ขวัญรดาไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย... --------- ‘เอามาปั๊มลูกเฉยๆ ไม่ได้แต่งมาเป็นเมียเชิดหน้าชูตา เรื่องนี้คนวงในเขารู้ เขาอยากให้มีทายาทรุ่นสามหลายคน เธอสังเกตหรือเปล่าว่าที่ผ่านมาพวกเขามีลูกชายแค่คนเดียว ส่วนลูกสาวก็ไม่มีสักคน เหมือนพวกเขามีกรรม เธอลองไปค้นข่าวเก่าๆ ดู ท่านประธานแต่งงานกับแม่ของคุณติณณ์ไม่กี่ปีก็หย่า มีลูกคือคุณติณณ์คนเดียว พอแต่งงานใหม่ก็กลายเป็นว่าภรรยาใหม่มีลูกไม่ได้ เพราะมดลูกไม่แข็งแรง’ คนที่ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นผู้ลอบฟังเกือบหลุดเสียงอุทาน... คนอะไรรู้ถึงมดลูกของคนอื่น บ้ากันหรือเปล่า
Lihat lebih banyakเวลาบ่ายสองโมงของวันหยุด เด็กชายวัยเก้าขวบหน้าตาคมคายส่อแววหล่อเหลาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เขาไปช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหารอยู่ในร้านอาหารของแม่ซึ่งตั้งอยู่ในแปลงที่ดินข้างบ้านขวัญรดามองลูกชาย เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวกลับมาพร้อมกัน ทั้งที่ตอนขาไป ลูกทั้งสองคนยังเดินจับมือกันอยู่เลย เธอจึงคิดจะถาม...แต่เจ้าตัวก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน“คุณแม่ครับ ข้าวหอมไม่ยอมกลับบ้านอีกแล้ว”“น้องทำอะไรอยู่คะ แล้วน้องอยู่กับใคร”“น้องขายผักกับอยู่พี่มุกครับ เมื่อกี้น้องถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ทั้งสองคนทำอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อมาก ต้นรอไม่ไหว คุณแม่ไปตามน้องกลับบ้านหน่อยสิครับ”ดูท่าทางคนเป็นพี่ชายจะไม่สบอารมณ์ในตัวน้องสาวจริงๆ ขวัญรดาจึงต้องคุยต่อเพื่อหาสาเหตุ“ป้าจ๋าอยู่กับน้องใช่ไหมจ๊ะ แม่ว่าเราปล่อยให้น้องอยู่ที่ร้านไปก่อนก็ได้นะ”ป้าจ๋าเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กอ่อน หากมีพี่เลี้ยงคนนี้อยู่ด้วย ขวัญรดาก็วางใจว่ามีคนที่ดูแลลูกสาวแทนตนได้“ป้าจ๋าอยู่ด้วยครับ แต่ต้นไม่ชอบให้น
“พ่อคับ...กินคุกกี้”น้องแต็งค์หรือเด็กชายตนุธิป เด็กชายที่เพิ่งเป่าเค้กวันเกิดครบรอบสองขวบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถือกล่องใส่คุกกี้ช็อกโกแลตมาให้คุณพ่อลูกสามช่วยเปิดฝากล่องให้คุณพ่อลูกสาม?ถูกต้องแล้ว...คุณพ่อที่เคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเขายังไม่คิดจะมีลูกคนต่อไป ตราบใดที่ลูกคนแรกยังไม่โตพอ อีกทั้งเขาจะต้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเสียก่อนหากในความเป็นจริงนั้น แค่เพียงน้องต้นกล้าอายุได้หกเดือน ขวัญรดาก็ตั้งท้องลูกคนที่สองด้วยความยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองคน โดยท้องนี้พวกเขาได้ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาอุ้มชู พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้องข้าวหอมหรือเด็กหญิงเขมนิจ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุได้แปดขวบแล้ว ซึ่งพ่อกับพี่ชายนั้นหวงแม่หนูมาก“หนูขออนุญาตคุณแม่หรือยังครับ คุกกี้กล่องนี้คุณแม่เก็บไว้ให้พี่ๆ กินด้วยหรือเปล่า”“แต็งค์จะกินคุกกี้แลต”พ่อหนูน้อยยืนยัน เป็นอันรู้กันว่าคุกกี้ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเจ้าตัว อย่าหวังว่าจะยอมแบ่งให้ใคร แถมยังทำท่าทางขัดใจอย่างสุดฤทธิ์เมื่อถูกพ่อพูดจาตะล่อมหวังจะให้เปลี่ยนใจ&
หนึ่งเดือนถัดจากนั้น ณ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่คุณอิงอรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แตงโมน้อยก็ได้ฤกษ์ออกมาลืมตาดูโลกคุณแม่มือใหม่เข้าไปนอนรอคลอดอยู่ในห้องพักพิเศษสองวัน ลูกชายคนแรกของเธอถึงคลอดออกมา ทารกน้อยเนื้อตัวอวบอ้วน ภัสสราที่มาเยี่ยมหลานในทันทีเมื่อรู้ข่าวก็บอกอย่างตื่นเต้น“เมื่อกี้ฉันไปดูหลานในห้องเด็ก หลานตัวโตมาก แทบจะตัวโตที่สุดในบรรดาเด็กที่นอนเรียงกัน ทั้งที่ขวัญตัวเล็กนิดเดียว แถมตอนท้องก็ไม่ได้อ้วนขึ้นเลย”“น้ำหนักตัวของขวัญก็ขึ้นนะคะ แต่ขึ้นตามเกณฑ์ของคุณหมอ ขวัญกินอาหารตามที่หมอแนะนำ ขวัญไม่ได้กลัวอ้วนนะ แต่ขวัญคิดถึงแต่ลูก อยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนมากที่สุด”“มันได้ผลจริงๆ นะ เพราะลูกของเธอตัวโตเชียว”“พ่อเขาก็ตัวโต หน้าตาหล่อคมกระเดียดไปทางพ่ออีกนั่นแหละ”คุณจงกลที่อยู่เฝ้าขวัญรดามาทั้งวันพูดแทรกขึ้น เพราะนางพินิจหลานชายอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงได้ข้อสรุปตามนั้น“จริงด้วยสิ ภัสลืมไปเลย”ภัสสราไม่ได้แกล้งน้องเขย แต่เธอลืมไปจริงๆ ว่าหลานชายที่หน้าตาน่
“โดนจนได้นะแคท จำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าทีหลังอย่าร้ายกับคนที่ไม่ได้ร้ายกับเรา แต่ถ้าใครร้ายมา เราก็ร้ายตอบ อันนี้ไม่ผิดกติกา แถมเรายังหาแนวร่วมได้อีกด้วย”รุ่นใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก พูดด้วยอารมณ์ไม่ได้ดังใจขณะดูข่าวของญาติตัวเองทางโทรศัพท์มือถือ คนเป็นน้องสาวที่นั่งลูบท้องโตๆ อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจ“ขวัญรู้สึกไม่ดีเลย มีทางไหนที่เราพอจะช่วยคุณแคทได้บ้างไหมคะ”ยอมรับว่าพอกำลังจะมีลูก เธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปเสียหมด ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง ซึ่งภัสสราก็เข้าใจน้องสาวดี“เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ นะขวัญ เราช่วยใครไม่ได้หรอก ส่วนตัวแคทเองก็มีมูลค่าในวงการบันเทิงมากพอ เดี๋ยวเขาก็ไปต่อได้ เราไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แคททำตัวของเขาเอง ติณณ์ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากเกินไป เขาแค่ตอบโต้แคทเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว งานนี้เรียกว่าแคทแพ้ภัยตัวเอง”“แต่ถึงกับถูกปลดออกจากละคร มันก็หนักไปนะ”แม้ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น หากขวัญรดาคิดว่าตนพอจะเข้าใจความรู้สึกของคัทรียา มันคงไม่ต่
นายชัชชัยเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสองวันต่อมา ลูกและภรรยาต่างก็เสียใจ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย...จบสิ้นกันสักทีในส่วนความรับผิดชอบที่มีต่อเหยื่อและครอบครัวนั้น หน่วยงานที่นายชัชชัยสังกัดอยู่ได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งพร้อมแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นภรรยาและลูกทั้งสองคนของนายชัชชัยก็ไม่ทอดทิ้งใคร นอกจากคำขอโทษที่มีต่อทุกคน พวกเขายังคงให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่ออกหน้ามาดูแลผู้เคราะห์ร้ายแม้แต่ปกรณ์ซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงที่นายชัชชัยเคยชุบเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกและภรรยาของนายชัชชัยก็ให้ความช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ปกรณ์ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีวีรยาคอยดูแลอย่างไม่ยอมห่าง ซึ่งอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้...เป็นอย่างที่ลูกชายของนายชัชชัยคาดไว้จริงๆ ไม่มีญาติของนายชัชชัยมาร่วมงานศพของเขาสักคน ในงานคงมีแต่ภรรยาและลูกที่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบและรวบรัดเท่านั้นขวัญรดาทำบุญไปให้นายช
“ภัสคุยกับติณณ์อยู่ค่ะ ติณณ์ไม่ให้ขวัญดูข่าว บ้านนั้นจะปิดทีวีทั้งวัน ติณณ์จะคอยติดตามข่าวแล้วบอกกับขวัญเอง ส่วนขวัญก็รู้เรื่องแล้ว ขวัญทำใจกับเรื่องนี้ได้ค่ะ”ภัสสราเคยโกรธนายชัชชัยนักหนาที่ตัดรอนขวัญรดา เขาไม่ยอมรับว่าขวัญรดาเป็นลูกสาว นับตั้งแต่ขวัญรดาย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาหาและไม่เคยติดต่อน้องสาวอีกเลยทว่าในเวลานี้ ภัสสรากลับนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เหตุการณ์ในอดีตเบนไปในเส้นทางนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้ขวัญรดาไม่รู้สึกผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป น้องสาวของเธอก็จะทำใจยอมรับทุกเรื่องได้ง่ายขึ้น“แตงโม...แตงโมชื่ออะไรดีครับ เดี๋ยวพ่อเอาชื่อมาให้หนูเลือกนะ”เสียงของว่าที่คุณพ่อดังอยู่เหนือศีรษะ คนท้องที่อิงซบอยู่กับอกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณติณณ์เอาชื่อมาจากไหนคะ”“เว็บไซต์สำหรับตั้งชื่อลูก มีแต่ชื่อมงคลความหมายดีๆ ทั้งนั้น”“งั้นบอกมาเลยค่ะ ขวัญจะช่วยแตงโมเลือกเอง”“ตนุธิป ตนุนันท์ ตนุพัชร์...สามชื่อน
หากแค่หันหลังกลับมา วีรยาก็เย็นวาบไปทั้งตัว...ชัชชัยกำลังเล็งปืนมาที่เธอ“แค่กูลั่นไก มึงก็ตายห่า”วีรยายืนนิ่งงัน กลั้นลมหายใจและไม่ตอบโต้เขา...ปืนจ่อหน้าผากอย่างนี้ ใครไม่กลัวตายบ้างล่ะ มัจจุราชคงยืนขนาบข้างเธอแล้วเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที แต่วีรยารู้สึกเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ กระทั่งปืนกระบอกนั้นลดต่ำลง ลมหายใจที่กลั้นเอาไว้จึงค่อยๆ ผ่อนออกมา สัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอดกำลังพุ่งพล่านอยู่ในอกวีรยาฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิดเข้าไปนั่งในรถ เธอรีบสตาร์ตรถ มือที่กำพวงมาลัยรถกำลังสั่นระริก หางตาชำเลืองแลชัชชัยอย่างหวาดกลัว ก่อนที่รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจะพุ่งทะยานผ่านประตูรั้วออกไปจากบ้านพักริมทะเลหลังนั้นรถญี่ปุ่นคันสีแดงแล่นห่างจากบ้านพักริมทะเลได้ประมาณสองกิโลเมตรในทิศทางตรงเข้าสู่ตัวเมือง คนขับสาวเห็นสภาพร่อแร่ของผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอก็รู้สึกสงสารเขาจับใจ“คุณเต้ยอดทนไว้นะ วีกำลังจะพาคุณไปหาหมอ”“หนีก่อน...อย่าวางใจเขา”เสียงแหบห้าวดังแผ่วเบา วีรยาได้ยินไม่ชัด แต่เธอไม่ได้ถามเขาซ้ำ เพราะใจของเธอกำลัง
ซู่ ซู่ ซู่...เสียงคลื่นทะเลซัดสาดดังอยู่ไม่ไกล หญิงวัยสี่สิบปีที่ยังสาวและสวยอยู่มากเพราะดูแลตัวเองดี พลิกกายบนเตียงนอน ก่อนจะวาดแขนไปยังที่นอนข้างๆ แต่เธอกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า“ไปไหนของเขานะ?”เจ้าของร่างเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่ง เธอคว้าเสื้อคลุมนอนที่ถอดทิ้งไว้ตรงปลายเตียงขึ้นมาสวม แล้วเดินออกไปตามหาคนที่นอนกกกอดกันทั้งคืน“คุณเต้ย...คุณเต้ยอยู่ไหนจ๊ะ”เสียงหวานเพรียกหาพลางยกมือขึ้นมาสางผมยาวเป็นลอนใหญ่เพื่อจัดทรงไปด้วยบ้านทั้งหลังเงียบสนิท สาวใหญ่ชะโงกหน้าไปมองในห้องนั่งเล่น หากไร้วี่แววคนที่กำลังตามหา เธอจึงคิดจะกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงออกไปเดินเล่นริมหาด...เดี๋ยวเขาก็กลับมาพลันหางตาแลเห็นเงาวูบไหวหลังผ้าม่านกรองแสงที่กั้นผนังกระจกของห้องโถง หัวใจของเธอกระตุกแรง เพราะเงาร่างนั้นคล้ายคนคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี สาวใหญ่ตรงไปผลักประตูบานนั้นให้เปิดออกอย่างไม่รีรอ“พี่ชัชมาที่นี่ได้ยังไง”เธออุทานถาม...เป็นเขาจริงๆ ด้วย การต้องเผช
สองหนุ่มสาวก้าวขึ้นมาบนสำนักงานเขตด้วยท่าทางเร่งรีบ พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของประชาชนที่มาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่น เพราะความสวยหล่อและความมีชื่อเสียงของคนทั้งคู่ อีกทั้งไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เจอพวกเขาในสถานที่แห่งนี้ภัสสรากวาดสายตามองหาน้องสาว เมื่อเกือบชั่วโมงก่อน เธอได้รับสายจากเจ้าตัวว่าขอให้มาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรส ภัสสราจึงตามมาเมื่อเห็นว่ามีช่วงเวลาว่างมากพอ หากเมื่อคนที่อยู่ใกล้ๆ รู้เรื่องเข้า เขาก็อาสามาเป็นพยานด้วยอีกคน โดยที่ไม่มีใครร้องขอเขาเลยเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ...ภัสสราอยากป่าวประกาศให้เจ้าของสายตาหลายคู่ที่มองมาแล้วหันไปซุบซิบได้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เธอกับเขาเข้ามาในแผนกจดทะเบียนสมรสในเวลาใกล้เที่ยงของวันนี้“พี่ภัสทางนี้ค่ะ” เสียงของขวัญรดาทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง ก่อนจะตรงปรี่ไปหาคนท้องที่นั่งบนเก้าอี้รอคิวหน้าห้องทำการ“ใกล้จะถึงคิวขวัญพอดี ขอบคุณคุณเอเดนที่เสียสละเวลามาเป็นพยานให้ขวัญกับคุณติณณ์ด้วยนะคะ ฉุกละหุกหน่อยค่ะ ขวัญกับคุณติณณ์มาถึงที่นี่แล้วถึงได้รู้ว่าเราต้องมีพยานมาด้วย ขวัญเลยต้องโทร.ไปบอกพ
ร่างขาวนวลเนียนขยับกายนอนคุดคู้เมื่อรู้สึกตัวตื่น รับรู้ถึงความเจ็บร้าวตรงกลางกาย อีกทั้งแขนและขาก็มีอาการไม่ต่างกัน มันปวดล้าไปทั่วทั้งร่าง“อูย…”เช้าวันนี้เป็นวันแรกหลังงานวิวาห์ ขวัญรดาผินหน้าไปมองผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องหอบนที่นอนอีกฝั่ง แต่กลับว่างเปล่า เธอไม่เห็นเขาแล้ว นอกจากร่องรอยบนร่างกายของตัวเอง คงมีเพียงรอยยับย่นของผ้าปูที่นอนที่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาอยู่กับเธอจริงๆติณณ์...สามีของเธอ ผู้ชายที่เธอเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่เคยมองเห็นเธอ หากนั่นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะเธอไม่เคยอยากให้ตัวเองอยู่ในสายตาของใครอยู่แล้วเจ้าสาวหมาดๆ ยันกายขึ้นมานั่งกลางเตียง สภาพเตียงนอนเหมือนสมรภูมิรบ แต่มันก็ไม่ไกลจากความจริงนัก... เมื่อคืนติณณ์ทำให้เธอตกใจ เขาจู่โจมและเข้าถึงตัวเธอ ไม่ยอมปล่อยวางเธอทั้งคืน ทั้งที่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงแต่งงาน เขายังทำหมางเมินใส่เธออยู่เลยขวัญรดาหลับตา เรียวปากสวยเม้มสนิทด้วยต้องการข่มกลั้นความเจ็บแปลบและหวิวโหวงที่ประดังเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย.....
Komen