Share

Chapter 7. หญิงงามอันดับหนึ่งอันดับหนึ่งแห่งหอชมบุหลัน

            หญิงงามอันดับหนึ่งอันดับหนึ่งแห่งหอชมบุหลันนามหลิวชิงเซียงกำลังยืนข่มโทสะอยู่หน้าประตูทางเข้าหอนางโลม

            แม้หลิวชิงเซียงครอบครองความงามเกินคำบรรยาย แต่เวลานี้ทุกคนย่อมรู้ว่านางเปี่ยมไปด้วยไฟโทสะ จึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ มือเรียวกอดอกนิ่งงันแต่ปลายนิ้วเคาะที่แขนของตนด้วยความหงุดหงิด

            ‘ข้าส่งเข่อซิงไปให้เจ้าอบรมสั่งสอน ในฐานะศิษย์พี่เจ้าก็เมตตาเอ็นดูนางสักนิดเถิด’

            ‘ทำไมท่านแม่ให้ข้าดูแลจิ้งจอกปัญญาอ่อนนั่น!’

            ‘ชิงเซียง...เจ้าเองก็เคยถูกผู้อื่นตราหน้าเป็นปีศาจชั้นต่ำมาก่อน เจ้าควรเข้าใจนาง’

            ‘ท่านแม่...’

            ‘วาจาเรียกข้าท่านแม่ ยังมีความเชื่อฟังหรือไม่’

            ‘ข้า...ข้าเข้าใจแล้ว’

            นั้นเป็นเรื่องที่นางสนทนากับ ‘ท่านแม่’ ผ่านทูตอีกาสื่อสารที่ท่านแม่ส่งมา ความจริงเข่อซิงไม่ใช่ปีศาจตนแรกที่ท่านแม่ส่งมา ในหอชมบุหลันนี้เป็นที่อาศัยของเหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิว แม้มิใช่พี่น้องแต่ก็นับเป็นพี่น้อง ในหุบเขาจื่อเซ่อจะเรียกกันตามอายุหรือพลังปีศาจของแต่ละตน  ส่วนนางนั้นทุกตนเรียกศิษย์พี่ใหญ่ ได้รับมอบหมายให้ดูแลหอชมบุหลันแห่งนี้  ไม่มีปีศาจตนใดกล้ายั่วโทสะนาง แต่ก็มีปีศาจใจกล้าตนแรกที่ทำให้เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ก็คือ...

            เงาร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบมาตรงมาทางหอชมบุหลัน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อกำลังพุ่งตรงมาทางหญิงสาว ทันทีที่เจ้าของร่างเล็กเห็นว่ามีคนยืนคอยอยู่ ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมา มืออีกข้างยังกอดห่อผ้าแนบอก

            “ศิษย์...”

            “หุบปาก!”

            หลิวเข่อซิงลดมือลงมาปิดปากตัวเองแล้วหยุดยืนตรงประตู นางใช้ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองป้าย ‘หอชมบุหลัน’ พลันนางเห็นตัวอักษรขยับเคลื่อนไหวเป็นรูปจิ้งจอกสีแดงสะบัดหาง นางกะพริบปริบๆ เพียงครู่เดียวตัวอักษรเหล่านั้นก็เป็นปกติ  หรือพลังชีวิตนางเหลือน้อยเกินไปจึงเห็นสิ่งแปลกประหลาด

            “จากหุบเขาจื่อเซ่อมาถึงที่นี่ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งวัน แต่เจ้าใช้เวลาสองวัน!”

            “อ้อ...เรื่องนั้น ข้า...”

            “ข้ายังไม่อนุญาตให้พูดก็หุบปากเสีย!”

            หลิวเข่อซิงยกมือปิดปากพยักหน้าหงึกหงัก ทำตามอย่างเชื่อฟัง ‘ท่านแม่’ ย้ำหนักหนาให้นางเชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่ อย่าดื้อดึงและเรียนรู้ให้มาก เพื่อเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิวอย่างเต็มภาคภูมิ ให้สมกับที่ท่านแม่เก็บนางมาชุบเลี้ยง

            “เจ้าทำให้ข้าเสียโอกาสได้พบแม่ทัพซุน” หลิวชิงเซียงพยายามข่มโทสะของตน ความโกรธจะทำให้ผิวพรรณหม่นหมอง ใบหน้ามีริ้วรอย แม้นางเป็นปีศาจสามารถจำแลงกายให้งดงามหมดจดอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องเหล่านั้นกินพลังไปมาก เพื่อก้าวถึงจุดสูงสุดแห่งปีศาจ นางต้องกักเก็บพลังไว้ใช้ยามจำเป็น

            “เอาล่ะ มาแล้วก็เข้าไปด้านในเถอะ”  หลิวชิงเซียงที่ปรับอารมณ์ให้สงบละลายไฟโทสะในกายแล้วคลี่ยิ้มอ่อนหวาน หมุนตัวด้วยท่วงทีงดงามราวร่ายรำเดินนำเข้าไปด้านใน

            หลิวเข่อซิงลดมือลงแต่กอดห่อผ้าแน่นขึ้น นางเดินตามร่างอรชรของศิษย์พี่ แต่ก็อดเหลียวมองรอบกายไม่ได้  นางรู้ว่าหอชมบุหลันคือหอนางโลมแต่การตบแต่งของที่นี้สวยงามตระการตา แต่ละเรือนจัดเป็นสัดส่วน  ในที่นี่มีทั้งที่เป็นมนุษย์และปีศาจปะปนกันไป แน่นอนว่านางย่อมเข้าใจว่าเผื่อมิให้นักล่าปีศาจได้กลิ่นไอปีศาจเช่นนาง  ถึงแม้นางมีไอปีศาจอยู่น้อยนิดก็เถอะ

            “มาอยู่ที่นี้ต้องเชื่อฟังข้า”  ชิงเซียงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ เพียงยื่นมือออกไปก็มีบ่าวรับใช้รินน้ำชาส่งให้ถึงมือนาง

            หลิวเข่อซิงพยักหน้าหงึกหงัก จ้องมองท่วงท่าของศิษย์พี่ใหญ่ด้วยสายตาชื่นชม สมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอชมบุหลันและเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีพลังปีศาจเปี่ยมล้น จนนางอดแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเองไม่ได้ หากได้เศษพลังสักเล็กน้อยแค่ปลายนิ้วก้อย นางคงมีเรี่ยวแรงมากกว่านี้และไม่กลายร่างกลับเป็นจิ้งจอกแดงอย่างแน่นอน

            “ข้าพูดกับเจ้า เจ้าก็ขานรับสักคำไม่ได้หรือไร!”

            “ก็ศิษย์พี่ใหญ่ให้ข้าหุบปาก” 

หลิวเข่อซิงพูดเสียงเบา ดวงตาใสซื่อแสดงชัดว่านางไม่ได้ประชดประชัน ทำให้หลิวชิงเซียงสูดลมหายใจลึก ข่มไฟโทสะที่พร้อมจะพวยพุ่งออกมาจากสองตาของนาง  

“เจ้าพูดได้”  นางยกมือขึ้นกุมขมับ ท่านแม่บอกว่าเข่อซิงเหมือนกับนางในวันวาน นางอยากกางเล็บตะกุยโต๊ะไม้นี้เสียจริง เหมือนนางตรงไหนกัน! ต่อให้ห้าร้อยปีก่อนนางก็ไม่เคยทำตัวปัญญาทึบขนาดนี้!  “แล้วห้ามเรียกข้าว่าศิษย์พี่ใหญ่อีก ให้เรียกข้าผู้ดูแลหลิว!”

ใครบังอาจเรียกนางว่าแม่เล้า นางจะตบปากตามอายุเลยทีเดียว!

“ผู้ดูแลหลิว”   หลิวเข่อซิงเรียกตามอย่างว่าง่าย

“ท่านแม่บอกว่าเจ้ายังไม่เคยฆ่ามนุษย์  ล่อลวงมนุษย์ก็ไม่สำเร็จ ที่ผ่านมาได้แต่กินเศษพลังชีวิตที่ศิษย์พี่น้องแบ่งปันให้แลกกับที่เจ้าทำงานรับใช้พวกเขา ถูกต้องหรือไม่”

“ถูกต้อง!”  นางตอบรับและยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก

“น่าอนาถถึงเพียงนี้เจ้ายังกล้ายิ้มรับอีก!”  หลิวชิงเซียงขึงตาใส่อย่างดุดัน “อยู่ที่นี่หากเจ้ายังไม่รับแขกเพื่อเสพพลังวิญญาณก็ต้องมีฐานะเป็นเพียงบ่าวรับใช้”

“จริงรึ! ศิษย์..เอ่อ ผู้ดูแลหลิวพูดจริงรึ?”

“เจ้าอยากเป็นบ่าวรับใช้ขนาดนั้นเลยเรอะ”  นางก็ไม่เคยเห็นปีศาจตนใดอยากเป็นบ่าวรับใช้มาก่อน แน่นอนว่าทุกตนอยากสะสมพลังเพื่อก้าวสู่ความเป็นจอมปีศาจ หรืออย่างน้อยก็ไม่ถูกปีศาจตนอื่นดูแคลนและขยี้ด้วยปลายเท้า

“ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น” เข่อซิงส่ายหน้าไปเร็วๆ “ยามอยู่ที่หุบเขาจื่อ เซ่อ บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องให้ข้าศึกษาจากหนังสือภาพวังวสันต์มาก่อน และเคยแอบดูพวกเขาเสพพลังหยางมาบ้าง...ข้าเพียรพยายามแล้วจริงๆนะ แต่ยังทำไม่สำเร็จเท่านั้นเอง”

“พยายามแล้ว! เจ้าก็กล้าพูดออกมาได้! หากพยายามแล้วท่านแม่จะส่งเจ้ามาอยู่กับข้าอย่างนี้เรอะ!”

หลิวชิงเซียนเผลอตวาดออกมา บรรดาบ่าวรับใช้ที่อยู่ใกล้ถึงกับตัวสั่นลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น แต่หลิวเข่อซิงยังยืนกอดห่อผ้าทำตาปริบๆ อย่างงุนงงว่าพูดอะไรผิดไป เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่ เอ่อไม่ใช่สิ ผู้ดูแลหลิวต้องพูดจาเสียงดังใส่นางด้วยนะ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status