ขวัญรดายกมือไหว้หม่อมหลวงอิงอรอีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กล้าเรียกผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ว่าแม่เหมือนอย่างที่สามีบอก
แม้รู้ตัวล่วงหน้านานกว่าหนึ่งเดือนว่าจะต้องแต่งงานกับติณณ์ แต่ขวัญรดารู้สึกว่าหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับเกินไป มันเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ “เราสองคนพักที่ไหนกันล่ะ เพนต์เฮาส์ของติณณ์หรือว่าบ้านของคุณพ่อ” “ผมพักที่บ้านบางกรวยครับ แต่บ้านยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะผมเพิ่งบอกแม่บ้านล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับขวัญ” แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง ขวัญรดาก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพักอยู่ที่ไหน หรือบ้านที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนั้นเป็นบ้านที่จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า หากคำพูดของเขาก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น…เขาคิดจะเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอ ความรู้สึกมีตัวตนกำลังก่อตัวขึ้นมา หัวใจสาวพองโต แต่สมองเจ้ากรรมดันจดจำคำพูดของเขาในงานเลี้ยงแต่งงานเสียนี่ ‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’ สีหน้าของขวัญรดาจืดเจื่อนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หากโชคดีที่ทั้งสามีทั้งแม่ของเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น “ติณณ์มีเมียแล้ว จากนี้ไปก็อย่าโหมทำงานหนัก มีเวลาก็ไปเที่ยวพักผ่อนกับเมียให้สม่ำเสมอ แม่ไม่ได้มีติณณ์เพื่อให้ทำงานสร้างอาณาจักรให้ใคร ติณณ์เลือกใช้ชีวิตเองได้” “ผมมีความสุขดีครับ” ติณณ์พูดยิ้มๆ ขวัญรดาอดที่จะมองทั้งสองคนไม่ได้ คำพูดของหม่อมหลวงอิงอรเหมือนมีความนัยซ่อนอยู่ พลันเธอต้องขยับตัวอัตโนมัติเมื่อนางเบนสายตามาหา “แม่ฝากหนูดูแลติณณ์ด้วยนะ ทั้งสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว หนูดูแลปรนนิบัติสามีให้กินอิ่มนอนหลับ รายนี้เขาดื้อสักหน่อยนะ แรกๆ หนูคงรับมือเขายาก ค่อยๆ เรียนรู้กันไป แม่เชื่อว่าไม่นานหนูจะรู้จักและเข้าใจเขาเอง” คำฝากฝังของแม่สามีทำให้สะใภ้มือใหม่แทบวางสีหน้าไม่ถูก เธอจะดูแลติณณ์ได้อย่างไร เพราะแค่บังคับตัวเองไม่ให้เกิดความรู้สึกกริ่งเกรงเขายามอยู่ใกล้กัน มันก็ยากหนักหนาแล้ว ท่าทางของหญิงสาว คนเป็นสามีสัมผัสได้...เขามองเธอนิ่งๆ พอเธอหันไปสบตา ประกายตาคมกล้าที่ออกแววท้าทายทำให้เธอต้องถอนสายตากลับในทันที “หนูยังไม่รับปากแม่” แม่สามีท้วงลูกสะใภ้ แสร้งทำทีไม่เห็นว่าลูกชายตัวดีกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับเจ้าหล่อนอยู่ “ได้ค่ะ” เสียงรับคำดังแผ่วเบา แถมเจ้าหล่อนยังไม่ยอมสบตานางอีก หากเพียงเท่านี้ก็สมใจหม่อมหลวงอิงอรแล้ว นางเลื่อนกล่องสีดำมันวาวที่วางข้างมือมาเปิดออก ข้างในเป็นชุดเครื่องประดับ เพชรน้ำงามส่องประกายวับวาวยามต้องแสงแดดยามสาย “แม่เตรียมของไว้ให้หนูขวัญ ติณณ์สวมสร้อยคอให้น้องสิ เพชรเม็ดเล็กแต่น้ำดีมาก แม่เลือกเพชรเองกับมือ เอาไว้ใส่ติดตัว ส่วนอันนี้ก็เป็นต่างหูกับสร้อยข้อมือเข้าชุดกัน เก็บไว้ใส่ตอนออกงาน” เครื่องประดับในกล่องหรู มันสวยงามเหลือเกิน ขวัญรดามองมันตาค้าง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแม่สามี แล้วเค้นคำปฏิเสธอย่างยากลำบาก “หนูรับไว้ไม่ได้ค่ะ” “หืม! ยังไงนะ” ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธ คุณอิงอรประหลาดใจเป็นอย่างมาก ขวัญรดารู้สึกอึดอัดใจ เธอหันไปมองสามีหวังจะให้เขาช่วย แต่ท่าทางของเขาไม่ต่างจากแม่ของเขาเลย ขวัญรดาจึงต้องช่วยตัวเองต่อไป “หนูขอโทษค่ะ หนูรับไว้ไม่ได้ มันมีค่ามากเกินไป หนูกลัวทำมันหาย” “คุณพูดอะไร แม่ของผมให้ของ คุณก็รับไว้สิ” ติณณ์ติงขวัญรดาเสียงเข้ม ถึงตอนนี้หญิงสาวมีท่าทางสับสนปนลังเล เธอถามเขาอย่างไม่มั่นใจเอาเสียเลย “ฉันควรรับเครื่องประดับชุดนี้หรือคะ” แทนคำตอบ ติณณ์หยิบสร้อยคอจากกล่องสีดำตรงหน้าแม่อย่างไว เขาปลดล็อกสร้อยคอ แล้วสวมให้เธออย่างไม่ถนอมนัก ขวัญรดานั่งตัวแข็งทื่อไปแล้ว สัมผัสความร้อนผ่าวจากมือของเขาที่เคลื่อนอยู่ใกล้ต้นคอ ใกล้ชิดกันทีไร มันทำให้เธอออกอาการสั่นทุกที นานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่ขวัญรดานั่งอยู่ในสภาพตัวแข็งเกร็ง กระทั่งเขาสวมสร้อยคอให้เธอเสร็จ แล้วขยับไปนั่งตรงที่เดิม เธอจึงหายใจได้คล่องคอขึ้น “สวมสร้อยคอไว้อย่างนี้แหละ แม่เลือกดีแล้วว่าหนูใส่มันได้ทุกโอกาส” มือบางสัมผัสสร้อยคอบริเวณเหนือเนินอก สร้อยคอเย็นวาบ แต่ตัวเธอกลับร้อนผ่าว เพราะยังจดจำไอความร้อนจากมือหนายามป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณต้นคอเมื่อสักครู่นี้ได้คู่สามีภรรยาใหม่อยู่ที่บ้านของหม่อมหลวงอิงอรจนถึงเวลาบ่าย อาหารมื้อเช้าของขวัญรดาถูกรวบไปเป็นมื้อเที่ยง ยังดีที่ตลอดเวลาที่นั่งฟังติณณ์กับแม่ของเขาคุยกัน คนรับใช้ได้นำอาหารว่างมาเสิร์ฟให้กินรองท้อง...เธอหิว เพราะปกติเธอกินมื้อเช้าทุกวัน แต่เธอไม่กล้าบอกใคร แม้แต่คนเป็นสามี“ติณณ์จะไปที่เกาะวันนี้ใช่ไหม เตรียมข้าวของเสร็จแล้วหรือยัง แม่ว่ากลับบ้านกันเถอะ เพราะกว่าจะขับรถไปลงเรือได้ก็คงมืดค่ำ ยังไงก็อย่าให้ดึกเกินไป” คุณอิงอรพูดขึ้นหลังจากมื้ออาหารจบลงแล้ว ขวัญรดาจึงได้ลาแม่สามีที่เพิ่งพบกันครั้งแรก เมื่อกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับกล่องเครื่องเพชรที่ถือไว้ในมือ เธอเพ่งพิศมัน ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ“มาพบคุณแม่ของคุณ ฉันน่าจะมีอะไรติดมือมาด้วย”“คุณจะซื้ออะไรมาให้แม่ของผม” คำถามกลั้วหัวเราะนั้นทำให้ขวัญรดาคอแข็ง เธอรู้ว่าติณณ์หมายความว่าอย่างไร คนอย่างเธอจะมีกำลังซื้อหาอะไรมาให้หม่อมหลวงอิงอร...หากหญิงสาวก็เลือกที่จะปัดทุกอารมณ์ขุ่นเคืองออกไป“ผลไม้ค่ะ เราซื้อผลไม้มาเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้”คนขับรถไหวไหล่ บอกให้รู้ว่ามันไม่สำคัญสำหรับเขา ก่อนที่เขาจะบังคับรถให้เคลื่อนผ่านประตูรั้วบ้านออกไปรถแ
ลมทะเลพัดมาวูบหนึ่ง ติณณ์ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เมื่อก้าวลงเรือเร็วที่มารอรับตรงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว“คุณติณณ์มาคนเดียวหรือครับ”“ลุงเห็นใครมากับผมหรือเปล่าล่ะ”“ไม่เห็นครับ”คนขับเรือเร็วหัวเราะแห้งเมื่อถูกย้อนถาม มันอดสงสัยไม่ได้นี่นาที่เห็นหลานชายของเจ้านายซึ่งเพิ่งมีข่าวแต่งงานเมื่อวานจะไปพักบนเกาะคนเดียว ในตอนที่เจ้านายสั่งให้ขับเรือมารับ เขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเสียด้วย คิดเองเออเองว่าตนมีหน้าที่มารับคู่สามีภรรยาใหม่เพื่อไปส่งที่เกาะฟาติน“คุณติณณ์มีของให้ขนลงเรืออีกหรือเปล่าครับ”“ไม่มี ผมมีเป้ใบนี้ใบเดียว”เพียงเท่านั้น สปีดโบ้ตลำหรูก็แล่นตัดผิวน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นทางยาว เพื่อตรงไปยังเกาะฟาตินที่อยู่ห่างจากฝั่งเกือบสามสิบกิโลเมตร ติณณ์ยกขาขึ้นมาพาดบนที่นั่งว่างๆ เอนกายกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาเพิ่งพักกายได้จริงๆ ก็เวลานี้ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามเย็นพลางนึกถึงถ้อยคำสนทนาของตัวเองกับพ่อและแม่เลี้ยงเมื่อสามชั่วโมงก่อน ในตอนที่เขาแวะไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับนำมาใช้บนเกาะ‘แกจะไปอยู่ที่เกาะทั้งที่เพิ่งแต่งงานเมื่อวาน ไม่คิดจะไว้หน้าเมียบ
เมื่อลูกสาววิเคราะห์มาอย่างนั้น แม่ครัวที่อยู่รับใช้เจ้านายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็ออกโรงค้านทันควัน ถึงนางจะเป็นคนแก่ที่อยู่แค่บนเกาะ นานๆ ถึงจะออกไปยังฝั่ง แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารกับเขาสักที...หากดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ“อกหักจากแฟนแล้วไปคว้าเอาญาติของแฟนมาแต่งงานอย่างนี้เหรอ มันได้เหรอแม่”“ไม่มีใครคิดตื้นๆ อย่างเอ็งหรอก ระดับคุณติณณ์ไม่จำเป็นต้องประชดใคร หล่อ รวย เก่ง หาผู้หญิงเลิศเลอกว่าแฟนเก่าสักกี่คนก็ได้ แต่เขาแต่งงานกับคนนี้ เขาก็คงรักของเขา”“จ้า รักมาก แต่งงานวันเดียวก็เผ่นมาอยู่ที่นี่เลย”จบการสนทนา เพราะคนเป็นแม่จนทางหาคำแก้ตัวให้เจ้านายแล้ว ได้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นแม่สั่งให้ลูกสาวหยุดพูดเรื่องนี้เสียเช้าวันที่สองที่ขวัญรดาตื่นนอนขึ้นมาในบ้านหลังใหม่ เปลือกตาปรือเปิด รอบตัวยังคงแปลกตา สมองค่อยๆ ทบทวนความจำ เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผ่านเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สามีอยู่ร่วมเตียงในคืนเข้าหอ แต่พอวันถัดมา เขาก็เดินทางไปที่เกาะของครอบครัวตามลำพังขวัญรดาถูกท
ร่างสูงเพรียวที่กำลังวิ่งออกกำลังกายตามแนวริมหาดทำให้คนขับเรือที่ถูกเรียกให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือในช่วงสายของวันนี้ต้องหัวเราะขันตัวเอง“นังผักมันบอกว่าคุณติณณ์ทำท่าเหมือนคนอกหัก ข้าก็นึกภาพคุณติณณ์เมาหัวราน้ำเสียอีก”นั่นเป็นภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อปีก่อน พอได้ยินลูกสาวบอกว่าท่าทางของติณณ์เหมือนคนอกหัก แถมยังชอบนอนดูดาวทั้งคืน เขาจึงคิดไปเองว่าติณณ์คงกลับมามีสภาพนั้นอีก แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันกลับผิดคาด เพราะสีหน้าและท่าทางของติณณ์ห่างไกลจากภาพที่เขานึกไว้ลิบลับ จนคู่ชีวิตที่เป็นแม่ครัวประจำบ้านพักบนเกาะต้องพูดขัดอย่างขัดใจ“แกเชื่ออะไรนังผักมันล่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณติณณ์มาทำงาน ฉันก็เห็นเขาทำงานทุกวัน เขามักอยู่ในห้องทำงาน บางทีฉันก็ได้ยินเขาพูดสายกับใครต่อใคร พอตกเย็นเขาก็ออกมาว่ายน้ำ ตีลังกามองท่าไหนมันก็ไม่ใช่อาการคนอกหัก นังผักมันอคติ หาว่าคุณติณณ์ทิ้งเมียมาอยู่เกาะ มันเลยใส่ร้ายเขาว่าอกหักจากแฟนเก่า”“ใครมันจะอกหักซ้ำซากกับคนคนเดียวได้ข้ามปีล่ะวะ”“แกพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ&rdquo
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัว
ลูกบิดประตูห้องดูภาพยนตร์ภายในบ้านถูกขยับ ก่อนที่บานประตูจะแง้มเปิด คนนั่งบนโซฟากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายซีรีส์เกาหลี เธอยังนิ่งเฉย ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้วติณณ์มองศีรษะทุยสวยที่มีเส้นผมยาวปกคลุม ส่วนปลายผมดัดเป็นลอน เขายังจำสัมผัสยามสอดนิ้วสางกลุ่มผมได้ดีว่ามันนุ่มมือมากแค่ไหนชายหนุ่มยืนอยู่หลังประตูห้องหลายวินาที นึกเอะใจว่ามันดูแปลกๆ ที่ขวัญรดาไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ห้อง...ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาแล้วไม่ใช่หรือ“ขวัญ” ตัดสินใจเรียกเธอออกไป ขวัญรดายังนั่งอยู่เช่นเดิม หากเขาสังเกตเห็นไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยมือหนาร้อนผ่าววางบนลาดไหล่มน หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ คราวนี้ถึงคราวนี้เธอขยับตัวออกห่าง เขาจึงปล่อยมือจากเธอ“ผมมารับคุณ”“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”เธอดูเกร็งๆ ติณณ์หรี่ตามอง นึกสงสัยว่าตนเองกลับมาแล้ว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ดีใจ แล้วทำไมเธอถึงมีท่าทางระมัดระวังตัว“ขวัญหมายความว่ายังไง”“คุณไป
ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตูเขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ“เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ“คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไร
“อื้อ...อือ...”เสียงหวานดังประท้วงในลำคอ แต่แค่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางแผ่ว คนตัวใหญ่นึกย่ามใจ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนตัว มันเป็นห้องทำงานของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาที่เขาได้มาด้วยการแต่งงาน มันจะเป็นไรไปหากเขาจะกอบโกยความหวานจากแม่เนื้อนวลในวินาทีนี้อารมณ์ดิบในกายใหญ่โหมพัดแรงจนร่างน้อยสั่นหวิว แข้งขาสั่นระริกจนคิดว่าเธอต้องทรุดกองบนพื้นอย่างแน่นนอนหากเขาไม่กอดรั้งเอาไว้ เนิ่นนานผ่านไป ร่างสาวก็อ่อนปวกเปียกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแรงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากหยักค่อยๆ ถอยห่าง เรียวปากสวยยังเผยอค้างด้วยรู้สึกชาหนึบไปหมดแล้วเรียวนิ้วแข็งแรงแตะไล้ตรงริมฝีปากที่ขวัญรดาคิดว่ามันคงกำลังบวมเป่งด้วยแรงบด“หวานมาก อยากจูบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”ถ้อยคำกระซิบพร่าทำให้ขวัญรดาตื่นจากภวังค์หวาน ศีรษะทุยสวยผงะออกห่าง แต่เธอทำได้เพียงนิดเดียว เพราะถูกฝ่ามือใหญ่ตรึงท้ายทอยเอาไว้“คุณติณณ์...”“หืม...ว่ายังไง”ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับโน้มดวงหน้าคมสันเข้าไปใกล้ ขวัญรดาเบี่ยงกายหนี แม้เธอจะท
ผิวกายขาวผ่องมองเห็นรอยจ้ำแดงๆ เกือบทั่วทั้งตัว ขวัญรดาเปลือยกายมองภาพสะท้อนทางกระจกในห้องน้ำ สัมผัสของติณณ์ไม่เบามือ แต่เธอกลับสนองตอบเขาทุกทีไปคิดไปก็เริ่มหวั่นตัวเอง ทำไมถึงชอบสัมผัสรุนแรงจากเขานักหญิงสาวยู่ปากคล้ายกับว่าเขามายืนอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไรก็ไม่รู้ เมื่อออกมาแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วจึงเห็นเสื้อผ้าแบรนด์สวยที่เพิ่งซื้อมาอัดอยู่เต็มตู้แล้ว“ใครเอามาใส่”เสื้อผ้าแต่ละแบบแขวนคละกัน บางส่วนก็วางซ้อนทับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด็กรับใช้ยังจัดให้เธออย่างเป็นระเบียบ แขวงเรียงราย หยิบจับง่าย แถมยังไล่ตามเฉดสีให้ด้วยขวัญรดาจัดเสื้อผ้าในตู้เสียใหม่ ไม่มีอารมณ์แง่งอนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกว่าจะไม่แตะต้องเสื้อผ้าเซ็ตนี้แล้ว ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าลำลองของตนมาสวม แล้วลงไปหาเขาติณณ์นั่งอยู่ที่ศาลา บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารวางซ้อนอยู่ เขากำลังจดจ่อกับงาน ขวัญรดาชะโงกหน้ามองผ่านประตูแล้วตัดสินใจที่จะไม่รบกวนเขา…ทว่าอีกฝ่ายเห็นและเรียกเธอไว้เสียก่อน“ขวัญ มานี่สิ”
ร่างขาวนวลที่จุดสีแดงเรื่อไปทั้งตัวกำลังบิดเร่า ดวงหน้าสวยนิ่วเหยเกยามถูกร่างใหญ่โหมเข้าใส่อย่างไม่ผ่อนแรง เสียงครางหวานดังระงมเมื่อความสุขซ่านแล่นปราดจนแทบจุกอก คนร่างใหญ่คำรามเข้ม เขากำลังถูกความนุ่มนวลและฉ่ำหวานตอดรัดท่อนลำใหญ่ ชายหนุ่มเร่งจังหวะรักถี่กระชั้น ดุดัน และทรงพลัง เขาทำให้เธอหวีดร้องอย่างสุดจะเก็บกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ สองมือหนาบีบเคล้นอกอวบสล้างที่กำลังกระเพื่อมไหวอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์เพื่อส่งเธอแตะไปจุดปลายปลายรุ้ง เนื้อตัวของขวัญรดาสั่นระริก รับรู้ถึงลาวาร้อนที่กำลังพ่นเข้าสู่กายเธอ ติณณ์ทำให้เธอถึงจุดสุขสมอย่างรุนแรง เธอไม่อาจควบคุมตัวเอง เขาปรนเปรอจนเธอพบความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะปลดปล่อยตามเธอไป “หวานมากเมียรัก” คนร่างใหญ่บอกเสียงกระเส่า เขายังเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเนิบช้าอยู่เหนือกายเธอ ใบหน้าสากระคายซุกไซ้ซอกคอนุ่ม สูดกลิ่นหอมละมุน ดูดเม้มผิวอ่อนจนเป็นรอยช้ำ “อื้อ...ขวัญเจ็บ” ขวัญรดาประท้วงเมื่อคนตัวใหญ่เคลื่อนตัวต่ำลงมา เขาขบเม้มฐานเต้าเต่งสล้างที่ยังปรากฏรอยแดงเป็นริ้วๆ จากแรงเฟ้นฟอนของเขา ติณณ์หยัดกายกลั
แค่รถจอดสนิท ขวัญรดาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าใบย่อมเดินเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจถุงใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาเมื่อสักพักใหญ่ที่วางอยู่เต็มรถ และไม่ไยดีคนขับรถที่เร่งฝีเท้าตามเธอมาจากข้างหลัง“คุณขวัญกลับมาแล้วหรือคะ ไหนบอกว่าจะไปค้างหลายวัน”เสียงป้านิ่มนั่นเอง อารามดีใจที่เห็นหญิงสาวกลับมาทำให้นางโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ติณณ์ตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้จนนางต้องรีบปิดปากเสียขวัญรดายืนรีรออยู่กลางบ้านชั่วขณะ ด้วยกำลังคิดว่าจะไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนดี สุดท้ายเธอก็จ้ำฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ตนครอบครองตามลำพังมานานนับสิบวัน โดยไม่ลืมล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา“ขวัญเปิดประตูสิ คุณล็อกห้องทำไม นี่มันห้องนอนของเรานะ”ติณณ์ทุบประตูปังๆ ส่งเสียงโวยวายอยู่ตรงหน้าประตู ขวัญรดาปล่อยให้เขาตะโกนเรียกนานนับนาที และเป็นเธอเองที่หมดความอดทน กระชากบานประตูเปิดแล้วข่มกลั้นอารมณ์บอก“ไม่มีห้องนอนของเราแล้วค่ะ ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้ก็ไปเปิดห้องอื่นให้ฉัน หรือไม่ฉันก็กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉัน”ติณณ์รีบดันตัวเข้ามาในห้องเมื่อโอกาส
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วยบนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ ค
ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตูเขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ“เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ“คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไร
ลูกบิดประตูห้องดูภาพยนตร์ภายในบ้านถูกขยับ ก่อนที่บานประตูจะแง้มเปิด คนนั่งบนโซฟากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายซีรีส์เกาหลี เธอยังนิ่งเฉย ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้วติณณ์มองศีรษะทุยสวยที่มีเส้นผมยาวปกคลุม ส่วนปลายผมดัดเป็นลอน เขายังจำสัมผัสยามสอดนิ้วสางกลุ่มผมได้ดีว่ามันนุ่มมือมากแค่ไหนชายหนุ่มยืนอยู่หลังประตูห้องหลายวินาที นึกเอะใจว่ามันดูแปลกๆ ที่ขวัญรดาไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ห้อง...ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาแล้วไม่ใช่หรือ“ขวัญ” ตัดสินใจเรียกเธอออกไป ขวัญรดายังนั่งอยู่เช่นเดิม หากเขาสังเกตเห็นไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยมือหนาร้อนผ่าววางบนลาดไหล่มน หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ คราวนี้ถึงคราวนี้เธอขยับตัวออกห่าง เขาจึงปล่อยมือจากเธอ“ผมมารับคุณ”“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”เธอดูเกร็งๆ ติณณ์หรี่ตามอง นึกสงสัยว่าตนเองกลับมาแล้ว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ดีใจ แล้วทำไมเธอถึงมีท่าทางระมัดระวังตัว“ขวัญหมายความว่ายังไง”“คุณไป
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัว
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ