน
“ข้าหลิวเข่อซิง เป็นสาวใช้ของนายท่านหานหรงเหยาเจ้าค่ะ”
“สะ...สาวใช้...” พี่รองที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายอยู่ใกล้ ไม่มีบ่าวรับใช้ข้างกาย แต่จู่ๆ วันนี้มีสาวงามเคียงข้างแต่เป็นสาวใช้ หานหลี่เจี๋ยถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ “อย่าล้อเล่นสิพี่รอง นางงดงามถึงเพียงนี้เป็นสาวใช้ได้อย่างไรกัน”
“ข้าเป็นสาวใช้จริงๆนะ” หลิวเข่อซิงรีบร้อนพูดแล้วหันไปสบตากับหานหรงเหยาพลางกระตุกแขนเสื้อเขาสองสามที
หานหรงเหยาหัวเราะเบาๆ แล้วตบหลังมือนางเป็นเชิงปลอบโยน “หลี่เจี๋ยล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”
“เขาคือหานหลี่เจี๋ยน้องชายของท่านสินะ” หลิวเข่อซิงอดกวาดตามองไม่ได้ ชายผู้นี้ดูกะล่อนไม่น่าคบหาเลย ส่วนบุรุษอีกคนมีใบหน้าเรียบนิ่งแต่มุมปากยกยิ้มน้อยๆ “ท่านคือหานลี่จูพี่ใหญ่ของนายท่านและท่านก็คือหานกั๋วกง”
“นางมาติดตามข้ามาจากชายแดน กิริยามารยาทอาจไม่เรียบร้อยนัก ขอท่านพ่ออย่าถือสา”
หานกั๋วกงแม้ตกใจอยู่บ้างที่บุตรชายพาสตรีกลับมาเช่นนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยทำให้เห็นว่าหานหรงเหยาตัดใจเรื่องหลัวซู่เหมยได้แล้ว
“เข้าบ้านเถิด” บิดาที่กลั้นน้ำตาเรียกลูกๆอีกครั้ง นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้เห็นลูกชายทั้งสามพร้อมหน้ากันเช่นนี้
หานหรงเหยายื่นมือไปหมายประคองเข่อซิง แต่นางกลับขยับตัวถอยห่างได้ทัน นางกะพริบตาส่งสัญญาณให้เขาเดินนำหน้าไปพร้อมคนในครอบครัว ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วเดินนำหน้าไปพร้อมกับบิดาและพี่น้องของตน
เข่อซิงเดินตามแผ่นหลังของบุรุษสกุลหานพลางลอบมอง ‘บ้าน’ของหานหรงเหยาซึ่งใหญ่และงดงามราวกับที่พำนักของเทพเซียน นางเคยรับใช้ทำความสะอาดคำหนักของ ‘ท่านแม่’ มานาน ไม่เคยคิดว่าจะมีมนุษย์ที่มีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ มิน่าเล่า บ่าวรับใช้จึงมีมากมายนัก เมื่อรู้ว่าหานหรงเหยากลับมาถึงแล้วก็รีบออกมาต้อนรับ นางจึงกลายเป็นจุดสนใจไปด้วย แต่ทำไมพวกเขาจ้องมองนางขนาดนี้นะ หรือว่า... นางทำหูหรือหางโผล่ออกมา หญิงสาวอดยกมือขึ้นลูบผมตนเองไม่ได้ หูนางก็ยังเป็นหูมนุษย์อยู่นี่
ก่อนเดินทางมาถึงเมืองหลวง หานหรงเหยาอธิบายเรื่องต่างๆ ให้นางฟังคราวๆ รวมทั้งมารยาทที่นางพึ่งมีและต้องระวังเมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของเขา
‘ข้าจะเป็นสาวใช้ที่ดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วง’
‘ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเป็นสาวใช้’
‘ข้าไม่เป็นสาวใช้แล้วจะเป็นอะไรได้อีก’
นางไม่เข้าใจสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจของเขา เขาก็ได้แต่จำนนต่อนาง นับตั้งแต่มีความสัมพันธ์ทางกาย เขาที่ปกติอ่อนโยนอยู่แล้วกลับดูแลนางมากยิ่งขึ้น จนนางเป็นฝ่ายตำหนิเขาเสียเอง มีสาวใช้ที่ไหนให้เจ้านายมาปรนนิบัติดูแลเล่า
นางหานเจียอีเห็นหน้าบุตรชายคนรองเดินเข้ามาใกล้ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พลันพร่างพรูไม่ขาดสาย หานหรงเหยาตกใจจนต้องรีบเข้าไปหา
ลืมแม้กระทั่งคารวะมารดา
“ท่านแม่ เหตุใดต้องร้องไห้เช่นนี้ ได้ยินจากพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ไม่สบาย ลูกอกตัญญูไม่ได้มาดูแลท่านแม่”
“เหยาเอ๋อร์ของแม่” นางลูบใบหน้าของบุตรชาย “แม่ไม่ได้เป็นอะไร อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยจึงรู้สึกไม่สบายตัว”
“พี่รองมาแล้ว ท่านแม่ก็อย่างอแง ต้องดื่มยาบำรุงที่ท่านหมอจัดให้ด้วยนะขอรับ” ลูกชายคนเล็กพูดขึ้น โล่งใจที่ในที่สุดครอบครัวก็ได้อยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตา
“น้องเล็กอย่าพูดถึงท่าแม่เช่นนั้น” หานลี่จูปรามน้องชายแต่สายตาลอบมองภรรยาตนเอง
“หรงเหยา” หลัวซู่เหมยเอ่ยทักทายด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย ใบหน้างามยิ้มน้อยๆ ราวดอกไม้ผลิบาน ไม่ได้พบกันสามปี เขาดูองอาจผึ่งผายจนแทบไม่อาจละสายตาได้เลย
หานหรงเหยาได้สติหลังจากช่วยซับน้ำตาให้มารดาแล้วจึงเอ่ยทักหญิงสาวที่อยู่ใกล้
“ไม่เจอกันนาน พี่สะใภ้”
เขาย้ำฐานะที่ไม่อาจกลับคืนเช่นเดิมระหว่างเขากับนาง น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกปวดใจเช่นวันวาน หรือวันเวลาที่ชายแดนขัดเกลาจิตใจให้ปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ได้หมดสิ้น นางคือพี่สะใภ้เขาและไม่มีวันเปลี่ยนฐานะเป็นอื่นได้อีก
หลัวซู่เหมยยิ้มค้างแต่ฝืนทนกลบเกลือนความรู้สึกตนเอง นางเติบโตมาพร้อมกับหานหรงเหยา รักใคร่ชอบพอเขาไม่น้อย แม้รู้ดีว่าหัวใจของเขาอ่อนแอไม่มีทางเยียวยารักษา ครอบครัวของนางไม่ยินดีให้นางแต่งงานกับหานหรงเหยา นางไม่กล้าขัดใจบิดามารดาและ...นางไม่อยากเป็นม่ายตั้งแต่เยาว์วัยจึงแต่งงานกับหานลี่จู พี่ชายของหานหรงเหยา นางรู้ว่าหานหรงเหยาปวดใจไม่น้อย แม้เขาเคยพูดว่ายอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ได้ แต่เขากลับใช้เหตุนี้ไปอยู่ไกลถึงชายแดน วันนี้เขากลับมาอยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ใบหน้าเห็นเค้าโครงชัดเจนและดูกำยำขึ้นมาก ทว่ายังคงแววตาและรอยยิ้มอ่อนโยน
มารดาเห็นสายตาของลูกชายและลูกสะใภ้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าพาใครมาด้วยรึ”“ท่านแม่ นางคือ...”“ข้าหลัวเข่อซิง เป็นสาวใช้ของนายท่านเจ้าค่ะ ข้ามาจากชายแดน หากทำกิริยาไม่เหมาะสมขอได้โปรดลงโทษเบาๆ นะเจ้าคะ ข้าเป็นคนเรียนรู้ไว้ จะพยายามไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สองสามสี่ห้า”นางพูดรวดเร็วเกรงว่าหานหรงเหยาจะแย่งนางพูดอีก นางจะทำตัวเป็นภาระไม่ได้ แต่ถ้อยคำของนางทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะออกมา“นางตลกดี” หานหลี่เจี๋ยหัวเราะเสียงดัง“หลี่เจี๋ยอย่าเสียมารยาท อย่างไรนางก็เป็นคนของหรงเหยา” หานลี่จูเอ่ยปรามน้องเล็ก แต่สายตายังคงมองที่ภรรยา ราวกับประโยคนี้เขาพูดกับนางมารดาแปลกใจที่เห็นบุตรชายคนรองพาสตรีเข้าบ้าน แม้ปากพูดว่าเป็นหญิงรับใช้ กิริยามารยาทไร้ความเรียบร้อย แต่รูปร่างอรชรและใบหน้างดงามยิ่งนัก ซ้ำยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ไหมสีแดงสวยสดไม่ใช่ชุดของสาวใช้เลยสักนิด เอาเถิด ถ้าปรนนิบัติดูแลลูกชายของนางได้ดี นางก็ไม่คิดก้าวก่าย“เจ้ากลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อนเถิด สักประเดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน” คนเป็นพ่อพูดขึ้น เขาเป็นบุรุษการเห็นบุตรชายมีสตรีข้างกายก็ไม่นับว่าแปลกอันใด บ้านไหนก็มีสตรีอุ่นเตียงกัน
แค่คิดว่าข้างกายไร้เงาซุกซน หัวใจก็เจ็บแปลบอีกครั้ง และดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ็บปวดมากกว่าครั้งที่เขาสูญเสียหลัวซู่เหมยไปเสียอีก เขาต้องหาทางพูดกับบิดามารดาเรื่องฐานะของหลิวเข่อซิง เพราะไม่ต้องการให้นางเป็นเพียงสาวใช้ข้างกายอีกแล้ว หญิงสาวในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานใบหน้าระบายยิ้มดูงดงามราวเทพธิดาเดินตามแผ่นหลังของคุณชายรองสกุลหาน บ่าวไพร่ต่างลอบมองด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดเรื่องนี้ หานหลี่เจี๋ยเห็นหลิวเข่อซิงเดินตามหลังพี่รองด้วยสายตาตื่นตะลึง แม้เขาไม่ใช่บุรุษเสเพล แต่พบหญิงงามมาไม่น้อย แอบย่องเข้าหอนางโลมก็บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยพบหญิงงามอย่างหลิวเข่อซิงมาก่อน เขารู้สึกโง่เขลาที่ไม่อาจบรรยายความงามนี้ได้ นางดูไร้เดียงสาและเย้ายวน แม้นางเอ่ยย้ำฐานะว่าเป็น ‘สาวใช้’ แต่เขาเชื่อว่าฐานะของนางในใจพี่รองต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน “สำรวมหน่อยหลี่เจี๋ย” หานลี่จูส่ายหน้าไปมาแล้วพยักหน้าให้หานหรงเหยา “ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันเช่นนี้นานมากแล้วจริงๆ” “อืม” หานหรงเหยาขานรับเบาๆ สามปีแล้วที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว
“รู้สึกว่าสุรายาที่ข้ามอบให้จะทำให้เจ้าแข็งแรงขึ้นจริงๆ”ซุนเจ้าเฟิงอดหยอกสหายไม่ได้ ความจริงเรื่องระหว่างหานหรงเหยากับหลิวเข่อซิงนั้น องครักษ์ที่เขาทิ้งไว้ให้นั้นส่งข่าวมารายงานเป็นระยะๆ แม้ใจอยากเห็นกับตาแต่ก็ต้องทนอดกลั้นไว้ เพราะเกรงว่าสหายจะหน้าบางไม่ใช้ชีวิตวัยหนุ่มให้คุ้มค่า “เจ้านี่นะ” หานหรงเหยาส่ายหน้าไปมา แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ “ความจริงข้าตั้งใจไปเยี่ยมเจ้าที่จวน แต่เห็นสีหน้าเจ้าในเวลานี้คงไม่มีอะไรให้กังวล เรื่องเจ้ากับหลัวซู่เหมยคงกลายเป็นอดีตไปแล้วสินะ” “ข้ากับนางจบไปนานแล้ว ยามนี้นางคือพี่สะใภ้ข้าและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป” “ได้ยินเช่นนี้ข้าก็สบายใจ อยู่ที่นี่น่าเบื่อจริงๆ อยากกลับชายแดน จะกลับไปทำแผนที่หุบเขาจื่อเซ่อให้สำเร็จ” “เจ้าจะกลับชายแดนรึ” หานหรงเหยาเบิกตากว้าง “อืม แต่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่อยากให้ข้าอภิเษก แต่ข้ายังไม่เจอสตรีถูกใจ”‘สตรีที่เลือกให้ แค่เห็นก็ทำให้ปวดหัว คนอย่างซุนเจ้าเฟิงจะหาสตรีถูกใจไม่ได้เชียวรึ’ “เจ้าจะกลับเมื่อใดกัน” “นี่ๆ อย่าบอกนะว่าเจ้าคิ
“พี่ใหญ่เคยเชิญท่านหมอมาตรวจพี่สะใภ้แล้วหรือ?” “อืม ก็ให้นางกินยาบำรุงร่างกาย ข้าคิดว่าถ้าเชิญหมอหลวงมาตรวจสุขภาพเจ้าก็จะให้ดูซู่เหมยไปพร้อมกัน” “เป็นเช่นนั้นก็ดี” หานหรงเหยาพยักหน้ารับ “เอาเป็นว่า เจ้าอย่าพูดเรื่องกลับชายแดนให้ท่านแม่ได้ยินก็พอ” พี่ใหญ่ดักคอไว้อย่างรู้ทัน “เจ้าอยู่ที่นี่ก็มีงานการให้ช่วยแบ่งเบาภาระ กิจการของสกุลหานมีมากมาย ข้าเองก็วุ่นวายจนปลีกตัวไม่ได้ เจ้าหลี่เจี๋ยก็ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต จนป่านนี้ยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันจนท่านพ่ออยากให้เขาไปอยู่ค่ายทหารเผื่อฝึกฝนให้มีความรับผิดชอบ” “ได้ ข้ากลับมาแล้วจะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพี่ใหญ่” “ดีแล้ว” เขาพยักหน้ารับ “เจ้ากลับไปพักผ่อนที่เรือนเถิด มีอะไรข้าจะให้คนไปตาม” “ขอรับพี่ใหญ่” หานหรงเหยาลุกขึ้นแล้วเดินออกมาเงียบๆ มีเรื่องมากมายที่เขาต้องวางลำดับความสำคัญและจัดการให้ลุล่วง เห็นที่ว่าเขาคงไม่ได้กลับชายแดนง่ายๆ เป็นแน่ ทว่าเมื่อเดินมาถึงเรือนของตนกลับได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านใน หัวคิ้วขมวดยุ่งแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปทั
แต่ละวันนางถูกเรียกใช้งานจนหัวหมุนแต่กระนั้นนางก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยสักคำ แม้บางมื้ออาหารของนางจะมีเพียงข้าวกับผัดผัก หรือแค่หมั่นโถว แต่นางก็ยังคงแย้มยิ้มอยู่เสมอ ปัญหาเดียวของนางคือกลางวันจะง่วงนอนมาก นางต้องแอบหยิกตัวเองให้ตื่นตลอดเวลา และกลางคืนนางไม่สามารถกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไปอุ่นเตียงให้หานหรงเหยา หลิวเข่อซิงตากผ้าเรียบร้อยแล้วก็ก้มมองฝ่ามือขาวซีดของตนเอง เมื่อครั้งที่อยู่หุบเขาจื่อเซ่อนางก็ทำงานเหล่านี้ แลกกับเศษพลังชีวิตที่บรรดาศิษย์พี่มอบให้ ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่จวน หานหรงเหยาไม่มีเวลาอยู่กับนางนัก นางไม่คิดน้อยใจอันใด เพราะเขาเป็นคนเก่งมากความสามารถย่อมมีเรื่องต้องทำมาก ทว่าหลังจากเรื่องในคืนนั้น นางยังไม่ได้พบหน้าเขาเลย แต่ได้ยินว่า มารดาของเขาไม่ค่อยสบาย หานหรงเหยาต้องดูแลอย่างใกล้ชิด นางเข้าใจและไม่คิดเรียกร้องเอาสิ่งใด นางตากผ้าเสร็จแล้ว แดดเจิดจ้าเช่นนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเสื้อผ้าก็คงแห้งสนิท ไม่เหมือนที่หุบเขาจื่อเซ่อที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกตลอดเวลา นางอ้าปากหาวคำโต แอบมองรอบกายไม่มีผู้อื่นอยู่บริเวณนี้ นางจึงหาที่นั่งเพิ
แม้ได้เพียงเศษพลังชีวิตเล็กน้อยจากหลิวชิงเซียง แต่เข่อซิงก็สดชื่นขึ้นมาก เอาล่ะ! เพื่อให้หานหรงเหยาไม่ต้องเป็นกังวลเพราะนาง นางจะทำหน้าที่สาวใช้ให้ดีที่สุด! นางเดินไปกระโดดไปหวังจะไปช่วยงานบ่าวรับใช้ผู้อื่นอีก ทว่ากลิ่นซาลาเปาไส้เนื้อหอมเย้ายวนชักจูงให้นางเดินไปตามกลิ่น จนมาหยุดตรงหน้าเจ้าซาลาเปาลูกโต นางจ้องเจ้าก้อนขาวๆ พลางแลบลิ้นริมฝีปาก แต่ไม่กล้ายื่นมือไปจับ ดวงตาดลมโตค่อยๆ ช้อนขึ้นมองคนที่ถือซาลาเปาในมือ “คุณชายหานหลี่เจี๋ย” หลิวเข่อซิงยืดตัวขึ้นจ้องมองหานหลี่เจี๋ยที่ยืนยิ้มมองนางอยู่ก่อนแล้ว “เจ้าต้องเรียกทั้งชื่อทั้งแซ่ของข้าเลยหรือ” เขาหัวเราะกับท่าทางไร้เดียงสาของนาง ในมือประคองซาลาเปาสองลูก ยังดีที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อมาไม่อย่างนั้นมือของเขาต้องแดงแน่ๆ “คุณชายสาม...” นางเปลี่ยนคำเรียกใหม่ “ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ” “มี” เขาพูดหนักแน่น “ยื่นมือมารับซาลาเปาไปเร็วๆ มันร้อน” “เอ๋?” “เร็ว!” “เจ้าค่ะ!” นางยื่นสองมือไปรับซาลาเปา มันยังอุ่นร้อนอยู่จริงๆ นางเอียงคอมองอีกฝ่ายอย
หานหรงเหยาขยับตัวออกห่างเล็กน้อย กวาดตามองทั่วร่างนาง“เจ้าไม่กินพลังชีวิตจากข้ามาหลายวัน เหตุใดเจ้าไม่ดูอ่อนแอเลยสักนิด หรือว่า...” “นั้นเพราะศิษย์พี่แบ่งพลังชีวิตให้ข้ากินเล็กน้อย ข้าจึงฟื้นฟูกำลังตนเองไม่กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไปเสียก่อน” “ศิษย์พี่? ผู้ดูแลหลิวมาที่นี่หรือ?” หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับ “นางบอกว่าท่านแม่เป็นห่วงข้าจึงให้ศิษย์พี่มาดู” หานหรงเหยาผ่อนลมหายใจ เขาคลายมือที่ตรึงข้อมือนางไว้กับบานประตู ทว่าเขาสัมผัสได้ว่า นิ้วมือของนางเปลี่ยนไป ปลายนิ้วลอกและขาวซีด “เหตุใดเจ้าเป็นเช่นนี้” เขาลูบนิ้วมือนางอย่างเป็นกังวล “ข้าจะเชิญหมอมาตรวจดู” “ซักผ้าก็เป็นเช่นนี้แหละ” นางพยายามดึงมือกลับแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ตอนอยู่หุบเขาจื่อเซ่อข้าก็ทำงานเหล่านี้ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป” “ทำไมเจ้าต้องไปทำงานซักผ้า ก็ท่านแม่กับซูเหม่ยรับปากว่าจะให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับเจ้า” เขาเพิ่งสังเกตว่านางสวมเสื้อผ้ามอซอราวกับขอทาน “พวกเขารังแกเจ้าถึงเพียงนี้ ทำไมไม่มาหาข้า ” หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มี
หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา นางไม่อาจรับความเสียดเสียวนี้ได้อีก ร่างกายสั่นระริกและหอบหายใจจนตัวโยน เสียงหายทางปากเป็นเสียงครางปนสะอื้น หานหรงเหยายื่นมือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยน“อดทนหน่อยนะ ภรรยาตัวน้อยของข้า”หลิวเข่อซิงยังหูอื้อตาพร่า เห็นเพียงปากเขาขยับแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไร มือใหญ่จับเรียวขาขึ้นพาดบ่าแล้วเริ่มขยับเอวสอบนำพาความเสียวซ่านมาอีกครั้ง เข่อซิงสะบัดหน้าไปมา คงเพราะอัดอั้นมานานทำให้ชายหนุ่มใช้เวลานานกว่าทุกครั้ง แก่นกายของเขายังแข็งแกร่งและดุดัน เข่อซิงร้องครางจนเสียงแหบแห้งอย่างน่าสงสาร แต่เขาก็ยังโยกเอวถี่กระชั้น ร่างกายหญิงสาวร้อนเร่ายิ่งกว่าเดิมหลั่งน้ำหวานอาบไล้แก่นกายของเขาจนฉ่ำเยิ้มเปื้อนเปรอะต้นขา กลิ่นหอมหวานเย้ายวน ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างรวมถึงปลายนิ้วเท้า ช่องทางอ่อนนุ่มรัดแน่นส่งให้ชายหนุ่มไม่อาจอดทนได้อีก เขาส่งแก่นกายเข้าไปจนสุดรัดเอวนางไว้แนบแน่นและปลดปล่อยน้ำรักขาวขุ่นออกมาในที่สุดเสียงคำรามครางสุขสมและน้ำรักอุ่นร้อนของหานหรงเหยาทำให้นางรู้ว่าเขาถึงปลายทางแล้ว ชายหนุ่มมองคนใต้ร่างที่หอบหายใจแรง ดวงตากลมโตมีคราบน้ำตาฉ่ำวาว เขาโน้มหน้