“มีปัญหากับติณณ์หรือเปล่า แต่งงานได้ไม่กี่วัน เธอก็มานอนค้างที่บ้าน แล้วเมื่อวานทั้งวันติณณ์ไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยู่บ้านโน้น เมื่อกี้เขาถึงโทร.ตามหาเธอให้วุ่น”
“ช่วงนี้คุณติณณ์ทำงานยุ่งน่ะค่ะ”“ยุ่งยังไง? เมียหายไปทั้งคืน บ่ายวันนี้เพิ่งโทร.ตามหา”คนถูกคาดคั้นเม้มริมฝีปากจนแก้มป่อง ติณณ์ทิ้งเธอไปตั้งสิบกว่าวัน แต่พี่สาวกลับมองเหมือนเธอเป็นคนผิดที่กลับมานอนบ้านพ่อแม่แค่วันเดียวขวัญรดารอคอยติณณ์กลับมาบ้านอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์จากเขาก็ไม่เคยมีมาหา เธอรอเขาจนครบสิบวัน วันนั้นเธอตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้น แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีต พอช่วงสายก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธอตั้งใจจะต้อนรับเขากลับบ้าน แต่รอทั้งวันกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเจ็บปวดหัวใจจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร เธอไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอายนี้ให้ใครฟัง เพราะแค่คนในบ้านมองเธอด้วยสายตาสงสาร ขวัญรดาก็เวทนาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว“เมื่อกี้เขาโทร.มาตามคุณขวัญ แต่คุณก็กีดกันไม่ให้เขาคุยกัน คุณขวัญยังไม่ทันตอบเลยว่าจะคุยกับสามีของเขาหรือเปล่า คุณก็สวมบทตัวลูกบิดประตูห้องดูภาพยนตร์ภายในบ้านถูกขยับ ก่อนที่บานประตูจะแง้มเปิด คนนั่งบนโซฟากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายซีรีส์เกาหลี เธอยังนิ่งเฉย ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้วติณณ์มองศีรษะทุยสวยที่มีเส้นผมยาวปกคลุม ส่วนปลายผมดัดเป็นลอน เขายังจำสัมผัสยามสอดนิ้วสางกลุ่มผมได้ดีว่ามันนุ่มมือมากแค่ไหนชายหนุ่มยืนอยู่หลังประตูห้องหลายวินาที นึกเอะใจว่ามันดูแปลกๆ ที่ขวัญรดาไม่รับรู้ถึงการมาของเขา ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ห้อง...ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง เมื่อกี้เธอน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาแล้วไม่ใช่หรือ“ขวัญ” ตัดสินใจเรียกเธอออกไป ขวัญรดายังนั่งอยู่เช่นเดิม หากเขาสังเกตเห็นไหล่บางเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยมือหนาร้อนผ่าววางบนลาดไหล่มน หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ คราวนี้ถึงคราวนี้เธอขยับตัวออกห่าง เขาจึงปล่อยมือจากเธอ“ผมมารับคุณ”“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”เธอดูเกร็งๆ ติณณ์หรี่ตามอง นึกสงสัยว่าตนเองกลับมาแล้ว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ดีใจ แล้วทำไมเธอถึงมีท่าทางระมัดระวังตัว“ขวัญหมายความว่ายังไง”“คุณไป
ติณณ์ตามขวัญรดาเข้าไปในห้องนอนบนชั้นสอง เขาตามเข้าไปได้ทันก่อนที่เธอจะปิดประตูเขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาทำไมและไม่รู้ด้วยว่าเธอจะกลับบ้านไปกับเขาหรือเปล่า เจ้าหล่อนยังปิดปากเงียบ ติณณ์รู้นิสัยนี้ของภรรยาเป็นอย่างดี นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ แต่ให้ตายเถอะ การนิ่งเงียบของเธอในคราวนี้มันกลับทำให้เขาอึดอัด“คุณทำอะไร?”ขวัญรดาถามพลางก้าวปราดไปหาคนร่างสูงที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ“เก็บเสื้อผ้าให้คุณ”โดยไม่พูดเปล่า ติณณ์หยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวภายในตู้ออกมาหอบใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่ไม่กี่ชุดที่บ้านของเขา แท้จริงเป็นเพราะขวัญรดายังเก็บไว้ที่บ้านหลังนี้นี่เอง“ไม่ต้องเอาไป ฉันจะเก็บของของฉันไว้ที่นี่”“คุณแต่งงานแล้ว บ้านของคุณก็คือบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน”เฮอะ! อยู่ด้วยกัน...ชะรอยสีหน้าของขวัญรดาคงบอกทุกความรู้สึกให้ติณณ์รู้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ“คุณก็รู้แล้วว่าผมไปทำงาน”“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณค่ะ เราไม่เคยมีข้อตกลงอะไร
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วยบนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ ค
แค่รถจอดสนิท ขวัญรดาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าใบย่อมเดินเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจถุงใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาเมื่อสักพักใหญ่ที่วางอยู่เต็มรถ และไม่ไยดีคนขับรถที่เร่งฝีเท้าตามเธอมาจากข้างหลัง“คุณขวัญกลับมาแล้วหรือคะ ไหนบอกว่าจะไปค้างหลายวัน”เสียงป้านิ่มนั่นเอง อารามดีใจที่เห็นหญิงสาวกลับมาทำให้นางโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ติณณ์ตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้จนนางต้องรีบปิดปากเสียขวัญรดายืนรีรออยู่กลางบ้านชั่วขณะ ด้วยกำลังคิดว่าจะไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนดี สุดท้ายเธอก็จ้ำฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ตนครอบครองตามลำพังมานานนับสิบวัน โดยไม่ลืมล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา“ขวัญเปิดประตูสิ คุณล็อกห้องทำไม นี่มันห้องนอนของเรานะ”ติณณ์ทุบประตูปังๆ ส่งเสียงโวยวายอยู่ตรงหน้าประตู ขวัญรดาปล่อยให้เขาตะโกนเรียกนานนับนาที และเป็นเธอเองที่หมดความอดทน กระชากบานประตูเปิดแล้วข่มกลั้นอารมณ์บอก“ไม่มีห้องนอนของเราแล้วค่ะ ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้ก็ไปเปิดห้องอื่นให้ฉัน หรือไม่ฉันก็กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉัน”ติณณ์รีบดันตัวเข้ามาในห้องเมื่อโอกาส
ร่างขาวนวลที่จุดสีแดงเรื่อไปทั้งตัวกำลังบิดเร่า ดวงหน้าสวยนิ่วเหยเกยามถูกร่างใหญ่โหมเข้าใส่อย่างไม่ผ่อนแรง เสียงครางหวานดังระงมเมื่อความสุขซ่านแล่นปราดจนแทบจุกอก คนร่างใหญ่คำรามเข้ม เขากำลังถูกความนุ่มนวลและฉ่ำหวานตอดรัดท่อนลำใหญ่ ชายหนุ่มเร่งจังหวะรักถี่กระชั้น ดุดัน และทรงพลัง เขาทำให้เธอหวีดร้องอย่างสุดจะเก็บกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ สองมือหนาบีบเคล้นอกอวบสล้างที่กำลังกระเพื่อมไหวอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์เพื่อส่งเธอแตะไปจุดปลายปลายรุ้ง เนื้อตัวของขวัญรดาสั่นระริก รับรู้ถึงลาวาร้อนที่กำลังพ่นเข้าสู่กายเธอ ติณณ์ทำให้เธอถึงจุดสุขสมอย่างรุนแรง เธอไม่อาจควบคุมตัวเอง เขาปรนเปรอจนเธอพบความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะปลดปล่อยตามเธอไป “หวานมากเมียรัก” คนร่างใหญ่บอกเสียงกระเส่า เขายังเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเนิบช้าอยู่เหนือกายเธอ ใบหน้าสากระคายซุกไซ้ซอกคอนุ่ม สูดกลิ่นหอมละมุน ดูดเม้มผิวอ่อนจนเป็นรอยช้ำ “อื้อ...ขวัญเจ็บ” ขวัญรดาประท้วงเมื่อคนตัวใหญ่เคลื่อนตัวต่ำลงมา เขาขบเม้มฐานเต้าเต่งสล้างที่ยังปรากฏรอยแดงเป็นริ้วๆ จากแรงเฟ้นฟอนของเขา ติณณ์หยัดกายกลั
ผิวกายขาวผ่องมองเห็นรอยจ้ำแดงๆ เกือบทั่วทั้งตัว ขวัญรดาเปลือยกายมองภาพสะท้อนทางกระจกในห้องน้ำ สัมผัสของติณณ์ไม่เบามือ แต่เธอกลับสนองตอบเขาทุกทีไปคิดไปก็เริ่มหวั่นตัวเอง ทำไมถึงชอบสัมผัสรุนแรงจากเขานักหญิงสาวยู่ปากคล้ายกับว่าเขามายืนอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไรก็ไม่รู้ เมื่อออกมาแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าดู แล้วจึงเห็นเสื้อผ้าแบรนด์สวยที่เพิ่งซื้อมาอัดอยู่เต็มตู้แล้ว“ใครเอามาใส่”เสื้อผ้าแต่ละแบบแขวนคละกัน บางส่วนก็วางซ้อนทับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด็กรับใช้ยังจัดให้เธออย่างเป็นระเบียบ แขวงเรียงราย หยิบจับง่าย แถมยังไล่ตามเฉดสีให้ด้วยขวัญรดาจัดเสื้อผ้าในตู้เสียใหม่ ไม่มีอารมณ์แง่งอนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกว่าจะไม่แตะต้องเสื้อผ้าเซ็ตนี้แล้ว ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าลำลองของตนมาสวม แล้วลงไปหาเขาติณณ์นั่งอยู่ที่ศาลา บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารวางซ้อนอยู่ เขากำลังจดจ่อกับงาน ขวัญรดาชะโงกหน้ามองผ่านประตูแล้วตัดสินใจที่จะไม่รบกวนเขา…ทว่าอีกฝ่ายเห็นและเรียกเธอไว้เสียก่อน“ขวัญ มานี่สิ”
“อื้อ...อือ...”เสียงหวานดังประท้วงในลำคอ แต่แค่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางแผ่ว คนตัวใหญ่นึกย่ามใจ ที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนตัว มันเป็นห้องทำงานของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาที่เขาได้มาด้วยการแต่งงาน มันจะเป็นไรไปหากเขาจะกอบโกยความหวานจากแม่เนื้อนวลในวินาทีนี้อารมณ์ดิบในกายใหญ่โหมพัดแรงจนร่างน้อยสั่นหวิว แข้งขาสั่นระริกจนคิดว่าเธอต้องทรุดกองบนพื้นอย่างแน่นนอนหากเขาไม่กอดรั้งเอาไว้ เนิ่นนานผ่านไป ร่างสาวก็อ่อนปวกเปียกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแรงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากหยักค่อยๆ ถอยห่าง เรียวปากสวยยังเผยอค้างด้วยรู้สึกชาหนึบไปหมดแล้วเรียวนิ้วแข็งแรงแตะไล้ตรงริมฝีปากที่ขวัญรดาคิดว่ามันคงกำลังบวมเป่งด้วยแรงบด“หวานมาก อยากจูบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”ถ้อยคำกระซิบพร่าทำให้ขวัญรดาตื่นจากภวังค์หวาน ศีรษะทุยสวยผงะออกห่าง แต่เธอทำได้เพียงนิดเดียว เพราะถูกฝ่ามือใหญ่ตรึงท้ายทอยเอาไว้“คุณติณณ์...”“หืม...ว่ายังไง”ชายหนุ่มขานรับพร้อมกับโน้มดวงหน้าคมสันเข้าไปใกล้ ขวัญรดาเบี่ยงกายหนี แม้เธอจะท
ติณณ์กลายเป็นคนใหม่ ช่วงเวลานานนับเดือนหลังจากที่เขากลับมาจากเกาะฟาติน เขาใส่ใจเธอ ขวัญรดารู้ว่าติณณ์กำลังยุ่งกับงาน ทั้งงานผลิตรายการโทรทัศน์ที่มีแนวโน้มว่าจะหลุดจากผังของช่องเดิมและงานโรงแรมกับห้างสรรพสินค้าที่เขาต้องเรียนรู้ในฐานะทายาทคนต่อไปเรื่องเหล่านี้กินเวลาของติณณ์ไปมาก ขวัญรดาก็พร้อมเข้าใจเขา ถ้าหากเขาจะทุ่มเทกับงานโดยมีเวลาให้เธอน้อยลง แต่ติณณ์กลับทำในสิ่งที่เธอรู้สึกผิดคาด นั่นก็คือเขาเอาใจใส่เธอ ไม่หมางเมินและไม่ละเลยให้เธอรู้สึกใจเสียอีก‘คุณติณณ์มีงาน มีแวดวงสังคม เขามีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เราเป็นเมียก็ต้องเข้าใจเขาให้มาก จิตใจต้องหนักแน่น เราต้องรู้ว่านอกจากครอบครัว เขาก็ต้องทุ่มเทกับเรื่องอื่นด้วย เขาไม่ใช่คนหนุ่มทั่วไป เขาเกิดมาก็มีเรื่องให้รับผิดชอบรออยู่แล้ว’ในวันที่ขวัญรดาชวนติณณ์ไปกินข้าวกับพ่อและแม่ที่บ้าน เมื่อสบโอกาสได้อยู่กันสองคน พ่อก็พูดเรื่องนี้กับเธอ‘คราวก่อนเราหนีกลับมานอนที่บ้านนี้ พ่อก็ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเห็นว่าท่าทางของเราไม่ค่อยสบายใจ เราเองก็คงต้องใช้เวลาปรับตัวในการอยู่กับเขา พออยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องเข้าใจเขาให้มาก อย่าเอาแต่อารมณ์ตัวเอ
เวลาบ่ายสองโมงของวันหยุด เด็กชายวัยเก้าขวบหน้าตาคมคายส่อแววหล่อเหลาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เขาไปช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหารอยู่ในร้านอาหารของแม่ซึ่งตั้งอยู่ในแปลงที่ดินข้างบ้านขวัญรดามองลูกชาย เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวกลับมาพร้อมกัน ทั้งที่ตอนขาไป ลูกทั้งสองคนยังเดินจับมือกันอยู่เลย เธอจึงคิดจะถาม...แต่เจ้าตัวก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน“คุณแม่ครับ ข้าวหอมไม่ยอมกลับบ้านอีกแล้ว”“น้องทำอะไรอยู่คะ แล้วน้องอยู่กับใคร”“น้องขายผักกับอยู่พี่มุกครับ เมื่อกี้น้องถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ทั้งสองคนทำอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อมาก ต้นรอไม่ไหว คุณแม่ไปตามน้องกลับบ้านหน่อยสิครับ”ดูท่าทางคนเป็นพี่ชายจะไม่สบอารมณ์ในตัวน้องสาวจริงๆ ขวัญรดาจึงต้องคุยต่อเพื่อหาสาเหตุ“ป้าจ๋าอยู่กับน้องใช่ไหมจ๊ะ แม่ว่าเราปล่อยให้น้องอยู่ที่ร้านไปก่อนก็ได้นะ”ป้าจ๋าเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กอ่อน หากมีพี่เลี้ยงคนนี้อยู่ด้วย ขวัญรดาก็วางใจว่ามีคนที่ดูแลลูกสาวแทนตนได้“ป้าจ๋าอยู่ด้วยครับ แต่ต้นไม่ชอบให้น
“พ่อคับ...กินคุกกี้”น้องแต็งค์หรือเด็กชายตนุธิป เด็กชายที่เพิ่งเป่าเค้กวันเกิดครบรอบสองขวบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถือกล่องใส่คุกกี้ช็อกโกแลตมาให้คุณพ่อลูกสามช่วยเปิดฝากล่องให้คุณพ่อลูกสาม?ถูกต้องแล้ว...คุณพ่อที่เคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเขายังไม่คิดจะมีลูกคนต่อไป ตราบใดที่ลูกคนแรกยังไม่โตพอ อีกทั้งเขาจะต้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเสียก่อนหากในความเป็นจริงนั้น แค่เพียงน้องต้นกล้าอายุได้หกเดือน ขวัญรดาก็ตั้งท้องลูกคนที่สองด้วยความยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองคน โดยท้องนี้พวกเขาได้ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาอุ้มชู พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้องข้าวหอมหรือเด็กหญิงเขมนิจ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุได้แปดขวบแล้ว ซึ่งพ่อกับพี่ชายนั้นหวงแม่หนูมาก“หนูขออนุญาตคุณแม่หรือยังครับ คุกกี้กล่องนี้คุณแม่เก็บไว้ให้พี่ๆ กินด้วยหรือเปล่า”“แต็งค์จะกินคุกกี้แลต”พ่อหนูน้อยยืนยัน เป็นอันรู้กันว่าคุกกี้ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเจ้าตัว อย่าหวังว่าจะยอมแบ่งให้ใคร แถมยังทำท่าทางขัดใจอย่างสุดฤทธิ์เมื่อถูกพ่อพูดจาตะล่อมหวังจะให้เปลี่ยนใจ&
หนึ่งเดือนถัดจากนั้น ณ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่คุณอิงอรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แตงโมน้อยก็ได้ฤกษ์ออกมาลืมตาดูโลกคุณแม่มือใหม่เข้าไปนอนรอคลอดอยู่ในห้องพักพิเศษสองวัน ลูกชายคนแรกของเธอถึงคลอดออกมา ทารกน้อยเนื้อตัวอวบอ้วน ภัสสราที่มาเยี่ยมหลานในทันทีเมื่อรู้ข่าวก็บอกอย่างตื่นเต้น“เมื่อกี้ฉันไปดูหลานในห้องเด็ก หลานตัวโตมาก แทบจะตัวโตที่สุดในบรรดาเด็กที่นอนเรียงกัน ทั้งที่ขวัญตัวเล็กนิดเดียว แถมตอนท้องก็ไม่ได้อ้วนขึ้นเลย”“น้ำหนักตัวของขวัญก็ขึ้นนะคะ แต่ขึ้นตามเกณฑ์ของคุณหมอ ขวัญกินอาหารตามที่หมอแนะนำ ขวัญไม่ได้กลัวอ้วนนะ แต่ขวัญคิดถึงแต่ลูก อยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนมากที่สุด”“มันได้ผลจริงๆ นะ เพราะลูกของเธอตัวโตเชียว”“พ่อเขาก็ตัวโต หน้าตาหล่อคมกระเดียดไปทางพ่ออีกนั่นแหละ”คุณจงกลที่อยู่เฝ้าขวัญรดามาทั้งวันพูดแทรกขึ้น เพราะนางพินิจหลานชายอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงได้ข้อสรุปตามนั้น“จริงด้วยสิ ภัสลืมไปเลย”ภัสสราไม่ได้แกล้งน้องเขย แต่เธอลืมไปจริงๆ ว่าหลานชายที่หน้าตาน่
“โดนจนได้นะแคท จำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าทีหลังอย่าร้ายกับคนที่ไม่ได้ร้ายกับเรา แต่ถ้าใครร้ายมา เราก็ร้ายตอบ อันนี้ไม่ผิดกติกา แถมเรายังหาแนวร่วมได้อีกด้วย”รุ่นใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก พูดด้วยอารมณ์ไม่ได้ดังใจขณะดูข่าวของญาติตัวเองทางโทรศัพท์มือถือ คนเป็นน้องสาวที่นั่งลูบท้องโตๆ อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจ“ขวัญรู้สึกไม่ดีเลย มีทางไหนที่เราพอจะช่วยคุณแคทได้บ้างไหมคะ”ยอมรับว่าพอกำลังจะมีลูก เธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปเสียหมด ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง ซึ่งภัสสราก็เข้าใจน้องสาวดี“เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ นะขวัญ เราช่วยใครไม่ได้หรอก ส่วนตัวแคทเองก็มีมูลค่าในวงการบันเทิงมากพอ เดี๋ยวเขาก็ไปต่อได้ เราไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แคททำตัวของเขาเอง ติณณ์ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากเกินไป เขาแค่ตอบโต้แคทเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว งานนี้เรียกว่าแคทแพ้ภัยตัวเอง”“แต่ถึงกับถูกปลดออกจากละคร มันก็หนักไปนะ”แม้ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น หากขวัญรดาคิดว่าตนพอจะเข้าใจความรู้สึกของคัทรียา มันคงไม่ต่
นายชัชชัยเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสองวันต่อมา ลูกและภรรยาต่างก็เสียใจ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย...จบสิ้นกันสักทีในส่วนความรับผิดชอบที่มีต่อเหยื่อและครอบครัวนั้น หน่วยงานที่นายชัชชัยสังกัดอยู่ได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งพร้อมแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นภรรยาและลูกทั้งสองคนของนายชัชชัยก็ไม่ทอดทิ้งใคร นอกจากคำขอโทษที่มีต่อทุกคน พวกเขายังคงให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่ออกหน้ามาดูแลผู้เคราะห์ร้ายแม้แต่ปกรณ์ซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงที่นายชัชชัยเคยชุบเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกและภรรยาของนายชัชชัยก็ให้ความช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ปกรณ์ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีวีรยาคอยดูแลอย่างไม่ยอมห่าง ซึ่งอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้...เป็นอย่างที่ลูกชายของนายชัชชัยคาดไว้จริงๆ ไม่มีญาติของนายชัชชัยมาร่วมงานศพของเขาสักคน ในงานคงมีแต่ภรรยาและลูกที่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบและรวบรัดเท่านั้นขวัญรดาทำบุญไปให้นายช
“ภัสคุยกับติณณ์อยู่ค่ะ ติณณ์ไม่ให้ขวัญดูข่าว บ้านนั้นจะปิดทีวีทั้งวัน ติณณ์จะคอยติดตามข่าวแล้วบอกกับขวัญเอง ส่วนขวัญก็รู้เรื่องแล้ว ขวัญทำใจกับเรื่องนี้ได้ค่ะ”ภัสสราเคยโกรธนายชัชชัยนักหนาที่ตัดรอนขวัญรดา เขาไม่ยอมรับว่าขวัญรดาเป็นลูกสาว นับตั้งแต่ขวัญรดาย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาหาและไม่เคยติดต่อน้องสาวอีกเลยทว่าในเวลานี้ ภัสสรากลับนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เหตุการณ์ในอดีตเบนไปในเส้นทางนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้ขวัญรดาไม่รู้สึกผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป น้องสาวของเธอก็จะทำใจยอมรับทุกเรื่องได้ง่ายขึ้น“แตงโม...แตงโมชื่ออะไรดีครับ เดี๋ยวพ่อเอาชื่อมาให้หนูเลือกนะ”เสียงของว่าที่คุณพ่อดังอยู่เหนือศีรษะ คนท้องที่อิงซบอยู่กับอกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณติณณ์เอาชื่อมาจากไหนคะ”“เว็บไซต์สำหรับตั้งชื่อลูก มีแต่ชื่อมงคลความหมายดีๆ ทั้งนั้น”“งั้นบอกมาเลยค่ะ ขวัญจะช่วยแตงโมเลือกเอง”“ตนุธิป ตนุนันท์ ตนุพัชร์...สามชื่อน
หากแค่หันหลังกลับมา วีรยาก็เย็นวาบไปทั้งตัว...ชัชชัยกำลังเล็งปืนมาที่เธอ“แค่กูลั่นไก มึงก็ตายห่า”วีรยายืนนิ่งงัน กลั้นลมหายใจและไม่ตอบโต้เขา...ปืนจ่อหน้าผากอย่างนี้ ใครไม่กลัวตายบ้างล่ะ มัจจุราชคงยืนขนาบข้างเธอแล้วเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที แต่วีรยารู้สึกเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ กระทั่งปืนกระบอกนั้นลดต่ำลง ลมหายใจที่กลั้นเอาไว้จึงค่อยๆ ผ่อนออกมา สัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอดกำลังพุ่งพล่านอยู่ในอกวีรยาฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิดเข้าไปนั่งในรถ เธอรีบสตาร์ตรถ มือที่กำพวงมาลัยรถกำลังสั่นระริก หางตาชำเลืองแลชัชชัยอย่างหวาดกลัว ก่อนที่รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจะพุ่งทะยานผ่านประตูรั้วออกไปจากบ้านพักริมทะเลหลังนั้นรถญี่ปุ่นคันสีแดงแล่นห่างจากบ้านพักริมทะเลได้ประมาณสองกิโลเมตรในทิศทางตรงเข้าสู่ตัวเมือง คนขับสาวเห็นสภาพร่อแร่ของผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอก็รู้สึกสงสารเขาจับใจ“คุณเต้ยอดทนไว้นะ วีกำลังจะพาคุณไปหาหมอ”“หนีก่อน...อย่าวางใจเขา”เสียงแหบห้าวดังแผ่วเบา วีรยาได้ยินไม่ชัด แต่เธอไม่ได้ถามเขาซ้ำ เพราะใจของเธอกำลัง
ซู่ ซู่ ซู่...เสียงคลื่นทะเลซัดสาดดังอยู่ไม่ไกล หญิงวัยสี่สิบปีที่ยังสาวและสวยอยู่มากเพราะดูแลตัวเองดี พลิกกายบนเตียงนอน ก่อนจะวาดแขนไปยังที่นอนข้างๆ แต่เธอกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า“ไปไหนของเขานะ?”เจ้าของร่างเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่ง เธอคว้าเสื้อคลุมนอนที่ถอดทิ้งไว้ตรงปลายเตียงขึ้นมาสวม แล้วเดินออกไปตามหาคนที่นอนกกกอดกันทั้งคืน“คุณเต้ย...คุณเต้ยอยู่ไหนจ๊ะ”เสียงหวานเพรียกหาพลางยกมือขึ้นมาสางผมยาวเป็นลอนใหญ่เพื่อจัดทรงไปด้วยบ้านทั้งหลังเงียบสนิท สาวใหญ่ชะโงกหน้าไปมองในห้องนั่งเล่น หากไร้วี่แววคนที่กำลังตามหา เธอจึงคิดจะกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงออกไปเดินเล่นริมหาด...เดี๋ยวเขาก็กลับมาพลันหางตาแลเห็นเงาวูบไหวหลังผ้าม่านกรองแสงที่กั้นผนังกระจกของห้องโถง หัวใจของเธอกระตุกแรง เพราะเงาร่างนั้นคล้ายคนคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี สาวใหญ่ตรงไปผลักประตูบานนั้นให้เปิดออกอย่างไม่รีรอ“พี่ชัชมาที่นี่ได้ยังไง”เธออุทานถาม...เป็นเขาจริงๆ ด้วย การต้องเผช
สองหนุ่มสาวก้าวขึ้นมาบนสำนักงานเขตด้วยท่าทางเร่งรีบ พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของประชาชนที่มาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่น เพราะความสวยหล่อและความมีชื่อเสียงของคนทั้งคู่ อีกทั้งไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เจอพวกเขาในสถานที่แห่งนี้ภัสสรากวาดสายตามองหาน้องสาว เมื่อเกือบชั่วโมงก่อน เธอได้รับสายจากเจ้าตัวว่าขอให้มาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรส ภัสสราจึงตามมาเมื่อเห็นว่ามีช่วงเวลาว่างมากพอ หากเมื่อคนที่อยู่ใกล้ๆ รู้เรื่องเข้า เขาก็อาสามาเป็นพยานด้วยอีกคน โดยที่ไม่มีใครร้องขอเขาเลยเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ...ภัสสราอยากป่าวประกาศให้เจ้าของสายตาหลายคู่ที่มองมาแล้วหันไปซุบซิบได้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เธอกับเขาเข้ามาในแผนกจดทะเบียนสมรสในเวลาใกล้เที่ยงของวันนี้“พี่ภัสทางนี้ค่ะ” เสียงของขวัญรดาทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง ก่อนจะตรงปรี่ไปหาคนท้องที่นั่งบนเก้าอี้รอคิวหน้าห้องทำการ“ใกล้จะถึงคิวขวัญพอดี ขอบคุณคุณเอเดนที่เสียสละเวลามาเป็นพยานให้ขวัญกับคุณติณณ์ด้วยนะคะ ฉุกละหุกหน่อยค่ะ ขวัญกับคุณติณณ์มาถึงที่นี่แล้วถึงได้รู้ว่าเราต้องมีพยานมาด้วย ขวัญเลยต้องโทร.ไปบอกพ