หานหรงเหยาไม่เคยเล่าความหลังของเขากับหญิงในดวงใจ นางรู้ว่าเขามีบางเรื่องที่ซุกซ่อนไว้ แต่เมื่อเขาไม่พูด นางก็ไม่เคยฝืนค้นสิ่งที่ซ่อนไว้ใน หรือเพราะนางได้กินพลังชีวิตอย่างสม่ำเสมอและยังได้เสพพลังหยางเพิ่มความสมดุลให้ตนเอง นางจึง ‘สัมผัส’ ความลับในใจของผู้คนได้มากขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่ได้ต้องการรู้มันเลย
“น้ำชากับของว่างมาแล้ว” เสี่ยวจิ้งรีบพูดขึ้นแล้วรับถาดของว่างมาจากเด็กรับใช้ของร้าน เมื่อวางของบนโต๊ะแล้ว เสี่ยวจิ้งก็หันพูดให้เด็กรับใช้ของร้านออกไป
“มีขนมด้วย” เข่อซิงเปลี่ยนเรื่องแล้วยิ้มเช่นที่เคยเป็นมา
“อื้ม ก็ฮูหยินน้อยเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้และที่สำคัญ พวกเราเป็นคนของจวนหานกั๋วกง เถ้าแก่ก็ย่อมให้ความสำคัญมากกว่าลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว”
“เป็นเช่นนี้เอง พี่เสี่ยวจิ้งนี่รอบรู้จริงๆ”
“หากมีอะไรไม่เข้าใจก็ถามข้าได้” เสี่ยวจิ้งรินน้ำชาส่งให้หลัวซู่เหมยและเข่อซิง ฐานะของหลิวเข่อซิงยังไม่ชัดเจน นางไม่อยากก้มหัวให้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าผู้นี้
“ดื่มซิ” เสี่ยวจิ้งคะยั้นคะยอให้หลิวเข่อซิงดื่มชา ใบหน้าของหลัวซู่เหมยซีดเผือด เสี่ยวจิ้งรู้ว่าหลัวซู่เหมยคิดเปลี่ยนใจ ด้วยความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้านาย นางเห็นหลัวซู่เหมยทุกข์ใจมานานจึงได้ตัดสินใจจะเป็นคนพาเข่อซิงไปพบนักพรตเอง แม้ตนเองไม่รู้ว่าทำไมหลัวซู่เหมยคิดว่าเข่อซิงเป็นปีศาจ แต่เพื่อความสุขของเจ้านาย นางยินดีทำ
“พี่เสี่ยวจิ้งก็ดื่มด้วยกันสิ”
“ได้ๆ ดื่มน้ำชาด้วยกัน” เสี่ยวจิ้งรินน้ำชาให้ตนเองแล้วยกขึ้นดื่ม หลิวเข่อซิงเห็นดังนั้นจึงยกน้ำชาขึ้นดื่ม เพียงนางวางถ้วยชาที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ พลันรู้สึกร้อนวูบไปทั่วร่าง นางยันกายขึ้นจากเก้าอี้แต่ร่างกลับไร้
เรี่ยวแรงทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“เข่อซิง!” หลัวซู่เหมยตกใจหมายเข้าไปประคอง แต่เสี่ยวจิ้งดึงแขนนางไว้ก่อน
“อย่าเจ้าค่ะ” เสี่ยวจิ้งรีบห้าม
“จะ...เจ้า...เจ้าวางยานาง...” หลัวซู่เหมยไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ้งจะใช้วิธีนี้ นางก็รู้เพียงว่า เสี่ยวจิ้งเอ่ยปากว่าจะจัดการเอง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่ใน
“นางเป็นปีศาจนะเจ้าคะ” เสี่ยวจิ้งย้ำ
“ปะ...ปีศาจ...”
หลิวเข่อซิงเงยหน้าขึ้น ภาพเบื้องหน้าเลือนพร่าไปหมด แต่ยังได้ยินชัดว่ามีคนเรียกนางว่าปีศาจ
เท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามา คนทั้งสามก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที หลัวซู่เหมยกับเสี่ยวจิ้งหน้าซีดเผือด ทำไมพบกับนักพรตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน นางรู้สึกว่าเขา ‘น่ากลัว’ แม้ใบหน้ากำลังแย้มยิ้มก็ตาม ในมือถือแส้หางม้าเดินตรงมาทางคนทั้งสาม
เข่อซิงเบิกตากว้าง นางอ้าปากแต่ไร้เสียง เมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้ นางรวบรวมแรงที่มีฝืนลุกขึ้น เป็นจังหวะที่นักพรตซีห่าวสะบัดแส้ในมือเกิดพลังขุมหนึ่งวาดใส่ทิศทางที่หลัวซู่เหมยและเสี่ยวจิ้งยืนอยู่ แม้รู้ว่ามีอันตรายแต่หลัวซู่เหมยกลับก้าวเท้าไม่ได้ นางได้แต่หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว
“โอ๊ย!”
หลิวเข่อซิงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกแส้ที่มองไม่เห็นหวดเข้าใส่ แขนเสื้อของนางขาดและเลือดไหลซึมออกมาจากผิวกายขาวเนียน
“เข่อซิง!”
“นะ..หนี...” เข่อซิงพยายามพูดออกมา แต่โซ่เงินเส้นหนึ่งตวัดรัดรอบลำคอแล้วกระตุกอย่างแรงลากร่างของนางลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนจะทิ้งตัวลงเบื้องหน้านักพรต
“ฮูหยินน้อย รีบหนีเร็วก่อนเจ้าค่ะ”
“เข่อซิง!” หลัวซู่เหมยเห็นท่าทางเข่อซิงทุรนทุรายเพราะโซ่เงินที่รัดรอบลำคอ “ท่านทำอะไรนาง!”
“กำจัดปีศาจ” นักพรตยังคงสีหน้าอ่อนโยน มีเพียงแววตาที่เปลี่ยนไป “ต้องขอบคุณฮูหยินน้อยที่ช่วยกำจัดปีศาจร้ายตนนี้”
“หนีไป!” หลิวเข่อซิงตะโกนออกไปทว่าโซ่ที่รัดรอบลำคอแน่นขึ้นอีก “หนี...”
“เข่อซิง!”
“ฮูหยินน้อย รีบหนีเถิดเจ้าค่ะ” เสี่ยวจิ้งลากแขนหลัวซู่เหมยออกมา
เข่อซิงเห็นนักพรตยกมือขึ้นหมายตวัดแส้หางม้าในมือ นางเรียกพลังปีศาจออกมา ทำให้ใบหูเปลี่ยนไปและหางจิ้งจอกแดงปรากฏออกมา นางต้องใช้ร่างนี้เพื่อปกป้องหญิงสาวที่หานหรงเหยารัก นางกระโจนเข้า
ไปขวาง ใช้แผ่นหลังของตนเองรับแรงปะทะของแส้หางม้า
“กรี๊ด!” เข่อซิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสื้อด้านหลังขาดและเลือดสีสดกระเซ็นออกจากรอยแยกของผิวหนัง
“เข่อซิง...” หลัวซู่เหมยกับเสี่ยวจิ้งหน้าซีดเผือด เข่อซิงมีใบหูและหางจิ้งจอกแดงงอกออกมาพุ่งตรงมาทางนางเพื่อปกป้องนาง “ทำไม...”
“ต้อง...ปกป้อง...ท่านและ...” เข่อซิงกระอักโลหิตออกมา โซ่เงินรัดรอบคอแน่นขึ้น “ชีวิตในครรภ์ของท่าน”
“เจ้า...เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
“หนี...หนีไป”
หลิวเข่อซิงเป็นเพียงปีศาจขั้นต่ำ ไม่มีพลังมากพอที่จะต่อกรกับผู้ใด ที่ทำในเวลานี้ก็มากเกินกว่าที่นางจะรับมือไหวแล้ว เสี่ยวจิ้งได้ยินที่เข่อซิงพูดก็รีบลากแขนหลัวซู่เหมยที่ยังมึนงงอยู่ออกมาด้านนอกห้องนั้น หลิวเข่อซิงสะบัดมือทำให้ประตูปิดลง นางไร้เรี่ยวแรงจนทิ้งร่างลงไปนอนกับพื้น นักพรตหนุ่มหัวเราะในลำคอแล้วเดินมานั่งบนส้นเท้า มองดูใบหน้าไร้สีเลือดของปีศาจจิ้งจอกแดง
“น่าเสียดาย คิดว่าจะได้ทารกในครรภ์นั้นมาใช้เป็นส่วนผสมของการปรุงยาวิเสษ” นักพรตซีห่าวยังคงยิ้มอ่อนโยน “แต่ได้หัวใจของปีศาจจิ้งจอกแดงก็ดีไม่น้อย”
หลิวเข่อซิงมองนิ้วมือเรียวงามยื่นมาแตะเลือดที่ลำคอของนาง แล้วยกนิ้วที่เปื้อนเลือดนั้นส่งเข้าปากดูดกลืนมันลงคอ นางฝืนประคองสติไว้แต่ไม่อาจต้านทานฤทธิ์ยาในน้ำชาได้ ดวงตาจึงค่อยๆ ปิดลงและหวังว่าหลัวซู่เหมยและลูกในท้องจะปลอดภัย หากเกิดเรื่องร้ายขึ้น เกรงว่าหานหรงเหยาจะรับความเจ็บปวดอีกไม่ได้แล้ว
นางหวังเพียงเท่านี้จริงๆ.
หานลี่จูนั่งมองห่อยาที่วางอยู่ตรงหน้า เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือครึ่งชั่วยามแล้ว หานหรงเหยาเอ่ยปากบอกคนเป็นพี่อย่างเขาว่า ใกล้จะแต่งงาน อยากบำรุงร่างกายเพื่อว่าที่เจ้าสาวจึงมาขอรับยาจากเขา ทั้งที่ไม่ได้กินยามานาน น้องชายคนรองจะแต่งงาน กำลังจะสร้างครอบครัวของตนเอง น้องชายคนเล็กกำลังจะเข้ากองทัพ ท่านพ่อท่านแม่อายุก็มาก เวลานี้เขาคือคนเดียวที่ดูแลทุกอย่างในจวน บอกตัวเองให้ทำใจปล่อยวาง แต่หลายปีผ่านมาเขาก็ยังไม่อาจปล่อยวางได้อย่างแท้จริง จนวันนี้ที่เห็นรอยยิ้มของบิดามารดา เสียงหัวเราะของคนในครอบครัว นานเพียงใดแล้วที่ครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้ ยิ่งเห็นหานหรงเหยามีความสุขกับหลิวเข่อซิง ก็ยิ่งรู้ว่าคนที่ปวดใจก็คือเขากับหลัวซู่เหมย เป็นเช่นนี้แล้ว จะต่างอะไรจากการหันคมมีดเข้าหาตนเอง สุดท้ายแล้วคนที่เจ็บก็คือเขา เขาจะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ดี หานหรงเหยาเข้ามาอย่างเงียบๆ หานลี่จูที่เหม่อลอยอยู่ไม่รู้ว่าน้องชายเข้ามา จนกระทั่งหานหรงเหยาเอื้อมมือไปหยิบห่อยาเบื้องหน้าขึ้นมา “ดีจริง พี่ใหญ่เตรียมยาให้ข้าแล้วหรือ”
“ข้า...” ราวกับมีก้อนแข็งๆมาจุกที่ลำคอ หานลี่จูพูดอะไรไม่ออก หรือบางที อาจไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ เพราะยามนี้แค่มองตาก็เข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้หมดสิ้นแล้ว เสียงโวยวายด้านนอก เรียกความสนใจจากหานลี่จูและหานหรงเหยา บานประตูถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมร่างของหานหลี่เจี๋ยที่ประคองหลัวซู่เหมยเข้ามา “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านมาอยู่นี่เอง!” หานลี่จูสาวเท้าเข้าไปประคองหลัวซู่เหมยทันที เขาพาร่างสั่นเทามานั่งที่เก้าอี้แล้วตวัดสายตามองเสี่ยวจิ้งที่วิ่งตามมา “เกิดอะไรขึ้นฮูหยินน้อย!” หานลี่จูตวาดเสียงดังทำให้เสี่ยวจิ้งถึงกับเข่าอ่อนลงไปคุกเข่าเบื้องหน้า “เข่อซิง...” หลัวซู่เหมยรีบพูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น” หานหรงเหยาหายใจไม่ทั่วท้อง “เข่อซิงถูกจับตัวไป” หลัวซู่เหมยเงยหน้าสบตากับหานหรงเหยา “บังอาจ! ใครกล้าแตะต้องคนสกุลหานของเรา!” หานลี่จูจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวจิ้ง “ทุกครั้งที่ออกไปนอกจวนก็ให้มีผู้ติดตามไปมิใช่รึ เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้” “ข้าเพิ่งกลับจากตลาดม้า พบพี่สะใภ้เกิดเรื่องที
หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาจะมาโต้เถียงกับซุนเจ้าเฟิง นางจึงหันไปพูดหานหรงเหยาที่ควบม้าขนาบข้าง“ดูแลสหายของเจ้าให้ดี หากได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น เจ้าก็รับผิดชอบเอาเองก็แล้วกัน” ซุนเจ้าเฟิงรู้สึกถ้อยคำของนางแปลกหู ไม่ใช่คำพูดนอบน้อมและยังบังอาจสั่งสหาของเขาอีก หานหรงเหยาสบตากับซุนเจ้าเฟิง เขาไม่มีเวลาอธิบายเรื่องทั้งหมด และไม่รู้ว่าสหายจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ทั้งสามมาถึงอารามฝั่งตะวันตก มองผิวเผินด้านนอกดูสงบร่มรื่นแต่คนที่ผ่านสนามรบมาโชกโชนอย่างซุนเจ้าเฟิงย่อมรู้ดีว่า ที่นี่ไม่ใช่อารามธรรมดาอย่างแน่นอน เขาหันไปสบตากับหานหรงเหยาที่กระชับกระบี่ในมือ หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาสนใจเรื่องใดอีก นางก้าวเท้าเข้าไปในอาราม ยังไม่ทันยกเท้าข้ามธรณีประตูก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พุ่งออกมาทำให้นางผงะถอยหลัง ยันต์กระดาษสีเหลืองมีอักขระสีแดงพุ่งเข้าใส่หญิงสาวราวลูกศร นางเบี่ยงตัวหลบแต่ยันต์แผ่นนั้นปาดแขนเสื้อของนางขาด “บัดซบ! เจ้านักพรตชั่วทำเสื้อข้าขาดเรอะ!” หลิวชิงเซียงกระทืบ เท้าอย่างไม่พอใจ “วันนั้นข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้ารอดตายเลย” หญ
ดวงตาคู่งามฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตา หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา นางเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงก็จริง แต่ไม่เคยทำร้ายมนุษย์ “ข้า...ข้าไม่เคยทำร้ายใคร...ท่าน ปะ...ปล่อยข้าไปเถิด” “ปีศาจอย่างพวกเจ้า หากไม่เสพพลังชีวิตจากมนุษย์จะอยู่ได้อย่างไร” เขายังคงใบหน้าแย้มยิ้ม “และหากไม่ได้เสพพลังหยางจากบุรุษจะมีพลังได้อย่างไร” หลิวเข่อซิงส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ข้าไม่...” “เจ้าจะปฏิเสธไปไย ในเมื่อตัวเจ้าก็รู้ดีว่าตนเองมีปราณหยางไหลเวียนในกาย” เขาลดมือลงจากปลายคางของปีศาจสาว “ทำชั่วมามากแล้ว ข้าจะขอหัวใจของเจ้าเอาไว้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็แล้วกัน” “หัวใจของข้า...” นางยกมือกุมหัวใจตนเอง นางลืมไปได้อย่างไรว่าหัวใจของจิ้งจอกคือยาวิเศษชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอกแดงที่กินพลังพลังวิญญาณของมนุษย์ และจะยิ่งดีขึ้นเมื่อปีศาจตนนั้นได้กินพลังหยางบริสุทธิ์ ไม่หรอก นางไม่ได้ลืม แต่ทำเป็นจำไม่ได้ เดิมนางเป็นจิ้งจอกแดงตัวน้อย แต่ถูก ‘ท่านแม่’ มอบปราณปิศาจให้กลายเป็นปีศาจที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพื่อที่นางจะได้สะสมพลังหยาง ทว่านางขลาดกลัวจนเกินไป จึงเป
“ข้าไม่เป็นอะไร พวกท่านรีบไปเสีย” “พูดบ้าอะไร!” หลิวชิงเซียงที่ประมือกับนักพรตซีห่าวอยู่ตะคอกออกมา “เจ้าจะถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปหมด เจ้าจะสลายกลายเป็นธุลี!” “อย่าห่วงไป ก่อนนางจะสลายไป ข้าจะควักหัวใจออกมาเช่นเดียวกับที่จะทำกับเจ้า” “ห้าสิบปีที่แล้วเจ้าทำไม่เสร็จ วันนี้เจ้าก็คิดว่าจะทำได้เรอะ!” นางสะแขนเสื้อขึ้นรับแส้หางม้าที่ฟาดลงมา ครั้งนี้เสื้อของนางฉีกขาดและเลือดสีสดกระเซ็นออกมา “เจ้าอยู่หอนางโลมแต่ไม่กินพลังหยางของบุรุษหรือไร เรี่ยวแรงจึงมีเพียงแค่นี้” นักพรตซีห่าวหัวเราะ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ห้าร้อยปีใช่หรือไม่ ยังคงเชื่อใจว่ามนุษย์จะรักกับปีศาจอย่างเจ้าได้อยู่อีกเหรอ” เพราะถูกสะกิดแผลเก่า หลิวชิงเซียงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย ไม่สิ! นางไม่ยอมตายเพราะนักพรตชั่วที่เคยเปิดโปงร่างปีศาจของนางต่อหน้าชายคนรัก มันทำให้คนผู้นั้นทอดทิ้งนาง ทั้งที่นางเคยช่วยชีวิตเขา สิ่งที่นางไม่ยอมรับคือหลิวเข่อซิงเหมือนกับนางในอดีต แต่หลิวเข่อซิงไม่เหมือนนาง เพราะหานหรงเหยามีความจริงใจและมั่นรักอย่างแท้จริง แม้รู้ว่านางเป็น
“ท่านแม่ รีบช่วยเข่อซิงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หญิงงามในชุดสีม่วงหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปทางหานหรงเหยาและหลิวเข่อซิง นางขยับปลายนิ้วเล็กน้อย โซ่ที่รัดรอบลำคอก็หลุดออก แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตามีแววหวั่นวิตก “อุ้มนางลงมา” หานหรงเหยาไม่รอช้ารีบอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของหลิวเข่อซิงลงจากเตียงหยกโลหิตแล้วประคองนางไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม “ท่าน...ท่านแม่...” “เด็กโง่ เหตุใดทำตัวเองเจ็บเช่นนี้” นางพูดด้วยสีหน้าเวทนา “นางจะดีขึ้นใช่ไหม” หานหรงเหยาเอ่ยถาม แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาหน้าซีดลงไปทันที “นางถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปจนพร่องแล้ว เดิมทีนางก็เป็นเพียงจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่ข้าชุบชีวิตให้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ และพลังชีวิตของนางก็ถ่ายเทไปที่ตัวเจ้าเสียครึ่งหนึ่งแล้ว” “อะไรนะ...เข่อซิง ทำไมเจ้าทำเช่นนี้” เขาก้มหน้ามองคนในอ้อมอกที่หายใจแผ่วเบา แต่นางยังคงฝืนยิ้มให้เขา “ข้า...ข้าอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว แต่ท่านเพิ่งใช้ชีวิตได้แค่ยี่สิบปีเอง ข้าจึงแบ่งชีวิตครึ่งหนึ่งของข้าให้ท่าน”
เพราะนางหลับใหลไม่ได้สติ แม้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคล เขาก็ต้องคอยประคองนางอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้สึกเป็นภาระแต่อย่างใด ร่างเล็กเอียงซบต้นแขนของเขา มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กไว้มั่น หลิวชิงเซียง คอยประคองยามที่ต้องคารวะให้กันและกัน เมื่อเสร็จพิธีทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ แต่ขึ้นรถม้าที่ตระเตรียมไว้ออกนอกเมืองทันที “เจ้าติดค้างคืนเข้าหอของข้าอยู่นะ ซิงเอ๋อร์” เขาลูบใบหน้าน้อยที่หลับตาพริ้ม บางครั้งนางเหมือนอยู่ในห้วงฝัน แต่คงเป็นฝันดี เพราะนางยิ้มตลอดเวลา ราวครึ่งชั่วยามรถม้าก็หยุด หลิวชิงเซียงลงจากรถม้าแล้วส่งเสียงบอกหานหรงเหยาว่าถึงที่หมายแล้ว เขาเปิดผ่านประตูรถม้าก้าวลงมาก่อน กวาดตามองกระท่อมหลังเล็กที่มีดอกไม้นานาพรรณรายล้อม ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสถานที่ที่ปีศาจอยู่ “ตำหนักของท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ท่านกับเข่อซิงพักที่นี่ หมอกสีม่วงที่ปกคลุมบริเวณนี้ไม่ทำอันตรายท่าน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจถึงแก่ชีวิตได้” “ข้าทราบแล้ว” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าต้องดูแลเข่อซิงอย่างไร” “ให้นางนอนหลับเช่นนี้ ห
ซุนเจ้าเฟิงยอมรับว่าผ่านอะไรมามาก แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้ เพื่อได้อยู่ดูแลคนรัก หานหรงเหยายอมแต่งเข้าสกุลหลิว ตระกูลวานิชที่มั่งคั่งในเมืองหลวง พิธีแต่งงานจัดใหญ่โตสมฐานะ แต่น้อยคนที่จะสังเกตว่าเจ้าสาวไม่ได้สติ ถูกประคองตลอดเวลา เขาพูดอะไรไม่ออก อยากถามย้ำการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แววตาของหานหรงเหยาชัดเจนแล้วว่า ต้องการอยู่เคียงข้างหลิวเข่อซิง เขาทำได้เพียงแค่มองสหายรักเข้าพิธีแต่งงาน จนทั้งสองเดินทางออกจากเมืองหลวง เดิมทีเขาควรได้เดินทางกลับชายแดนก่อน แต่กลายเป็นว่าหานหรงเหยาออกเดินทางก่อนเขา และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องนั่งฟังเสด็จพ่อเสด็จแม่ พยายามกล่อมให้เขาเลือกชายาเสียที “จะว่าไปลูกก็มีความดีความชอบไม่น้อย เหตุใดจึงไม่สามารถเลือกชายาของตนเองได้เล่า” ชายหนุ่มบ่นพึมพำแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม “จะบ่ายเบี่ยงไปไย อย่างไรก็ต้องแต่งงาน” “ลูกแค่อยากเลือกคนที่จะมาเป็นชายาด้วยตนเอง” เขาเงยหน้าสบตากับบิดามารดาซึ่งเป็นฮ่องเต้และฮองเฮา “เสด็จพ่อเสด็จแม่จะกังวลเรื่องลูกไปทำไมกัน ในเมื่อพี่น้องคนอื่นล้วนแต