"เวตาลอามาร์" เฝ้ารอนางอันเป็นที่รักมาตลอดสี่พันห้าร้อยปี แน่นอนเขามีอายุเกือบหมื่นปี และตอนนี้นางก็กลับมาแล้ว "พุฒิตา" ไม่เชื่อเรื่องอดีตแต่เมื่อถูกเวตาลหื่นกามจู่โจมแล้วเธอจะต้านทานไหวได้ยังไงเมื่อเขามีหน้าตาหล่อขยี้ใจขนาดนั้น เป็นใครจะต้านและทนไหวเมื่อถูกขยี้ 'รัก' ดุดัน +++++ “อ่า...คุณมันไม่ใช่คน อะ...อื้อ” แล้วเธอก็ต้องร้องครางซ่านออกมาเมื่อปากหนากัดคลึงยอดอกตัวเองหนักหน่วง “ข้าคือเวตาล และเป็นเวตาลที่มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่จักได้ครอบครองร่างกายกับจิตวิญญาณของข้ายอดรัก อ่า...” แล้วปากหนาก็เคลื่อนไล้มายังหน้าท้องแบนราบที่กำลังเคลื่อนไหวตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่างเล็กระหงน่าทะนุถนอม “คุณมันต่ำช้า!” “เดรัจฉานเช่นข้ามิมีความดีให้พูดถึง นอกจากความต่ำทราม ดวงใจของข้าเอ๋ย...อื้ม” แล้วเขาก็ไล้ปลายลิ้นสากลามเลียหน้าท้องแบนราบไปยังความเป็นสตรีของนางอันเป็นที่รักที่อวบนูนสวยงามแถมยังฉ่ำแฉะเพื่อรอให้ตนกลืนกินน้ำเกสรงามอีกด้วย ++++++
ดูเพิ่มเติม“สวยมากเลยครับพ่อ” เด็กชายอาชา เวตาลน้อยทายาทคนแรกของนายอามาร์ผู้เป็นอมตะอยู่มานานนับพันกว่าเกือบหมื่นปีพาลูกชายวัยหกขวบบินขึ้นมาดูพระจันทร์และแขนอีกหนึ่งข้างของเขาก็กอดภรรยาสุดที่รักด้วย แขนทั้งสองข้างของเขาตอนนี้มีไว้เพื่อกอดแม่ของลูกและลูกเท่านั้น ตอนนี้ในท้องของพุฒิตาก็กำลังมีลูกคนที่สองและเป็นลูกสาวด้วย “ครั้งหนึ่งพ่อเคยพาแม่เจ้ามายังที่แห่งนี้” อามาร์เอ่ยบอกลูกชาย แต่ตามองภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่มและพุฒิตาก็นึกย้อนไปถึงอดีตคืนพระจันทร์เต็มดวงที่เขาพาตนขึ้นมาทำลามกหื่นกามต่อหน้าพระจันทร์ “เวตาลลามก” พุฒิตาตบอกสามีเก้อเขิน หึหึ “ก็เจ้าทำให้ข้าอดใจมิไหวนี่เมียข้า อาชาลูกรักของพ่อ ถึงเวลาที่เจ้าจักต้องแสดงฝีมือให้พ่อกับแม่ดูแล้ว” อามาร์บอกลูกชายพร้อมกับปล่อยแขนข้างที่กอดอุ้มหนูน้อยแล้วเวตาลน้อยลูกครึ่งมนุษย์ก็มีป
“มันจริงเหรอยัยตา” ปพนถามลูกสาวและพุฒิตาก็พยักหน้าตอบยืนยันคำพูดของเวตาลเจ้าเล่ห์ “ฉันจะเป็นลมคุณปพน” นางทิพย์ยกมือทาบอกเอนหัวซบไหล่สามี คนเป็นสามีก็โอบไหล่ลูบปลอบ “หนูขอโทษนะคะคุณพ่อคุณแม่ แต่หนู ‘รัก’ คุณอามาร์ค่ะ และตอนนี้หนูก็กำลังท้องกับเขา”พุฒิตายอมรับความรู้สึกตัวเองต่อหน้าท่านทั้งสองแล้วเคลื่อนตัวลงจากโซฟาไปนั่งยังพื้นพรมแล้วยกมือพนมขึ้นแนบอกก่อนจะก้มลงกราบ ส่วนอามาร์ผู้ไม่เคยก้มหัวและกราบไหว้เท้าใครก็ทำตามแม่ยอดดวงใจเพื่อขอขมาทั้งสองที่ล่วงเกินลูกสาวของทิพย์กับปพน “ผมขอรับผิดชอบพุฒิตากับลูก ยกเธอและลูกให้ผมนะครับ” น้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่จริงจังเมื่อได้สบตาทำให้ปพนต้องหันมาสบตาภรรยาแล้วก็ถอนหายใจ “เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับความจริงนะคุณ ถึงแม้จะไม่ชอบนายอามาร์ แต่ลูกเราท้องกับเขาแล
ปกติแล้วลูกสาวเป็นคนตื่นเช้าและไม่เคยเข้าบริษัทสาย แต่วันนี้รถยังจอดอยู่ นางกับสามีกลับมาจากทำบุญที่วัดก็ถามเด็กรับใช้ พอรู้ว่ายังอยู่บนห้อง นางและสามีก็ขึ้นมาเคาะประตูปลุกเอง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ปพนเคาะประตูห้องเมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้องของลูกสาว “เป็นอะไรรึเปล่าลูก” สามีเป็นคนเคาะประตู ทิพย์เป็นคนเอ่ยถาม เงียบ! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ลูกสาวยังไม่ตอบ ปพนก็ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องอีกครั้งและก็เงียบเหมือนเดิม “เป็นอะไรรึเปล่ายัยตา ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานลูก ไม่สบายตรงไหนบอกแม่ได้นะ” ทิพย์เอ่ยร้องถามด้วยความเป็นห่วง ก๊
“ว้าย! คุณอามาร์ คุณทำไมยังอยู่ แล้วมันกี่โมงแล้ว” เธอมองเห็นเขานั่งคุกเข่าซบหน้ากับท้องตนเองก็รีบผลักไสแล้วก็ถาม “แปดโมงกว่า” เขาตอบเธอสั้นๆ “แล้วทำไมไม่ปลุกฉัน แล้วทำไมคุณไม่กลับไป อยู่ทำไมอีก” “ข้าจักมิไปไหนทั้งนั้นเมียข้า เจ้ารู้รึไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังมีเวตาลน้อยให้ข้าพุฒิตา ข้าดีใจเหลือเกินเมียรักของข้า” อามาร์ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงแล้วประคองคนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งพิงซบอกตนเองพร้อมกอดเอวเล็กคอดหลวมๆ คำพูดของอามาร์ทำให้เธองงไม่เข้าใจว่าเวตาลตนนี้พูดอะไรกันแน่ “คุณหมายถึงอะไรคุณอามาร์” “เจ้ามิรู้รึว่าตอนนี้เจ้ากำลังมีลูกกับข้ายอดรัก” พุฒิตานิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้รู้ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอ ‘ท้อง’ ขนาดตัวเธอเองยังไม
บาซากลับมาหาแม่คนงามของตนเองที่คอนโดห้องพักของนางในกลางดึก ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับนักข่าวสาวได้มีความคืบหน้าขึ้นกว่าเดิมจากที่สร้างภาพฝันให้นางหลงเข้าใจผิดก่อนหน้า บาซาก็เปลี่ยนเป็นมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวแบบคนปกติทั่วไปตามคำแนะนำของนายท่านตน “มีอะไรรึเปล่าคะคุณบาซา” พิมพ์พรเอ่ยถามคนที่มาเคาะประตูห้องตนในเวลาดึก “ผมขอเข้าไปคุยในห้องได้ไหมพิมพ์พร” บาซาไม่ตอบ แต่ขอเข้าห้องสาวตรงหน้า “ฉันว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ในห้องฉันไม่สะดวก”ก็ห้องของเธอรกยังไม่ได้เก็บกวาด ไม่พร้อมให้ชายหนุ่มเห็นสภาพห้องตอนนี้ “แต่ผมสะดวก”แล้วบาซาก็ผลักเจ้าของห้องเข้าไปในห้องแล้วตัวเองเดินเข้าห้องตามพร้อมปิดล็อกประตูสนิท “คุณบาซา”เธอเรียกเขาพร้อมวิ่งไปขวางทางไม่ให้เขาเดินต่อ แต่ไม่ทันแล้วเขาเห็นสภาพห้องรกๆ ของเธอแล
พุฒิตาสะดุ้งตื่นกลางดึกรีบใช้มือเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินเสียงลมพัดตีหน้าต่างของตนเองจนเสียงดัง เธอว่าเธอปิดและล็อกหน้าต่างดีแล้ว แต่ทำไมหน้าต่างถึงเปิดออก พอลงจากเตียงไปจะปิดหน้าต่างก็เห็นอามาร์บินอยู่ด้านนอกหน้าต่างตรงหน้า “คุณ!” “ข้าเองพุฒิตา” บรั่นดีขวดเดียวมิสามารถทำอะไรเขาได้ อามาร์บินมาหยุดตรงหน้าคนที่อยู่ในห้องแล้วก็ยื่นแขนออกไปกอดอุ้มนางออกมานอกห้อง ว้าย! เธอตกใจเมื่อถูกกอดอุ้มลอยออกนอกหน้าต่าง สองมือน้อยรีบกอดเอวสอบ “ข้าจักพาเจ้าไปดูโลกที่ข้าอยู่” แล้วอามาร์ก็พาแม่ยอดดวงใจบินร่อนขึ้นไปยังฟ้าเบื้องบน แม้ว่าเธอจะหวาดกลัวในตอนแรก แต่พุฒิตาก็มั่นใจว่าอามาร์จักดูแลตัวเองเป็นอย่างดี “ลืมตาและมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเมียข้า” อาม
เฮ้อ! ปพนถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ขึ้นมานั่งข้างบนเถอะลูก เมื่อลูกตัดสินใจแล้วพ่อกับแม่ก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าลูกเลิกกับนับสิบแล้วไปคบกับเจ้าของโรงแรมนั่น พ่อกับแม่ไม่ยอม เป็นใครก็ได้ ไม่ต้องร่ำรวยก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายที่มีเมียแบบนั้น เข้าใจไหมยัยตา” “ใช่ แม่ไม่อยากให้ลูกไปเป็นเมียน้อย เมียเก็บหรือนางบำเรอของใครทั้งนั้นรู้ไหมลูก ส่วนเรื่องพ่อกับแม่ของนับสิบ พ่อกับแม่จะคุยกันเอง ไหนๆ ลูกก็ตัดสินใจแล้ว แม่กับพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่แม่อยากบอกว่าเสียใจ ทำไมหนูถึงทิ้งผู้ชายดีๆ แบบพ่อนับสิบได้ลูก”แม้จะเสียใจและผิดหวัง แต่ยังไงพุฒิตาก็คือลูกอย่างที่สามีบอกนั่นแหละ ว่าควรปล่อยให้ลูกเลือกทางเดินของตัวเองเองและตอนนี้พุฒิตาก็เลือกแล้วที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างนับสิบ “หนูไม่ได้ถอนหมั้นกับพี่นับสิบเพื่อเลือกเขา แต่ที่หนูถอนหมั้นเพราะหนูไม่ได้ ‘รัก’
พุฒิตาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์ของตนและคู่หมั้นหนุ่มถึงจบลงแบบนี้ แต่มันก็ต้องจบเมื่อเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพร้อมสำหรับนับสิบอีกต่อไปแล้ว แต่แปลกที่ตลอดเวลาเธอเข้าใจมาตลอดว่าตนนั้น ‘รัก’ ชายหนุ่ม แต่พอมาตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยที่เลือกถอนหมั้น กลับรู้สึกโล่งสบายใจเสียด้วยซ้ำ หรือแท้จริงแล้วเธอไม่เคย ‘รัก’ อีกฝ่ายเลยสักนิด แต่เข้าใจว่าความรู้สึกผูกพันตั้งแต่เด็กมันคือความ ‘รัก’ พอตอนนี้รู้แล้วว่าความรู้สึกของตนที่มีต่อคู่หมั้นหนุ่มนั้นเป็นแบบพี่น้องหาใช่แบบคน ‘รัก’ ไม่ สุดท้ายแล้วสิ่งที่กลัวที่สุดก็มาถึง เมื่อคนที่ตนรักและถนอมมาตลอดช่วงวัยหนุ่ม จะว่าไปตั้งแต่วัยเด็กก็ว่าได้สำหรับนับสิบ เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหน เพราะในใจของเขา ‘รัก’ มั่นเพียงคนตรงหน้า แต่เมื่อวันนี้จำต้องตัดขาดสัมพันธ์ เขาก็ต้องยอมรับ เพราะมันคือการตัดสินใจของพุฒิตา เมื่อเธอ
พุฒิตาใช้ชีวิตเจอเพื่อน ทำงาน และกลับบ้าน ไปทานข้าวกับคู่หมั้นเหมือนเดิมเหมือนที่เคยเป็น แต่กลับไม่รู้สึกว่าการได้เจอเพื่อน การได้ทำงานและเจอคู่หมั้นมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข เพราะในใจเธอมันเฝ้ารอคอยคนที่บอกจะมาหาในวันนั้น จนวันนี้ผ่านมาหนึ่งเดือน อามาร์ก็ไม่โผล่หน้ามาให้เจอ แม้แต่เสียงก็ไม่มีให้ได้ยิน “ไอ้เวตาลสารเลว!” เธอฟาดกระเป๋าสะพายตัวเองไปกับเตียงนอนนุ่มแล้วก็เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “มีอะไรคะ” เธอหายใจเข้าปอดแรงๆ แล้วตะโกนถามคนที่มาเคาะประตูห้องของตัวเอง “พี่นางเองค่ะ คุณท่านให้มาตามลงไปข้างล่างค่ะ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวตาเปลี่ยนชุดแล้วตามลงไปนะคะ”เธอตอบกลับแล้วเสียงหน้าห้องก็เงียบไป แล้วเธอก็รีบเดินไปยังตู้เสื้
บาซายิ้มเมื่อได้เห็นนายท่านของตนมีความสุข เขารู้ดีว่าตลอดเวลาสี่พันห้าร้อยปี อามาร์นั้นทุกข์ตรมมากแค่ไหน แต่อามาร์ก็ยังคงยึดมั่นเฝ้ารอคอยจนนางได้หวนคืนกลับมาอีกครั้งในชาติภพนี้ “สำหรับคนรับใช้อย่างข้าแล้ว มิมีเรื่องไหนที่ทำให้ข้าเบาใจได้เท่าที่ท่านได้เจอนางอามาร์”บาซาพึมพำกับตัวเองแล้วไปจัดการงานของตนเองที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หน้าที่ของเขาคือไปจัดการให้ความวุ่นวายชุลมุนที่อามาร์และตนได้สร้างขึ้นให้กลับเป็นปกติ ทำให้เหมือนกับว่าไม่เคยมีงานแต่งงานของพุฒิตากับนับสิบและพ่อแม่ของนางก็เข้าใจว่านางนั้นได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ส่วนคู่หมั้นหนุ่มก็ยุ่งกับการช่วยพ่อหาเสียง ในโลกนี้อะไรก็ล้วนเกิดขึ้นได้แค่พริบตาเดียวของอามาร์ อำนาจเวทมนตร์คาถาบันดาลทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา แต่มีสิ่งเดียวที่อามาร์ใช้มันมิได้คือความ ‘รัก’ เขาจะต้องใช้ใจของเขาเท่านั้น จากงานแต่งงานตรงหน้า ตอนนี้ถูกคาถาสับเปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงฉลองครบรอบบริษัทของนายปพนกับนางทิพย์ โดยมีนักการเมืองชื่อดังและนักธุรกิจมากมายมาร่วมแสดงความยินดี และมีการประมูลเครื่องเพชรเพื่อนำเงินไปบริจาคให้เด็กยากไร้ในชนบทด้วย ...
ความคิดเห็น