Share

Chapter 31.ข้าคนเดียว เจ้ากินไม่อิ่มหรือไร

            หานหรงเหยาขยับตัวออกห่างเล็กน้อย กวาดตามองทั่วร่างนาง

“เจ้าไม่กินพลังชีวิตจากข้ามาหลายวัน เหตุใดเจ้าไม่ดูอ่อนแอเลยสักนิด หรือว่า...”

            “นั้นเพราะศิษย์พี่แบ่งพลังชีวิตให้ข้ากินเล็กน้อย ข้าจึงฟื้นฟูกำลังตนเองไม่กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไปเสียก่อน”

            “ศิษย์พี่? ผู้ดูแลหลิวมาที่นี่หรือ?”

            หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับ “นางบอกว่าท่านแม่เป็นห่วงข้าจึงให้ศิษย์พี่มาดู”

            หานหรงเหยาผ่อนลมหายใจ เขาคลายมือที่ตรึงข้อมือนางไว้กับบานประตู ทว่าเขาสัมผัสได้ว่า นิ้วมือของนางเปลี่ยนไป ปลายนิ้วลอกและขาวซีด

            “เหตุใดเจ้าเป็นเช่นนี้” เขาลูบนิ้วมือนางอย่างเป็นกังวล “ข้าจะเชิญหมอมาตรวจดู”

            “ซักผ้าก็เป็นเช่นนี้แหละ” นางพยายามดึงมือกลับแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ตอนอยู่หุบเขาจื่อเซ่อข้าก็ทำงานเหล่านี้ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป”

            “ทำไมเจ้าต้องไปทำงานซักผ้า ก็ท่านแม่กับซูเหม่ยรับปากว่าจะให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับเจ้า”  เขาเพิ่งสังเกตว่านางสวมเสื้อผ้ามอซอราวกับขอทาน “พวกเขารังแกเจ้าถึงเพียงนี้ ทำไมไม่มาหาข้า ”

            หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มีใครรังแกข้า ข้ายินดีทำงานเหล่านั้นเอง”

            “เจ้ายังแก้ตัวแทนพวกเขาอีกหรือ” เขาปวดใจเหลือเกิน  ไม่คิดว่าคนในครอบครัวจะทำกับนางเช่นนี้ ทั้งที่เขากำชับว่านางเป็น ‘คนพิเศษ’ ของเขา ขอเพียงท่านแม่แข็งแรงขึ้นและเขาช่วยสะสางงานของพี่ใหญ่ ทุกคนจะไม่กีดกันเรื่องระหว่างเขากับหลิวเข่อซิง

            “ท่านอย่าโกรธพวกเขาสิ  พวกเขาเป็นครอบครัวของท่านนะ”

            “ไม่ได้ พวกเขาไม่ให้เกียรติเจ้าก็เท่ากับหมิ่นเกียรติข้าเช่นกัน ข้าไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้น เราไปจากที่นี่ไปจากเมืองหลวง อยู่ชายแดนด้วยกันเหมือนแต่เดิม หรือถ้าเจ้าไม่ชอบ เจ้าอยากไปที่ใด เราเดินทางท่องเที่ยว ค่ำไหนนอนนั้น หาที่สักที่ปักหลักเลี้ยงชีพ ข้าพอมีความรู้ สอนหนังสือแลกเงินได้ ไม่ทำให้เจ้าลำบาก”

            นางผ่ายผอมลงด้วยใช่ไหม เพราะเขาแท้ๆ ที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้

            “ไม่ได้นะ” เข่อซิงส่ายหน้ารัวๆ “ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีญาติพี่น้อง แม้ท่านแม่เอ็นดูมอบพลังให้ร่างกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่...แต่ข้าก็ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกับพวกเขา ท่านมีครอบครัวที่ดี มีบิดามารดาที่ควรกตัญญู มีพี่ชายน้องชายที่ห่วงใย มีพี่สะใภ้ที่ใส่ใจ บ่าวรับใช้ในจวนก็เทิดทูนท่าน พวกเขาคือสิ่งล้ำค่าของท่าน ท่านไม่ควรโกรธหรือไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้า”

            เห็นเขาอ้าปากจะโต้เถียง นางรีบยื่นมือไปประคองใบหน้าแล้วเขย่งปลายเท่าขึ้นใช้ริมฝีปากปิดปากไม่ให้เขาพูดจาเหลวไหลอันใดอีก

สำหรับนางแล้ว เขาสำคัญที่สุด และครอบครัวของเขาก็คือครอบครัวของนาง นางจะให้เขาต้องสูญเสียครอบครัวไปเพราะนางเป็นอันขาด

            ชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ นางงับริมฝีปากของเขาก่อนแทรกลิ้นน้อยๆ เข้ามาในโพรงปากหยอกเย้าลิ้นร้อนของเขา มือแกร่งโอบรัดร่างเล็กไว้แนบแน่นจนปลายเท้าลอยเหนือพื้น  เมื่อเป็นฝ่ายจูบนางกลับบ้าง

            “คิดถึงข้าบ้างไหม” หานหรงเหยาถามเสียงพร่า ปลายนิ้วคลายสายรัดเอวของนางออก  เผยทรวงอกกลมกลึงขาวผ่องที่เคยสัมผัส 

            “อืม”  นางครางตอบเสียงแผ่ว ปลายนิ้วของเขาสร้างความหวามไหวไปทั่วร่าง

            “ซิงเอ๋อร์” เขาเรียกนางอย่างสนิทสนม ทำราวกับไม่ได้ยินคำตอบของนาง ปลายนิ้วไล้บัวคู่งามทำเอาร่างบอบบางสั่นสะท้าน   “ว่าอย่างไร เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือเปล่า”

            ถูกเย้ายวนจนไม่อาจทนได้ เข่อซิงครางเสียงหวานพลางพยักหน้ารับ

“คิด...คิดถึง ขะ ข้า คิดถึงท่าน”

            เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ต้องการ หานหรงเหยาก็ช้อนร่างเล็กอุ้มตัวลอยพานางเข้าไปในห้องนอน เพียงแผ่นหลังสัมผัสฟูกนอน ความเขินอายก็ทำใบหน้างามผ่าวร้อน ดวงตากลมจ้องมองชายหนุ่มที่ผละจากร่างนางแล้วเปลื้องเสื้อผ้า  ดูภายนอกหานหรงเหยาเป็นผู้ชายรูปแบบบาง แต่เมื่อถอดเสื้อผ้าออกกลับเผยแผงอกกำยำและท่อนขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ  นางมองเขาจนแทบลืมหายใจจนกระทั่งเขาทาบร่างกายลงมาแล้วจูบนางอีกครั้ง

            “ยัง...ยังสว่างอยู่...เลย”   หลิวเข่อซิงขยับตัวพยายามถอยหนี  แต่นิ้วมือร้ายผลักเสื้อผ้าออกจากร่างนางอย่างรวดเร็ว

            “ตอนอยู่ในรถม้าก็สว่างเช่นนี้ ไม่เห็นเจ้าห้ามเลยนี่” เขายิ้มยั่วเย้า

            “เพราะท่าน...ท่านยั่วยวนข้า...”

            “ได้ เป็นความผิดข้าเอง”  เขาก้มลงจูบตำแหน่งหัวใจ สองมือกอบกุมทรวงอกขาวผ่องแล้วส่งปลายถันเข้าในอุ้งปาก ดูดดึงสลับไล้เลียจนหญิงครางเสียงหวานด้วยความเสียวซ่าน   กลิ่นหอมละมุนจากกายสาวปลุกเร้าเลือดในกายให้เดือดพล่าน ลิ้นร้อนปรนเปรอปลายถันทว่ากลับทำให้ดอกไม้สาวหลั่งน้ำหวานจนฉ่ำเยิ้ม  ชายหนุ่มเลื่อนมือข้างหน้าลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่มสัมผัสกับดอกไม้สาวที่ผลิกลีบรอการสัมผัส

            “อื้อ...ท่าน...” หลิวเข่อซิงบิดกายเร่า เขาละจากยอดอกของนางแต่พรมจูบทั่วหน้าท้องจนถึงจุดอ่อนไหวของกายสาว เรียวขาขยับแยกออกอย่างรอคอย  และเขาก็มอบความเสียวซ่านรัญจวนด้วยปลายลิ้นหยอกเย้ากลีบดอกไม้สาว  หัวสมองขาวโพลนไปหมด นางไม่อาจคิดสิ่งใดได้อีก  แต่กระนั้นสะโพกผายก็ยกขึ้นเพื่อรับสัมผัสของเขา มันช่างน่าอายแต่เย้ายวนจนไม่อาจต้านทานได้  เขาใช้ลิ้นแยกกลีบดอกไม้สาวเพื่อค้นพบไข่มุกล่ำค่าที่ซ่อนอยู่ เพียงการขบเม้มเบาๆ ก็เรียกเสียงครวญครางให้ดังขึ้น เขาเร่งเร้าส่งนางให้ถึงจุดสุขสม ร่างอ่อนนุ่มที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อถึงกับเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมา

            หานหรงเหยาหยัดกายเหนือร่างที่หอบหายใจแรง ริมฝีปากของเขายังเปื้อนคราบวาวใส  หญิงเขินอายไม่กล้าสบตา ผิวกายนางแดงระเรื่อ เขาโน้มตัวลงจูบกลีบปากหวาน ให้นางได้รับรู้รสชาติน้ำรักของตนเอง  เขาอยากอ่อนโยนกว่านี้ แต่ไม่อาจต้านทานความปรารถนาที่เอ่อล้นนี่ได้ ประคองแก่นกายที่แข็งขันเข้าสู่กายสาวที่ยังสั่นระริก  ร่างที่เริ่มผ่อนคลายกลับเกร็งขึ้นมาอีกครั้งและหวีดร้องเมื่อเขาส่งตัวตนเข้าไปจนสุดทาง

            “อ๊า!” 

เสียงร้องครางอยู่ในปากของชายหนุ่ม เขาขยับสะโพกสอบอย่างช้าๆ แม้จะร้อนรุ่มไปทั้งตัว และเหมือนจะมอดไหม้หากไม่ครอบครองนาง ความปรารถนาควบคุมการเคลื่อนไหวของเรือนร่าง เขาผละจากริมฝีปากสวยแล้วคำรามในลำคอ ขณะโยกเอวหนักหน่วงจนร่างนางสั่นไหวตามแรงกระแทก มือกร้านยื่นไปบีบเคล้นทรวงอก หญิงสาวเสียวซ่านได้แต่บิดกายรับแรงปรารถนาของเขา  ผนังอ่อนนุ่มโบรัดแก่นกายบุรุษแน่น เขาดื่มด่ำกับความเสียวซ่านที่ได้รับ ขยับเอวเร็วขึ้นจนร่องรักรัดรึงด้วยถึงจุดสุขสมอีกครั้ง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status