Share

Chapter 35.  พูดจาเหลวไหล

            “นั้นสินะ ตอนนั้นหลี่เจี๋ยยังอ้อนวอนขอขี่คอลี่จูเพื่อไปเก็บว่าวที่ติดอยู่บนกิ่งไม้อยู่เลย” มารดาหัวเราะออกมา  “วันนี้พวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว”

            “เสียดายก็แต่ซู่เหมย แต่งมาสามปียังไม่มีบุตร แต่นางก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องใดเลย ข้าเองก็เห็นใจนางที่ต้องหาอนุให้ลี่จู”

            “หรงเหยาสุขภาพดีวันดีคืน ให้เขากลับมาช่วยดูแลเรื่องในจวน ลี่จูจะได้มีเวลาเอาใจซู่เหมย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็คงต้องครรภ์”

            “นั้นสินะ”

“เจ้าก็ต้องรักษาตัวให้แข็งแรง จะได้มีแรงอุ้มหลาน”

สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างมีความหวัง คนเป็นพ่อแม่ย่อมอยากเห็นลูกๆ มีความสุข และจะดียิ่งถ้าได้มีชีวิตอยู่เลี้ยงดูหลานๆ

หลัวซู่เหมยชักมือกลับจากมือสามีที่เกาะกุมอย่างหลวมๆ นางยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้ามีธุระเล็กน้อย จะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมขอพรเรื่องมีลูกเจ้าค่ะ”

“เจ้าไปเถิด”  เขายิ้มแล้วยื่นมือไปลูบผมของนางอย่างรักใคร่พลางก้มหน้ากระซิบได้ยินเพียงสองคน “คงปวดใจมากสินะที่เห็นหรงเหยาแต่งงาน”

“ท่าน!”  หลัวซูเหมยขึงตาใส่ หานลี่จูยังคงยิ้มอ่อนโยนแต่ดวงตามีแววเยาะเย้ย

“ลำบากเจ้าแล้ว”

หานหรงเหยาและเข่อซิงที่เดินตามออกมาเห็นเพียง พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้กระซิบพูดคุยก็หยุดยืนมอง หัวใจเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดกับภาพตรงหน้าอีกแล้ว เห็นพี่ใหญ่ห่วงใยหลัวซู่เหมยอย่างดี   เขากลับสบายใจ ก้อนหินที่เคยกดทับหัวใจเขามันสลายหายไปตั้งแต่เมื่อใดกัน ปลายแขนเสื้อของเขาถูกกระตุก หานหรงเหยาก้มมองหญิงสาวที่ยืนเคียงข้าง นางส่งยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย  คงเป็นนางสินะ ที่ทำให้หัวใจของเขาไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

"ในที่สุด เจ้าก็จะมาเป็นพี่สะใภ้ข้าแล้วนะ"  หานหลี่เจี๋ยยื่นมือไปแตะไหล่เข่อซิงเบาๆ “คราวนี้เจ้าไม่ต้องแย่งซาลาเปาข้าแล้ว”

“ข้าเคยแย่งของเจ้าที่ไหน” นางทำปากยื่น “เจ้าให้ข้าเองนะ”

“ข้าจะให้เจ้าลูกเดียวแต่เจ้าคว้าไปสองลูกเลยต่างหากล่ะ” หาน หลี่เจี๋ยฟ้องพี่รอง “พี่รอง ท่านมีภรรยาแล้วอย่าลืมน้องชายคนนี้ล่ะ”

“พูดจาเหลวไหล”   หานหรงเหยาหัวเราะออกมาแล้วพูดกับหานลี่จู “พี่ใหญ่ วันนี้ข้าขอเกเรไม่ไปช่วยงานท่านสักวัน พรุ่งนี้ข้าจะทำงานชดเชยให้”

“มีอะไรก็ไปทำเถิด” หานลี่จูส่งยิ้มให้น้องชายทั้งสองแล้วโอบไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่

หลิวเข่อซิงส่งยิ้มให้หลัวซู่เหมยอย่างจริงใจ จนป่านนี้นางก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลัวซู่เหมยจึงชิงชังนางนัก แม้กระทั่งตอนนี้ นางก็ยังสัมผัสได้

“ไปเถิดเข่อซิง” หานหรงเหยากุมมือนางไว้ ไออุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้หลิวเข่อซิงสลัดความคิดเรื่องหลัวซู่เหมยทิ้งไป

“ไปไหนเจ้าคะ”

“เจ้าบอกว่าผู้ดูแลหลิวมาเมืองหลวงใช่ไหม”  เขาถามขณะพานางเดินออกมาจากบริเวณนั้น

นางพยักหน้าแต่ยังมองเขาด้วยแววตาสงสัย

“ข้าคิดว่าจะไปพบนางเสียหน่อย มีเรื่องอยากปรึกษา” เขาอยากรู้ว่าที่เขาแข็งแรงขึ้นนี้เกี่ยวกับเข่อซิงหรือไม่ ทำไมเขาไม่อ่อนแอลงอย่างที่หลิวเข่อซิงเป็นกังวล

“ปรึกษาเรื่องใด”  เข่อซิงยังงุนงงตามเขาไม่ทัน

“เจ้าจะเป็นภรรยาข้า ข้าก็ต้องปรึกษาผู้ดูแลหลิวหรืออย่างน้อยก็ต้องแจ้งข่าวให้ท่านแม่ของเจ้าทราบ”

“เรื่องนั้น...” นางลืมไปเสียสิ้น นางเป็นกำพร้าแต่ ‘ท่านแม่’ ก็ชุบชีวิตนางให้กลายร่างเป็นมนุษย์  แม้นางเป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำแต่ ‘ท่านแม่’ ก็เลี้ยงดูนางมา วันนี้นางจะออกเรือนแล้ว อย่างไรก็ต้องแจ้งข่าวให้ ‘ท่านแม่’ รับรู้จะดีกว่า

“พวกเจ้าจะไปพบหลิวชิงเซียงเหรอ”

หานหรงเหยาประหลาดใจที่เห็นซุนเจ้าเฟิงมาเยือนถึงจวน ตั้งแต่กลับมาพบกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายสามมาถึงจวน

“เจ้ามาเมื่อไหร่กัน”

“ก็ทันได้ยินเจ้าพูดว่าจะไปพบผู้ดูแลหลิว”

“ไว้ครั้งหน้าเถิด วันนี้ไม่สะดวกนัก”  เพราะคิดจะพูดคุยหลิวเข่อซิงจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกแดง

“อะไรกัน ข้ากับเจ้าเป็นสหายกันนะ เราผ่านศึกสงคราม ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน แค่ข้าขอตามเจ้าไป เอ่อ..พบผู้ดูแลหลิวด้วยไม่ได้หรือไง”

หลิวเข่อซิงหลุดหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าจะได้เห็น ‘คนนิสัยไม่ดี’ ต้องมาอ้อนวอนหานหรงเหยาเช่นนี้

หานหรงเหยาถอนหายใจเบาๆ เห็นทีเขาคงปฏิเสธไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคงผิดปกติทำให้ซุนเจ้าเฟิงจับพิรุธได้

            ปลายนิ้วพร่างพรมราวร่ายมนตร์เกิดเสียงพิณสะกดใจผู้คน  สาวใช้เดินนำทางคนทั้งสามไปที่ห้องพิเศษ  ซุนเจ้าเฟิงถึงกับลมหายใจสะดุดเมื่อหลิวชิงเซียงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาพอดี ใบหน้างามไร้รอยยิ้มแต่เขาเห็นแววตาเป็นประกายเล็กน้อย  เมื่อครั้งอยู่ชายแดนเคยได้ยินว่า หญิงงามที่หอชมบุหลันบรรเลงเพลงพิณได้ไพเราะยิ่งนัก หรือนางจะคือคนที่ผู้คนกล่าวถึง

            “เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”  สาวใช้คนเดิมเรียกซุนเจ้าเฟิงอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มได้สติ เดินตามขึ้นไปชั้นสองของเรือนดอกท้อ แม้จะไม่ใช่หอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่เล่าลือกันว่าหญิงงามที่นี้นอกจากรูปโฉมงดงามแล้วยังมากความสามารถ  ที่สำคัญต้อนรับเฉพาะขุนนางและเศรษฐีเท่านั้น 

ห้องพิเศษถูกตบแต่งเรียบง่ายกว่าที่หานหรงเหยาคิด ทว่าข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของดีราคาสูง  หลิวเข่อซิงเดินไปโต๊ะกลมมีของว่างวางรออยู่ก่อนแล้ว

“อีกสักครู่แม่นางหลิวชิงเซียงจะมาพบเจ้าค่ะ”

“ข้ากินได้ไหม”  หลิวเข่อซิงชี้ไปที่ขนมบนโต๊ะ

“เชิญเจ้าค่ะ”

สาวใช้ออกไปแล้ว หลิวเข่อซิงจึงเอื้อมมือหยิบขนมดอกกุ้ยขึ้นมากัดกิน หานหรงเหยายิ้มเอ็นดู ยื่นนิ้วโป้งไปเช็ดมุมปากให้นาง แต่ซุนเจ้าเฟิงทำหน้าเหย รู้สึกหวานเลี่ยนพิลึกจนต้องรินน้ำชาให้ตนเอง

“พวกเจ้านี่นะ”  ซุนเจ้าเฟิงเบ้ปากใส่ แต่หลิวเข่อซิงไม่ยอมแพ้แลบลิ้นโต้กลับ ซุนเจ้าเฟิงไม่ใช่คนไม่โต้กลับ เขาแย่งขนมดอกกุ้ยมาแล้วยัดเข้าปากทันที

“เจ้าคนนิสัยไม่ดี!”

“อบรมนางหน่อยสิ หรงเหยา นางเป็นสาวใช้ของเจ้าไม่ใช่เหรอ”

“นางไม่ใช่สาวใช้แล้ว” หานหรงเหยาเป็นคนกลางได้แต่หัวเราะอย่างอ่อนใจ ใครจะกล้าคิดว่าแม่ทัพใหญ่พิทักษ์ชายแดนจะมาทะเลาะกับหญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างนางได้เล่า  “นางเป็นว่าที่ภรรยาของข้า”

“ภรรยา...เจ้าจะแต่งงานกับนาง”  ซุนเจ้าเฟิงเบิกตากว้าง “บิดามารดายอมรับนางแล้วรึ”

คำถามตรงไปตรงมาและสีหน้าไม่เชื่อของซุนเจ้าเฟิงทำให้เหลิวข่อซิงหน้าหมองลงทันที แม่ทัพหนุ่มรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วจึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status