ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตู
เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ “เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ “คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไรไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วยบนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ ค
แค่รถจอดสนิท ขวัญรดาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าใบย่อมเดินเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจถุงใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาเมื่อสักพักใหญ่ที่วางอยู่เต็มรถ และไม่ไยดีคนขับรถที่เร่งฝีเท้าตามเธอมาจากข้างหลัง“คุณขวัญกลับมาแล้วหรือคะ ไหนบอกว่าจะไปค้างหลายวัน”เสียงป้านิ่มนั่นเอง อารามดีใจที่เห็นหญิงสาวกลับมาทำให้นางโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ติณณ์ตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้จนนางต้องรีบปิดปากเสียขวัญรดายืนรีรออยู่กลางบ้านชั่วขณะ ด้วยกำลังคิดว่าจะไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนดี สุดท้ายเธอก็จ้ำฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ตนครอบครองตามลำพังมานานนับสิบวัน โดยไม่ลืมล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา“ขวัญเปิดประตูสิ คุณล็อกห้องทำไม นี่มันห้องนอนของเรานะ”ติณณ์ทุบประตูปังๆ ส่งเสียงโวยวายอยู่ตรงหน้าประตู ขวัญรดาปล่อยให้เขาตะโกนเรียกนานนับนาที และเป็นเธอเองที่หมดความอดทน กระชากบานประตูเปิดแล้วข่มกลั้นอารมณ์บอก“ไม่มีห้องนอนของเราแล้วค่ะ ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้ก็ไปเปิดห้องอื่นให้ฉัน หรือไม่ฉันก็กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉัน”ติณณ์รีบดันตัวเข้ามาในห้องเมื่อโอกาส
ร่างขาวนวลที่จุดสีแดงเรื่อไปทั้งตัวกำลังบิดเร่า ดวงหน้าสวยนิ่วเหยเกยามถูกร่างใหญ่โหมเข้าใส่อย่างไม่ผ่อนแรง เสียงครางหวานดังระงมเมื่อความสุขซ่านแล่นปราดจนแทบจุกอก คนร่างใหญ่คำรามเข้ม เขากำลังถูกความนุ่มนวลและฉ่ำหวานตอดรัดท่อนลำใหญ่ ชายหนุ่มเร่งจังหวะรักถี่กระชั้น ดุดัน และทรงพลัง เขาทำให้เธอหวีดร้องอย่างสุดจะเก็บกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ สองมือหนาบีบเคล้นอกอวบสล้างที่กำลังกระเพื่อมไหวอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์เพื่อส่งเธอแตะไปจุดปลายปลายรุ้ง เนื้อตัวของขวัญรดาสั่นระริก รับรู้ถึงลาวาร้อนที่กำลังพ่นเข้าสู่กายเธอ ติณณ์ทำให้เธอถึงจุดสุขสมอย่างรุนแรง เธอไม่อาจควบคุมตัวเอง เขาปรนเปรอจนเธอพบความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะปลดปล่อยตามเธอไป “หวานมากเมียรัก” คนร่างใหญ่บอกเสียงกระเส่า เขายังเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเนิบช้าอยู่เหนือกายเธอ ใบหน้าสากระคายซุกไซ้ซอกคอนุ่ม สูดกลิ่นหอมละมุน ดูดเม้มผิวอ่อนจนเป็นรอยช้ำ “อื้อ...ขวัญเจ็บ” ขวัญรดาประท้วงเมื่อคนตัวใหญ่เคลื่อนตัวต่ำลงมา เขาขบเม้มฐานเต้าเต่งสล้างที่ยังปรากฏรอยแดงเป็นริ้วๆ จากแรงเฟ้นฟอนของเขา ติณณ์หยัดกายกลั
ผิวกายขาวผ่องมองเห็นรอยจ้ำแดงๆ เกือบทั่วทั้งตัว ขวัญรดาเปลือยกายมองภาพสะท้อนทางกระจกในห้องน้ำ สัมผัสของติณณ์ไม่เบามือ แต่เธอกลับสนองตอบเขาทุกทีไปคิดไปก็เริ่มหวั่นตัวเอง ทำไมถึงชอบสัมผัสรุนแรงจากเขานักหญิงสาวยู่ปากคล้ายกับว่าเขามายืนอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไรก็ไม่รู้ เมื่อออกมาแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วจึงเห็นเสื้อผ้าแบรนด์สวยที่เพิ่งซื้อมาอัดอยู่เต็มตู้แล้ว“ใครเอามาใส่”เสื้อผ้าแต่ละแบบแขวนคละกัน บางส่วนก็วางซ้อนทับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด็กรับใช้ยังจัดให้เธออย่างเป็นระเบียบ แขวงเรียงราย หยิบจับง่าย แถมยังไล่ตามเฉดสีให้ด้วยขวัญรดาจัดเสื้อผ้าในตู้เสียใหม่ ไม่มีอารมณ์แง่งอนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกว่าจะไม่แตะต้องเสื้อผ้าเซ็ตนี้แล้ว ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าลำลองของตนมาสวม แล้วลงไปหาเขาติณณ์นั่งอยู่ที่ศาลา บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารวางซ้อนอยู่ เขากำลังจดจ่อกับงาน ขวัญรดาชะโงกหน้ามองผ่านประตูแล้วตัดสินใจที่จะไม่รบกวนเขา…ทว่าอีกฝ่ายเห็นและเรียกเธอไว้เสียก่อน“ขวัญ มานี่สิ”
“อื้อ...อือ...”เสียงหวานดังประท้วงในลำคอ แต่แค่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางแผ่ว คนตัวใหญ่นึกย่ามใจ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนตัว มันเป็นห้องทำงานของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาที่เขาได้มาด้วยการแต่งงาน มันจะเป็นไรไปหากเขาจะกอบโกยความหวานจากแม่เนื้อนวลในวินาทีนี้อารมณ์ดิบในกายใหญ่โหมพัดแรงจนร่างน้อยสั่นหวิว แข้งขาสั่นระริกจนคิดว่าเธอต้องทรุดกองบนพื้นอย่างแน่นนอนหากเขาไม่กอดรั้งเอาไว้ เนิ่นนานผ่านไป ร่างสาวก็อ่อนปวกเปียกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแรงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากหยักค่อยๆ ถอยห่าง เรียวปากสวยยังเผยอค้างด้วยรู้สึกชาหนึบไปหมดแล้วเรียวนิ้วแข็งแรงแตะไล้ตรงริมฝีปากที่ขวัญรดาคิดว่ามันคงกำลังบวมเป่งด้วยแรงบด“หวานมาก อยากจูบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”ถ้อยคำกระซิบพร่าทำให้ขวัญรดาตื่นจากภวังค์หวาน ศีรษะทุยสวยผงะออกห่าง แต่เธอทำได้เพียงนิดเดียว เพราะถูกฝ่ามือใหญ่ตรึงท้ายทอยเอาไว้“คุณติณณ์...”“หืม...ว่ายังไง”ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับโน้มดวงหน้าคมสันเข้าไปใกล้ ขวัญรดาเบี่ยงกายหนี แม้เธอจะท
ร่างขาวนวลเนียนขยับกายนอนคุดคู้เมื่อรู้สึกตัวตื่น รับรู้ถึงความเจ็บร้าวตรงกลางกาย อีกทั้งแขนและขาก็มีอาการไม่ต่างกัน มันปวดล้าไปทั่วทั้งร่าง“อูย…”เช้าวันนี้เป็นวันแรกหลังงานวิวาห์ ขวัญรดาผินหน้าไปมองผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องหอบนที่นอนอีกฝั่ง แต่กลับว่างเปล่า เธอไม่เห็นเขาแล้ว นอกจากร่องรอยบนร่างกายของตัวเอง คงมีเพียงรอยยับย่นของผ้าปูที่นอนที่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาอยู่กับเธอจริงๆติณณ์...สามีของเธอ ผู้ชายที่เธอเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่เคยมองเห็นเธอ หากนั่นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะเธอไม่เคยอยากให้ตัวเองอยู่ในสายตาของใครอยู่แล้วเจ้าสาวหมาดๆ ยันกายขึ้นมานั่งกลางเตียง สภาพเตียงนอนเหมือนสมรภูมิรบ แต่มันก็ไม่ไกลจากความจริงนัก... เมื่อคืนติณณ์ทำให้เธอตกใจ เขาจู่โจมและเข้าถึงตัวเธอ ไม่ยอมปล่อยวางเธอทั้งคืน ทั้งที่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงแต่งงาน เขายังทำหมางเมินใส่เธออยู่เลยขวัญรดาหลับตา เรียวปากสวยเม้มสนิทด้วยต้องการข่มกลั้นความเจ็บแปลบและหวิวโหวงที่ประดังเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย..
เก้านาฬิกาเศษ ผู้ชายร่างสูงกำลังยืนอยู่กลางห้องนอน เขามองไปรอบๆ ห้อง หวังจะเห็นเธอคนนั้น แต่กลับไร้วี่แวว“ไปไหนของเขานะ” ดวงตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะสาวเท้าไปยังห้องน้ำ บานประตูห้องน้ำปิดสนิท เมื่อลองผลักบานประตู เขาถึงรู้ว่ามันถูกล็อกจากข้างในชายหนุ่มผละออกมา แล้วเดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าตรงโซนด้านซ้ายมือซึ่งเขากันให้เป็นพื้นที่เก็บเสื้อผ้าและข้าวของของเธอเสื้อผ้าไม่กี่ชุดแขวนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มเลือกหาชุดที่เหมาะๆ แล้วนำมาวางพาดไว้บนเตียง...หากก็กวาดสายตามองเตียงนอนไปโดยอัตโนมัติ ผ้าปูที่นอนเรียบตึง มีผ้าห่มคลุมทับไว้ครึ่งหนึ่ง มือแข็งแรงดึงมันออกมา แล้วถึงได้เห็นรอยเปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอน...เธอคงตั้งใจปิดมันไว้พลันเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเบาๆ ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มปิดร่องรอยไว้ดังเดิม เขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง จึงได้เห็นคนที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินตรงมา อดที่จะกวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของเธอไม่ได้“พี่...เอ่อ คุณติณณ์เข้ามาทำไมคะ”เธอออกอาการอ้ำอึ้ง ผิวแก้มขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาด...มันน่ามอง วินาทีแรกนั้นติณณ์กำลังจะถอนสายตา แต่พอคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป
ขวัญรดาใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงสำหรับการพยายามทำให้ตัวเองงดงามขึ้น เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความลังเลและไม่มั่นใจ เธอมองตัวเองจากภาพสะท้อนทางกระจก ก่อนจะยกแปรงขึ้นมาปัดบนแก้มนวลซ้ำอีกครั้ง “พอแล้วแหละ คงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว” หญิงสาวเก็บเครื่องสำอางลงในกระเป๋าแต่งหน้า มันมีเพียงน้อยชิ้น ก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าสะพาย ขวัญรดาไม่ได้ด้อยค่าตัวเอง แต่เธอมองตัวเองด้วยสายตาเป็นธรรม เธอเกิดมาท่ามกลางผู้หญิงที่มีดีกรีความสวยการันตี ไม่ว่าพี่สาวที่เป็นถึงนักแสดงชื่อดัง แม้ระยะหลังพี่สาวของเธอจะพลาดบทนางเอกไปแล้ว แต่ชื่อเสียงและความโดดเด่นก็ยังไม่แผ่ว อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นเจ้าแม่อีเวนต์ที่ถูกเรียกหาอยู่เสมอ ส่วนอีกคนก็คือคัทลียา ญาติสาวที่มีวัยห่างจากเธอเพียงสองปี แต่เส้นทางชีวิตกลับก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว คัทลียาเป็นถึงนางงามตัวแทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปประกวดนางงามบนเวทีระดับโลกซึ่งคนไทยเคยได้ลุ้นกัน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับรางวัลที่สามารถชนะใจกรรมการจนเข้าถึงรอบห้าคนสุดท้าย ผู้หญิงสวยมักโง่...ใครกันช่างพูดไว้ ขวัญรดาอยากค้านสุดใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ โดย
“อื้อ...อือ...”เสียงหวานดังประท้วงในลำคอ แต่แค่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางแผ่ว คนตัวใหญ่นึกย่ามใจ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนตัว มันเป็นห้องทำงานของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาที่เขาได้มาด้วยการแต่งงาน มันจะเป็นไรไปหากเขาจะกอบโกยความหวานจากแม่เนื้อนวลในวินาทีนี้อารมณ์ดิบในกายใหญ่โหมพัดแรงจนร่างน้อยสั่นหวิว แข้งขาสั่นระริกจนคิดว่าเธอต้องทรุดกองบนพื้นอย่างแน่นนอนหากเขาไม่กอดรั้งเอาไว้ เนิ่นนานผ่านไป ร่างสาวก็อ่อนปวกเปียกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแรงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากหยักค่อยๆ ถอยห่าง เรียวปากสวยยังเผยอค้างด้วยรู้สึกชาหนึบไปหมดแล้วเรียวนิ้วแข็งแรงแตะไล้ตรงริมฝีปากที่ขวัญรดาคิดว่ามันคงกำลังบวมเป่งด้วยแรงบด“หวานมาก อยากจูบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”ถ้อยคำกระซิบพร่าทำให้ขวัญรดาตื่นจากภวังค์หวาน ศีรษะทุยสวยผงะออกห่าง แต่เธอทำได้เพียงนิดเดียว เพราะถูกฝ่ามือใหญ่ตรึงท้ายทอยเอาไว้“คุณติณณ์...”“หืม...ว่ายังไง”ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับโน้มดวงหน้าคมสันเข้าไปใกล้ ขวัญรดาเบี่ยงกายหนี แม้เธอจะท
ผิวกายขาวผ่องมองเห็นรอยจ้ำแดงๆ เกือบทั่วทั้งตัว ขวัญรดาเปลือยกายมองภาพสะท้อนทางกระจกในห้องน้ำ สัมผัสของติณณ์ไม่เบามือ แต่เธอกลับสนองตอบเขาทุกทีไปคิดไปก็เริ่มหวั่นตัวเอง ทำไมถึงชอบสัมผัสรุนแรงจากเขานักหญิงสาวยู่ปากคล้ายกับว่าเขามายืนอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไรก็ไม่รู้ เมื่อออกมาแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วจึงเห็นเสื้อผ้าแบรนด์สวยที่เพิ่งซื้อมาอัดอยู่เต็มตู้แล้ว“ใครเอามาใส่”เสื้อผ้าแต่ละแบบแขวนคละกัน บางส่วนก็วางซ้อนทับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด็กรับใช้ยังจัดให้เธออย่างเป็นระเบียบ แขวงเรียงราย หยิบจับง่าย แถมยังไล่ตามเฉดสีให้ด้วยขวัญรดาจัดเสื้อผ้าในตู้เสียใหม่ ไม่มีอารมณ์แง่งอนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกว่าจะไม่แตะต้องเสื้อผ้าเซ็ตนี้แล้ว ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าลำลองของตนมาสวม แล้วลงไปหาเขาติณณ์นั่งอยู่ที่ศาลา บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารวางซ้อนอยู่ เขากำลังจดจ่อกับงาน ขวัญรดาชะโงกหน้ามองผ่านประตูแล้วตัดสินใจที่จะไม่รบกวนเขา…ทว่าอีกฝ่ายเห็นและเรียกเธอไว้เสียก่อน“ขวัญ มานี่สิ”
ร่างขาวนวลที่จุดสีแดงเรื่อไปทั้งตัวกำลังบิดเร่า ดวงหน้าสวยนิ่วเหยเกยามถูกร่างใหญ่โหมเข้าใส่อย่างไม่ผ่อนแรง เสียงครางหวานดังระงมเมื่อความสุขซ่านแล่นปราดจนแทบจุกอก คนร่างใหญ่คำรามเข้ม เขากำลังถูกความนุ่มนวลและฉ่ำหวานตอดรัดท่อนลำใหญ่ ชายหนุ่มเร่งจังหวะรักถี่กระชั้น ดุดัน และทรงพลัง เขาทำให้เธอหวีดร้องอย่างสุดจะเก็บกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ สองมือหนาบีบเคล้นอกอวบสล้างที่กำลังกระเพื่อมไหวอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์เพื่อส่งเธอแตะไปจุดปลายปลายรุ้ง เนื้อตัวของขวัญรดาสั่นระริก รับรู้ถึงลาวาร้อนที่กำลังพ่นเข้าสู่กายเธอ ติณณ์ทำให้เธอถึงจุดสุขสมอย่างรุนแรง เธอไม่อาจควบคุมตัวเอง เขาปรนเปรอจนเธอพบความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะปลดปล่อยตามเธอไป “หวานมากเมียรัก” คนร่างใหญ่บอกเสียงกระเส่า เขายังเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเนิบช้าอยู่เหนือกายเธอ ใบหน้าสากระคายซุกไซ้ซอกคอนุ่ม สูดกลิ่นหอมละมุน ดูดเม้มผิวอ่อนจนเป็นรอยช้ำ “อื้อ...ขวัญเจ็บ” ขวัญรดาประท้วงเมื่อคนตัวใหญ่เคลื่อนตัวต่ำลงมา เขาขบเม้มฐานเต้าเต่งสล้างที่ยังปรากฏรอยแดงเป็นริ้วๆ จากแรงเฟ้นฟอนของเขา ติณณ์หยัดกายกลั
แค่รถจอดสนิท ขวัญรดาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าใบย่อมเดินเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจถุงใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาเมื่อสักพักใหญ่ที่วางอยู่เต็มรถ และไม่ไยดีคนขับรถที่เร่งฝีเท้าตามเธอมาจากข้างหลัง“คุณขวัญกลับมาแล้วหรือคะ ไหนบอกว่าจะไปค้างหลายวัน”เสียงป้านิ่มนั่นเอง อารามดีใจที่เห็นหญิงสาวกลับมาทำให้นางโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ติณณ์ตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้จนนางต้องรีบปิดปากเสียขวัญรดายืนรีรออยู่กลางบ้านชั่วขณะ ด้วยกำลังคิดว่าจะไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนดี สุดท้ายเธอก็จ้ำฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ตนครอบครองตามลำพังมานานนับสิบวัน โดยไม่ลืมล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา“ขวัญเปิดประตูสิ คุณล็อกห้องทำไม นี่มันห้องนอนของเรานะ”ติณณ์ทุบประตูปังๆ ส่งเสียงโวยวายอยู่ตรงหน้าประตู ขวัญรดาปล่อยให้เขาตะโกนเรียกนานนับนาที และเป็นเธอเองที่หมดความอดทน กระชากบานประตูเปิดแล้วข่มกลั้นอารมณ์บอก“ไม่มีห้องนอนของเราแล้วค่ะ ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้ก็ไปเปิดห้องอื่นให้ฉัน หรือไม่ฉันก็กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉัน”ติณณ์รีบดันตัวเข้ามาในห้องเมื่อโอกาส
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วยบนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ ค
ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตูเขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ“เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ“คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไร
ลูกบิดประตูห้องดูภาพยนตร์ภายในบ้านถูกขยับ ก่อนที่บานประตูจะแง้มเปิด คนนั่งบนโซฟากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายซีรีส์เกาหลี เธอยังนิ่งเฉย ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้วติณณ์มองศีรษะทุยสวยที่มีเส้นผมยาวปกคลุม ส่วนปลายผมดัดเป็นลอน เขายังจำสัมผัสยามสอดนิ้วสางกลุ่มผมได้ดีว่ามันนุ่มมือมากแค่ไหนชายหนุ่มยืนอยู่หลังประตูห้องหลายวินาที นึกเอะใจว่ามันดูแปลกๆ ที่ขวัญรดาไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ห้อง...ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาแล้วไม่ใช่หรือ“ขวัญ” ตัดสินใจเรียกเธอออกไป ขวัญรดายังนั่งอยู่เช่นเดิม หากเขาสังเกตเห็นไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยมือหนาร้อนผ่าววางบนลาดไหล่มน หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ คราวนี้ถึงคราวนี้เธอขยับตัวออกห่าง เขาจึงปล่อยมือจากเธอ“ผมมารับคุณ”“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”เธอดูเกร็งๆ ติณณ์หรี่ตามอง นึกสงสัยว่าตนเองกลับมาแล้ว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ดีใจ แล้วทำไมเธอถึงมีท่าทางระมัดระวังตัว“ขวัญหมายความว่ายังไง”“คุณไป
“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัว
ติณณ์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร.ไปหาหญิงสาว เขารอสายอย่างใจจดใจจ่อ นานจนสายเกือบจะตัดไป คนปลายสายถึงตอบรับกลับมา…หากนั่นไม่ใช่เสียงของเธอ“สวัสดี”“เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ”“ใช่ นายโทร.มาหาน้องสาวของฉันทำไม มีธุระอะไร”ติณณ์พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เมียอยู่กับพี่สาวของเธอ...แต่ยังมีความขุ่นใจเจือมาอีกหน่อย ตรงที่น้ำเสียงของคนรับสายตั้งท่าจะหาเรื่องเขานี่แหละ“ภัสเหรอ ขวัญอยู่กับภัสใช่ไหม”“ใช่”“ฉันขอคุยกับขวัญหน่อย”“ขวัญกำลังคุยกับเพื่อน ไม่สะดวกคุยกับนาย”“ขวัญอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเธอ”“ขวัญก็อยู่ที่บ้าน แต่เพื่อนของเขามาหา พวกเขากำลังเมาท์กัน นายอย่าไปทำลายความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของน้องสาวฉันเลย”รู้ว่าถูกรวนเข้าแล้ว ติณณ์จึงพยายามข่มอารมณ์โมโหไม่ให้พุ่งออกมา ภัสสราเป็นเพื่อนวัยเด็กของเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ประถมยันมัธยมต้น แม่คนนี้เป็นจอมวายร้าย...ต่างกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ