Share

Chapter 25. อย่างไรนางก็เป็นคนของหรงเหยา

มารดาเห็นสายตาของลูกชายและลูกสะใภ้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าพาใครมาด้วยรึ”

“ท่านแม่ นางคือ...”

“ข้าหลัวเข่อซิง เป็นสาวใช้ของนายท่านเจ้าค่ะ ข้ามาจากชายแดน หากทำกิริยาไม่เหมาะสมขอได้โปรดลงโทษเบาๆ นะเจ้าคะ ข้าเป็นคนเรียนรู้ไว้ จะพยายามไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สองสามสี่ห้า”

นางพูดรวดเร็วเกรงว่าหานหรงเหยาจะแย่งนางพูดอีก  นางจะทำตัวเป็นภาระไม่ได้  แต่ถ้อยคำของนางทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

“นางตลกดี” หานหลี่เจี๋ยหัวเราะเสียงดัง

“หลี่เจี๋ยอย่าเสียมารยาท อย่างไรนางก็เป็นคนของหรงเหยา”  หานลี่จูเอ่ยปรามน้องเล็ก แต่สายตายังคงมองที่ภรรยา ราวกับประโยคนี้เขาพูดกับนาง

มารดาแปลกใจที่เห็นบุตรชายคนรองพาสตรีเข้าบ้าน แม้ปากพูดว่าเป็นหญิงรับใช้ กิริยามารยาทไร้ความเรียบร้อย แต่รูปร่างอรชรและใบหน้างดงามยิ่งนัก ซ้ำยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ไหมสีแดงสวยสดไม่ใช่ชุดของสาวใช้เลยสักนิด  เอาเถิด ถ้าปรนนิบัติดูแลลูกชายของนางได้ดี นางก็ไม่คิดก้าวก่าย

“เจ้ากลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อนเถิด สักประเดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน”  คนเป็นพ่อพูดขึ้น เขาเป็นบุรุษการเห็นบุตรชายมีสตรีข้างกายก็ไม่นับว่าแปลกอันใด บ้านไหนก็มีสตรีอุ่นเตียงกันทั้งนั้น

หานหรงเหยาพยักหน้ารับ เขาเพียงปรายตามองหลัวซู่เหมยเล็กน้อยแล้วจับมือเรียวเล็กของเข่อซิงให้เดินไปที่เรือนของตน  ไม่ได้กลับบ้านมาสามปี ดูเหมือนบ้านจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นแล้ว.

            หลิวเข่อซิงทำตัวราวเด็กน้อย นางวิ่งถลาเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ แล้วโผเข้ามากอดเอวชายหนุ่มจากด้านหลัง

            “ข้าอยู่ที่นี่ได้จริงๆ หรือ? ท่านไม่โกหกใช่ไหม?”

            “เจ้าเคยพูดว่า ข้าอยู่ที่ไหน เจ้าก็จะอยู่ที่นั้น ที่นี่คือบ้านของข้า หากเจ้าไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ใดได้ หรือเจ้าไม่อยากอยู่กับข้าแล้ว”

            “ข้าจะอยู่กับท่าน ท่านอยู่ที่ไหนต้องมีข้าที่นั้น” นางกอดเอวเขาแน่นขึ้นแทบจะฝั่งหน้ากับแผ่นหลังของเขา

            “เจ้าเหนื่อยหรือไม่ หากยังไม่เหนื่อยไปกินข้าวพร้อมข้า”

            “ข้าไม่เหนื่อย”

            “ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าใจดี เจ้าไม่ต้องกลัว”

             “อื้ม!”

            “ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด ข้าจะรอเจ้า”

            “ให้ข้าช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าดีไหม” นางยื่นหน้ามาจากด้านหลัง คำถามง่ายๆ นี่ทำให้หานหรงเหยาอดเหลียวมองรอบกายไม่ได้ ดีที่ไม่มีผู้อื่นอยู่ เขากระแอมไอเบาๆ แกะมือที่โอบกอดเขาออกแล้วหันมาเผชิญหน้ากับนาง

            “ที่นี่ไม่เหมือนที่ชายแดน จะทำอะไรต้องระวังด้วย” 

            “ระวัง...”  สีหน้านางงุนงงฉายชัดว่าไม่เข้าใจ แต่ทำให้ชายหนุ่มยิ่งใบหน้าแดงจัด

            “เช่นเรื่องที่เจ้าจะกินพลังชีวิตข้า ต้องไม่ให้ผู้อื่นเห็น”

            “อ่อ...ท่านเคยบอกข้าแล้วนี่” นางพยักหน้ารับ “แล้วอย่างเรื่องบนรถม้าหรือว่าบน...”

            หานหรงเหยารีบยกมือขึ้นปิดปากหญิงสาว ตอนนี้ความร้อนลามไปทั่วกระทั่งใบหูของเขาก็ยังแดงราวย้อมสี หลิวเข่อซิงเห็นแล้วก็ได้แต่เลียริมฝีปากตนเอง นึกถึงรสชาตผิวกายที่เคยแทะเล็มแล้วก็เผลอเขย่งปลายเท้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

            “พวกท่าน...”

            เสียงของหลัวซู่เหมยทำให้หานหรงเหยาดันร่างหลิวเข่อซิงออกสุดแขน แต่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักล้มลงก้นกระแทกพื้น

            “โอ๊ย!”   หลิวเข่อซิงร้องออกมาแล้วลูบก้นตัวเอง “ท่าน เอ่อ นายท่านผลักข้าทำไม”

            “ข้า...”  หานหรงเหยาได้สติ รีบยื่นมือเข้าไปช่วยประคองนางขึ้นมา “เจ็บมากหรือไม่”

            หลิวเข่อซิงฝืนยิ้มและส่ายหน้าไปมา “ไม่เจ็บเจ้าค่ะ”

            ท่าทางสนิทสนมของทั้งสอง ทำเอาหลัวซู่เหมยกำมือแน่นจนเล็บจิกกลางฝ่ามือ แต่ใบหน้ายังแย้มยิ้มอ่อนโยน

            “ข้าเกรงว่าจะไม่มีคนค่อยปรนนิบัติท่าน จึงพาสาวใช้ทั้งสองมารับใช้ท่าน นางชื่อหวาเหนียนและตู้เจวียน”

            สาวใช้ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มน้อยๆ แล้วทั้งสองย่อตัวคารวะ “คารวะคุณชายรองเจ้าค่ะ”

            “ข้าเคยพูดแล้วไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายที่นี่”

            “จะเรียกว่าวุ่นวายได้อย่างไร ท่านเป็นถึงคุณชายรองสกุลหาน อย่างไรก็ต้องมีบ่าวไพร่คอยรับใช้”

            “ไม่เป็นไร ข้าคนเดียวจัดการได้” หลิวเข่อซิงตบอกตัวเองอย่างแข็งขัน “เมื่อครั้งที่อยู่ชายแดน ข้าก็ทำเองหมดทุกอย่าง”

            “งานที่นี่มีมากนัก เกรงว่าแม่นางหลิวจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง” หลัวซู่เหมยพูดด้วยท่าทีอ่อนโยน

            “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเอง เจ้าพาสาวใช้สองคนนี้กลับไปเถิด”   หานหรงเหยาถอนหายใจเบาๆ

            “แต่ว่า... ท่านแม่มอบหมายให้ข้าจัดการงานน้อยใหญ่ในจวน ในฐานะที่เป็น...”

            “เจ้าเป็นพี่สะใภ้ข้า เป็นภรรยาของพี่ใหญ่ ฐานะของเจ้านั้นข้าไม่มีวันลืม แต่เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตัดสินใจเองได้เชียวรึ”

            น้ำเสียงเฉียบขาดทำเอาหลัวซู่เหมยตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ทว่านางยังระบายยิ้มกลบเกลื่อน แล้วเอ่ยปนหัวเราะน้อยๆ แล้วพยักหน้าให้สาวใช้ทั้งสอง 

            “ท่านคงอยู่ชายแดนนานเกินไปจึงหลงลืมธรรมเนียมในบ้านเสียแล้ว แต่ช่างเถิด  ท่านเพิ่งมาถึงอย่างไรยังมีเวลาปรับตัว ท่านแม่ให้พ่อครัวเตรียมอาหารที่ท่านโปรดไว้มากมาย อย่างไรเราค่อยคุยกันอีกที”

            ชายหนุ่มมองอดีตคนรักเดินออกไป  จึงหันมาทางหลิวเข่อซิงที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่เคยเล่าเรื่องเขากับหลัวซู่เหมยให้นางฟัง นางรู้เพียงแค่ว่าหลัวซู่เหมยคือพี่สะใภ้ของเขา เห็นดวงตาไร้เดียงสาคู่นี้ เขาก็ยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างเอ็นดู

            “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด พ่อครัวที่บ้านข้าทำอาหารอร่อยมาก เจ้าต้องชอบแน่นอน”

            “มีเนื้อหรือไม่” นางถามแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว

            “มีเท่าที่เจ้าต้องการ”

            “ได้ๆ ข้าจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านรอข้านะ ห้ามหนีไปกินเนื้อก่อนข้านะ”

            หานหรงเหยาพยักหน้ารับ เขามองนางที่รีบวิ่งไปห้องเล็กที่ติดกับห้องนอน  ชายหนุ่มกวาดตามอง ทุกอย่างในห้องที่จัดไว้เรียบร้อยเหมือนครั้งที่ยังไม่เดินทาง ทุกชิ้นอยู่ในตำแหน่งเดิม ทว่าเขากลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า  เมื่อคิดถึงเรื่องระหว่างเขากับเจ้าปีศาจจิ้งจอกแดงน้อยตัวนั้น เขาไม่เคยเสียการควบคุมตนเอง และกลายเป็นคนตะกละตะกลามเช่นนี้ แต่นางช่างหอมหวานเย้ายวนเหลือเกิน แม้นางบ่ายเบี่ยงอยู่บ้าง เพราะเกรงว่าร่างกายเขารับไม่ไหว แต่น่าแปลกเขากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีกำลังวังชากว่าเดิม โดยเฉพาะหัวใจเขาที่สัมผัสได้ว่าเต้นแรงขึ้น  เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้จะเอ่ยปากปรึกษาใครได้ หากผู้อื่นรู้ว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกแดง เกรงว่าทุกคนคงพยายามพรากนางไปจากเขา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status