เก้านาฬิกาเศษ ผู้ชายร่างสูงกำลังยืนอยู่กลางห้องนอน เขามองไปรอบๆ ห้อง หวังจะเห็นเธอคนนั้น แต่กลับไร้วี่แวว
“ไปไหนของเขานะ” ดวงตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะสาวเท้าไปยังห้องน้ำ บานประตูห้องน้ำปิดสนิท เมื่อลองผลักบานประตู เขาถึงรู้ว่ามันถูกล็อกจากข้างใน ชายหนุ่มผละออกมา แล้วเดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าตรงโซนด้านซ้ายมือซึ่งเขากันให้เป็นพื้นที่เก็บเสื้อผ้าและข้าวของของเธอ เสื้อผ้าไม่กี่ชุดแขวนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มเลือกหาชุดที่เหมาะๆ แล้วนำมาวางพาดไว้บนเตียง...หากก็กวาดสายตามองเตียงนอนไปโดยอัตโนมัติ ผ้าปูที่นอนเรียบตึง มีผ้าห่มคลุมทับไว้ครึ่งหนึ่ง มือแข็งแรงดึงมันออกมา แล้วถึงได้เห็นรอยเปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอน...เธอคงตั้งใจปิดมันไว้ พลันเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเบาๆ ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มปิดร่องรอยไว้ดังเดิม เขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง จึงได้เห็นคนที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินตรงมา อดที่จะกวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของเธอไม่ได้ “พี่...เอ่อ คุณติณณ์เข้ามาทำไมคะ” เธอออกอาการอ้ำอึ้ง ผิวแก้มขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาด...มันน่ามอง วินาทีแรกนั้นติณณ์กำลังจะถอนสายตา แต่พอคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาอยากจะมอง ทำไมถึงจะมองเธอไม่ได้ “เปลี่ยนเสื้อผ้า อีกครึ่งชั่วโมงลงไปข้างล่าง” “ตอนนี้หรือคะ” ขวัญรดาหลุดปากถาม แต่พอรู้ว่าคำถามของตัวเองมันช่างประหลาด เธอจึงพยายามบอกเหตุผล “ฉันอยากขอเวลา...เอ่อ...” “คุณอาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม แต่งตัวครึ่งชั่วโมงทันหรือเปล่า” “ทันค่ะ ฉันแต่งตัวเร็ว แต่ฉันจะต้องซักผักปูที่นอนก่อน” หน้าสาวแดงเห่อไปหมดแล้ว ติณณ์มองตามที่ใจอยากมอง เขาช่างไม่รู้เลยว่ามันยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่ “เดี๋ยวแม่บ้านมาจัดการเอง ที่นี่มีคนทำงานบ้าน” “ฉันทราบค่ะ แต่มัน...” ผ้าปูที่นอนมีคราบร่องรอยจากการโรมรันของเขาและเธอ มันน่าอายถ้าหากจะให้คนอื่นมารับรู้เรื่องนี้ด้วย ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนทำงานบ้านก็ตาม แต่ดูเหมือนติณณ์จะไม่เห็นด้วย “ครึ่งชั่วโมงลงไปข้างล่าง ผมจะรอ” ติณณ์ชี้บอกไปยังเสื้อผ้าที่วางบนเตียง ขวัญรดาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ยังนึกสงสัยว่าเขาเอาเสื้อผ้าของเธอมาวางตรงนี้ทำไม...เพิ่งกระจ่างก็ตอนนี้เอง เราต้องทำตามเขาทุกอย่างสินะ รวมถึงใส่เสื้อผ้าชุดที่เขาเลือกด้วย ติณณ์ออกจากห้องนอนไปแล้ว ขวัญรดาหยิบเดรสสีน้ำเงินมาถือไว้ เดรสตัวนี้ถือเป็นเสื้อผ้าชุดเก่งของเธอ เธอมักเก็บไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ มันไม่ใช่ชุดที่เธอจะนำมาสวมอยู่บ้าน แต่การเข้ามาอยู่ในบ้านเศรษฐีอย่างติณณ์ ชุดลำลองที่เธอเตรียมมามันคงยังไม่เหมาะสมกระมัง“เดี๋ยวป้าบอกให้เด็กขึ้นไปเก็บห้องนอนให้ผมด้วย”
คำสั่งจากเจ้านายที่ประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบทำให้แม่บ้านที่อยู่ประจำบ้านหลังนี้รับคำเสียงเบา สีหน้าสีตาของนางเรียบเฉย คล้ายไม่ยินดียินร้าย ก่อนนางจะถามเรื่องใหม่อย่างใส่ใจ “คุณติณณ์รับอาหารเช้าไหมคะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว เหลือแต่รอตั้งโต๊ะ” “ไม่ครับ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก” “ไปบ้านคุณพ่อหรือคะ” ปกติติณณ์จะพักอยู่ที่บ้านของพ่อซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าและโรงแรมที่เป็นธุรกิจของครอบครัว แม่บ้านจึงคุ้นกับการพักอาศัยระหว่างบ้านสองหลังของเขาอยู่แล้ว “เปล่า ผมจะไปหาคุณแม่” ไม่เพียงแต่แม่บ้านรู้สึกผิดคาด...คนที่เดินตามมาจากชั้นบนก็ต้องชะงักเท้าด้วย ขวัญรดาก้มมองเสื้อผ้าของตัวเองโดยพลัน มิน่าล่ะ ติณณ์ถึงเลือกเสื้อผ้าชุดนี้ให้เธอใส่ มันเป็นชุดที่สมเกียรติที่สุดสำหรับการเข้าไปพบแม่ของเขา...กระนั้นขวัญรดาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองซอมซ่อเกินไป “มาพอดี คุณหิวหรือเปล่า หรือเราจะกินมื้อเช้าที่บ้านกันก่อน” ติณณ์ถามหญิงสาว ทั้งที่เมื่อกี้เขาปฏิเสธแม่บ้านไปแล้วว่าจะงดอาหารมื้อเช้าที่บ้าน แต่เป็นเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนขวัญรดาต้องรับศึกหนักอยู่เกือบทั้งคืน กว่าเขาจะปล่อยให้เธอได้พักผ่อนก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว “ฉันยังไม่หิวค่ะ” “งั้นก็ไปกันเลย” “ฉันขอขึ้นไปเอากระเป๋าสะพายข้างบนก่อนนะคะ” ติณณ์ทำหน้าประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งได้สังเกตเธอจริงๆ “เหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ แต่งหน้าสักหน่อยก็ดีนะ” คล้ายคำพูดหวังดีและห่วงใย แต่มันทำให้ใบหน้าของขวัญรดาร้อนผ่าว ความรู้สึกต่ำต้อยกำลังพุ่งสูง อยากบอกเขาว่าต่อให้เธอแต่งหน้าทั้งวัน เธอก็ไม่ได้สวยไปกว่าคนรักเก่าของเขาที่มีดีกรีเป็นถึงนางงามครองมงกุฎบนเวทีใหญ่หรอก…ขวัญรดาใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงสำหรับการพยายามทำให้ตัวเองงดงามขึ้น เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความลังเลและไม่มั่นใจ เธอมองตัวเองจากภาพสะท้อนทางกระจก ก่อนจะยกแปรงขึ้นมาปัดบนแก้มนวลซ้ำอีกครั้ง “พอแล้วแหละ คงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว” หญิงสาวเก็บเครื่องสำอางลงในกระเป๋าแต่งหน้า มันมีเพียงน้อยชิ้น ก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าสะพาย ขวัญรดาไม่ได้ด้อยค่าตัวเอง แต่เธอมองตัวเองด้วยสายตาเป็นธรรม เธอเกิดมาท่ามกลางผู้หญิงที่มีดีกรีความสวยการันตี ไม่ว่าพี่สาวที่เป็นถึงนักแสดงชื่อดัง แม้ระยะหลังพี่สาวของเธอจะพลาดบทนางเอกไปแล้ว แต่ชื่อเสียงและความโดดเด่นก็ยังไม่แผ่ว อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นเจ้าแม่อีเวนต์ที่ถูกเรียกหาอยู่เสมอ ส่วนอีกคนก็คือคัทลียา ญาติสาวที่มีวัยห่างจากเธอเพียงสองปี แต่เส้นทางชีวิตกลับก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว คัทลียาเป็นถึงนางงามตัวแทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปประกวดนางงามบนเวทีระดับโลกซึ่งคนไทยเคยได้ลุ้นกัน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับรางวัลที่สามารถชนะใจกรรมการจนเข้าถึงรอบห้าคนสุดท้าย ผู้หญิงสวยมักโง่...ใครกันช่างพูดไว้ ขวัญรดาอยากค้านสุดใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ โดย
ขวัญรดายกมือไหว้หม่อมหลวงอิงอรอีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กล้าเรียกผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ว่าแม่เหมือนอย่างที่สามีบอกแม้รู้ตัวล่วงหน้านานกว่าหนึ่งเดือนว่าจะต้องแต่งงานกับติณณ์ แต่ขวัญรดารู้สึกว่าหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับเกินไป มันเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ “เราสองคนพักที่ไหนกันล่ะ เพนต์เฮาส์ของติณณ์หรือว่าบ้านของคุณพ่อ”“ผมพักที่บ้านบางกรวยครับ แต่บ้านยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะผมเพิ่งบอกแม่บ้านล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับขวัญ”แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง ขวัญรดาก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพักอยู่ที่ไหน หรือบ้านที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนั้นเป็นบ้านที่จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า หากคำพูดของเขาก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น…เขาคิดจะเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอ ความรู้สึกมีตัวตนกำลังก่อตัวขึ้นมา หัวใจสาวพองโต แต่สมองเจ้ากรรมดันจดจำคำพูดของเขาในงานเลี้ยงแต่งงานเสียนี่‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’สีหน้าของขวัญรดาจืดเจื่อนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หากโชคดีที่ทั้งสามีทั้งแม่ของเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น“ติณณ์มีเ
คู่สามีภรรยาใหม่อยู่ที่บ้านของหม่อมหลวงอิงอรจนถึงเวลาบ่าย อาหารมื้อเช้าของขวัญรดาถูกรวบไปเป็นมื้อเที่ยง ยังดีที่ตลอดเวลาที่นั่งฟังติณณ์กับแม่ของเขาคุยกัน คนรับใช้ได้นำอาหารว่างมาเสิร์ฟให้กินรองท้อง...เธอหิว เพราะปกติเธอกินมื้อเช้าทุกวัน แต่เธอไม่กล้าบอกใคร แม้แต่คนเป็นสามี“ติณณ์จะไปที่เกาะวันนี้ใช่ไหม เตรียมข้าวของเสร็จแล้วหรือยัง แม่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะกว่าจะขับรถไปลงเรือได้ก็คงมืดค่ำ ยังไงก็อย่าให้ดึกเกินไป” คุณอิงอรพูดขึ้นหลังจากมื้ออาหารจบลงแล้ว ขวัญรดาจึงได้ลาแม่สามีที่เพิ่งพบกันครั้งแรก เมื่อกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับกล่องเครื่องเพชรที่ถือไว้ในมือ เธอเพ่งพิศมัน ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ“มาพบคุณแม่ของคุณ ฉันน่าจะมีอะไรติดมือมาด้วย”“คุณจะซื้ออะไรมาให้แม่ของผม” คำถามกลั้วหัวเราะนั้นทำให้ขวัญรดาคอแข็ง เธอรู้ว่าติณณ์หมายความว่าอย่างไร คนอย่างเธอจะมีกำลังซื้อหาอะไรมาให้หม่อมหลวงอิงอร...หากหญิงสาวก็เลือกที่จะปัดทุกอารมณ์ขุ่นเคืองออกไป“ผลไม้ค่ะ เราซื้อผลไม้มาเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้”คนขับรถไหวไหล่ บอกให้รู้ว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา ก่อนที่เขาจะบังคับรถให้เคลื่อนผ่านประตูรั้วบ้านออกไปรถแ
ลมทะเลพัดมาวูบหนึ่ง ติณณ์ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เมื่อก้าวลงเรือเร็วที่มารอรับตรงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว“คุณติณณ์มาคนเดียวหรือครับ”“ลุงเห็นใครมากับผมหรือเปล่าล่ะ”“ไม่เห็นครับ”คนขับเรือเร็วหัวเราะแห้งเมื่อถูกย้อนถาม มันอดสงสัยไม่ได้นี่นาที่เห็นหลานชายของเจ้านายซึ่งเพิ่งมีข่าวแต่งงานเมื่อวานจะไปพักบนเกาะคนเดียว ในตอนที่เจ้านายสั่งให้ขับเรือมารับ เขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเสียด้วย คิดเองเออเองว่าตนมีหน้าที่มารับคู่สามีภรรยาใหม่เพื่อไปส่งที่เกาะฟาติน“คุณติณณ์มีของให้ขนลงเรืออีกหรือเปล่าครับ”“ไม่มี ผมมีเป้ใบนี้ใบเดียว”เพียงเท่านั้น สปีดโบ้ตลำหรูก็แล่นตัดผิวน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นทางยาว เพื่อตรงไปยังเกาะฟาตินที่อยู่ห่างจากฝั่งเกือบสามสิบกิโลเมตร ติณณ์ยกขาขึ้นมาพาดบนที่นั่งว่างๆ เอนกายกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาเพิ่งพักกายได้จริงๆ ก็เวลานี้ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเย็นพลางนึกถึงถ้อยคำสนทนาของตัวเองกับพ่อและแม่เลี้ยงเมื่อสามชั่วโมงก่อน ในตอนที่เขาแวะไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับนำมาใช้บนเกาะ‘แกจะไปอยู่ที่เกาะทั้งที่เพิ่งแต่งงานเมื่อวาน ไม่คิดจะไว้หน้าเมียบ
เมื่อลูกสาววิเคราะห์มาอย่างนั้น แม่ครัวที่อยู่รับใช้เจ้านายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็ออกโรงค้านทันควัน ถึงนางจะเป็นคนแก่ที่อยู่แค่บนเกาะ นานๆ ถึงจะออกไปยังฝั่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารกับเขาสักที...หากดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ“อกหักจากแฟนแล้วไปคว้าเอาญาติของแฟนมาแต่งงานอย่างนี้เหรอ มันได้เหรอแม่”“ไม่มีใครคิดตื้นๆ อย่างเอ็งหรอก ระดับคุณติณณ์ไม่จำเป็นต้องประชดใคร หล่อ รวย เก่ง หาผู้หญิงเลิศเลอกว่าแฟนเก่าสักกี่คนก็ได้ แต่เขาแต่งงานกับคนนี้ เขาก็คงรักของเขา”“จ้า รักมาก แต่งงานวันเดียวก็เผ่นมาอยู่ที่นี่เลย”จบการสนทนา เพราะคนเป็นแม่จนทางหาคำแก้ตัวให้เจ้านายแล้ว ได้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นแม่สั่งให้ลูกสาวหยุดพูดเรื่องนี้เสียเช้าวันที่สองที่ขวัญรดาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านหลังใหม่ เปลือกตาปรือเปิด รอบตัวยังคงแปลกตา สมองค่อยๆ ทบทวนความจำ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผ่านเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สามีอยู่ร่วมเตียงในคืนเข้าหอ แต่พอวันถัดมา เขาก็เดินทางไปที่เกาะของครอบครัวตามลำพังขวัญรดาถูกท
ร่างสูงเพรียวที่กำลังวิ่งออกกำลังกายตามแนวริมหาดทำให้คนขับเรือที่ถูกเรียกให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือในช่วงสายของวันนี้ต้องหัวเราะขันตัวเอง“นังผักมันบอกว่าคุณติณณ์ทำท่าเหมือนคนอกหัก ข้าก็นึกภาพคุณติณณ์เมาหัวราน้ำเสียอีก”นั่นเป็นภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อปีก่อน พอได้ยินลูกสาวบอกว่าท่าทางของติณณ์เหมือนคนอกหัก แถมยังชอบนอนดูดาวทั้งคืน เขาจึงคิดไปเองว่าติณณ์คงกลับมามีสภาพนั้นอีก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันกลับผิดคาด เพราะสีหน้าและท่าทางของติณณ์ห่างไกลจากภาพที่เขานึกไว้ลิบลับ จนคู่ชีวิตที่เป็นแม่ครัวประจำบ้านพักบนเกาะต้องพูดขัดอย่างขัดใจ“แกเชื่ออะไรนังผักมันล่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณติณณ์มาทำงาน ฉันก็เห็นเขาทำงานทุกวัน เขามักอยู่ในห้องทำงาน บางทีฉันก็ได้ยินเขาพูดสายกับใครต่อใคร พอตกเย็นเขาก็ออกมาว่ายน้ำ ตีลังกามองท่าไหนมันก็ไม่ใช่อาการคนอกหัก นังผักมันอคติ หาว่าคุณติณณ์ทิ้งเมียมาอยู่เกาะ มันเลยใส่ร้ายเขาว่าอกหักจากแฟนเก่า”“ใครมันจะอกหักซ้ำซากกับคนคนเดียวได้ข้ามปีล่ะวะ”“แกพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ&rdquo
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัว
“มันคือผักหวานป่า ขวัญไปเก็บมาจากริมรั้วบ้านคุณป้า คุณรู้จักผักหวานป่าหรือเปล่า”อดที่จะย้อนถามไม่ได้ หากพอเห็นคนที่เดินตามเข้ามาในครัวตีสีหน้าเก้อเขิน ขวัญรดาก็นึกอยากหัวเราะ เพราะเธอขำเขาจริงๆ“รู้จักสิ ผมเคยกิน มันก็อร่อยดี”“คุณเคยเห็นตอนมันอยู่ในถ้วยแกงแล้วใช่ไหม ขวัญว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตก็น่าจะมีขาย คุณสำรวจสินค้าที่วางขายครบทุกแผนกหรือยัง”“ผมไม่แน่ใจ...แต่คิดว่าน่าจะยังไม่ครบนะ”ขวัญรดาส่งค้อน ส่วนติณณ์เห็นโอกาสเพียงน้อยนิดก็รีบฉวยไว้“ขวัญพาผมไปทัวร์สิ ยังไงคุณก็รู้เรื่องภายในห้างฯ ของเรามากกว่าผม ผมมันน้องใหม่เพิ่งเข้ามาทำงาน ไหนจะสู้คนที่ทำงานมาหลายปีอย่างคุณได้ล่ะ”“เมื่อก่อนคุณมัวแต่ทำอะไรอยู่”ติณณ์นิ่งค้างอย่างจนมุม เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะกลัวเธอจะโยงคำตอบของเขาไปถึงเรื่องอื่นสำหรับขวัญรดา เมื่อไม่ได้คำตอบ เธอก็เลิกสนใจ หันมาทำกับข้าวมื้อเย็น วันนี้ป้าๆ ของเอเดนใจดีมาก พวกนางเตรียมของที่เธออยากกินไว้ให้ครบถ้วน แค่นึกถึง...ขวัญรดาก็น้ำลายสอแล้ว
“เพราะเรื่องนี้หรือคะที่ทำให้คุณกับพี่ภัสไม่ถูกกัน ขวัญคิดว่าพวกคุณไม่ถูกกันในช่วงเรียนมัธยมเสียอีก”“เรื่องนี้คงฝังใจภัส แต่ผมไม่ได้คิดอะไรอีก ผมย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ แล้วกลับมาเจอภัสอีกทีก็ตอนเรียนมัธยม รู้หรือเปล่าว่าพอเห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องเรียนคนนี้ ผมเซ็งมาก แทบอยากย้ายโรงเรียนหนี”ขวัญรดาหลุดเสียงหัวเราะคิกๆ ออกมา เธอรู้ฤทธิ์พี่สาวดีว่าเป็นคนไม่ยอมคน แถมยังเป็นคนจำเรื่องได้นานเสียด้วย“แล้วยังไงอีกคะ เล่ามาเลยนะ ขวัญคิดว่าคนร้ายกาจอย่างคุณต้องทำเรื่องอีกแน่ๆ คุณไม่ยอมอยู่เฉยๆ หรอก”“ใส่ร้ายผัว เข้าข้างพี่สาว”“มันจริงหรือเปล่าล่ะ”ติณณ์นิ่งคิดไปนาน เหมือนเขากำลังทบทวนความทรงจำ“ผมบอกภัสว่าน้องสาวของเธอเป็นของฉัน”น้ำเสียงธรรมดา แต่คนฟังหัวใจเต้นแรง“ขวัญเป็นอะไร เงียบไปเลย”ดวงไฟหัวเตียงส่องสว่างขึ้น หลังจากติณณ์ยืดแขนไปกดเปิดสวิตช์“คุณพูดเพราะอยากเอาชนะพี่ภัส”“สารภาพว่าตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละ ผม
“ขวัญไม่มีประจำเดือน...”คนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอกไก่พริกไทยดำพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันทำให้คนที่กินสลัดผักซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามโต๊ะม้าหินอ่อนต้องชะงักมือ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นมาสักนิดก็คงได้เห็นดวงหน้าหวานเลิ่กลั่กอย่างเก็บอาการไม่อยู่“ฉันฉีดยาคุม”นึกขอบคุณไหวพริบตัวเอง...ขวัญรดาคิดว่าคำตอบนี้มันสมเหตุสมผลดี แต่อีกฝ่ายก็ยังถามซอกแซกถึงร่างกายของเธออยู่นั่นแหละ“เดือนแรกยังมีประจำเดือน”“ช่วงแรกก็ต้องมีประจำเดือนสิ แต่หลังๆ มันจะหายไป”ติณณ์พยักหน้าเออออตาม แต่สีหน้าของเขายังคงครุ่นคิด ขวัญรดารู้สึกอึดอัด เธออยากลุกหนี…แต่อย่าเลย เพราะมันจะส่อพิรุธกันไปใหญ่“ฉีดกี่เข็มแล้ว”“สอง”“ฉีดอีกเมื่อไร”“ทำไมต้องถามเยอะด้วย”ไม่รู้ว่าเขากำลังจับผิดหรืออยากรู้เรื่องของเธอจริงๆ แต่ขวัญรดาไม่ขอเสี่ยงดีกว่า ถึงเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ดี เพราะแม่ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดกับเธอและพี่สาวมาตั้งแต่ย่างเข้าว
“คุณแต่งงานกับฉันทำไม”“อยากมีเมีย โอ๊ย!”ตะหลิวไม้ที่เพิ่งใช้กวนสลัดปลิวใส่เขาอย่างเหมาะเหม็ง คราวนี้ติณณ์หลบไม่ทัน“ขวัญเป็นอะไร ทำไมถึงทำนิสัยอย่างนี้ ไม่น่ารักเลย”“มันเหมาะกับคนอย่างคุณแล้ว”“ผมแย่มากหรือไง นอกจากเรื่องบอร์โทร. ผมยังทำอะไรที่ขวัญไม่พอใจอีก”“ฉันเกลียดคุณตั้งแต่ตอนที่คุณทิ้งฉันไปหลังวันแต่งงาน คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร ถ้าคุณอยากอยู่คนเดียว ถ้าคุณยังอยากมีพื้นที่ส่วนตัว คุณก็ใช้ชีวิตคนเดียวไปสิ คุณดึงฉันไปยุ่งเกี่ยวกับคุณทำไม”“ขวัญโกรธเรื่องนี้ด้วยหรือ ผมคิดว่า...” คิดว่าขวัญรดาไม่โกรธ ก็เขาไม่เคยเห็นเธอพูดถึงเรื่องนี้เลย หากติณณ์ก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้น สถานการณ์อย่างนี้ เขาควรทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีไว้ก่อน“มันน่าโกรธหรือเปล่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนยิ้มรับได้หรอกกับการที่ถูกผู้ชายที่เพิ่งแต่งงานทิ้ง แถมคุณยังเข้าหอกับฉันอีก พาฉันไปรู้จักคุณแม่ของคุณ พอครบทุกขั้นตอน คุณก็หายไปจากฉัน มันบ้าบอมาก ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตของฉันจะเดินมาถึงจุดตกต่ำอย่างนั้
ตะวันเคลื่อนคล้อยจนถึงเวลาเย็น แต่คนที่เปลือยท่อนบนยังนอนตากพัดลมอยู่ตรงระเบียงบ้าน ขวัญรดาที่เพิ่งเสร็จจากการทำอาหารเย็นเห็นเข้าก็อดที่จะถามเขาไม่ได้“คุณจะกลับบ้านกี่โมงคะ”“ไม่กลับ”ติณณ์ตอบฉับไว เปลือกตาหนาที่ปิดสนิทขยับขยุกขยิก ซึ่งขวัญรดารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเขาไม่ได้นอนหลับ พลันกายใหญ่ที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อกำลังพอดีก็พลิกไปทางเธอ“ผมหิวแล้ว”ติณณ์ยันกายขึ้นมานั่ง สายตาเจ้ากรรมของขวัญรดาดันไปมองแผงอกกว้าง เห็นเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา อากาศยามเย็นยังคงร้อนอบอ้าว แม้สายลมจะพัดแผ่ว แต่มันยังเป็นลมร้อนอยู่ดี“ขวัญไม่ได้ทำเผื่อ”“เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกไหม”“ขวัญทำสลัดไข่ต้มไว้แล้ว”“งั้นขวัญทำให้ผมอีกที่สิ” ติณณ์บอกอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังเสนอแนะหน้าตาเฉย “ผักสลัดอยู่แค่ตรงนี้ เดี๋ยวผมไปเก็บเอง ส่วนขวัญก็ทำไข่ต้มกับน้ำสลัดให้ผมด้วย”ชายหนุ่มเคลื่อนตัวอย่างว่องไว เขาหายไปยังแปลงผักข้างบ้าน ขวัญรดาหมดทางเลี่ยง เธอได้แต่เดิ
“บอกได้หรือยังว่าทำไมขวัญถึงมาพักที่นี่ บ้านหลังนี้มีอะไรที่บ้านเราไม่มี”ติณณ์ถามขึ้น หลังจากขวัญรดาหยอดเมล็ดผักลงในแปลงปลูกเสร็จแล้ว เขาไม่รู้ว่าเธอปลูกผักอะไร แต่ถ้าดูจากแปลงอื่นๆ ก็เห็นมีแต่ผักสลัด“ชอบปลูกผักหรือ” เขาถามต่อเมื่อเธอยังเงียบ“มันเป็นงานที่น่าสนใจสำหรับคนว่างงานค่ะ”“ขวัญอยากกลับไปทำงานหรือเปล่า”“คิดค่ะ แต่ขวัญไม่กลับไปทำที่เดิม”ที่เดิม...คืองานโรงแรมและห้างสรรพสินค้าของครอบครัวเขา ขวัญรดาเคยเป็นพนักงานที่นั่น ก่อนเธอจะลาออกมาเมื่อแต่งงานกับเขา“ขวัญโกรธผม...คิดว่าผมมีผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม”ไม่อยากอ้อมค้อมแล้ว มัวแต่รอให้เธอพร้อมคุย เขารอจนตะวันบ่ายคล้อย เธอก็ยังไม่เลิกหมางเมินเสียที ขวัญรดาทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน“ผมไม่มีผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ผมมีแต่ขวัญคนเดียว ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมก็ไม่มองใครอีก ผมเพิ่งรู้จากคุณอาจงกลว่าขวัญเข้าใจผิดเรื่องรูปถ่ายในคืนที่ผมออกไปกินเหล้า”ขวัญรดาชะงัก เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เธอสนใจเขาขึ้นมา
การตามหาบ้านของป้าพระเอกคนดังไม่ใช่เรื่องยากสำหรับติณณ์ แค่จอดรถถามแม่ค้าขายขนมจีนรถเข็นข้างทาง เขาก็ได้รับคำตอบ“คุณเป็นดาราหรือเปล่า คุณหล่อไม่แพ้เอเดนนะ”คำถามชวนคุยพ่วงตามมาหลังจากแม่ค้าวัยกลางคนบอกเส้นทางให้เขาแล้ว“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนของเขา”“แต่ป้าคุ้นๆ หน้าคุณอยู่นะ”ไม่ว่าเปล่า แม่ค้าทิ้งลูกค้าให้ยืนรออยู่หน้ารถเข็น ส่วนตัวเองก็เดินมามองเขาใกล้ๆ ติณณ์ได้แต่ยิ้มรับ หากไม่อาจเคลื่อนรถออก แม้หัวใจร่ำร้องอยากจะไปให้ถึงที่หมายไวๆ แล้ว“ผมขอตัวนะครับ”ทำท่าจะปิดกระจกหน้าต่างรถ หากแม่ค้าก็ไวเหลือใจ นางควักมือถือออกมาแล้วหันหลังย่อกายให้อยู่ในระดับเดียวกับเขา ก่อนจะถ่ายภาพเซลฟีคู่กับเขาอย่างว่องไว“คุณเป็นดาราแน่ๆ หล่อขนาดนี้อย่ามาหลอกป้าซะให้ยาก แต่ป้านึกไม่ออกว่าคุณชื่ออะไร เดี๋ยวป้าขอเก็บรูปไปคิดต่อที่บ้านก็แล้วกัน”ฟังธงโดยไม่เกรงใจใคร ก่อนจะปล่อยให้หนุ่มหล่อเจ้าของรถสวยเคลื่อนรถจากไปติณณ์วนหาบ้านของป้าเอเดนนานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งที่มันอยู่ไม่ไกลจากจ
ติณณ์ออกอาการงุนงงเมื่อคุณจงกลบุกขึ้นมาพบถึงห้องทำงาน แล้วถามถึงเรื่องที่นางได้ฟังมาจากภัสสรา“ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอนครับ”ติณณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจไปด้วย ไม่คิดว่าจู่ๆ ตนจะต้องตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยว่านอกใจภรรยา“คุณติณณ์ไม่ทำ แต่คุณบอกว่าคืนนั้นเมามาก คุณมั่นใจหรือเปล่าว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนตามไปที่เพนต์เฮาส์”“ผมจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ก่อนผมจะเมาจนไม่รู้ตัว ผมอยู่กับเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับ มันบอกจะพาผมไปส่งที่เพนต์เฮาส์เอง ผมก็เลยดื่มต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก”“คุณติณณ์ต้องเคลียร์เรื่องนี้กับขวัญให้เข้าใจ ขวัญคงไม่ยอมทนอยู่กับเรื่องการนอกใจ เพราะแกมีปมกับมัน หวังว่าคุณติณณ์จะเข้าใจน้อง”“ผมเข้าใจครับ ผมไม่มีทางทำร้ายจิตใจขวัญด้วยเรื่องพวกนี้ คุณอาวางใจผมได้”“ไม่ทำร้ายจิตใจน้องด้วยเรื่องนอกใจ แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะ”แม่ยายถามทิ้งท้าย ติณณ์ยังไม่ทันได้ตอบหรือคำตอบของเขาอาจช้าเกินไป แม่ยายเลยขอตัวออกไปจากห้องทำงานเสียก่อน
ภัสสราทำหน้ายุ่งขณะตัดสายจากติณณ์ ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้ว แต่พ่อเจ้าประคุณยังโทร.มาคาดคั้นถามว่าบ้านที่ขวัญรดาพักอยู่นั้นมีลักษณะและสภาพเป็นอย่างไร เหตุเกิดเพราะติณณ์เพิ่งรู้ว่าขวัญรดาไม่ได้พักร่วมบ้านกับป้าของเอเดน เขาแทบจะปรี่ไปอ้อมใหญ่เสียเดี๋ยวนี้ จนเธอต้องยืนยันว่าบ้านคอนกรีตยกเสาสูงหลังนั้นปลอดภัยดี ตอนไปส่งขวัญรดา เธอก็สำรวจดูจนมั่นใจแล้ว“สมน้ำหน้า เจ้ากี้เจ้าการพาน้องหนีดีนัก”“แม่! ทำไมพูดอย่างนี้ ภัสไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้สักหน่อย ยายขวัญเองต่างหากที่หอบเสื้อผ้าออกจากบ้านโน้น แล้วนายเอเดนก็ดันช่วยพาหนี ภัสแทบไม่มีบทบาทในเรื่องนี้เลย ได้แต่เออออไปกับพวกเขา ตอนนั้นภัสเสนออะไรไป ยายขวัญก็ตีตกหมด”“เพื่อนเราคนนี้ไว้ใจได้แค่ไหน”จู่ๆ คุณวิจัยก็ถามขึ้น สีหน้ายังคงเคร่งขรึม ภัสสราไม่รู้ว่าพ่อคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร แต่คำถามของพ่อก็ทำให้เธองุนงง“เพื่อนของภัส? ใครอะ”“เอเดน”ภัสสราถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกำลังเจอเรื่องหนักอก เธอค่อยๆ อธิบายให้พ่อเข้าใจไปทีละเปลาะ&ldqu