Share

Chapter 29. สาวใช้ในจวนสกุลหาน

                   แต่ละวันนางถูกเรียกใช้งานจนหัวหมุนแต่กระนั้นนางก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยสักคำ แม้บางมื้ออาหารของนางจะมีเพียงข้าวกับผัดผัก หรือแค่หมั่นโถว แต่นางก็ยังคงแย้มยิ้มอยู่เสมอ ปัญหาเดียวของนางคือกลางวันจะง่วงนอนมาก นางต้องแอบหยิกตัวเองให้ตื่นตลอดเวลา และกลางคืนนางไม่สามารถกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไปอุ่นเตียงให้หานหรงเหยา  หลิวเข่อซิงตากผ้าเรียบร้อยแล้วก็ก้มมองฝ่ามือขาวซีดของตนเอง  เมื่อครั้งที่อยู่หุบเขาจื่อเซ่อนางก็ทำงานเหล่านี้ แลกกับเศษพลังชีวิตที่บรรดาศิษย์พี่มอบให้  

            ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่จวน หานหรงเหยาไม่มีเวลาอยู่กับนางนัก นางไม่คิดน้อยใจอันใด เพราะเขาเป็นคนเก่งมากความสามารถย่อมมีเรื่องต้องทำมาก ทว่าหลังจากเรื่องในคืนนั้น นางยังไม่ได้พบหน้าเขาเลย แต่ได้ยินว่า มารดาของเขาไม่ค่อยสบาย หานหรงเหยาต้องดูแลอย่างใกล้ชิด  นางเข้าใจและไม่คิดเรียกร้องเอาสิ่งใด

            นางตากผ้าเสร็จแล้ว แดดเจิดจ้าเช่นนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเสื้อผ้าก็คงแห้งสนิท ไม่เหมือนที่หุบเขาจื่อเซ่อที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกตลอดเวลา  นางอ้าปากหาวคำโต  แอบมองรอบกายไม่มีผู้อื่นอยู่บริเวณนี้ นางจึงหาที่นั่งเพิ่งต้นไม้ใหญ่  นางง่วงเหลือเกิน ซ้ำยังไม่ได้กินพลังชีวิตมาหลายวัน ผละกำลังเริ่มถดถอยลงมาก  ความจริงนางไม่ต้องพึ่งพาหานหรงเหยาก็ได้ แม้อยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมาย แต่นางยังขลาดกลัวไม่กล้ากินพลังชีวิตของผู้อื่นอยู่ดี  ถ้าคืนนั้นไม่เกิดเรื่องเสียก่อน นางคงได้กินพลังชีวิตจากหานหรงเหยาแล้ว

            เรื่องคืนนั้น...หลิวเข่อซิงระบายลมหายใจเบาๆ คืนนั้นนางคืนร่างเป็นจิ้งจอกแดงกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงของเขา หวังใจว่ายามเขากลับมาจะได้พบที่นอนอันอบอุ่น ซึ่งนางก็ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกคืน ร่างกายของหานหรงเหยาค่อนข้างเย็น นางจะขดตัวกลมให้ไออุ่นกับเขา แต่คืนนั้นหานหรงเหยายังไม่กลับ นางคืนร่างเป็นจิ้งจอกแดงอยู่บนเตียงทว่างได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ซึ่งนางรู้ว่าไม่ใช่คนที่เฝ้ารอ  นางรีบร้อนคืนร่างมนุษย์แต่ยังไม่ทันสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย บานประตูก็เปิดออกเสียก่อน หลัวซู่เหมยและสาวใช้เข้ามาเห็นนางในสภาพเกือบเปลือยเปล่า  คนเหล่านั้นคิดว่าปีนป่ายขึ้นเตียงหานหรงเหยา จึงพุ่งเข้ามาฉุดกระชากลงเตียง นางที่ตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกมือลูบหัวคลำหางว่าเก็บซ่อนไว้มิดชิดหรือไม่  สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือหลัวซู่เหมยเกลียดนาง กลิ่นอายความเกลียดชังนั้นแผ่กระจายจนนางผงะถอยหนี หากไม่เพราะหานหรงเหยากลับมาทันเวลา นางอาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ก็เป็นได้

            “เจ้านี่ช่างกล้านัก ไม่เก็บหูเก็บหางเอาเสียเลย”

            หลิวเข่อซิงสะดุ้งสุดตัว นางยกมือขึ้นแตะศีรษะตนเองและพบว่าหูจิ้งจอกโผล่ขึ้นมาแล้ว

            “ศิษย์พี่ เอ่อ...ผู้ดูแลหลิว”  หลิวเข่อซิงไม่คิดว่าจะได้พบหลิวชิงเซียงที่เมืองหลวง และยังยืนกอดกอดมองนางด้วยสายตาเอือมระอา

            “อยู่ร่วมกับมนุษย์มากมาย ทำไมไม่กินพลังชีวิตจากมนุษย์เหล่านั้น คนที่มันรังแกเจ้าก็ลากคอมาสูบพลังชีวิตเสียให้หมด!”

            “ไม่มีใครรังแกข้าเสียหน่อย ข้า...ข้าเต็มใจทำเองต่างหาก”

            “ยังมีหน้ามาพูดแก้ตัวอีก!”  หลิวชิงเซียงเดินเข้ามาใกล้แล้วค้อมเอวลงจ้องมองหลิวเข่อซิงที่ผายผอมลงมาก “ข้านึกว่าเจ้าอยู่เมืองหลวงคงจะได้กินอิ่มใช้ชีวิตสุขสำราญ เหตุใดกลายเป็นสาวใช้น่าอนาถเช่นนี้ไปได้”

            “ข้าเป็นสาวใช้อยู่แล้วนี่” นางเถียงเสียงเบาแต่ดีใจที่ได้พบศิษย์พี่ นางยื่นมือไปจับท่อนแขนอีกฝ่ายส่งสายตาเว้าวอน “ข้าไม่ได้กินพลังชีวิตหลายวันแล้ว ข้าไม่สามารถควบคุมร่างนี้ได้ ศิษย์พี่เมตตามอบพลังชีวิตให้ข้าสักนิดเถอะนะ”

            “ถ้าข้าไม่ยืนอยู่ตรงนี้เจ้าจะทำอย่างไร คืนร่างเป็นจิ้งจอกแดงแล้วไม่สามารถกลับมาร่างมนุษย์ได้อีกหรือ? เข่อซิง ข้าสอนเจ้าจนเมื่อยปากแล้ว  สิ่งที่ข้าสอนเคยเข้าไปในสมองของเจ้าบ้างหรือไม่  มนุษย์เป็นได้แค่อาหารของพวกเราเท่านั้น เจ้าอย่าได้ฝันใฝ่ใช้ชีวิตครองคู่ไปถึงวันตายเลย!”

            “ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้น ข้าแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าเขาจะตาย”

            “มารดาเถอะ! มันต่างจากที่ข้าพูดตรงไหน ยังไงเจ้าก็อยากอยู่ข้างกายเขาจนกว่าเขาจะตายนั้นแหละ”

            หลิวชิงเซียงระอาใจ นางยื่นนิ้วไปทำท่าจะดีดหน้าผาก หลิวเข่อซิงกลัวจนหลับตาแน่น  ซ้ำยังหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย ทว่าปลายนิ้วของหลิวชิงเซียงเชยคางหญิงสาวขึ้นเล็กน้อย  นางยื่นปากเข้าไปใกล้ เป่าพลังชีวิตใส่ปากของเข่อซิง  ร่างกายที่อ่อนแรงพลันได้รับพลังอีกครั้ง หูจิ้งจอกหดหายกลับกลายเป็นใบหูของมนุษย์  รวมถึงหางจิ้งจอกด้วย  หลิวเข่อซิงผู้หิวโหยยื่นปากเข้าไปใกล้  แต่หลิวชิงเซียงเงยตัวขึ้นเสียก่อนทำให้ร่างเล็กหน้าคะมำไปกับพื้นดิน

            “อย่าโลภมาก ข้าให้เจ้าได้แค่นี้” นางมองอย่างดูแคลน “เจ้าควรตระหนักไว้ว่าปีศาจที่อยู่ในเมืองหลวงไม่ได้มีแค่เจ้ากับข้าหรือเผ่าพันธุ์จิ้งจอกแดงสกุลหลิวเท่านั้น นอกจากปีศาจอย่างพวกเราแล้วยังมีเหล่านักพรตปราบปีศาจบ้าบออะไรนั้นอีก จะทำอะไรก็ให้ระวังหน่อย อย่าให้สกุลหลิวของเราต้องเดือดร้อนเพราะเจ้า”

            “เจ้าค่ะ ข้าจะจำใส่ใจไว้ให้ดี”

            “แต่วันๆ เจ้าทำงานในจวนคงไม่ได้ออกไปเจอผู้คน   คงไม่โชคร้ายพบคนพวกนั้นหรอก”   

หลิวชิงเซียงมองอย่างดูแคลน เข่อซิงไม่ได้สวมเสื้อผ้างดงามเหมือนอยู่ชายแดน และยังต้องนอนในเรือนคนรับใช้ นางก็หลงคิดว่าหานหรงเหยาคงเป็น ‘คนดี’ แต่เห็นแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่ต่างจากบุรุษที่นางรู้จัก ยิ่งได้เสพสมเรือนร่างจนพอใจก็เบื่อหน่ายไม่สนใจใยดี  

            “ท่านแม่ส่งข้ามาเมืองหลวง ตอนนี้ข้าอยู่ที่หอนางโลมเรือนดอกท้อ ถ้ามีเรื่องใดก็ไปหาข้าที่นั้น” นางไม่ได้ ‘สงสาร’ เข่อซิงเลย นางแค่ทำหน้าที่ศิษย์พี่เท่านั้น

            “ข้าทราบแล้ว”  หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับ ดวงตากลมจ้องมองหลิวชิงเซียงกระโดดตัวลอยราวเหาะเหินหายลับไปจากตา  นางยันกายขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นตามเนื้อตัว มุมปากยกยิ้มจนเกือบจะเป็นหัวเราะ ศิษย์พี่ปากร้ายแต่ใจดี  ปีศาจในหุบเขาจื่อเซ่อก็เป็นเช่นนี้   คนที่นี่ก็เช่นกัน หลัวซู่เหมยชิงชังนางอย่างไร้เหตุผล แต่ก็ยังให้คนส่งอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ รวมทั้งเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับการทำงานหนักได้  อย่างนี้แล้วจะไม่เรียกว่าเป็นคนดีได้อย่างไร

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status