Share

Chapter 26.  ฐานะในใจ

            แค่คิดว่าข้างกายไร้เงาซุกซน หัวใจก็เจ็บแปลบอีกครั้ง และดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ็บปวดมากกว่าครั้งที่เขาสูญเสียหลัวซู่เหมยไปเสียอีก เขาต้องหาทางพูดกับบิดามารดาเรื่องฐานะของหลิวเข่อซิง เพราะไม่ต้องการให้นางเป็นเพียงสาวใช้ข้างกายอีกแล้ว

            หญิงสาวในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานใบหน้าระบายยิ้มดูงดงามราวเทพธิดาเดินตามแผ่นหลังของคุณชายรองสกุลหาน บ่าวไพร่ต่างลอบมองด้วยความประหลาดใจ  แต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดเรื่องนี้ 

            หานหลี่เจี๋ยเห็นหลิวเข่อซิงเดินตามหลังพี่รองด้วยสายตาตื่นตะลึง แม้เขาไม่ใช่บุรุษเสเพล  แต่พบหญิงงามมาไม่น้อย แอบย่องเข้าหอนางโลมก็บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยพบหญิงงามอย่างหลิวเข่อซิงมาก่อน  เขารู้สึกโง่เขลาที่ไม่อาจบรรยายความงามนี้ได้  นางดูไร้เดียงสาและเย้ายวน  แม้นางเอ่ยย้ำฐานะว่าเป็น ‘สาวใช้’  แต่เขาเชื่อว่าฐานะของนางในใจพี่รองต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

            “สำรวมหน่อยหลี่เจี๋ย” หานลี่จูส่ายหน้าไปมาแล้วพยักหน้าให้หานหรงเหยา “ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันเช่นนี้นานมากแล้วจริงๆ”

            “อืม” หานหรงเหยาขานรับเบาๆ สามปีแล้วที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว  และ...พี่สะใภ้

            ด้วยความเคยชิน หลิวเข่อซิงนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างกายหานหรงเหยา ทว่าหย่อนก้นลงไปยังไม่ทันได้นั่งดี เสียงหลัวซู่เหมยตวาดดังขึ้นทำให้หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นยืนตามเดิม

            “ไร้มารยาท!” หลัวซู่เหมยจ้องเขม็งที่หลิวเข่อซิง ความริษยาแทบทะลักล้นจากดวงตา “เป็นแค่สาวใช้ไม่มีสิทธิ์นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับเจ้านาย”

            หลิวเข่อซิงอ้าปากจะโต้เถียงแต่ก็เปลี่ยนใจ นางกัดริมฝีปากแล้วถอยไปยืนด้านหลังเหมือนสาวใช้คนอื่นที่รอปรนนิบัติผู้เป็นนาย

            หานหรงเหยาตวัดสายตามองอย่างขุ่นเขือง “นางมากับข้า..”

            “แต่นางเป็นสาวใช้” หลัวซู่เหมยเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง เรื่องง่ายดายเพียงนี้คิดว่าท่านคงรู้ดีแก่ใจ”

            “ข้าทราบแล้ว ครั้งหน้าจะไม่ให้มีเรื่องเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ”

หลิวเข่อซิงรีบพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มให้หานหรงเหยา เขาไม่กลับบ้านมาสามปี ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันกับคนในครอบครัวนับเป็นเรื่องดียิ่ง นางไม่ควรทำให้เขาต้องลำบากใจ  เรื่องเช่นนี้ก็ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่เดิมอยู่ที่หุบเขาจื่อเซ่อ นางก็ไม่ได้รับสิทธิ์ให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น แค่ได้รับความเมตตากินเศษพลังชีวิตจากบรรดาศิษย์พี่ก็นับว่าดีมากแล้ว  

หานกั๋วกงสบตากับภรรยา เมื่อไม่เห็นนางออกหน้าห้ามปรามเขาก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น  หานลี่จูรู้ว่าน้องชายไม่ค่อยพอใจนัก แต่เพิ่งได้กินข้าวพร้อมหน้ากัน  เขาเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันจึงได้แต่ยื่นมือไปตบหลังมือของหานหรงเหยาเบาๆ

“นางเดินทางมาพร้อมหรงเหยาคงจะหิวแล้ว อย่างไรให้คนพานางไปกินข้าวในครัวเถิด”  หานลี่จูสั่งบ่าวรับใช้

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”  หลิวเข่อซิงยังไม่หิว  นางไม่จำเป็นต้องกินอาหารเหมือนมนุษย์ก็อยู่ได้  แต่หลังจากใช้ชีวิตร่วมกับหานหรงเหยา เขาป้อนอาหารดีๆให้นางกินทุกมื้อจนเสียนิสัยไปหมด นางส่งยิ้มกว้างให้เขาแล้วเดินตามสาวใช้คนหนึ่งออกไป  หานหลี่เจี๋ยสงสารหลิวเข่อซิงอยู่บ้าน แต่วันนี้เป็นวันของครอบครัว  เขาได้แต่คิดในใจว่าหลังจากกินอาหารเสร็จจะไปดูนางเสียหน่อย

หานหรงเหยาเห็นมารดาไม่ค่อยแข็งแรง เขาไม่อยากให้มีเรื่องรบกวนจิตใจมารดา จึงทำได้แต่แค่มองหลิวเข่อซิงเดินออกไปจนลับตา

“น้องรองไปอยู่ชายแดนมานาน คงลำบากไม่น้อย” หานลี่จูชวนคุยเผื่อเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ลำบากอันใดนัก” หานหรงเหยาตอบเรียบง่ายแล้วคีบเนื้อปลาให้มารดา

“ลูกคนนี้ยังจำได้ว่าแม่ชอบกินอะไร” มารดายิ้มอย่างมีความสุข “เจ้าก็กินให้มากหน่อย”

“พี่รองดูกำยำขึ้นแสดงว่าการไปอยู่ค่ายทหารก็ไม่น่ากลัวนัก” หานหลี่เจี๋ยยิ้มทะเล้น แต่บิดาส่ายหน้าไปมา

“เจ้านี่ก็ไม่รู้จักโตเสียที ปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว อีกไม่กี่ปีก็แต่งงานได้แล้ว”

“พี่รองยังไม่รีบร้อนแต่งงาน ข้าจะแต่งก่อนได้อย่างไร”  

หานหลี่เจี๋ยโยนไปให้หานหรงเหยา

“สกุลหานมีทายาทน้อย เจ้าก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระนี้ด้วย” มารดาทำเสียงอ่อนใจ “ซู่เหมยเองก็ยังไม่ตั้งครรภ์ รอให้แม่แข็งแรงกว่านี้อีกนิดจะจะคัดเลือกอนุให้ลี่จู”

หลัวซู่เหมยตัวแข็งไปชั่วขณะ  แต่ยังฝืนยิ้มบางๆ ที่มุมปาก นางสบตากับหานหรงเหยาเข้าพอดีจึงก้มหน้าหลบสายตา  แต่งงานมาสามปียังไร้บุตร ไม่ว่าจะพยายามบำรุงร่างกายอย่างไร  ท้องของนางก็ยังไร้วี่แวว แม่สามีร้อนใจอยากอุ้มหลาน  คิดหาอนุมาให้บุตรชาย นางเองก็จนปัญญาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน

หานหรงเหยาได้แต่กินอาหารไปเงียบๆ สลับกับสอบถามเรื่องทั่วไปกับบิดาและพี่ชายคนโต ทุกคนรู้ดีว่าร่างกายของเขาอ่อนแอจึงไม่คาดหวังจะให้เขามีบุตรเพื่อสืบทอดสกุลหาน  บิดาของเขามีภรรยาเพียงคนเดียว เดิมทีเขาก็ไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะรับอนุ แต่คงเพราะเรื่องที่ยังไร้บุตรทำให้ลำบากใจ หลัวซู่เหมยเองก็คงไม่กล้าห้ามเรื่องนี้

แต่เวลานี้เขาเป็นห่วงเจ้าปีศาจจิ้งจอกแดงตัวน้อยของเขามากกว่า  นางอยู่กับเขาไร้ระเบียนกฎเกณฑ์  เกรงว่านางจะอึดอัดไม่สบายใจ ทว่าสายตาของนางกลับมองเขาอย่างเป็นห่วงด้วยซ้ำ

 นางช่างดีกับเขาเหลือเกิน.

            หานหรงเหยาไม่คิดว่าการที่ตนกลับมาเมืองหลวงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้  นอกจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามรับสั่งแล้ว สหายที่เคยเรียนร่วมชั้นในสำนักศึกษาต่างแวะมาเยี่ยมเยือน แลกเปลี่ยนความรู้เช่นกาลก่อน  เทียบเชิญจากอาจารย์เรียกเขาไปพบ กลับมาถึงจวนพี่ใหญ่ก็เรียกไปหารือเรื่องงาน แต่ที่ทำให้เขาปวดหัวหนักที่สุดคือบรรดาแม่สื่อที่เดินเข้าออกจวนราวกับตลาดเสียด้วยซ้ำ

            วุ่นวายจนไม่มีเวลาพาจิ้งจอกแดงตัวน้อยไปเที่ยวเล่นตามที่สัญญา ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วเขาพบนางแค่ยามค่ำคืนที่นางกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงมุดเข้ามาในผ้าห่มของเขา แต่ทุกครั้งที่เขามองนาง ใบหน้างามจะมีรอยยิ้มให้เสมอ

            วันนี้หลังจากกลับจากเดินหมากกับท่านอาจารย์ เขาตั้งใจจะซื้อขนมหวานที่ร้านเลื่องชื่อไปฝากนาง ทว่ากลับพบซุนเจ้าเฟิงเข้าเสียก่อน  ซุนเจ้าเฟิงกระโดนลงจากม้าแล้วลากแขนหานหรงเหยาเข้าโรงเตี้ยมเพื่อดื่มสุรา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status