Share

Chapter 40. หวามไหว

            “เข่อซิง...” เขาเรียกนางด้วยเสียงแหบพร่า เขาไม่ได้กลัวนาง แต่...ร่างกายตื่นตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สะโพกกลมกลึงบดเบียดแท่งหยกที่ตั้งตระหง่านดุจเสาหิน  หางยาวปัดป่ายบนตัวเขายิ่งทำให้กระสับกระส่าย คาดหวังและรอคอยให้นางทำมากกว่านี้

            นางรู้ว่าเขาไม่ได้กลัวนางในร่างนี้ แววตาและท่าทางของเขาประกาศชัดว่าปรารถนานางมากเพียงใด  เรียวลิ้นตวัดหยอกล้อพันเกี่ยวหาความหวานอันหวามไหว สะโพกงามยกขึ้นเพื่อครอบครองแก่นกายที่ร้อนระอุ นางเปล่งเสียงครางชิดริมฝีปากเมื่อยินยอมให้ตัวตนของบุรุษที่นางรักเข้าไปในร่างจนสุดลำ

            สวรรค์!

            หานหรงเหยาคำรามออกมา นางปล่อยข้อมือของเขาแล้วหยัดกายขึ้น ทรวงอกงดงามกระเพื่อมตามแรงหายใจ ปลายถันสีหวานชูชันท้าท้ายสายตา นางเริ่มขยับสะโพกเคลื่อนไหวราวร่ายรำนำเสียวซ่านรัญจวนมาสู่ทั้งนางและเขา มือแกร่งลูบไล้บั้นเอวไปสัมผัสหางฟูสีแดงที่ส่ายไปมา

            “เร็วอีกซิงเอ๋อร์”  เขาแทบสำลักความสุขแล้ว เป็นฝ่ายอ้อนวอนให้นางควบขี่เขาเร็วขึ้นพร้อมกับหยัดสะโพกรับจังหวะกดลงของนาง  คาวรักอาบไล้แก่นกายจนเป็นมันวาวทำให้การเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ถี่กระชั้น เข่อซิงสะบัดหน้าไปมา มือใหญ่เลื่อนมากอบกุมบัวคู่งามและบีบเคล้นเพื่อความเสียวซ่านทำให้นางยิ่งรัวสะโพกเร็วขึ้นอีกจนร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้อง

            หานหรงเหยายันกายขึ้นนั่งแล้วจับเอวนางไว้มั่นไปฝ่ายกระแทกสวนขึ้นจนร่างนางกระเด็นกระดอน  มือเรียวกอดคอเขาไว้ตามด้วยเสียงครางกระเส่า ถูกเร่งเร้าให้ขึ้นสูงและสูงอีกราวกับจะเอื้อมมือแตะดวงดาวบนฟากฟ้า กระแสอุ่นร้อนสาดซัดเข้ามาอย่างรุ่นแรง ความสุขสมอาบไล้ไปทั่วร่าง ทั้งสองกอดกันแน่น หัวใจแนบหัวใจก่อนจะผละกันแล้วสบตากันอีกครั้ง  ราวกับนางเพิ่งได้สติ ใบหน้าเขินอายแดงระเรื่อ

            “ท่าน....ท่านไม่กลัวข้าหรือ? ข้าใช้ร่างปีศาจกับท่าน”

            “เจ้าเป็นภรรยาข้า  ข้าจะกลัวเจ้าได้อย่างไร”

            “ไม่ดี” นางส่ายหน้าไปมา “ข้าเคยได้ยินมนุษย์คุยกัน คนเป็นสามีต้องกลัวภรรยา”

            หานหรงเหยาทำตาปริบๆ

            นางคงเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาพูดผิดไป

            “ท่านให้ข้าเป็นภรรยาแล้ว ท่านต้องกลัวข้าสิ”  นางขยับกายออดอ้อน แต่นางคงลืมว่าร่างกายของทั้งสองสอดประสานกันอยู่ เพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ทำให้เขาครางเสียงต่ำ  อะไรที่มันควรสงบกลับค่อยๆ แข็งขันขึ้นมาอีกครั้ง

            “หรงเหยา” นางเรียกเขาเสียงหวานอย่างไม่รู้ว่าปลุกไฟราคะขึ้นอีกระลอก “กลัวข้าได้ไหม”

            “ได้ๆ เจ้าต้องการสิ่งใดข้ามอบให้หมด”  เขาอดทนต่อความเย้ายวนเบื้องหน้าไม่ไหว พลิกกายให้นางอยู่เบื้องล่าง แล้วเริ่มขยับเอวสอบอีกครั้ง  หลิวเข่อซิงครางเสียงหวาน  เรียวขางามแยกออกและโอบรัดเอวสอบที่ขยับโยกด้วยอารมณ์ร้อนแรง และปรารถนาจะเป็นหนึ่งเดียวไปชั่วนิรันดร์

            เงาร่างที่เคลื่อนไหวสอดประสานนั้นแปลกประหลาดนัก

            หลัวซู่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่าสองเท้าพาตนเองมาเรือนของหานหรงเหยาได้อย่างไร อาจเพราะเขากำลังมัวเมาหลงระเริงกับหญิงไร้หัวนอนปลายเท้าผู้นั้น   จึงไม่รู้ว่า นางมองผ่านบานหน้าต่างที่แง้มอยู่ แม้ไม่อาจเห็นภาพได้ชัด แต่เสียงที่ได้ยินก็รับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในห้อง ลำคอของนางแห้งผาก ความริษยาท่วมท้นจนแน่นหน้าอก 

            แต่...เงานั้นคืออะไร นั้นใช่หางหรือไม่ และยังมีหูเรียวแหลมนั้นอีก

            หรือว่า...ที่หานหรงเหยาเป็นเช่นนี้เพราะถูกปีศาจร้ายครอบงำจิตใจเข้าให้แล้ว!

            หลัวซู่เหมยและเสี่ยวจิ้ง สาวใช้คนสนิทไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมเพื่อขอพรให้ตนเองมีบุตร  แต่งงานเข้าสกุลหานมาสามปี นางทุ่มเทอย่างหนักในการเป็นสะใภ้ที่ดี  รวมทั้งพยายามทำทุกวิถีทางให้ตนเองตั้งครรภ์ ยาบำรุงใดที่ว่าดี นางยอมจ่ายเงินไม่เกี่ยง หรือแม้แต่กินอาหารเจ ตั้งโรงทาน แต่ทุกอย่างก็ยังไร้วี่แวว  

            เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังหญิงสาวสักการะเจ้าแม่กวนอิมเรียบร้อย  นางยังทอดตามองรูปเจ้าแม่กวนอิมหยกที่ใบหน้าเปี่ยมเมตตา หวังให้เจ้าแม่ประทานลูกให้นางเช่นคนอื่นบ้าง

คำอธิษฐานของนางไปไม่ถึงหรือไร นางจึงยังไม่ตั้งครรภ์เสียที

            “กลับกันเถิดเจ้าค่ะ”

สาวใช้เรียกเบาๆ ทำให้หลังซู่เหมยตื่นจากภวังค์แล้วเดินลงจากวัดมาที่รถม้าที่มีตราสกุลหาน  ทว่าสายตาของนางปะทะกับร่างสูงโปร่งของหานหรงเหยาที่เดินจูงมือหลิวเข่อซิงที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่แผงขายปิ่นปักผม ภาพความทรงจำวันวานหวนคืน  นางเคยเดินเคียงเขาเช่นนั้นมาก่อน  หัวใจนางเจ็บแปลบจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอก

            “เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”  สาวใช้เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล พลันมองตามสายตาของผู้เป็นนายจึงพบภาพบาดตานั้น  คนทั้งสองไม่เห็นพวกนาง เสี่ยวจิ้งติดตามมาตั้งแต่อยู่หลัวซู่เหมยยังเด็กได้แต่ถอนหายใจและแตะท่อนแขนให้หญิงสาวกลับขึ้นรถม้า  เมื่อหลัวซู่เหมยเข้ามานั่งในรถมาเรียบร้อย เสี่ยวจิ้งตัดสินใจพูดขึ้น

            “บ่าวได้ยินคนในตลาดคุยกัน มีนักพรตพเนจรมากความสามารถ พักที่อารามฝั่งตะวันตกของเมือง ได้ยินว่า...สามารถรักษาโรคภัยต่างๆ ได้  วันนี้ฮูหยินน้อยออกจากจวนมาแล้ว ลองไปดูสักหน่อยดีไหมเจ้าคะ”

            “ข้าไม่ได้เจ็บป่วย แค่ไม่มีลูกเท่านั้น”  นางพูดเย้ยหยันตัวเอง แต่กระนั้นก็เข้าใจความหวังดีของสาวใช้ นางจึงพยักหน้ารับไปอย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็นจริงจัง เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวจิ้งพยายามช่วยนางทุกวิถีทางให้ในท้องของนางมีทารก

            เสี่ยวจิ้งส่งเสียงบอกสารถี ไม่นานรถม้าก็ออกมาที่หมาย เป็นอารามที่ดูสะอาดสะอ้าน ไม่ได้รกร้างอย่างที่คิด แสดงว่ามีคนเข้าออกเป็นประจำ บรรยากาศโดยรอบดูสงบร่มรื่น เพียงก้าวเท้าลงจากรถม้า หลัวซู่เหมยก็สัมผัสได้ถึงความสงบจนทำให้ใจผ่อนคลายลง  สาวใช้ประคองนางก้าวขึ้นบันไดหิน  กลิ่นธูปจากไม้กฤษณาโชยมาก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเท้าไปในอาราม  หญิงสาวผู้หญิงเดินสวนออกมาและเงยหน้าสบตาโดยบังเอิญ หญิงสาวแปลกหน้าแม้สวมเสื้อผ้าแบบหญิงชาวบ้านแต่ใบหน้าเปี่ยมความสุข มือข้างหนึ่งประคองท้องที่หน้านูนเล็กน้อย  หัวใจของหลัวซู่เหมยมีความหวังขึ้นมาในทันที  ยังไม่ทันเอ่ยถามหานักพรต บุรุษผู้หนึ่งใบหน้าอิ่มเอิบอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้น

            “ท่านคือนักพรตซีห่าวใช่ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวจิ้งเอ่ยถาม แก้มฝาดสีแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว

            “ผู้มาพบมีเรื่องใดรึ เข้ามาดื่มน้ำชาด้านในก่อนเถิด”  นักพรตซีห่าวไม่ได้เอ่ยถามชื่อของทั้งสอง แต่เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งด้านใน และเป็นฝ่ายรินน้ำชาให้ด้วยตนเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status