แม้ได้เพียงเศษพลังชีวิตเล็กน้อยจากหลิวชิงเซียง แต่เข่อซิงก็สดชื่นขึ้นมาก เอาล่ะ! เพื่อให้หานหรงเหยาไม่ต้องเป็นกังวลเพราะนาง นางจะทำหน้าที่สาวใช้ให้ดีที่สุด! นางเดินไปกระโดดไปหวังจะไปช่วยงานบ่าวรับใช้ผู้อื่นอีก ทว่ากลิ่นซาลาเปาไส้เนื้อหอมเย้ายวนชักจูงให้นางเดินไปตามกลิ่น จนมาหยุดตรงหน้าเจ้าซาลาเปาลูกโต นางจ้องเจ้าก้อนขาวๆ พลางแลบลิ้นริมฝีปาก แต่ไม่กล้ายื่นมือไปจับ ดวงตาดลมโตค่อยๆ ช้อนขึ้นมองคนที่ถือซาลาเปาในมือ
“คุณชายหานหลี่เจี๋ย” หลิวเข่อซิงยืดตัวขึ้นจ้องมองหานหลี่เจี๋ยที่ยืนยิ้มมองนางอยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าต้องเรียกทั้งชื่อทั้งแซ่ของข้าเลยหรือ” เขาหัวเราะกับท่าทางไร้เดียงสาของนาง ในมือประคองซาลาเปาสองลูก ยังดีที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อมาไม่อย่างนั้นมือของเขาต้องแดงแน่ๆ
“คุณชายสาม...” นางเปลี่ยนคำเรียกใหม่ “ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ”
“มี” เขาพูดหนักแน่น “ยื่นมือมารับซาลาเปาไปเร็วๆ มันร้อน”
“เอ๋?”
“เร็ว!”
“เจ้าค่ะ!” นางยื่นสองมือไปรับซาลาเปา มันยังอุ่นร้อนอยู่จริงๆ นางเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แต่เขาสะบัดมือไปมาแล้วพูดขึ้น
“ข้าเอามาให้เจ้า รีบกินเสียซิ”
“ให้ข้า...” นางเอียงคอกลับอีกข้าง “ทำไม...”
“กินเข้าไปเถิดน่า ตัวเจ้านิดเดียวเอง กินให้มันเยอะหน่อย” เขากวาดตามองแล้วลอบถอนหายใจ ทำไมพี่รองถึงละเลยนางถึงเพียงนี้ นางมาอยู่ที่นี่แค่ครึ่งเดือน ผ่ายผอมลงมาก ไม่เหมือนวันแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถม้าเลย ภาพหญิงสาวในอาภรณ์พลิ้วไหวสีแดงสดยังตรึงสายตาของเขา แม้ฐานะของนางเป็นสาวใช้ แต่เขารู้ว่านางเป็นสตรีของพี่รอง
แต่ถ้า...ถ้าพี่รองไม่สนใจนางแล้วจริงๆ เขาก็จะ...จะ...
“ข้ากินได้จริงๆหรือ?” นางยังถามย้ำอีกครั้งแต่นางไม่ได้กินเนื้อมาหลายวันแล้ว เพราะหานหรงเหยานั้นแหละ เลี้ยงดูนางอย่างดีจนเคยตัว วันที่ไม่มีเนื้อให้กิน นางจึงรู้สึกโหยหารสเนื้อสัตว์เหลือเกิน
“ได้สิ หรือเจ้าคิดว่าข้าใส่ยาพิษไว้ไม่กล้ากิน เช่นนั้น ข้าจะกินให้เจ้าดูก่อน”
“ไม่ต้องๆ ข้าจะกิน กินทั้งสองลูกเลย” นางรีบหมุนตัวหลบไม่ให้เขาแย่งซาลาเปาในมือนาง นางถือซาลาเปาแล้วอ้าปากกัดกินคำโต ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจที่ได้กินของอร่อย
“ค่อยๆ กิน ข้าไม่แย่งเจ้าหรอก” หานหลี่เจี๋ยอดยิ้มตามไม่ได้ นางเป็นคนเปิดเผยเสียจริง กัดกินคำโตแต่ดูน่ารักน่าเอ็นดู แม้นางสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ แต่ยังคงขับเน้นเรือนร่างอรชรชวนมอง “เจ้าอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ลำบากมากหรือไม่”
เพราะกินอยู่จึงพูดไม่ออก แต่นางรีบส่ายหน้าไปมา เมื่อกลืนซาลาเปาลงคอแล้วจึงตอบ “ไม่ลำบากๆ ตอนที่ข้าอยู่...เอ่อ...ชายแดนลำบากกว่านี้”
“อืม...ไอ้ยินว่าเจ้าอยู่ชายแดน”
“ใช่ๆ ข้าเป็นเด็กกำพร้า ถ้าเที่ยบกันแล้วอยู่ที่นี่สบายมาก ฮูหยินน้อยจัดเสื้อผ้าและที่หลับนอนให้ มีผ้าห่มอุ่น มีอาหารสามมื้อ สำหรับข้าแล้วนับว่าดียิ่ง”
พอได้ยินว่านางเป็นกำพร้า ดวงตาของหานหลี่เจี๋ยหมองลงเล็กน้อย นางน่าสงสารถึงเพียงนี้สินะ พี่รองถึงได้รับนางไว้ข้างกาย หลิวเข่อซิงรีบกินซาลาเปาทั้งสองลูกจนติดคอ หานหลี่เจี๋ยเห็นท่าไม่ดีจึงสาวเท้าเข้าไปตบหลังให้นาง ทว่าหากมองไกลๆ จะคล้ายชายหนุ่มโอบกอดลูบไล้แผ่นหลังสาวใช้คนงาม นั้นทำให้บุรุษหนุ่มอีกคนปราดเข้ามาจับมือของหานหลี่เจี๋ยออกจากแผ่นหลังของเข่อซิง
“เจ้าทำอะไร” หานหรงเหยาเผลอตะคอกใส่น้องชาย
“พี่รอง” หานหลี่เจี๋ยขมวดคิ้ว “เข่อซิงกินซาลาเปาติดคอ ข้าแค่ช่วยทุบหลังให้นาง”
เข่อซิงพยักหน้ารับขึ้นลงรัวๆ “ข้าผิดเอง ข้า...ว้าย!”
สาวใช้ตัวน้อยร้องเสียงหลงถูกหานหรงเหยาคว้าข้อมือเรียวเล็กแล้วกระชากให้มาอยู่ข้างกาย
“พี่รอง” หานหลี่เจี๋ยหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ เขารู้ว่านางเป็นสตรีของพี่รอง แต่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไม่ไว้หน้าเขาเช่นนี้ “ท่านโปรดเบามือหน่อย เข่อซิงจะบาดเจ็บได้”
“เข่อซิง... เจ้าเรียกนางสนิทสนมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
“พี่รอง” หานหลี่เจี๋ยสาวเท้าเข้ามาใกล้ สบตากับหานหรงเหยาไร้แววทะเล้นเช่นทุกครั้ง “ข้ารู้ตัวว่าทำสิ่งใด ท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจะทำเรื่องเดียวกับพี่ใหญ่”
“หลี่เจี๋ย!”
“นายท่าน!” หลิวเข่อซิงกระตุกแขนเสื้อเขาแรงๆ “ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ท่าน เอ่อ...นายท่านอย่าได้...”
“เจ้าแก้ตัวแทนผู้อื่น”
สาวใช้ตัวน้อยส่ายหน้าไปมา“แต่เขาน้องชายของนายท่านนะ”
หานหรงเหยาไม่รู้ว่าตนเองโกรธหรือโมโหเรื่องใดกันแน่ เขาหงุดหงิดและร้อนรุ่มใจที่เห็นนางสนิทสนมกับผู้อื่น เขาเพียงสบตากับหานหลี่เจี๋ยเล็กน้อย แล้วชุกกระชากลากแขนให้หลิวเข่อซิงเดินตามเขาออกไปทันที
หานหลี่เจี๋ยผ่อนลมหายใจออกมา เขาไม่เคยเห็นพี่รองมีโทสะเช่นนี้มาก่อน
หรือว่า...พี่รองจะตกไหน้ำส้มเข้าแล้ว!
“ข้าเจ็บ”
เข่อซิงร้องครางอย่างเจ็บปวด แต่มือแกร่งที่จับข้อมือนางก็ไม่ยอมผ่อนแรงจนกระทั่งมาถึงเรือนของหานหรงเหยา เพียงบานประตูปิดลงร่างเล็กก็ถูกตรึงที่หลังบานประตู ร่างสูงย่อกายลงประทับริมฝีปากขบเม้มจนนางเผยอริมฝีปากออก แทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของนาง ดวงตาของเขาร้อนแรงจนนางต้องปิดเปลือกตาลง จุมพิตนี้แสดงความเป็นเจ้า ป้อนความเร่าร้อนจนสองขาของปีศาจสาวแทบหมดแรงยืน นางพยายามขยับตัวดิ้นรนด้วยไม่เคยถูกเขาสัมผัสอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ความหวาดกลัวและตื่นตระหนกไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน แต่นางเกือบจะหน้ามืดเพราะจูบเขาของเขา
ในที่สุดเขาก็ถอนริมฝีปากปล่อยให้เข่อซิงหอบหายใจจนตัวโยน เขาแนบหน้าผากของตนกับหน้าผากของนาง รู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองก็เต้นรัวไม่แพ้นาง
“ระ..หรง...หรงเหยา...” นางเรียกเขาเสียงสั่น เมื่ออยู่ด้วยกันสองคน เขาให้นางเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนม ไม่มีคำว่าสาวใช้หรือนายท่านอีก
“ข้าคนเดียว เจ้ากินไม่อิ่มหรือไร” เขาพูดเสียงพร่า หลากหลายความรู้สึกประดังประเดถาโถมราวพายุโหมกระหน่ำ เขารู้ว่าไม่ควรทำรุนแรงกับนาง แต่เมื่อเห็นนางสนิทสนมกับน้องชาย ก็ราวกับมีลูกไฟโหมไหม้อยู่กลางอก
“ข้า...ข้าไม่เข้าใจ ท่านพูดเรื่องอะไร” เสียงของนางยังคงสั่นอย่างน่าสงสาร
“ข้ารู้ ข้าละเลยเจ้า แต่เจ้าอย่าทำอะไรน้องชายข้าเลย เขายังเด็กนัก หากเจ้าต้องการก็กินข้าเถิด”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” นางรีบปฏิเสธ “คุณชายสามให้ซาลาเปาข้ากินต่างหาก”
หานหรงเหยาขยับตัวออกห่างเล็กน้อย กวาดตามองทั่วร่างนาง“เจ้าไม่กินพลังชีวิตจากข้ามาหลายวัน เหตุใดเจ้าไม่ดูอ่อนแอเลยสักนิด หรือว่า...” “นั้นเพราะศิษย์พี่แบ่งพลังชีวิตให้ข้ากินเล็กน้อย ข้าจึงฟื้นฟูกำลังตนเองไม่กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไปเสียก่อน” “ศิษย์พี่? ผู้ดูแลหลิวมาที่นี่หรือ?” หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับ “นางบอกว่าท่านแม่เป็นห่วงข้าจึงให้ศิษย์พี่มาดู” หานหรงเหยาผ่อนลมหายใจ เขาคลายมือที่ตรึงข้อมือนางไว้กับบานประตู ทว่าเขาสัมผัสได้ว่า นิ้วมือของนางเปลี่ยนไป ปลายนิ้วลอกและขาวซีด “เหตุใดเจ้าเป็นเช่นนี้” เขาลูบนิ้วมือนางอย่างเป็นกังวล “ข้าจะเชิญหมอมาตรวจดู” “ซักผ้าก็เป็นเช่นนี้แหละ” นางพยายามดึงมือกลับแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ตอนอยู่หุบเขาจื่อเซ่อข้าก็ทำงานเหล่านี้ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป” “ทำไมเจ้าต้องไปทำงานซักผ้า ก็ท่านแม่กับซูเหม่ยรับปากว่าจะให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับเจ้า” เขาเพิ่งสังเกตว่านางสวมเสื้อผ้ามอซอราวกับขอทาน “พวกเขารังแกเจ้าถึงเพียงนี้ ทำไมไม่มาหาข้า ” หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มี
หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา นางไม่อาจรับความเสียดเสียวนี้ได้อีก ร่างกายสั่นระริกและหอบหายใจจนตัวโยน เสียงหายทางปากเป็นเสียงครางปนสะอื้น หานหรงเหยายื่นมือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยน“อดทนหน่อยนะ ภรรยาตัวน้อยของข้า”หลิวเข่อซิงยังหูอื้อตาพร่า เห็นเพียงปากเขาขยับแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไร มือใหญ่จับเรียวขาขึ้นพาดบ่าแล้วเริ่มขยับเอวสอบนำพาความเสียวซ่านมาอีกครั้ง เข่อซิงสะบัดหน้าไปมา คงเพราะอัดอั้นมานานทำให้ชายหนุ่มใช้เวลานานกว่าทุกครั้ง แก่นกายของเขายังแข็งแกร่งและดุดัน เข่อซิงร้องครางจนเสียงแหบแห้งอย่างน่าสงสาร แต่เขาก็ยังโยกเอวถี่กระชั้น ร่างกายหญิงสาวร้อนเร่ายิ่งกว่าเดิมหลั่งน้ำหวานอาบไล้แก่นกายของเขาจนฉ่ำเยิ้มเปื้อนเปรอะต้นขา กลิ่นหอมหวานเย้ายวน ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างรวมถึงปลายนิ้วเท้า ช่องทางอ่อนนุ่มรัดแน่นส่งให้ชายหนุ่มไม่อาจอดทนได้อีก เขาส่งแก่นกายเข้าไปจนสุดรัดเอวนางไว้แนบแน่นและปลดปล่อยน้ำรักขาวขุ่นออกมาในที่สุดเสียงคำรามครางสุขสมและน้ำรักอุ่นร้อนของหานหรงเหยาทำให้นางรู้ว่าเขาถึงปลายทางแล้ว ชายหนุ่มมองคนใต้ร่างที่หอบหายใจแรง ดวงตากลมโตมีคราบน้ำตาฉ่ำวาว เขาโน้มหน้
เมื่อถึงถนนเส้นหลัก หลิวชิงเซียงก็ลงมาเดินเหมือนคนปกติทั่วไป ในหัวครุ่นคิดเรื่องหลิวเข่อซิงจนไม่รู้ว่ามีบุรุษยืนขวางทางเดินอยู่ นางหงุดหงิดใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงตวัดสายตาจ้องมองอย่างขุ่นเคือง ทว่าคนที่ถูกสายตาพุ่งเข้าใส่ราวกับลูกธนูกลับคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้างามยามขึงตาใส่กลับยิ่งชวนให้ลุ่มหลงเสียจริง “ไม่คิดว่าจะได้พบกับผู้ดูแลหลิวที่เมืองหลวง” ซุนเจ้าเฟิงคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ หลิวชิงเซียงเลิกคิ้วเล็กน้อย นางกะพริบตาแล้วคลี่ยิ้มอ่อนหวานแต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา ย่อกายคารวะบุรุษตรงหน้า “คารวะองค์ชายสามเพคะ” แม่ทัพใหญ่อดกวาดตามองหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีเขียวใบไผ่ นางไม่ได้แต่งกายสีสันฉูดฉาดแต่กลับขับเน้นให้นางดูสูงส่งทั้งที่นางมาจากหอนางโลม“ไม่เอาน่า อย่าทำเป็นคนอื่นเลย เจ้ากับข้าก็คุ้นเคยกันตั้งแต่อยู่ชายแดน” เขาโบกมือไปมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หรือว่าผู้ดูแลหลิวมาเมืองหลวงเพราะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่” “หรืออาจเป็นเพราะองค์ชายที่มีใจถวิลหาหม่อมฉัน จนมาพบกันกลางถนนเช่นนี้” แม้นางจะแสดงท่าทีอ่อนน้อมแต่แววตากลับตรงข้าม
บิดามารดาลอบสบตากันแล้วถอนหายใจ บุตรชายคนรองนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับหญิงสาวที่บุตรชายประกาศว่าจะแต่งเป็นภรรยา ที่ผ่านมาสองภรรยาหวังใจให้ลูกชายได้แต่งงานมีครอบครัวเฉกเช่นผู้อื่น แต่เพราะหัวใจที่อ่อนแอแต่กำเนิด คอยประคับประคองชีวิตให้ผ่านแต่ละวันได้ก็แสนยากเข็น ที่สำคัญ พวกเขาก็เคยทำร้ายจิตใจหานหรงเหยามาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งที่รู้ว่าหานหรงเหยามั่นรักกับหลัวซู่เหมย แต่สองตระกูลก็ลงความเห็นว่า ควรให้นางเข้าสกุลหานด้วยการแต่งงานกับหานลี่จู ครั้งนั้นหานหรงเหยาถึงกับไม่อาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีก แม้ปากเอ่ยแสดงความยินดีแต่ในใจย่อมเจ็บปวด ประจวบกับองค์ชายสามเปรยว่าต้องการกุนซือช่วยวางแผนการรบที่ชายแดน หานหรงเหยาฝืนคำห้ามปรามของบิดาเดินทางเข้ากองทัพในฐานะที่ปรึกษา แรกทีเดียวคิดว่าหานหรงเหยาจะอยู่เพียงไม่กี่เดือน แต่กลายเป็นสามปีไม่กลับบ้าน มีเพียงจดหมายโต้ตอบและคอยส่งยาให้ต้มดื่มเป็นประจำ คนเป็นพ่อแม่ย่อมดีใจที่รู้ว่าลูกชายจะแต่งงาน ทว่าหากหญิงสาวที่ลูกเลือกสมฐานะกันสักหน่อยคงไม่มีปัญหาอันใด แต่หญิงสาวที่หานหรงเหยาต้องการให้เป็นภรรยา เป็นหญิงกำพร้าที่ไม่รู้หัว
“นั้นสินะ ตอนนั้นหลี่เจี๋ยยังอ้อนวอนขอขี่คอลี่จูเพื่อไปเก็บว่าวที่ติดอยู่บนกิ่งไม้อยู่เลย” มารดาหัวเราะออกมา “วันนี้พวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว” “เสียดายก็แต่ซู่เหมย แต่งมาสามปียังไม่มีบุตร แต่นางก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องใดเลย ข้าเองก็เห็นใจนางที่ต้องหาอนุให้ลี่จู” “หรงเหยาสุขภาพดีวันดีคืน ให้เขากลับมาช่วยดูแลเรื่องในจวน ลี่จูจะได้มีเวลาเอาใจซู่เหมย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็คงต้องครรภ์” “นั้นสินะ”“เจ้าก็ต้องรักษาตัวให้แข็งแรง จะได้มีแรงอุ้มหลาน”สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างมีความหวัง คนเป็นพ่อแม่ย่อมอยากเห็นลูกๆ มีความสุข และจะดียิ่งถ้าได้มีชีวิตอยู่เลี้ยงดูหลานๆหลัวซู่เหมยชักมือกลับจากมือสามีที่เกาะกุมอย่างหลวมๆ นางยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้ามีธุระเล็กน้อย จะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมขอพรเรื่องมีลูกเจ้าค่ะ”“เจ้าไปเถิด” เขายิ้มแล้วยื่นมือไปลูบผมของนางอย่างรักใคร่พลางก้มหน้ากระซิบได้ยินเพียงสองคน “คงปวดใจมากสินะที่เห็นหรงเหยาแต่งงาน”“ท่าน!” หลัวซูเหมยขึงตาใส่ หานลี่จูยังคงยิ้มอ่อนโยนแต่ดวงตามีแววเยาะเย้ย“ลำบากเจ้าแล้ว”หานหรงเหยาและเข่อซิงที่เดินตามออก
“ยินดีด้วยๆ ข่าวมงคลเช่นนี้ ข้าขอแสดงความยินดีจากใจจริง”หานหรงเหยาเพียงแค่ยิ้มรับ ยังไม่ทันเอ่ยเล่าสิ่งใด บานประตูก็เปิดออก ร่างอรชรของหลิวชิงเซียงก็ก้าวเข้ามา นางคารวะซุนเจ้าเฟิงอย่างเต็มพิธีแล้วจึงย่อกายคารวะหานหรงเหยา“คารวะองค์ชายสามเพคะ ที่ปรึกษาหาน”ซุนเจ้าเฟิงสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจที่นางวางตัวเหินห่างแต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากโบกมือไปมา “เพิ่งรู้ว่าผู้ดูแลหลิวเล่นเพลงพิณได้ไพเราะยิ่งนัก เห็นทีโอกาสหน้าข้าต้องขอมาฟังเจ้าบรรเลงพิณที่นี่อีก”“หม่อมฉันมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ที่นี่ก็มีนักดนตรีเล่นพิณได้ไพเราะหลายคน องค์ชายสามชอบก็เชิญมาฟังได้ทุกเวลาเพคะ”หลิวเข่อซิงกระตุกแขนเสื้อหาหานหรงเหยาแล้วเอ่ยถาม “ข้าต้องพูดกับเจ้าคนนิสัยไม่ดีเหมือนศิษย์พี่หรือไม่”“ไม่ต้อง! ข้าไม่ชอบ!” ซุนเจ้าเฟิงรีบตอบทันที “แต่ห้ามเรียกข้าว่า ‘เจ้าคนนิสัยไม่ดี’อีก ถ้าข้านิสัยไม่ดีจริง เจ้าไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอก”“ความจริงเรียกคนนิสัยไม่ดีก็ถูกแล้ว คนนิสัยดีที่ไหนมาทวงบุญคุณผู้อื่นกันเล่า” หลิวเข่อซิงบ่นพึมพำ“นี่เจ้ากล้าว่าข้ารึ ถ้าไม่ใช่เพราะร้อยตำลึงของข้า นางก็คงอยู่ในหอนางโลมที่ชายแดนนั้น”“ถ้า
“นี่ท่านไม่รู้รึ เดิมที่หัวใจก็อ่อนแออยู่แล้ว แต่ร่างกายกลับได้รับพิษทำให้ร่างกายเย็นกว่าคนปกติทั่วไป ข้าเองไม่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษา แต่เท่าที่ตรวจดูเบื้องต้น หากบำรุงตัวเองให้ดีอีกครึ่งปีท่านก็จะหายเป็นปกติ” หลิวชิงเซียงหัวเราะน้อยๆ แล้วรินน้ำชาให้ตนเอง“ขอพูดตามตรง ปีศาจอย่างพวกเราก็ใช่ว่าจะชอบมีเรื่องกับมนุษย์ พวกเรากินพลังชีวิตจากมนุษย์ก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ถึงตาย ก็เหมือนที่มนุษย์เลี้ยงสัตว์เล็กๆ ไว้เป็นอาหาร ปีศาจอย่างพวกเราก็สามารถเลี้ยงมนุษย์ไว้ค่อยๆ กินพลังชีวิตของพวกเขาไปเรื่อยๆ หากเข่อซิงกินพลังชีวิตของท่านอย่างพอเหมาะ ข้ารับรองได้ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยอีกห้าสิบปี แต่ถ้าท่านเที่ยวเอาชีวิตไปเสี่ยงคมหอกคมดาบเหมือนสหายของท่าน ไม่ต้องพึ่งหมอดูที่ไหนข้าก็ทำนายได้ว่าไม่ได้แก่ตายอย่างแน่นอน”“ศิษย์พี่หมายความว่า...เขาจะไม่ตายเพราะข้าใช่ไหม”“มีผู้ใดหนีความตายได้บ้างเล่า ไม่ว่าเจ้าหรือข้า สักวันก็ต้องตายแต่ข้าอยู่มาห้าร้อยห้าสิบปี เจ้าอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปี อย่างไรก็มีชีวิตยืนยาวกว่ามนุษย์อยู่แล้ว”“เรื่องดีจริงๆ ขอบคุณผู้ดูแลหลิวที่ให้ความกระจ่างแก่ข้ากับเข่อซิง”“หา
นิ้วเรียวยาวแยกกลีบดอกไม้ที่คล้ำไปเล็กน้อยแต่ภายในยังคงคับแน่นดึงดูดผีเสื้อหนุ่ม ฟันคมขบกัดที่ยอดอกจนเปียกชุ่มและบวมขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่สองนิ้วแทรกในร่องรักที่บีบรัด เร่งเร้าให้คายน้ำหวานออกมา หานลี่จูถอนริมฝีปากจากเต้าคู่งามที่ช้ำเป็นจ้ำเลือดเพราะริมฝีปากของเขา แล้วยื่นหน้าไปกระซิบเสียงพร่า “เจ้าคิดถึงหรงเหยาอยู่สินะ แต่ร่างกายเจ้าเป็นของข้า ต่อให้เจ้าตายก็ยังเป็นคนของข้า” หลัวซู่เหมยได้แต่ครางสะอื้นร่างกายเกร็งกระตุกด้วยนิ้วร้ายของเขา หานลี่จูดึงนิ้วออกจากร่องรักแล้วดึงผ้าออกจากปากนาง ส่งนิ้วที่เปื้อนคาวรักส่งเข้าในไปโพรงปากที่น้ำลายเปื้อนเปรอะมุมปาก หยดน้ำตาใสหลั่งริน เขาขยับนิ้วเข้าออกในโพรงปากสวยหรี่ตามองราวกับปีศาจร้ายไม่เหลือเค้าบุรุษผู้อ่อนโยนที่ใครต่อใครกล่าวถึง มือข้างหนึ่งกระตุกสายรัดเอวแล้วปลดกางเกงให้เลื่อนลงเผยแก่นกายที่แข็งขัน เขาจับมือนุ่มมากุมลำเอ็นของตนแล้วกุมมือนางอีกทีเพื่อชักนำให้นางขยับมือสาวแก่นกายที่ขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ หานหลี่จูครางเสียงต่ำในลำคออย่างพอใจ กวาดนิ้วในโพรงปากของนางและเย้าแย่ลิ้นน้อยๆ นางครางปนสะอื้นแล้วเ