Share

Chapter 13. ต่างก็รู้กันว่า

            อยู่ชายแดนมานาน ต่างรู้กันว่าที่ปรึกษาหานเป็นผู้รักสันโดษ น้อยครั้งที่จะพบเขาเดินซื้อของในตลาดเช่นวันนี้  และยิ่งต้องแปลกใจเมื่อข้างกายมีสตรีงดงามเดินเคียง ท่าทางอยากรู้อยากเห็นไปทุกสิ่งทำให้ใบหน้าที่มักจะเรียบนิ่งอยู่เป็นนิตย์ปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็น

            หากไม่นับเรื่องสุขภาพแล้ว หานหรงเหยานับเป็นบัณฑิตรูปงาม รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาแฝงความอ่อนโยนที่ชวนให้สตรีเฝ้าถวิลหา  แต่เพราะใช้ชีวิตนับถอยหลังรอวันตายทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ใครเล่าจะอยากเป็นม่ายแต่เยาว์วัย  แต่ยามนี้ข้างกายบุรุษใกล้ตายผู้นั้นมีสตรีเกาะแขนกึ่งลากกึ่งจูงดูข้าวของสองข้างทาง

            เดิมทีคิดแค่ซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวให้หลิวเข่อซิง แต่นางเหมือนเด็กที่เห็นสิ่งใดก็ใคร่รู้ไปเสียหมด นอกจากนางมาจากหุบเขาจื่อ เซ่อแล้ว นางยังเป็นจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่แทบไม่เคยรู้จักมนุษย์ รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่าตลาดเบื้องหน้านาง 

            “เข่อซิง เดินดีๆ ประเดี๋ยวหกล้ม”

            “ข้าไม่ล้มๆ”  นางหันมายิ้มจนดวงตาหยีเล็ก “เจ้า เอ๊ย ท่าน เอ่อ นายท่าน เดินเร็วๆสิ”

            “ข้าวของไม่หนีเจ้าไปไหน ไม่ต้องรีบร้อนไป”  เขาพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ เจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยของเขาใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ  มือซ้ายมีถังหูลู่ มือขวามีขนมน้ำตาล หลัวเข่อซิงไม่รู้จะเอามือไหนรับผ้าเช็ดหน้าจึงยื่นหน้าไปหาเขา  หานหรงเหยานิ่งงันอย่างทำอะไรถูกและเบือนหน้าไปทางอื่น  ทว่าปีศาจสาวกลับคิดว่าเขาไม่เห็นหน้าอันชุ่มเหงื่อจึงขยับยื่นหน้าไปใกล้อีก

            “มือข้าไม่ว่าง”

            หานหรงเหยารู้ว่านางไร้เดียงสาไม่ได้คิดอื่นใด แต่การกระทำเช่นนี้บนถนนและท่ามกลางสายตาผู้คน แต่นางก็ไม่ลดละความพยายามที่จะให้เขาซับเหงื่อให้ และหากเขาไม่ทำเสียที นางก็คงยื่นหน้าหาเขาไม่หยุด ชายหนุ่มอับจนหนทาง โอดครวญในอกไม่น่ายื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเลย แต่สุดท้ายก็ซับเหงื่อให้นาง

            “ขอบคุณ นายท่าน”

            ปากบอกว่าจะเป็น ‘สาวใช้’ แต่ออกคำสั่งคนเป็นนายทุกคำ  หานหรงเหยาโคลงศีรษะแต่กลับไม่อาจบังคับมุมปากมิให้ยกยิ้มไม่ได้   

            “หิวหรือไม่ กินข้าวเที่ยงก่อนค่อยกลับเข้าจวนนะ”   อย่างไรเสียวันนี้หยุดงานมาเพื่อนางแล้ว ไม่ต้องรีบกลับก็ได้  ปกติหากไม่จำเป็นอะไร แทบไม่เคยหยุดงาน ถึงขนาดซุนเจ้าเฟิงขอร้องให้เขาหยุดคลั่งงานเสียบ้าง  

            “ได้!”  เรื่องกินหลิวเข่อซิงไม่เคยขัด มื้อเช้าเป็นเขาที่ปลุกนางให้ลุกขึ้นมากินอาหารเช้า นางเป็นปีศาจแต่ความอยากอาหารเป็นเรื่องพื้นฐาน ได้ลิ้มรสของอร่อยแม้ไม่เพิ่มพลังให้ตนเองแต่ทำให้นางมีความสุข และนางชอบชีวิตแบบนี้เหลือเกิน! ออกจากหุบเขานี่ดีจริงๆด้วย!

            หลิวเข่อซิงรีบกินขนมในมือให้หมดแล้วเดินตามแผ่นหลังของหานหรงเหยาเข้าไปที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เพียงแค่ยืนหน้าประตูก็ได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นเรียกน้ำลายเต็มกระพุ้งแก้ม  เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาต้อนรับด้วยรู้ว่าแขกผู้มาเยือนเป็นใครก็เชื้อเชิญไปมุมที่มองเห็นสระน้ำ

            “สวยจัง”   นางชะเง้อคอยาวมองไปที่แม่น้ำซึ่งในเวลานี้ แสงแดดกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ

            “หุบเขาจื่อเซ่อไม่มีสระน้ำหรือ?”  เขาถามพลางสั่งอาหารแทนนางที่เอาแต่จ้องมองนอกหน้าต่าง อากาศเย็นแล้วแต่วันนี้มีแสงแดด ทำให้ทุกอย่างล้วนน่ามอง

            “ถ้าไม่มีสระน้ำ ข้าจะไปซักผ้าที่ใดเล่า” นางหันมามองเหมือนว่าเขาโง่เหลือเกิน “แต่ที่หุบเขาจื่อเซ่อเต็มไปด้วยหมอกทึบตลอดทั้งปี น้อยครั้งที่จะเห็นแสงแดดเช่นนี้ ทั้งที่อยู่ไม่ไกลกันมาก”

            “มีใครมาจากหุบเขาจื่อเซ่อรึ”  

            ไม่ต้องหันกลับมามองก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือแม่ทัพซุนผู้ที่ไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่าองค์ชายสาม ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง   หานหรงเหยารินน้ำชาให้สหายแล้วรินน้ำชาให้เข่อซิง ซุนเจ้าเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วยิ้มยั่วล้ออีกฝ่าย

            “ข้าไม่รู้ว่าคนเป็นนายต้องรินน้ำให้สาวใช้” 

            เข่อซิงเพิ่งนึกได้ นางยื่นมือไปหมายจะแย่งหน้าที่รินน้ำชาเองแต่หานหรงเหยารินเสร็จแล้วและยื่นถ้วยชาให้นาง

            “เขาล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”

            “ถูกต้อง ล้อเล่นเท่านั้น” ซุนเจ้าเฟิงยกน้ำชาขึ้นดื่ม เขาเพิ่งกลับจากค่ายทหาร หางตาเห็นสหายเดินเข้ามาในโรงเตี้ยมจึงหยุดม้าแล้วตามเข้ามาด้วย “ถ้าข้าจริงจังคงถามว่า ทำไมสาวใช้ถึงนั่งกินข้าวร่วมกับเจ้านาย”

            หลิวเข่อซิงมองซุนเจ้าเฟิงสลับกับหานหรงเหยา นางเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ นางผู้มั่นใจในการเป็น ‘สาวใช้อันดับหนึ่งแห่งหุบเขาจื่อ เซ่อ’ กลับเผลอลืมหน้าที่ของตัวเองไปได้

            “เจ้าเฟิง”

            “โอ้ว เจ้าออกหน้าแทนสาวใช้”  ซุนเจ้าเฟิงยังออกหยอกล้อไม่ได้  เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารมาวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่ามีผู้ร่วมโต๊ะเพิ่มจึงรีบไปนำชามและตะเกียบมาเพิ่ม

            “อาหารเต็มโต๊ะเช่นนี้ ข้ากินด้วยคงไม่ว่ากระไรหรอกนะ”

            หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา  คราวนี้นางไม่กล้ากินก่อน แต่หานหรงเหยาคีบอาหารใส่ชามข้าวให้นาง

            “เนื้อแพะตุ๋นที่นี่อร่อยมาก เจ้าลองกินดูสิ”

            “ข้าก็ชอบเนื้อแพะนะ”

            “เจ้าเฟิง”  ชายหนุ่มปรามเบา เหตุใดวันนี้สหายเขาทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้นะ

            หลิวเข่อซิงมองเนื้อแพะตุ๋นในชามข้าวตัว แล้วลอบมองเนื้อแพะที่ยังเหลืออยู่ในจาน  นางช้อนตาขึ้นมองซุนเจ้าเฟิงที่อ้าปากเคี้ยวเนื้อแพะคำโต คนผู้นี้ตัวใหญ่อย่างกับภูเขา เนื้อแพะจานนิดเดียวเขากินไม่กี่คำคงกวาดหมดจานแน่ นางเองก็ชอบกินเนื้อ  ก็จิ้กจอกแดงที่ไหนจะชอบกินผักแล้ว มีแต่เจ้านายของนางที่คีบผัดผักเข้าปากด้วยท่าทีเรียบง่ายงามสง่า นางเกรงว่าหานหรงเหยาผู้บอบบางจะไม่ได้กินเนื้อแพะแสนอร่อย จึงรีบคีบเนื้อแพะใส่ชามข้าวของเขาหลายชิ้น และใส่ชามข้าวของนางก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไม่สบตากับผู้ใด

            หานหรงเหยาอ้าปากค้าง ในขณะที่ซุนเจ้าเฟิงกลั้นหัวเราะจนไหล่สะเทือน เอาเถิด นางเป็นห่วงเจ้านายถึงเพียงนี้ก็ดีแล้ว

            “ข้าไม่เคยรู้ว่าหุบเขาจื่อเซ่อมีผู้คนอาศัยอยู่”  ซุนเจ้าเฟิงเปลี่ยนเรื่องสนทนาวกกลับมาที่หุบเขาจื่อเซ่อ ทำให้หลิวเข่อซิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status