Share

Chapter 14. เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร

            “แต่บริเวณรอบนอกมีหมู่บ้านคน”  เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ใครๆ ก็รู้ หานหรงเหยาไม่อยากให้ปีศาจสาวลำบากใจจึงชิงอธิบายก่อน  “แล้วเจ้าเล่า เหตุใดมากินข้าวเที่ยงในเมืองได้”

            “อาวุธตัวอย่างถูกส่งมาแล้ว  ข้าให้ส่งไปที่จวนเลยจะกลับไปดู”  ซุนเจ้าเฟิงคลั่งไคล้อาวุธทุกชนิด เขาเสียเงินทองไปมากมายเกินกว่าจะนับได้หวาดไหว เพื่อซื้ออาวุธชั้นเลิศมาไว้ในครอบครอง

            “เช่นนั้นข้าจะกลับไปดูพร้อมเจ้า”

            ซุนเจ้าเฟิงโบกมือห้าม “วันนี้เจ้าหยุดนี่ พาเข่อซิงเที่ยวเล่นเถิด”

            “ข้าไม่ได้เที่ยวเล่นนะ” เข่อซิงรีบพูดแก้ไขไม่ให้ซุนเจ้าเฟิงเข้าใจผิด ผู้อื่นเกรงกลัวชายผู้นี้ แต่นางไม่ เพราะเขาไม่เป็น ‘เจ้านาย’ของนางเสียหน่อย

            ‘ขนาดนี้แล้วไม่เรียกเที่ยวเล่นจะให้เรียกว่าอะไร’   

เป็นอีกครั้งที่ซุนเจ้าเฟิงต้องกลั้นหัวเราะ เขารู้ว่าสหายหน้าบางเรื่องสตรี  ตั้งแต่มีเรื่องหลัวซู่เหมยกลายเป็นพี่สะใภ้ เขาก็ไม่เคยเห็นหานหรงเหยายิ้มกับใครอีก โดยเฉพาะกับสตรี แต่พอมีหลิวเข่อซิงเข้ามาในชีวิต หานหรงเหยาก็ทำราวกับเก็บสัตว์เลี้ยงเล็กๆ มาดูแล

            ช่างเถอะ นางจะเป็นอะไรก็ช่าง  แค่ทำให้สหายของเขากลับมามีความสุขอีกครั้งก็พอ

            “เข่อซิงซื้อของเสร็จแล้ว ประเดี๋ยวก็จะกลับ”

            “ตามใจเจ้า” ซุนเจ้าเฟิงกินอาหารวดเร็ว แม้เป็นองค์ชาย แต่เขาใช้ชีวิตนอกวังมาตั้งแต่อายุสิบสาม อายุสิบสี่ก็เข้ากองทัพ อายุสิบห้าก็มือเปื้อนเลือดสังหารคนครั้งแรก แล้วก็รู้ตัวว่าตนเองไม่เหมาะกับชีวิตในวังหลวง ผู้อื่นมองว่าเขาเป็นไม่เป็นที่โปรดปรานจึงส่งมาอยู่ชายแดน แต่เขากลับขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทำให้ไม่ต้องอึดอัดใจตายในวัง

            หลิวเข่อซิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าบุรุษร่างใหญ่จะกินข้าวรวดเร็วราวกับกวาดโต๊ะไปอย่างนี้ นางกลัวหานหรงเหยาจะกินไม่อิ่มเพราะละเลียดกินที่ละคำ มือเรียวเล็กยื่นไปคว้าจานปลานึ่งยกขึ้นหนีตะเกียบของซุนเจ้าเฟิงทันที

            แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้ว พลิกข้อมือที่จับตะเกียบหมายจะช่วงชิงเนื้อปลาแสนโอชะ แต่หลิวเข่อซิงประคองจานยกขึ้นหลบหลีกคล่องแคล่ว ดูไม่เป็นกระบวนท่าแต่อาศัยความว่องไว  หญิงสาวที่ปกป้องปลานึ่งด้วยชีวิตถึงกับหมุนตัวหลบชูจานปลาขึ้นสุดแขน เพื่อไม่ให้ซุนเจ้าเฟิงได้ปลาไปกิน

            “เจ้ากินเยอะแล้ว หาน เอ๊ย นายท่านของข้าได้กินแต่ผักเท่านั้น”

            ซุนเจ้าเฟิงตะลึงงันไปเล็กน้อย เขาสบตากับสหายที่ยังนั่งหน้านิ่งละเอียดกินอาหารอย่างใจเย็น เขาเป็นคนไม่ถือยศศักดิ์ก็จริง แต่ไม่ใช่จะให้ใครมาเรียกเจ้านั้น เจ้านี้ได้ แต่นางทำไปก็เพราะเกรงว่าหานหรงเหยาจะกินไม่อิ่ม เขาใช้ชีวิตกับคนผู้นี้มาหลายปีย่อมรู้ดีว่าหานหรงเหยาเป็นสัตว์กินพืช นานๆ จะเห็นกินเนื้อสักคำสองคำ จึงไม่รู้สึกผิดที่ตนเองกินไปมาก และที่สำคัญ ไม่อิ่มก็แค่สั่งเพิ่ม ไม่ได้ยากจนจนต้องแย่งอาหารกันกิน

            “เข่อซิงวางจานอาหารลงเถิด”

            “แต่นายท่านได้กินนิดเดียวเอง”

            “ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้”  หานหรงเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากกินอะไรอีกไหม”

            หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมาแล้ววางจานปลานึ่งลงอย่างเดิม “ที่บ้านข้า ข้ากินไม่ทันผู้อื่น ได้กินแค่ที่เหลือติดถ้วยชาม ข้าก็เลย...กลัวนายท่านจะไม่อิ่ม”

            ความห่วงใยของนางทำให้บุรุษทั้งสองซาบซึ้งใจไม่น้อย นางคงประสบเรื่องร้ายมามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ไปเป็น...หญิงคณิกาที่หอชมบุหลัน  หานหรงเหยาช่วยสตรีไร้เดียงสาเช่นนี้ก็นับว่าสร้างบุญกุศลให้ตนเองแล้ว  ซุนเจ้าเฟิงพยักหน้าให้ความคิดของตนเองแล้ววางตะเกียบ ยุติศึกชิงปลานึ่งกับนาง  เขายกชาขึ้นดื่มแล้วพยักหน้าให้หานหรงเหยาแล้วลุกขึ้นยืน

            “เจอกันที่จวน”

            “อืม” หานหรงเหยาพยักหน้ารับ

            ซุนเจ้าเฟิงกวาดตามองหลิวเข่อซิงแล้วยกมุมปากยิ้มไม่ได้อะไรแล้วเดินจากไปเงียบๆ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรินน้ำชาให้หานหรงเหยา

            “เขาหยอกเจ้าเล่นเท่านั้น ไม่คิดทำร้ายเจ้า”

            “ข้ารู้” นางพยักหน้ารับ “คนผู้นั้นมีไอสังหาร ดวงจิตอำมหิต มีพลังชีวิตกล้าแกร่ง ศิษย์พี่ของข้าหมายปองเขาอยู่”

            “ศิษย์พี่ของเจ้า ...หลิวชิงเซียงรึ?”

            “อื้ม”  นางพยักหน้าอีกครั้ง “นายท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป คนผู้นั้นเป็นอะไรไปง่ายๆ ถ้าเขาเป็นปีศาจก็ระดับจอมมารเลยล่ะ”

            หานหรงเหยาเบาใจไปเปราะหนึ่ง “เรื่องที่หุบเขาจื่อเซ่อเจ้าไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ ในการเดินทัพ หุบเขาแห่งนั้นเป็นสถานที่อันตราย พวกเราไม่มีใครกล้าเฉียดกรายเข้าใกล้...”

            “หมอกสีม่วง” หลิวเข่อซิงพูดเสียงเบา “หุบเขาจื่อเซ่อมีหมอกสีม่วงเป็นหมอกที่มีพิษต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ไม่มีผลอะไรกับปีศาจอย่างข้าหรือสัตว์ทั่วไปที่อาศัยในหุบเขา พวกท่านต้องระวังให้ดี”

            “ข้ารู้  ขอบใจเจ้ามาก”

            “ก็นายท่านดีกับข้า ข้าก็จะดีกับนาย”  นางยิ้มกว้าง คิดว่าทำถูกแล้วที่ตนเตือนหานหรงเหยาเรื่องนี้

            แต่ที่นางไม่รู้คือหานหรงเหยาไม่พอใจที่นางเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ จนเริ่มคุ้นปาก เขาไม่อยากเห็นนางเป็นสาวใช้ และไม่อยากเป็นเจ้านายของนาง เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองนัก รู้เพียงแค่ว่าอยากปกป้องเจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยนี้นัก

แม้ว่านางจะเป็นปีศาจที่หมายกินชีวิตของเขาก็ตาม.           

            หญิงสาวในชุดสีม่วงงดงามนั่งเท้าคางอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ สายตาจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวในเรือนหลังนั้น แม้มีเพียงแสงจากเทียนไข  ก็ยังเห็นได้ชัดว่ามีจิ้งจอกแดงตัวน้อยกระโดดไปมาข้างกายบุรุษอมโรคผู้หนึ่ง

            ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วที่หลิวเข่อซิงมาอยู่กับหานหรงเหยา ชาวเมืองต่างพากันซุบซิบเป็นเรื่องสนุกปาก ซึ่งนางก็คร้านจะใส่ใจฟัง อยู่ชายแดนจะมีอะไรให้น่าสนใจมากนินทาพวกที่ร่ำรวยและขุนนางท้องถิ่น เดิมทีนางมิได้สนใจหานหรงเหยา แต่เมื่อเขากล้าบุกมาขอตัวคนของนาง นางย่อมใส่ใจ แต่ชีวิตของเขาก็น่าสนใจมิน้อย หานหรงเหยาคุณชายรองสกุลหาน หญิงสาวที่รักใคร่แต่วัยเยาว์กลายเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง ปัญหาเล็กน้อยเพียงแค่นี้ถึงกับเนรเทศตัวเองมาไกลถึงชายแดนอันทุรกันดาร  เหอะ! นางทำเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน หาก ‘ท่านแม่’ ไม่ได้มอบหมายให้นางดูแลหอชมบุหลัน  นางคงหาทางไปอยู่เมืองหลวงแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status