Share

Chapter 23. ข้าต้องการเจ้า

เสียงแหบพร่าของเขาเรียกสตินาง นั้น...นั้นเสียงของเขาหรือ? เขาเรียกชื่อนางราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า มุมปากเขายกยิ้มเล็กน้อย แต่นั้นก็ทำให้นางตาพร่าไปชั่วขณะ

            “ข้าต้องการเจ้า”

            “แต่...”

            เขารวบนางมากอดไว้ นานเหลือเกินที่หัวใจเขาไม่เคยเปิดรับใคร เขาโกรธหลัวซู่เหมยไม่ได้  สภาพร่างกายเขาไม่ว่าหมอกี่คนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่ปี  หากนางแต่งงานกับเขาก็กลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว เป็นเขาที่ชิงชังตนเองในสภาพนี้  กระทั้งวันนั้นที่สะพานข้ามคลอง  เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนวิ่งมาสวมกอดจากด้านหลัง ไออุ่นของนางขับไล่ความหมองหม่นในใจ แววตาสุกใสราวกับฉุดเขาขึ้นจากบ่อน้ำลึกที่พยายามปีนป่ายขึ้นมาหลายปี แม้รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์ นางไม่เหมือนปีศาจอย่างที่เคยได้ยินหรืออ่านจากหนังสือทั่วไป นางใสซื่อและไร้เดียงสา เขาไม่เคยรู้เลยว่าการมีชีวิตแต่ละวันจะมีความหมายมากขึ้นเมื่อมานางเข้ามา  ชีวิตที่มีนางอยู่ใกล้ มันช่างดีเหลือเกิน

            “หรือเจ้า...ไม่ต้องการข้า..”

            “ข้าต้องการท่าน!”  นางส่ายหน้าไปมา “มีเพียงท่าน...ที่ข้าต้องการ...”

            ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับอีกครั้งและดูดกลืนถ้อยคำน่าอายที่นางพูดไม่ออกไปหมดสิ้น  เขากลับรับรู้ความต้องการของนางได้เช่นเดียวกับที่เขารู้สึกต่อนาง สองมือจับเอวคอดยกร่างนางขึ้นจากน้ำให้นั่งริมขอบสระ แล้วโน้มหน้าดูดกลืนยอดอกสีหวานเบื้องหน้า ลิ้นร้อนร้ายกาจทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางออกมา นางรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเอง นี่เสียงของนางหรือ? นางเคยได้ยินเสียงศิษย์พี่เสพสังวาสกับบุรุษก็เป็นเสียงเช่นนี้ นางพยายามกลั้นเสียงร้อง แต่ลิ้นและมือที่ปรนเปรอทรวงอกอยู่นั้นทำให้นางไม่อาจทนกลั้นได้

            “อ๊า...”

            เขาไม่เคยรู้สึกอยากครอบครองมากเท่านี้มาก่อน  มือเล็กเกาะไหล่แน่น เสียงครวญครางยิ่งทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน เขาเลื่อนมือลงไปเบื้องล่าง ส่วนที่อ่อนไหวเปียกชุ่มและเพียงเขาสอดนิ้วเข้าไปแตะต้องเพียงแผ่วเบานางก็สะอื้นปนครางกระเส่า เรียวขาแยกออกกว้างอย่างไม่รู้ตัว

            “ท่าน...”

            “เรียกชื่อข้า” เขากระซิบเสียงพร่าเร่งขยับนิ้วมือเพื่อเบิกทางก่อนนำพาสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามาแทนที

            “หรง...หรง..หรงเหยา..”  เสียงนางขาดห้วง ระลอกความเสียวซ่านสาดซัดจนหวีดร้องและเกร็งกระตุก  หานหรงเหยาไม่รั้งรออีกต่อไป จับเอวนางแล้วยกร่างลงมาในน้ำอีกครั้ง

            “กอดข้า”

            หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับอย่างเขินอาย ใบหน้าซุกซบที่ซอกคอ ขาเรียวงามแยกออกรัดเอวแล้วแก่นกายร้อนระอุก็แทรกเข้ามาในกลีบดอกไม้สาว

            “อึก...” นางร้องครางออกมา

            “เจ็บหรือไม่” เขาถามพยายามขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแต่มันทรมานเหลือเกิน นางมอบความรู้สึกที่แสนวิเศษ หอมหวาน อุ่นร้อน คับแน่น และยังหยัดกายเข้าหาเรียกร้องให้เขาเติบเต็ม

            หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ราวกับได้พบสิ่งที่ขาดหาย แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร 

            “ข้าชอบ...” 

            “เช่นนั้น..ข้าจะขยับแล้วนะ”

            “อื้ม”   

นางพยักหน้ากับซอกคอเขา  แก่นกายนั้นแข็งแกร่งราวเสาหินทว่ากลับนำพาความอุ่นร้อนเสียวซ่านที่นางไม่เคยรู้จัก ทุกการเคลื่อนไหวทรงพลังแต่อ่อนโยน นางได้ยินเสียงครางต่ำในลำคอของเขา  เสียงหวานครางกระเส่าทำให้หานหรงเหยาขยับเอวสอบเร็วขึ้นและถี่กระชั้นขึ้น ระลอกน้ำไหวกระเพื่อม หลิวเข่อซิงเกาะเกี่ยวเขาแน่นเปล่งเสียงครวญหวานเมื่อถูกส่งให้ถึงจุดสุขสมอีกครั้ง  เช่นเดียวกับหานหรงเหยาที่คำรามเสียงต่ำ เขามอบตัวตนให้นางจนหมดสิ้นจนกายสั่นสะท้าน

            เขาขยับตัวเล็กน้อย ใช้สองมือประคองใบหน้าที่แดงซ่านของนางไว้ ดวงตากลมมีแววเขินอายแต่ยังคงยิ้มให้

            นางเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่มองนาง นางจะยิ้มให้เขาเสมอ

            “ข้า...ข้ากอดท่านได้ไหม”

            “อืม”  เขาตอบแล้วเป็นฝ่ายกอดนาง

            หลิวเข่อซิงเพิ่งตระหนักได้ว่า นางชอบกอดเขามากเพียงใดและในเวลานี้ที่แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง หัวใจของเขาแนบชิดหัวใจของนาง ทำให้นางรู้ว่า...

หัวใจของนางที่เต้นจังหวะเดียวกับหัวใจของเขา.

คฤหาสน์สกุลหาน

            “ท่านแม่ พี่รองมาถึงแล้วขอรับ”

            หานหลี่เจี๋ยบุตรชายคนเล็กของสกุลหานวิ่งกระหืดกระหอบมารายงานมารดาด้วยตนเอง ทันทีที่คนของตนมารายงานว่าหานหรงเหยา-พี่รองของเขาเข้าประตูเมืองมาแล้ว

            “มาถึงแล้วรึ” นางหานเจียอีตื่นเต้นดีใจ ไม่ได้พบหน้าลูกชายคนรองมาสามปี ไม่รู้ซูบผอมมากไปเท่าใดแล้ว ตั้งแต่ได้จดหมายว่าจะกลับเมืองหลวง นางเร่งให้บ่าวไพร่จัดเตรียมห้องหับ แม้ปกติทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้ว กำชับให้พ่อครัวเตรียมอาหารของโปรดรวมไปถึงต้นไม้ดอกไม้ที่ลูกชายคนรองชอบ กระทั้งกำยานในห้องก็ไม่เว้น ทุกอย่างเตรียมพร้อมสรรพเพื่อต้อนรับหานหรงเหยา

            “แม่จะไปรับด้วย” มารดายันกายขึ้นจากเก้าอี้แต่ลูกชายคนโตปรามไว้ก่อน

            “ท่านแม่รออยู่ที่นี่เถิด สุขภาพท่านไม่ค่อยดี ประเดี๋ยวหกล้มขึ้นมาจะทำให้หรงเหยาทุกข์ใจ”

            “อย่างนั้นรึ...ได้ๆ พวกเจ้าสองคนพี่น้องไปรับเหยาเอ๋อร์แทนแม่ที”

            “ขอรับ”

หานลี่จูลูกชายคนโตของสกุลหานรับคำสั่งมารดา เขาปรายตามองภรรยาเล็กน้อย แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น หลัวซู่เหมยกำมือแน่นแต่ใบหน้ายิ้มอ่อนหวานไม่ได้ออกไปต้อนรับเหมือนผู้อื่น นางมีหน้าที่ดูแลแม่สามี หากนางออกไปรับ ‘น้องรอง’ ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก

ไม่ได้พบกันสามปี เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

หานกั๋วกงกลับจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้พอดีจึงรั้งรออยู่หน้าประตูจวน หานหรงเหยาหัวใจอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เขาและภรรยาเฝ้าประคบประหงมลูกชายคนรองในอุ้งมือเพื่อให้มียืนยาวให้มากที่สุด อย่างน้อยก็อย่าให้คนเป็นพ่อแม่ต้องเป็นฝ่ายส่งลูกเลย

“ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือขอรับ”  หานลี่จูเอ่ยทักทายบิดา

“เพิ่งมาถึง”  หานกั๋วกงพยักหน้ารับ

“ไม่รู้พี่รองจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด” 

หานหลี่เจี๋ยในวัยสิบเจ็ดยื่นหน้ามาแทรกระหว่างพี่ชายคนโตและบิดา เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่มารดาตามใจเป็นที่สุด  บิดาของเขาไม่มีภรรยารองหรือแม้แต่อนุ ทำให้พวกเขามีกันสามคนพี่น้อง  สกุลหานเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่นับร้อยปี บัดนี้หานลี่จูเป็นเสนาบดี  ส่วนหานลี่จูเป็นหนุ่มเจ้าสำอางที่บรรดาหญิงสาวในเมืองเฝ้าฝันถึง บิดาอยากให้ลูกชายคนเล็กฝึกฝนตนที่ค่ายทหารสักสองสามปี อย่างน้อยก็จะได้สุขุมมากกว่าทุกวันนี้  เสียดายก็เพียงหานหรงเหยา หากไม่เพราะหัวใจอ่อนแอ เขาจะเป็นบุรุษที่ไม่น้อยหน้าผู้ใด นอกจากใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนแล้วยังเปี่ยมความรู้ความสามารถ กลศึกสงครามที่ชายแดนก็เป็นผลงานของลูกชายคนรอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status