Share

Chapter 33. ชวนให้ลุ่มหลงเสียจริง

เมื่อถึงถนนเส้นหลัก หลิวชิงเซียงก็ลงมาเดินเหมือนคนปกติทั่วไป ในหัวครุ่นคิดเรื่องหลิวเข่อซิงจนไม่รู้ว่ามีบุรุษยืนขวางทางเดินอยู่  นางหงุดหงิดใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว   จึงตวัดสายตาจ้องมองอย่างขุ่นเคือง  ทว่าคนที่ถูกสายตาพุ่งเข้าใส่ราวกับลูกธนูกลับคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้างามยามขึงตาใส่กลับยิ่งชวนให้ลุ่มหลงเสียจริง

            “ไม่คิดว่าจะได้พบกับผู้ดูแลหลิวที่เมืองหลวง”  ซุนเจ้าเฟิงคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

            หลิวชิงเซียงเลิกคิ้วเล็กน้อย นางกะพริบตาแล้วคลี่ยิ้มอ่อนหวานแต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา ย่อกายคารวะบุรุษตรงหน้า

            “คารวะองค์ชายสามเพคะ”

            แม่ทัพใหญ่อดกวาดตามองหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีเขียวใบไผ่ นางไม่ได้แต่งกายสีสันฉูดฉาดแต่กลับขับเน้นให้นางดูสูงส่งทั้งที่นางมาจากหอนางโลม

“ไม่เอาน่า อย่าทำเป็นคนอื่นเลย เจ้ากับข้าก็คุ้นเคยกันตั้งแต่อยู่ชายแดน”  เขาโบกมือไปมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หรือว่าผู้ดูแลหลิวมาเมืองหลวงเพราะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่”

            “หรืออาจเป็นเพราะองค์ชายที่มีใจถวิลหาหม่อมฉัน จนมาพบกันกลางถนนเช่นนี้” แม้นางจะแสดงท่าทีอ่อนน้อมแต่แววตากลับตรงข้าม

            ซุนเจ้าเฟิงไม่ถือสากลับแหงนหน้าหัวเราะอารมณ์ดี น้อยครั้งที่เขาจะพูดคุยกับสตรีได้หลายประโยคเช่นนี้ ยกเว้นสาวใช้ของหานหรงเหยาที่เหมือนพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจึงต้องพูดซ้ำเกินความจำเป็น

 แต่หลิวชิงเซียงไม่มีอารมณ์จะสนทนาด้วย นางยังขุ่นเขืองที่เห็นเข่อซิงในสภาพนั้นจึงเอ่ยปากขอลา

            “นี่...ได้พบกันเช่นนี้ เจ้าไม่คิดจะชวนข้าไปดื่มน้ำชาสักหน่อยรึ”  เขาขยับเท้าใช้ร่างกายตัวเองขวางทางเดิน

            หลิวชิงเซียงเลิกคิ้ว “องค์ชายสามลืมแล้วหรือเพคะ หม่อนฉันเป็นนางโลม หากองค์ชายสามต้องการใช้เวลากับหม่อมฉันก็ต้องจ่ายเงิน”

            “ได้ เจ้าเรียกค่าตัวมาสิ”  เขายิ้มกริ่มไม่นึกโกรธที่นางขึงตาใส่

            “วันนี้หม่อมฉันไม่ว่างเพคะ”

            “ข้าจ่ายเป็นสองเท่า เอ่อ ไม่สิ สามเท่าเลยดีไหม”

            หลิวชิงเซียงตวัดสายตาใส่  ไม่อยากสนทนาด้วยจึงขยับเท้าเบี่ยงตัวไปอีกด้าน แต่ซุนเจ้าเฟิงขยับตัวขวางไว้  เขายกมือขึ้นหมายจะรั้งมิให้นางเดินไป แต่นางเข้าใจผิดคิดว่าเขาลงมือกับนาง มือเรียวเล็กยกมือขึ้นสะบัดหลังมือกระแทกใส่อีกฝ่าย แม่ทัพใหญ่เลิกคิ้วแต่นึกสนุกลองเพลงยุทธ์กับนาง เดิมทีหลิวชิงเซียงไม่คิดเปิดเผยว่าตนเองเป็นวรยุทธ์แต่ยามนี้นางหงุดหงิดและต้องการที่ระบายโทสะ  ในเมื่ออีกฝ่ายมีใจหยอกเย้า นางก็ไม่ออมมือ  เคลื่อนไหวราวร่ายรำแต่ฝ่ามือส่งแรงปะทะออกไป ซุนเจ้าเฟิงเดินลมปราณ เขาอยากเล่นสนุกกับนางแต่ไม่ใช่กลางถนนท่ามกลางสายตาผู้คนเช่นนี้ เมื่อได้จังหวะคว้าข้อมือกระชากนางเข้ามาในวงแขนก็โอบรัดรอบเอวคอดกิ่วนั้นไว้ ใช้วิชาตัวเบาพานางหลบหนีสายตาผู้คน

            “เจ้า!”  หลิวชิงเซียงเกรี้ยวกราด แต่เพียงเวลาอึดใจเขาพานางมาริมแม่น้ำที่มีผู้คนบางตา เขาปล่อยนางแล้วถอยห่างออกมาสองก้าว แสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดทำร้ายหรือล่วงเกิน

            “ไม่รู้ว่าผู้ดูแลหลิวจะมีฝีมือไม่น้อย ครั้งหน้าเห็นทีข้าต้องขอคำชี้แนะจากเจ้าบ้าง”  เขายังคงยิ้มแต่ไม่ได้ก่อกวนอารมณ์ของนางอีก “เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจรึ”

            หญิงสาวประหลาดใจในคำถามที่ได้ยิน อารมณ์ของนางสงบลงหลังถอนหายใจออกมา แล้วกวาดสายตามองไปโดยรอบ

            “หม่อมฉันไม่คิดว่าเมืองหลวงจะเหลือที่สงบแล้วเสียอีก” 

            “ข้าเองก็ไม่ชอบอยู่ในจวน ชอบเดินดูวิถีชีวิตผู้คนเรียบง่ายมากกว่าจึงได้ค้นพบที่แห่งนี้”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายลงมาก “หากเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ถ้าข้าพอช่วยได้ก็บอกมาเถิด อย่าได้เกรงใจ อย่างไรก็ถือเสียว่า เราเคยพบกันมาก่อน เจ้าเป็นคนต่างถิ่นอาจไม่รู้เรื่องในเมืองหลวงเท่าข้า”

            “ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันขอให้องค์ชายสามเตือนที่ปรึกษาหานด้วย  แม้เขาซื้อคนของหม่อมฉันไปแล้ว หากดูแลนางไม่ดี ทำให้นางต้องลำบากกายหรือใจ หม่อมฉันยินดีซื้อตัวนางกลับมา”

            “เข่อซิงนะหรือ?” เขาขมวดคิ้วแล้วโคลงศีรษะ “ไม่มีทาง เจ้าเข้าใจอะไรผิดเป็นแน่  สหายของข้าจริงใจกับเข่อซิงมาก เขาเร่งรีบสะสางงานเพื่อเดินทางกลับไปชายแดนกับข้า”

            “แต่สองตาของหม่อมฉันเห็นนางทำงานงกๆ จนมือที่เคยเรียวงามเป็นรอยถลอก ซ้ำอดมื้อกินมื้อ จนร่างกายซูบผอม เสื้อผ้าเนื้อหยาบไม่อบอุ่นเลยสักนิด ทั้งที่อากาศหนาวเย็น เช่นนี้แล้วจะเรียกว่านางอยู่ดีกินดีได้อีกรึ!”

            เขาอยากจะแก้ตัวแทนสหาย แต่เข้าเมืองหลวงมายี่สิบกว่าวันเขายังไม่พบหน้าหลิวเข่อซิงเลยสักครั้ง และนี่คงเป็นสาเหตุที่หลิวชิงเซียงแสดงท่าทีโกรธเคืองจนลงมือกับเขา เวลานี้เขาจึงได้แต่กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

            นางทำเสียง ‘เหอะ’ ในลำคอ แล้วยกมือขึ้นกอดอก  “ดูท่าบุรุษก็เป็นเช่นนี้ เอาเถิด  หม่อมฉันดูแลเข่อซิงมาตั้งแต่เด็ก นางเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตร คงไม่อาจคาดหวังให้นางได้รับสิ่งที่ดี หรือเท่าเทียมกับคนอื่น”

            “นี่...เจ้าอย่าคิดว่าบุรุษจะเป็นเหมือนกันหมดสิ”

            “อยู่มาห้าร้อยห้าสิบปี ก็เจอแต่บุรุษชั่วช้า”

            “เจ้าว่าอะไรนะ” เขาได้ยินนางพึมพำแต่ไม่ชัดนัก “ห้าร้อยปีอะไรกัน”

            “หม่อมฉันเปรียบเปรยเพคะ”  นางฉีกยิ้มให้เขา  “แต่อย่างไรก็ขอบพระทัยองค์ชายสาม หม่อมฉันอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว วันนี้ล่วงเกินองค์ชายไป หวังว่าจะไม่ถือสาหม่อมฉัน คราวนี้หม่อมฉันขอตัวแล้วจริงๆ”

            นางย่อกายคารวะแล้วหมุนตัวเดินกลับ ซุนเจ้าเฟิงไม่คิดรั้งนางอีกแต่รีบพูดออกไป

            “ข้าไม่รู้ว่าเจอพบเจอเรื่องใดมา แต่บุรุษไม่ได้เลวร้ายทุกคน”

            หลิวชิงเซียงเอี้ยวใบหน้าหันมอง มุมปากยกยิ้มขบขันแต่ไม่เอ่ยสิ่งใด นางหันหน้ากลับแล้วเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้เขาได้อยู่กับความสงสัย

นางพบเจอเรื่องใดมาจึงมองบุรุษในแง่ร้ายขนาดนี้.

            มือใหญ่กุมมือเล็กไว้มั่นทำให้หญิงสาวคลายอาการตื่นกลัวลงได้บ้าง  หลิวเข่อซิงเหลือบมองชายนั่งเคียงข้าง แม้เขาไม่ได้หันมาสบตาแต่นางรู้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ ใบหน้าหวานจึงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับหานกั๋วกงและหานเจียอี รวมทั้งหานลี่จู หลัวซู่เหมยและหานหลี่เจี๋ย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status