Share

Chapter 39 . ภรรยาตัวน้อยมีหน้าทีเดียวที่ต้องทำในตอนนี้

            เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ทำให้หานลี่จูตื่นจากภวังค์ เขาหมุนตัวกลับไปก็พบหานหรงเหยาและหลิวเข่อซิงเดินจับมือกันเข้ามาทางเขาพอดี

            “พี่ใหญ่”  หานหรงเหยาเอ่ยทักทาย หลังจากพบหลิวชิงเซียงแล้ว เขาก็พาเข่อซิงเที่ยวเล่นในเมืองจึงกลับเข้าจวนค่ำมืดไปหน่อย

            “พวกเจ้าเพิ่งกลับมากันรึ”

            “ขอรับ” หานหรงเหยายิ้มแล้วก้มมองเข่อซิงที่มือข้างหนึ่งยังถือขนมถังหูลู่อยู่ “นางติดตามข้าเข้าเมืองหลวงมาเกือบเดือนแล้ว ข้าไม่มีเวลาพานางไปเที่ยวชมเมืองหลวงเลย วันนี้พอมีเวลาจึงพานางเดินชมตลาด”

            หานลี่จูยิ้มให้น้องชายแล้วเดินเข้าใกล้ ภายใต้แสงสลัวคือใบหน้าอ่อนโยนของผู้เป็นพี่ ทว่าหลิวเข่อซิงกลับตัวเกร็งขึ้นมาแล้วค่อยๆ ขยับตัวใช้ร่างของหานหรงเหยาบังตนเองไว้

            “เข่อซิง เจ้าทำอะไร”  หานหรงเหยาหัวเราะน้อยๆ เข้าใจว่านางคงกลัวพี่ใหญ่จะตำหนินาง

            “เข่อซิง”  หานลี่จูเรียกนางปนหัวเราะ “อีกประเดี๋ยวเจ้าก็มาเป็นน้องสะใภ้ของข้าแล้ว ก็ถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรือซู่เหมยเลย หรือแม้แต่หลี่เจี๋ยก็ด้วย พวกเราแม้เกิดในตระกูลหานอันเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี แต่พวกเราก็ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย เจ้าก็ทำตัวตามสบายเถิด”

            “เข่อซิง อย่าเสียมารยาท” หานหรงเหยาดุเข่อซิงเบาๆ ทำให้นางต้องออกมาจากด้านหลังของเขา แต่นางก็คงแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่

            “พี่ใหญ่โปรดอย่าถือสา ข้าจะอบรมนางให้ดี”

            “เอาเถิดๆ อีกหน่อยก็คุ้นเคยไปเอง”  หานลี่จูหัวเราะ “เจ้าก็เหมือนกัน อีกหน่อยก็มีครอบครัวแล้ว อย่าทำตัวเหลวไหลอีก ข้าดูแลกิจการทั้งหมดไม่ไหว ไหนจะงานที่กรมอีก เจ้าหลี่เจี๋ยก็ซุกซนไปวันๆ เจ้าต้องช่วยอบรมเขาอีกแรง”

            “ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่”

            “พวกเจ้าอยากเดินเล่นที่นี่ก็ตามสบาย ข้ากำลังจะไปห้องตำราพอดี”

            หานหรงเหยาพูดคุยกับพี่ชายอีกเล็กน้อย หานลี่จูก็ก้าวเท้าจากไป หลิวเข่อซิงผ่อนลมหายใจยาวพลางยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองเบาๆ

            “เหตุใดเจ้ากลัวพี่ใหญ่ของข้ามากเช่นนี้”  เขาถามอย่างประหลาดใจ

            “ข้าต่างหากที่ควรถามท่าน” นางยื่นปากใส่ “เหตุใดพี่ชายท่านจึง...” นางพูดได้แค่นั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากตนเอง

            “มีอะไร”

            หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมาเร็วๆ พลันนึกได้ว่าตนเองถือถังหูลู่อยู่จึงอ้าปากกัดผลไม้เชื่อมคำโต  ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

            “ค่อยๆ กินประเดี๋ยวติดคอ” เขาส่ายหน้า แล้วจูงมือนางมานั่งที่ศาลาริมน้ำ แต่ด้วยเกรงว่าพื้นเก้าอี้เย็นจึงจับนางมานั่งบนตักของตน

            หลิวเข่อซิงเคี้ยวถังหูลู่ช้าๆ หานหรงเหยาไม่ถามอะไรนางอีก แต่กระนั้นนางก็รู้ว่าเขามีเรื่องวิตกกังวลใจ

อย่างที่ท่านเข้าใจ หัวใจของท่านตอนนี้ปกติดี อีกอย่างพิษในร่างของท่านก็ถูกขับออกจนหมด อีกไม่นานร่างกายของท่านจะฟื้นคืนกำลังได้เต็มที่

            เหตุใดร่างกายเขาจึงได้รับพิษได้

            ยาที่เขากินเป็นประจำ เสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นล้วนเป็นที่บ้านที่จัดส่งไปให้เขาทุกเดือน หรือจะมีการสับเปลี่ยนระหว่างทาง มันเป็นไป ไม่ได้อย่างแน่นอน คนในตระกูลจะวางยาเขาเพื่อสิ่งใดกัน

            “หรงเหยา”  นางเรียกเขาเสียงแผ่วแล้วเอนศีรษะซบกับบ่าของเขา

            “ง่วงแล้วหรือ?” เขาถามทั้งที่รู้ว่าจิ้งจอกตัวน้อยวันนี้ซุกซนมาทั้งวัน ปกตินางชอบแอบหลับกลางวัน แต่วันนี้นางยังไม่ได้นอนเลย

            “ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน”  นางขยับศีรษะในท่าที่สบาย กลิ่นอายของเขาช่างหอมละมุนเหลือเกิน 

            “เจ้ามีเวลาอยู่เป็นเพื่อนข้าทั้งชีวิต”  เขามีเรื่องที่ต้องขบคิดแต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาอุ้มนางขึ้นกระชับวงแขนอย่างห่วงแหน “กอดคอข้าไว้ ข้าจะพาเจ้ากลับเรือน”

            “ข้าจะเดินเอง”  นางพูดเสียงแผ่ว แต่มือยกขึ้นคล้องคอเขาและดวงตาค่อยๆ ปิดลง

            เดิมอยากพานางนั่งชมจันทร์ด้วยกัน แต่นางคงเห็นพระจันทร์มาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว จึงไม่รู้สึกพิเศษอะไรแล้วกระมัง หานหรงเหยาหัวเราะในลำคอ เขารู้ว่ามีเงาร่างของใครคนหนึ่งทอดสายตามองมาทางเขา แต่เวลานี้ สถานะของนางไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และที่สำคัญ เขามีสิ่งล้ำค่าที่ต้องทะนุถนอมด้วยสองมือ  ชายหนุ่มอุ้มว่าที่ภรรยากลับมาที่เรือน และวางนางอย่างแผ่วเบาลงบนที่นอน เขาถอดรองเท้าถุงเท้าให้นางแล้วจึงเดินไปที่หลังฉากกั้น จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตนเอง ตอนอยู่ชายแดนเขาก็ทำอะไรด้วยตนเองจึงไม่ได้เรียกใครปรนนิบัติเขา

            “หรงเหยา” หลิวเข่อซิงยันกายขึ้นนั่งทั้งที่ยังโงนเงน

            “ข้าอยู่นี่” เขาขานรับและเดินออกมาหลังสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว  “ลุกขึ้นมาทำไม”

            “ข้าต้องปรนนิบัติท่าน...”

             “ภรรยาตัวน้อยมีหน้าทีเดียวที่ต้องทำในตอนนี้”

            เขายิ้มกริ่มแล้วตามขึ้นเตียง ปลดสายรัดเอวของนางออกแล้วประคองนางลงนอนอีกครั้ง นางพยายามลืมตาจะถามเขาว่าหมายถึงสิ่งใด  แต่ริมฝีปากของเขาก็ทาบลงมาที่ลำคอพร้อมกับมือกร้านลูบไล้ทรวงอกเปลือยเปล่า นางบิดกายรับสัมผัสอ่อนโยนและค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้น  นางช่างหอมหวานและผลิบานเย้ายวน 

หญิงสาวหอบหายใจแรงจนเปล่งเป็นเสียงครางกระเส่า นิ้วเรียวยาวแตะต้องกลีบดอกไม้สาวที่รอคอยให้เติมเต็ม ระลอกความเสียวซ่านถาโถมด้วยการเร่งเร้าของปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวเข้าออกในกายสาว เขาเฝ้ามองภาพที่งดงามเบื้องหน้า รับรู้ถึงจุดอ่อนไหวที่จะนำพาให้นางไปถึงปลายทางของความสุข แล้วกลั่นแกล้งด้วยการหยุดทุกการกระทำ ทำให้เข่อซิงลืมตาและจ้องมองดวงตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ของเขา

            “ท่าน...”  เข่อซิงพูดไม่ออก ไม่สิ นางไม่กล้าพูดสิ่งที่ต้องการ เขาคร่อมร่างนางพร้อมใบหน้าระบายยิ้ม นางใกล้ถึงจุดสุขสมแล้วแท้ๆ  แต่สายตายั่วล้อนั้นทำให้นางโมโห

เขาคิดจะล้อนางเล่นอย่างนั้นรึ! ได้! เขาจะได้รู้ฤทธิ์จิ้งจอกแดงอย่างนาง!

            รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว หานหรงเหยาเห็นแววตานางเป็นประกายสีแดงฉาน เพียงกะพริบตา ร่างของเขาถูกเหวี่ยงลงด้านร่างและนางเป็นฝ่ายนั่งคร่อมร่างเขา ใบหูน้อยๆ กลายเป็นหูจิ้งจอกและตามด้วยหางยาวฟูสีแดงดุจเปลวเพลิง  เขาเคยเห็นนางกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงเต็มตัวและเคยเห็นยามที่พลังของนางอ่อนแอ  จนไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ แต่ครั้งนี้แตกต่างไป  ผมดำขลับเงางามสลายเต็มแผ่นหลัง เสื้อผ้านางหลุดรุยเพราะมือของเขา  แต่เผยเรือนร่างขาวผ่องราวหิมะและมีบางตำแหน่งที่เกิดจุดแดงเพราะริมฝีปากของเขา มือเรียวเล็กรวบข้อมือใหญ่ของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียวและตรึงไว้เหนือศีรษะ หัวใจของเขาเต้นแรงมองนางค่อยๆ โน้มหน้าลงแลบลิ้นเลียริมฝีปากของเขา

            “ถ้าใช้ร่างมนุษย์ ข้าจะสู้แรงท่านไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในร่างปีศาจ  ข้าจะมีเรี่ยวแรงมากกว่าท่าน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status