ดั่งฝุ่นธุลีพบพานประภาคาร

ดั่งฝุ่นธุลีพบพานประภาคาร

By:  ฉื่อฮวน  Completed
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
22Chapters
14views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Leave your review on App

แต่งงานกับเซิ่งหวยอานปีที่สอง เขาพาผู้หญิงข้างนอกกลับเข้ามาในบ้าน ตอนที่สบตากับฉัน เซิ่งหวยอานยิ้มอย่างไม่แยแส : “หนานอี้ บางที คุณเองก็น่าจะลองบ้างนะ” “คนที่ทั้งอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวา ช่างแตกต่างออกไปเสียจริง” ฉันรู้ว่าเขาเพียงพูดหยั่งเชิงเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาเขาชอบทรมานและแกล้งฉันเสมอ ทว่าเขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ ฉันหวั่นไหวเข้าจริงๆแล้ว หลังจากนั้น เขาจ้องไปที่รอยขีดข่วนตรงช่วงท้องและเอวของ “เด็กสาว” ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ “เสิ่นหนานอี้ คุณกล้าที่จะจริงจังแบบนี้ได้อย่างไร?”

View More
ดั่งฝุ่นธุลีพบพานประภาคาร Novels Online Free PDF Download

Latest chapter

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
22 Chapters

บทที่ 1

ตอนที่กลับมาจากด้านนอก ห้องนอนชั้นสองมีเสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นเป็นระยะๆฉันถอดเสื้อคลุมออก นำมาคล้องไว้ที่แขน ฝีเท้าชะงักลงท้ายที่สุด ก็ลากฝีเท้าที่หนักอึ่งเดินมุ่งไปที่ห้องนอนผลักประตูไม้ที่แกะสลักอย่างประณีตให้เปิดออก สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือเซิ่งหวยอานเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง เนคไทหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้วหญิงสาวที่ถูกกอดรัดอยู่ในอ้อมอกผู้นั้น กำลังนำองุ่นที่ปอกเสร็จแล้วป้อนใส่ปากเขาถึงแม้เขาจะยื่นมือไปปัดป้อง แต่ดูสีหน้าแล้วกลับสบายอารมณ์อย่างมากได้ยินเสียงฝีเท้า หญิงสาวยิ้มพลางหันหน้ามา:“นี่ พี่หวยอาน คุณป้าทำซุปแก้อาการเมาค้างเสร็จแล้วหรือ——”คำพูดที่ยังไม่ทันจบอันตรธานหายลงไปในลำคอ องุ่นในมือตกลงไปบนพรมตอนที่หล่อนเห็นฉัน หน้าซีดเผือดสุดขีด เรียกชื่อฉันอย่างตะกุกตะกัก:“คุณ คุณเสิ่น......”สายตาของฉันจับจ้องไปที่ช่วงคอและไหล่ของหล่อน รอยจ้ำสีแดงเป็นแถบเด่นสะดุดตาอย่างยิ่งราวกับว่าลำคอมีสิ่งของติดอยู่ น้ำเสียงแหบแห้งอย่างมาก“เซิ่งหวยอาน นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่?”เขาลืมตาชำเลืองมองฉันหนึ่งครั้ง ทำเสียง “ถุยน้ำลาย” อย่างหมดความอดทนนิ้วม
Read more

บทที่ 2

ฉันรู้จักเซิ่งหวยอานมาสิบแปดปีแล้ว และเขาเองก็อาฆาตแค้นฉันมาสิบแปดปีเหมือนกันตอนที่ฉันอายุสิบเจ็ดปี แม่ฉันแทรกเข้าไปในครอบครัวที่แต่เดิมดีงามของเขาทว่าหลังจากเวลาสองปีสั้นๆ กอบโกยเงินทั้งหมดของอาเซิ่งไปลูกติดอย่างฉันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถูกทิ้งไว้ฉันเสนอตัวจะออกไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทว่าถูกเซิ่งหวยอานกล่าวปฏิเสธเขาดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง มือทั้งคู่บีบรัดแขนฉันจนเจ็บปวด:“เสิ่นอี้หนาน คุณล้มเลิกความคิดเถอะ ชาตินี้คุณต้องชดเชยความผิด อยู่กับผมไปทั้งชีวิต”ฉันพยักหน้า คิดว่าสิ่งที่เขาอยากได้ สิ่งที่ต้องการทั้งหมดเพียงแค่ให้ฉันทำงานตรากตำอยู่ข้างกาย จนกว่าเขาจะพอใจไม่คิดเลยว่าหลังจากที่สำเร็จการศึกษา เขาก็พาฉันไปจดทะเบียนสมรสวันที่รู้ว่าพวกเราแต่งงานนั้น อาเซิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว เขาก็ลากฉันไปพลางร่ำไห้อย่างขมขื่น:“หนานอี้ เรื่องนี้หวยอานทำได้เลวทรามจริงๆ หนูอย่าโกรธเขาเลยนะ”อาเซิ่งหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จึงสั่งเสียกับฉัน:“ในเมื่อพวกหนูแต่งงานกันแล้ว ก็ใช้ชีวิตร่วมกันให้ดี——”“เสี่ยวอี้ ให้กำเนิดทายาทกับครอบครัวเซิ่งสักคนเถอะ”ประโยคสุดท้าย
Read more

บทที่ 3

ในคืนเข้าหอ ฉันยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเซิ่งหวยอานหลังจากที่สัมผัสเนื้อผ้า เป็นลายเส้นกล้ามเนื้อที่ล่ำสันเรียบเนียนตอนที่จะปลดกระดุมเม็ดสุดท้าย เซิ่งหวยอานจับมือของฉันไว้ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ทว่าใช้กำลังยับยั้งการกระทำของฉันอย่างป่าเถื่อน:“เสิ่นหนานอี้ คุณรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?”ฉันพยักหน้า เงยหน้ามองเขา:“คุณอาอยากให้พวกเราใช้ชีวิตร่วมกันให้ดี และให้กำเนิดลูกหนึ่งคน”เซิ่งหวยอานค่อยๆแกะมือของฉันออกเขาอมยิ้มมองมาที่ฉัน แววตากลับแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกราวน้ำค้างแข็ง:“คุณช่างเลวทรามต่ำช้าเหมือนแม่ของคุณไม่มีผิด”“แต่ก็ถูกต้องแล้ว คนที่ประพฤติตนผิดธรรมนองคลองธรรม จะให้กำเนิดคนดีมาได้อย่างไรกัน?”เขาสะบัดฉันออก นำแก้วน้ำบนโต๊ะขว้างใส่ฉันแก้วแตกกระจายเต็มพื้นฉันเดินโซซัดโซเซ ไปชนกับโต๊ะวางน้ำชาด้านหลังอย่างแรงเขายกเท้าเหยียบนิ้วมือของฉัน มองฉันด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์:“อย่าคิดเพ้อเจ้อว่าตั้งท้องลูกเป็นการไถ่โทษแล้ว ก็จะไปจากผมได้ล่ะ”“เสิ่นหนานอี้ ชาตินี้ไม่มีใครมารักคุณหรอก”“คุณควรจะทำตัวให้เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ที่ต้องคอยรับใช้อยู่ข้างกาย
Read more

บทที่ 4

เสื้อเชิ้ตบนเรือนร่างของเซิ่งหวยอานหลวมโพรก กระดุมถูกปลดไปแล้วครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นลายเส้นกล้ามเนื้อที่สวยงาม ของร่างกายที่ผ่านการฟิตเนสมาตลอดทั้งปีฉันเหลือบมองครู่หนึ่ง แล้วละสายตาไปทางอื่นอย่างสงบนิ่งหลังจากความขมขื่นในคืนวันเข้าหอ เซิ่งหวยอานก็ไม่เคยซื่อสัตย์กับฉันอีกเลยเขาไม่สนใจที่จะแตะตัวฉัน เหล่าสาวๆข้างกายก็ไม่เคยขาดเช่นกันด้วยหตุนี้ เด็กที่ลุงเซิ่งอยากได้หนักหนา ก็ยังไม่มีโอกาสเช่นกัน“เสิ่นหนานอี้”เซิ่งหวยอานเรียกชื่อฉันด้วยเสียงแผ่วเบาเป็นน้ำเสียงอบอุ่นที่หาได้ยากฉันเงยมอง เขาจ้องมาที่ฉัน เก็บซ่อนความหยอกล้อในแววตาไว้ไม่อยู่:“บางที คุณก็ควรลิ้มลองคนใหม่บ้างนะ”“คนหนุ่มสาวมีชีวิตชีวา ยังไงก็ต่างออกไป”ฉันฉีกยิ้ม หันกายเดินออกมาด้านนอกในใจรู้ดีว่าการที่เขาพูดเช่นนี้ เพียงอยากให้ฉันลำบากใจหากไปหาจริงๆ เขาก็จะสติแตกอีก“เสิ่นหนานอี้”จู่ๆเซิ่งหวยอานเรียกฉันไว้จากด้านหลังฉันหันหน้ากลับไปมองเขาด้วยความสงสัยเขายกโทรศัพท์หันมาทางฉัน สื่อว่าให้อ่านข้อความด้านบน“คืนนี้มีงานเลี้ยง อย่าลืมแต่งตัวให้ดูดีหน่อยล่ะ”......ฉันสงสัยอย่างมาก ที่ผ่านมาไม่ว่างา
Read more

บทที่ 5

สมัยมัธยมปลาย ฉันกับเฉินมั่วไป๋นั่งข้างกันมาสามปีเต็มๆที่ฉันจำได้มาถึงตอนนี้คือ ตอนที่เฉินมั่วไป๋เลือกที่จะเรียนสายภาษาครูที่ปรึกษามองคะแนนสายวิทยาศาสตร์ที่สูงลิบลิ่วของเขาด้วยความไม่เข้าใจเฉินมั่วไป๋ปรายตามองฉันเล็กน้อย บอกว่าเขาอยากถ่ายทอดเรื่องราวฉันกลับนิ่งเงียบตอนนั้น ฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แม้กระทั่งความฝันวัยรุ่นที่มากมายก็พูดออกมาไม่ได้หลังจากนั้น เฉินมั่วไป๋ก็นำบทความที่ฉันเขียนเข้าร่วมการแข่งขันแทนฉันเขานำประกาศนียบัตรที่ได้รับ มากองไว้ตรงหน้าฉัน ชี้ไปตรงด้านบนที่เขียนว่า “เสิ่นหนานอี้” แล้วกล่าวว่า:“ไม่ต้องกลัว เสิ่นหนานอี้ เธอดูสิ เธอยอดเยี่ยมมากเลยนะ”ช่วงเวลานั้น ตอนที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมา เขามักจะชอบเอนตัวงีบหลับมาทางฉันเสมอหากวันใดที่ฉันเขียนโครงเรื่อง เขาก็จะหรี่ตาแล้วพูดพึมพำว่า:“ต่อจากนี้เธอเขียนเรื่องราว ฉันถ่ายทอดเรื่องราว พวกเราจะอยู่ด้วยกันนิจนิรันดร์”ตอนนั้นยังเด็ก หลังจากที่คิดวาดฝันอย่างเป็นจริงเป็นจังฉันเองก็คิดอยู่ช่วงหนึ่งว่า นั่นจะเป็นอนาคตของพวกเราวันที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จสิ้น วันนั้นฝนตกอย่างหนักตอนที่ฉันเดินออกมาจาก
Read more

บทที่ 6

เซิ่งหวยอานเทเหล้าใส่แก้วแล้วส่งมาให้ฉัน บุ้ยปากมาทางฉัน:“เพื่อนเก่ากลับมาเจอกัน ยังไม่รีบดื่มให้เขาสักแก้วอีก”เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเฉินมั่วไป๋ที่ปกติเย็นชาและสง่างาม กลับเผยความดุร้ายขึ้นมาเขายื่นมือมากดแก้วเหล้าของฉัน:“ไม่ต้องหรอก เธอเป็นผู้หญิง อย่าให้เธอดื่มเหล้าเลย”ฉันกะพริบดวงตาที่โศกเศร้าอย่างแรง ยกแก้วเหล้าขึ้นมา:“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ฉันดื่มเหล้าได้แล้ว”เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง อมยิ้มพลางยกแก้วเหล้าที่บริกรส่งมา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างมาก:“อืม ตอนนี้โตแล้วสินะ”มือของเซิ่งหวยอานโอบเอวฉันแรงขึ้นเล็กน้อย เขาก้มลงมามองฉันแววตาที่จ้องเขม็งแฝงไปด้วยความเย้าหยอกและรังเกียจเดียดฉันท์“ท่านประธานเฉิน”เขาแสยะยิ้ม โน้มตัวมาจูบฉัน:“ผมกับหนานอี้ยังมีเรื่องสวยงามที่ต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ”เซิ่งหวยอานพูดคำนี้ออกมาอย่างมีเลศนัยใบหน้าของฉันซีดเผือดเฉินมั่วไป๋ยื่นมือไปบีบแขนของเซิ่งหวยอานเอาไว้หลังมือตึงจนเส้นเลือดปูดอย่างเห็นได้ชัดล้วนแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเดือดดาลเพียงใดทว่าตอนที่หันหน้ามามองฉัน น้ำเสียงกลับอ่อนโยนลงอย่างมาก:“หนานอี้ เธอยอมที่
Read more

บทที่ 7

เซิ่งหวยอานโยนฉันเข้าไปในรถด้วยความโมโห ฉันคิดจะหนีตามสัญชาตญาณทว่าข้อมือกลับถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงวินาทีต่อมา ฉันถูกล็อกมือทั้งสองข้างไว้ ผลักลงไปที่เบาะด้านหลัง“คุณจะหนีไปไหน?”เซิ่งหวยอานฉีกยิ้มไปจนถึงแก้มของเขา ยิ้มพลางกดเสียงพูดให้ต่ำลง:“ทำไมล่ะ แค่เจอหน้าคนรักเก่านิดหน่อย ระริกระรี้แล้วงั้นหรือ?”ฉันมองเขาที่กำลังบ้าคลั่ง ใช้แรงต่อสู้ดิ้นรนอยู่หลายครั้ง “เซิ่งหวยอาน คุณใจเย็นหน่อยสิ อย่าทำแบบนี้”“เสแสร้งอะไรเล่า? ไม่ใช่ว่าไม่เคยนอนด้วยกันเสียหน่อย”“แสร้งเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์ไปทำไมกัน? แสดงให้เฉินมั่วไป๋ดูงั้นหรือ?”เซิ่งหวยอานบีบคอฉัน บังคับให้ฉันสบตากับเขาเขาใช้แรงเยอะจนฉันเจ็บปวด จนน้ำตาที่ปวดประจำเดือนไหลออกมา“เสิ่นหนานอี้ อยากให้ผมทำให้คุณหวนรำลึกถึงไหมว่า คุณมันสกปรกเพียงใด?”สมองของฉันมีเสียงวิ้งดังขึ้นราวกับกลับไปในคืนที่แสนน่ากลัวเมื่อเจ็ดปีก่อนอีกครั้งครบรอบวันเกิดอายุสิบแปดของฉันนั้น เฉินมั่วไป๋นัดหมายกับฉันไว้เรียบร้อยแล้วต้องการขี่รถพาฉันไปรับลมตรงทางหลวงที่ติดกับชายทะเลเขาบอกกับฉันด้วยกกหูที่แดงก่ำ บางทีอาจมีเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรรอฉันอยู่ก็
Read more

บทที่ 8

ตอนที่หัวสมองฉันว่างเปล่าจวนจะสิ้นหวัง ร่างกายก็เบาหวิวทันควันเซิ่งหวยอานที่ทับร่างฉันถูกเหวี่ยงออกไปนอกรถอย่างแรงเขาเดินเซไปมาสองสามก้าว เสียหลักล้มลงกับพื้นฉันน้ำตาไหล อารมณ์หวาดกลัวไม่มั่นคง หายใจกระหืดกระหอบเฉินมั่วไป๋ถอดเสื้อสูทตัวนอกมาคลุมตัวฉันไว้ในดวงตาของเขาราวกับมีพายุกำลังโหมกระหน่ำอยู่ ทว่าการกระทำกลับนุ่มนวลเป็นพิเศษมือใหญ่และหนาวางลงบนแผ่นหลังของฉัน แล้วตบเบาๆ“อย่ากลัวไปเลยนะ หนานอี้ ผมอยู่ตรงนี้”กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ฉันที่หายใจกระหืดกระหอบ ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลงได้“โอ้ ที่แท้ก็เป็นท่านประเฉินนี่เอง”เซิ่งหวยอานยิ้มอย่างไม่แยแส ค่อยๆลุกขึ้นยืนเขาปัดกางเกง ยกมือชี้นิ้วมาทางฉันพลางกล่าวว่า:“เฉินมั่วไป๋ คุณอย่าบอกผมมนะว่า คุณยังอาลัยอาวรณ์ในตัวเธออยู่น่ะ?”“คุณไม่รู้หรือว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคุณคนนี้ ที่จริงแล้วน่าสะอิดสะเอียนเพียงใด?”“แม่ของเธอ ทำลายครอบครัวของผม และกอบโกยเงินของบ้านผมหนีไป”“ส่วนเสิ่นหนานอี้ ในคืนเข้าหอยังคิดเพ้อเจ้อปีนขึ้นมาบนเตียงผม อยากจะมีลูกให้ผมอยู่เลย”เฉินมั่วไป๋ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด ทำเพียงแค่ก้มสายตาลงชี้รอยจ้ำแดงตรงข้อ
Read more

บทที่ 9

สีหน้าเซิ่งหวยอานเคร่งขรึมลง ทว่าปากยังคงพูดถากถากอย่างชั่วร้าย:“ไม่หรอกมั้ง ของที่เน่าเฟะแบบนี้ คุณยังจะอยากได้อีกหรือ?”เฉินมั่วไป๋ค่อยๆหันกายมาช้าๆ หัวเราะออกมาเบาๆ:“เซิ่งหวยอาน ตอนนั้น เธอก็เป็นเพียงแค่เด็กอายุเจ็ดขวบคนหนึ่งเท่านั้น”“คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ของคุณพังทลายไปตั้งนานแล้ว”“พวกเขาก็นอกใจกันทั้งคู่ เรื่องนี้ คุณยังจะกล้าพูดว่าไม่รู้เรื่องงั้นหรือ?”เพราะว่าเดือดดาลถึงขีดสุด รัศมีและความน่าเกรงขามบนร่างของเฉินมั่วไป๋ในตอนนี้ เปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ภายใต้แรงกดดันที่มองไม่เห็น เซิ่งหวยอานก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวสายตามองไปรอบๆ และมาหยุดอยู่ที่ฉันพอดีราวกับว่าเจอเครื่องระบายอารมณ์แล้วเขาพูดอย่างโหดเหี้ยม:“ต่อให้รู้แล้วอย่างไร เรื่องที่แม่เธอทำลายครอบครัวผมเป็นความจริง”“ที่เสิ่นหนานอี้คิดจะขึ้นมาบนเตียงผม ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน”ราวกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ เซิ่งหวยอานพลันยิ้มขึ้นมาทันที:“แต่ว่า พูดก็พูดเถอะ ลีลาบนเตียงของเสิ่นหนานอี้ ก็ไม่เลวเลยนะ——”คำพูดที่เหลือยังพูดไม่ทันจบเฉินมั่วไป๋ต่อยท้องเขาไปหนึ่งหมัดสองมือ
Read more

บทที่ 10

เฉินมั่วไป๋พาฉันไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด เปิดห้องให้ฉันพักผ่อนเขานั่งยองถอดรองเท้าส้นสูงออกให้ฉัน ถามฉันด้วยเสียงที่นุ่มนวลอย่างมาก:“เมื่อครู่ตกใจหรือป่าว?”ฉันเม้มปาก กลั้นน้ำตาตรงขอบตาไว้ ค่อยๆส่ายหน้ามือที่สั่นเทาสัมผัสกับใบหน้าของเขานี่เป็นการสบตากันครั้งแรกหลังจากที่แยกจากกันไปเจ็ดปีเต็ม “เจ็ดปีมานี้ ลำบากมากเลยสินะ เฉินมั่วไป๋”ฉันพูดหนึ่งคำหยุดหนึ่งคำ แทบจะไร้เรี่ยวแรงขอบตาของเขาแดงก่ำ“ห้ามใจไม่ให้คิดถึงตอนที่ไม่ได้เจอเธอ ลำบากมากเลยล่ะ”หยุดพูดไปสองสามวินาที จากนั้นเขาก็ปริปากพูดอย่างระมัดระวัง:“หนานอี้ ขอโทษนะ”ฉันตกตะลึงไปเล็กน้อย“ตอนนั้น ฉันควรจะอยู่ข้างกายเธอ ไม่ว่าเธอจะปฎิเสธเราอย่างไร——”“เฉินมั่วไป๋” ฉันพูดขัดเขา “นายกอดฉันหน่อย”เขาหยุดพูดไปด้วยความเหลือเชื่อ“นายกอดฉันหน่อย” ฉันพูดซ้ำอีกหนึ่งครั้งอ้อมอกที่อบอุ่นโอบกอดฉันไว้ ยิ่งกอดยิ่งแน่นฉันรู้สึกได้ถึงว่ามือทั้งสองที่กำลังโอบกอดฉันอยู่ สั่นเทาเล็กน้อยเจ็ดปีก่อน เฉินมั่วไป๋หอบดอกกุหลาบหนึ่งช่อ ในใจเปี่ยมไปด้วยความปีติ ยืนรออยู่ที่ทางหลวงริมทะเลตั้งแต่รุ่งสางจนตะวันลาลับ ฉันก็ยังคงไม่มาเส
Read more
DMCA.com Protection Status