ร่างขาวนวลเนียนขยับกายนอนคุดคู้เมื่อรู้สึกตัวตื่น รับรู้ถึงความเจ็บร้าวตรงกลางกาย อีกทั้งแขนและขาก็มีอาการไม่ต่างกัน มันปวดล้าไปทั่วทั้งร่าง
“อูย…” เช้าวันนี้เป็นวันแรกหลังงานวิวาห์ ขวัญรดาผินหน้าไปมองผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องหอบนที่นอนอีกฝั่ง แต่กลับว่างเปล่า เธอไม่เห็นเขาแล้ว นอกจากร่องรอยบนร่างกายของตัวเอง คงมีเพียงรอยยับย่นของผ้าปูที่นอนที่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาอยู่กับเธอจริงๆ ติณณ์...สามีของเธอ ผู้ชายที่เธอเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่เคยมองเห็นเธอ หากนั่นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะเธอไม่เคยอยากให้ตัวเองอยู่ในสายตาของใครอยู่แล้ว เจ้าสาวหมาดๆ ยันกายขึ้นมานั่งกลางเตียง สภาพเตียงนอนเหมือนสมรภูมิรบ แต่มันก็ไม่ไกลจากความจริงนัก... เมื่อคืนติณณ์ทำให้เธอตกใจ เขาจู่โจมและเข้าถึงตัวเธอ ไม่ยอมปล่อยวางเธอทั้งคืน ทั้งที่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงแต่งงาน เขายังทำหมางเมินใส่เธออยู่เลย ขวัญรดาหลับตา เรียวปากสวยเม้มสนิทด้วยต้องการข่มกลั้นความเจ็บแปลบและหวิวโหวงที่ประดังเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย... ‘เจ้าบ่าวเข้าไปชิดเจ้าสาวอีกนิดครับ เอียงศีรษะไปใกล้และยิ้มด้วยครับ ทำท่าทางให้รู้ว่ารักเจ้าสาวครับ’ ภาพแรกที่ถ่ายคู่กันหลังจากที่เธอและเขาแต่งตัวเสร็จแล้วจึงได้ออกมาเจอหน้ากัน ติณณ์มองเธอนิ่งๆ แวบแรกนั้นหัวใจของขวัญรดาพองโต เธอคิดไปเองว่าเห็นรอยพึงพอใจพัดผ่านดวงตาคมคู่นั้น กระทั่งได้ยินเสียงพึมพำจากเขา ดวงหน้าของเธอก็ชาหนึบไปหมด หากยังพยายามฝืนยิ้ม ‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’ ถ้อยคำนี้ยังตอกลึกเข้ามาในหัวใจ มันทำให้ขวัญรดาตื่นจากความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าการที่ติณณ์ยอมแต่งงานกับเธอ เป็นเพราะเขาพอใจในตัวเธอ...แต่เธอได้ยินกับหูแล้วว่ามันไม่ใช่ ที่เขายอมแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาค้านผู้ใหญ่ไม่ได้ต่างหาก หญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำ รับรู้ทุกย่างก้าวถึงความเจ็บร้าวบนเรือนกาย ไม่ปฏิเสธว่าสัมผัสที่พร่างพรมลงมามันทำให้เธอมีความสุข แม้ในทีแรกเธอจะตกใจ แต่ก็ยอมโอนอ่อนตามตามเขาทันที เพราะเธอยอมรับตั้งแต่ต้นแล้วว่าเมื่อแต่งงานกัน เธอก็เป็นของเขา เพียงแค่เขาทำให้เธอตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะใช้สิทธิ์ความเป็นสามีตั้งแต่คืนแรกเลยเก้านาฬิกาเศษ ผู้ชายร่างสูงกำลังยืนอยู่กลางห้องนอน เขามองไปรอบๆ ห้อง หวังจะเห็นเธอคนนั้น แต่กลับไร้วี่แวว“ไปไหนของเขานะ” ดวงตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะสาวเท้าไปยังห้องน้ำ บานประตูห้องน้ำปิดสนิท เมื่อลองผลักบานประตู เขาถึงรู้ว่ามันถูกล็อกจากข้างในชายหนุ่มผละออกมา แล้วเดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าตรงโซนด้านซ้ายมือซึ่งเขากันให้เป็นพื้นที่เก็บเสื้อผ้าและข้าวของของเธอเสื้อผ้าไม่กี่ชุดแขวนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มเลือกหาชุดที่เหมาะๆ แล้วนำมาวางพาดไว้บนเตียง...หากก็กวาดสายตามองเตียงนอนไปโดยอัตโนมัติ ผ้าปูที่นอนเรียบตึง มีผ้าห่มคลุมทับไว้ครึ่งหนึ่ง มือแข็งแรงดึงมันออกมา แล้วถึงได้เห็นรอยเปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอน...เธอคงตั้งใจปิดมันไว้พลันเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเบาๆ ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มปิดร่องรอยไว้ดังเดิม เขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง จึงได้เห็นคนที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินตรงมา อดที่จะกวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของเธอไม่ได้“พี่...เอ่อ คุณติณณ์เข้ามาทำไมคะ”เธอออกอาการอ้ำอึ้ง ผิวแก้มขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาด...มันน่ามอง วินาทีแรกนั้นติณณ์กำลังจะถอนสายตา แต่พอคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป
ขวัญรดาใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงสำหรับการพยายามทำให้ตัวเองงดงามขึ้น เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความลังเลและไม่มั่นใจ เธอมองตัวเองจากภาพสะท้อนทางกระจก ก่อนจะยกแปรงขึ้นมาปัดบนแก้มนวลซ้ำอีกครั้ง “พอแล้วแหละ คงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว” หญิงสาวเก็บเครื่องสำอางลงในกระเป๋าแต่งหน้า มันมีเพียงน้อยชิ้น ก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าสะพาย ขวัญรดาไม่ได้ด้อยค่าตัวเอง แต่เธอมองตัวเองด้วยสายตาเป็นธรรม เธอเกิดมาท่ามกลางผู้หญิงที่มีดีกรีความสวยการันตี ไม่ว่าพี่สาวที่เป็นถึงนักแสดงชื่อดัง แม้ระยะหลังพี่สาวของเธอจะพลาดบทนางเอกไปแล้ว แต่ชื่อเสียงและความโดดเด่นก็ยังไม่แผ่ว อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นเจ้าแม่อีเวนต์ที่ถูกเรียกหาอยู่เสมอ ส่วนอีกคนก็คือคัทลียา ญาติสาวที่มีวัยห่างจากเธอเพียงสองปี แต่เส้นทางชีวิตกลับก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว คัทลียาเป็นถึงนางงามตัวแทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปประกวดนางงามบนเวทีระดับโลกซึ่งคนไทยเคยได้ลุ้นกัน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับรางวัลที่สามารถชนะใจกรรมการจนเข้าถึงรอบห้าคนสุดท้าย ผู้หญิงสวยมักโง่...ใครกันช่างพูดไว้ ขวัญรดาอยากค้านสุดใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ โดย
ขวัญรดายกมือไหว้หม่อมหลวงอิงอรอีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กล้าเรียกผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ว่าแม่เหมือนอย่างที่สามีบอกแม้รู้ตัวล่วงหน้านานกว่าหนึ่งเดือนว่าจะต้องแต่งงานกับติณณ์ แต่ขวัญรดารู้สึกว่าหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับเกินไป มันเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ “เราสองคนพักที่ไหนกันล่ะ เพนต์เฮาส์ของติณณ์หรือว่าบ้านของคุณพ่อ”“ผมพักที่บ้านบางกรวยครับ แต่บ้านยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะผมเพิ่งบอกแม่บ้านล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับขวัญ”แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง ขวัญรดาก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพักอยู่ที่ไหน หรือบ้านที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนั้นเป็นบ้านที่จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า หากคำพูดของเขาก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น…เขาคิดจะเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอ ความรู้สึกมีตัวตนกำลังก่อตัวขึ้นมา หัวใจสาวพองโต แต่สมองเจ้ากรรมดันจดจำคำพูดของเขาในงานเลี้ยงแต่งงานเสียนี่‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’สีหน้าของขวัญรดาจืดเจื่อนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หากโชคดีที่ทั้งสามีทั้งแม่ของเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น“ติณณ์มีเ
คู่สามีภรรยาใหม่อยู่ที่บ้านของหม่อมหลวงอิงอรจนถึงเวลาบ่าย อาหารมื้อเช้าของขวัญรดาถูกรวบไปเป็นมื้อเที่ยง ยังดีที่ตลอดเวลาที่นั่งฟังติณณ์กับแม่ของเขาคุยกัน คนรับใช้ได้นำอาหารว่างมาเสิร์ฟให้กินรองท้อง...เธอหิว เพราะปกติเธอกินมื้อเช้าทุกวัน แต่เธอไม่กล้าบอกใคร แม้แต่คนเป็นสามี“ติณณ์จะไปที่เกาะวันนี้ใช่ไหม เตรียมข้าวของเสร็จแล้วหรือยัง แม่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะกว่าจะขับรถไปลงเรือได้ก็คงมืดค่ำ ยังไงก็อย่าให้ดึกเกินไป” คุณอิงอรพูดขึ้นหลังจากมื้ออาหารจบลงแล้ว ขวัญรดาจึงได้ลาแม่สามีที่เพิ่งพบกันครั้งแรก เมื่อกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับกล่องเครื่องเพชรที่ถือไว้ในมือ เธอเพ่งพิศมัน ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ“มาพบคุณแม่ของคุณ ฉันน่าจะมีอะไรติดมือมาด้วย”“คุณจะซื้ออะไรมาให้แม่ของผม” คำถามกลั้วหัวเราะนั้นทำให้ขวัญรดาคอแข็ง เธอรู้ว่าติณณ์หมายความว่าอย่างไร คนอย่างเธอจะมีกำลังซื้อหาอะไรมาให้หม่อมหลวงอิงอร...หากหญิงสาวก็เลือกที่จะปัดทุกอารมณ์ขุ่นเคืองออกไป“ผลไม้ค่ะ เราซื้อผลไม้มาเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้”คนขับรถไหวไหล่ บอกให้รู้ว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา ก่อนที่เขาจะบังคับรถให้เคลื่อนผ่านประตูรั้วบ้านออกไปรถแ
ลมทะเลพัดมาวูบหนึ่ง ติณณ์ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เมื่อก้าวลงเรือเร็วที่มารอรับตรงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว“คุณติณณ์มาคนเดียวหรือครับ”“ลุงเห็นใครมากับผมหรือเปล่าล่ะ”“ไม่เห็นครับ”คนขับเรือเร็วหัวเราะแห้งเมื่อถูกย้อนถาม มันอดสงสัยไม่ได้นี่นาที่เห็นหลานชายของเจ้านายซึ่งเพิ่งมีข่าวแต่งงานเมื่อวานจะไปพักบนเกาะคนเดียว ในตอนที่เจ้านายสั่งให้ขับเรือมารับ เขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเสียด้วย คิดเองเออเองว่าตนมีหน้าที่มารับคู่สามีภรรยาใหม่เพื่อไปส่งที่เกาะฟาติน“คุณติณณ์มีของให้ขนลงเรืออีกหรือเปล่าครับ”“ไม่มี ผมมีเป้ใบนี้ใบเดียว”เพียงเท่านั้น สปีดโบ้ตลำหรูก็แล่นตัดผิวน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นทางยาว เพื่อตรงไปยังเกาะฟาตินที่อยู่ห่างจากฝั่งเกือบสามสิบกิโลเมตร ติณณ์ยกขาขึ้นมาพาดบนที่นั่งว่างๆ เอนกายกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาเพิ่งพักกายได้จริงๆ ก็เวลานี้ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเย็นพลางนึกถึงถ้อยคำสนทนาของตัวเองกับพ่อและแม่เลี้ยงเมื่อสามชั่วโมงก่อน ในตอนที่เขาแวะไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับนำมาใช้บนเกาะ‘แกจะไปอยู่ที่เกาะทั้งที่เพิ่งแต่งงานเมื่อวาน ไม่คิดจะไว้หน้าเมียบ
เมื่อลูกสาววิเคราะห์มาอย่างนั้น แม่ครัวที่อยู่รับใช้เจ้านายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็ออกโรงค้านทันควัน ถึงนางจะเป็นคนแก่ที่อยู่แค่บนเกาะ นานๆ ถึงจะออกไปยังฝั่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารกับเขาสักที...หากดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ“อกหักจากแฟนแล้วไปคว้าเอาญาติของแฟนมาแต่งงานอย่างนี้เหรอ มันได้เหรอแม่”“ไม่มีใครคิดตื้นๆ อย่างเอ็งหรอก ระดับคุณติณณ์ไม่จำเป็นต้องประชดใคร หล่อ รวย เก่ง หาผู้หญิงเลิศเลอกว่าแฟนเก่าสักกี่คนก็ได้ แต่เขาแต่งงานกับคนนี้ เขาก็คงรักของเขา”“จ้า รักมาก แต่งงานวันเดียวก็เผ่นมาอยู่ที่นี่เลย”จบการสนทนา เพราะคนเป็นแม่จนทางหาคำแก้ตัวให้เจ้านายแล้ว ได้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นแม่สั่งให้ลูกสาวหยุดพูดเรื่องนี้เสียเช้าวันที่สองที่ขวัญรดาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านหลังใหม่ เปลือกตาปรือเปิด รอบตัวยังคงแปลกตา สมองค่อยๆ ทบทวนความจำ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผ่านเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สามีอยู่ร่วมเตียงในคืนเข้าหอ แต่พอวันถัดมา เขาก็เดินทางไปที่เกาะของครอบครัวตามลำพังขวัญรดาถูกท
ร่างสูงเพรียวที่กำลังวิ่งออกกำลังกายตามแนวริมหาดทำให้คนขับเรือที่ถูกเรียกให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือในช่วงสายของวันนี้ต้องหัวเราะขันตัวเอง“นังผักมันบอกว่าคุณติณณ์ทำท่าเหมือนคนอกหัก ข้าก็นึกภาพคุณติณณ์เมาหัวราน้ำเสียอีก”นั่นเป็นภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อปีก่อน พอได้ยินลูกสาวบอกว่าท่าทางของติณณ์เหมือนคนอกหัก แถมยังชอบนอนดูดาวทั้งคืน เขาจึงคิดไปเองว่าติณณ์คงกลับมามีสภาพนั้นอีก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันกลับผิดคาด เพราะสีหน้าและท่าทางของติณณ์ห่างไกลจากภาพที่เขานึกไว้ลิบลับ จนคู่ชีวิตที่เป็นแม่ครัวประจำบ้านพักบนเกาะต้องพูดขัดอย่างขัดใจ“แกเชื่ออะไรนังผักมันล่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณติณณ์มาทำงาน ฉันก็เห็นเขาทำงานทุกวัน เขามักอยู่ในห้องทำงาน บางทีฉันก็ได้ยินเขาพูดสายกับใครต่อใคร พอตกเย็นเขาก็ออกมาว่ายน้ำ ตีลังกามองท่าไหนมันก็ไม่ใช่อาการคนอกหัก นังผักมันอคติ หาว่าคุณติณณ์ทิ้งเมียมาอยู่เกาะ มันเลยใส่ร้ายเขาว่าอกหักจากแฟนเก่า”“ใครมันจะอกหักซ้ำซากกับคนคนเดียวได้ข้ามปีล่ะวะ”“แกพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ&rdquo
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วยบนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ ค
ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตูเขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ“เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ“คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไร
ลูกบิดประตูห้องดูภาพยนตร์ภายในบ้านถูกขยับ ก่อนที่บานประตูจะแง้มเปิด คนนั่งบนโซฟากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายซีรีส์เกาหลี เธอยังนิ่งเฉย ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้วติณณ์มองศีรษะทุยสวยที่มีเส้นผมยาวปกคลุม ส่วนปลายผมดัดเป็นลอน เขายังจำสัมผัสยามสอดนิ้วสางกลุ่มผมได้ดีว่ามันนุ่มมือมากแค่ไหนชายหนุ่มยืนอยู่หลังประตูห้องหลายวินาที นึกเอะใจว่ามันดูแปลกๆ ที่ขวัญรดาไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ห้อง...ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาแล้วไม่ใช่หรือ“ขวัญ” ตัดสินใจเรียกเธอออกไป ขวัญรดายังนั่งอยู่เช่นเดิม หากเขาสังเกตเห็นไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยมือหนาร้อนผ่าววางบนลาดไหล่มน หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ คราวนี้ถึงคราวนี้เธอขยับตัวออกห่าง เขาจึงปล่อยมือจากเธอ“ผมมารับคุณ”“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”เธอดูเกร็งๆ ติณณ์หรี่ตามอง นึกสงสัยว่าตนเองกลับมาแล้ว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ดีใจ แล้วทำไมเธอถึงมีท่าทางระมัดระวังตัว“ขวัญหมายความว่ายังไง”“คุณไป
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัว
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ
ร่างสูงเพรียวที่กำลังวิ่งออกกำลังกายตามแนวริมหาดทำให้คนขับเรือที่ถูกเรียกให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือในช่วงสายของวันนี้ต้องหัวเราะขันตัวเอง“นังผักมันบอกว่าคุณติณณ์ทำท่าเหมือนคนอกหัก ข้าก็นึกภาพคุณติณณ์เมาหัวราน้ำเสียอีก”นั่นเป็นภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อปีก่อน พอได้ยินลูกสาวบอกว่าท่าทางของติณณ์เหมือนคนอกหัก แถมยังชอบนอนดูดาวทั้งคืน เขาจึงคิดไปเองว่าติณณ์คงกลับมามีสภาพนั้นอีก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันกลับผิดคาด เพราะสีหน้าและท่าทางของติณณ์ห่างไกลจากภาพที่เขานึกไว้ลิบลับ จนคู่ชีวิตที่เป็นแม่ครัวประจำบ้านพักบนเกาะต้องพูดขัดอย่างขัดใจ“แกเชื่ออะไรนังผักมันล่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณติณณ์มาทำงาน ฉันก็เห็นเขาทำงานทุกวัน เขามักอยู่ในห้องทำงาน บางทีฉันก็ได้ยินเขาพูดสายกับใครต่อใคร พอตกเย็นเขาก็ออกมาว่ายน้ำ ตีลังกามองท่าไหนมันก็ไม่ใช่อาการคนอกหัก นังผักมันอคติ หาว่าคุณติณณ์ทิ้งเมียมาอยู่เกาะ มันเลยใส่ร้ายเขาว่าอกหักจากแฟนเก่า”“ใครมันจะอกหักซ้ำซากกับคนคนเดียวได้ข้ามปีล่ะวะ”“แกพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ&rdquo
เมื่อลูกสาววิเคราะห์มาอย่างนั้น แม่ครัวที่อยู่รับใช้เจ้านายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็ออกโรงค้านทันควัน ถึงนางจะเป็นคนแก่ที่อยู่แค่บนเกาะ นานๆ ถึงจะออกไปยังฝั่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารกับเขาสักที...หากดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ“อกหักจากแฟนแล้วไปคว้าเอาญาติของแฟนมาแต่งงานอย่างนี้เหรอ มันได้เหรอแม่”“ไม่มีใครคิดตื้นๆ อย่างเอ็งหรอก ระดับคุณติณณ์ไม่จำเป็นต้องประชดใคร หล่อ รวย เก่ง หาผู้หญิงเลิศเลอกว่าแฟนเก่าสักกี่คนก็ได้ แต่เขาแต่งงานกับคนนี้ เขาก็คงรักของเขา”“จ้า รักมาก แต่งงานวันเดียวก็เผ่นมาอยู่ที่นี่เลย”จบการสนทนา เพราะคนเป็นแม่จนทางหาคำแก้ตัวให้เจ้านายแล้ว ได้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นแม่สั่งให้ลูกสาวหยุดพูดเรื่องนี้เสียเช้าวันที่สองที่ขวัญรดาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านหลังใหม่ เปลือกตาปรือเปิด รอบตัวยังคงแปลกตา สมองค่อยๆ ทบทวนความจำ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผ่านเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สามีอยู่ร่วมเตียงในคืนเข้าหอ แต่พอวันถัดมา เขาก็เดินทางไปที่เกาะของครอบครัวตามลำพังขวัญรดาถูกท
ลมทะเลพัดมาวูบหนึ่ง ติณณ์ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เมื่อก้าวลงเรือเร็วที่มารอรับตรงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว“คุณติณณ์มาคนเดียวหรือครับ”“ลุงเห็นใครมากับผมหรือเปล่าล่ะ”“ไม่เห็นครับ”คนขับเรือเร็วหัวเราะแห้งเมื่อถูกย้อนถาม มันอดสงสัยไม่ได้นี่นาที่เห็นหลานชายของเจ้านายซึ่งเพิ่งมีข่าวแต่งงานเมื่อวานจะไปพักบนเกาะคนเดียว ในตอนที่เจ้านายสั่งให้ขับเรือมารับ เขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเสียด้วย คิดเองเออเองว่าตนมีหน้าที่มารับคู่สามีภรรยาใหม่เพื่อไปส่งที่เกาะฟาติน“คุณติณณ์มีของให้ขนลงเรืออีกหรือเปล่าครับ”“ไม่มี ผมมีเป้ใบนี้ใบเดียว”เพียงเท่านั้น สปีดโบ้ตลำหรูก็แล่นตัดผิวน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นทางยาว เพื่อตรงไปยังเกาะฟาตินที่อยู่ห่างจากฝั่งเกือบสามสิบกิโลเมตร ติณณ์ยกขาขึ้นมาพาดบนที่นั่งว่างๆ เอนกายกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาเพิ่งพักกายได้จริงๆ ก็เวลานี้ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเย็นพลางนึกถึงถ้อยคำสนทนาของตัวเองกับพ่อและแม่เลี้ยงเมื่อสามชั่วโมงก่อน ในตอนที่เขาแวะไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับนำมาใช้บนเกาะ‘แกจะไปอยู่ที่เกาะทั้งที่เพิ่งแต่งงานเมื่อวาน ไม่คิดจะไว้หน้าเมียบ
คู่สามีภรรยาใหม่อยู่ที่บ้านของหม่อมหลวงอิงอรจนถึงเวลาบ่าย อาหารมื้อเช้าของขวัญรดาถูกรวบไปเป็นมื้อเที่ยง ยังดีที่ตลอดเวลาที่นั่งฟังติณณ์กับแม่ของเขาคุยกัน คนรับใช้ได้นำอาหารว่างมาเสิร์ฟให้กินรองท้อง...เธอหิว เพราะปกติเธอกินมื้อเช้าทุกวัน แต่เธอไม่กล้าบอกใคร แม้แต่คนเป็นสามี“ติณณ์จะไปที่เกาะวันนี้ใช่ไหม เตรียมข้าวของเสร็จแล้วหรือยัง แม่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะกว่าจะขับรถไปลงเรือได้ก็คงมืดค่ำ ยังไงก็อย่าให้ดึกเกินไป” คุณอิงอรพูดขึ้นหลังจากมื้ออาหารจบลงแล้ว ขวัญรดาจึงได้ลาแม่สามีที่เพิ่งพบกันครั้งแรก เมื่อกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับกล่องเครื่องเพชรที่ถือไว้ในมือ เธอเพ่งพิศมัน ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ“มาพบคุณแม่ของคุณ ฉันน่าจะมีอะไรติดมือมาด้วย”“คุณจะซื้ออะไรมาให้แม่ของผม” คำถามกลั้วหัวเราะนั้นทำให้ขวัญรดาคอแข็ง เธอรู้ว่าติณณ์หมายความว่าอย่างไร คนอย่างเธอจะมีกำลังซื้อหาอะไรมาให้หม่อมหลวงอิงอร...หากหญิงสาวก็เลือกที่จะปัดทุกอารมณ์ขุ่นเคืองออกไป“ผลไม้ค่ะ เราซื้อผลไม้มาเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้”คนขับรถไหวไหล่ บอกให้รู้ว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา ก่อนที่เขาจะบังคับรถให้เคลื่อนผ่านประตูรั้วบ้านออกไปรถแ