ดวงดาวกลางหิมะ

ดวงดาวกลางหิมะ

By:   ต้าอวี๋  Completed
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
23Chapters
15views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scan code to read on App

เพื่อที่จะช่วยคนรักของเขาแล้ว เฉินจืออี้ได้ไปหาซื้อศพของผู้หญิงในสภาพไม่สมบูรณ์แบบจากตลาดมืด จากนั้นเขาจัดการควักไตออกจากร่างศพนำมาเปลี่ยนให้คนรักด้วยตัวเอง เพื่อหลบหนีการตามล่าของตำรวจ เขาจึงโยนศพลงไปในสระกรดซัลฟิวริกเพื่อทำลายหลักฐาน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า เจ้าของศพร่างนั้นคือฉัน

View More

Latest chapter

Free Preview

บทที่ 1

ตอนที่ร่างกายของฉันถูกวางลงบนเตียงผ่าตัดนั้น อุณหภูมิร่างกายยังอุ่นอยู่เล็กน้อยแต่ทว่ากลับไม่มีใครสนใจเลยเฉินจืออี้หยิบมีดผ่าตัดออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่าเปิดทรวงอกของฉันอย่างระมัดระวัง“เอ๊ะ ทำไมเหลือไตแค่ข้างเดียว?”เขาลังเลเล็กน้อยแต่ไม่นานก็รีบทำการผ่าต่อไปการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่ว สมกับเป็นอายุรแพทย์โรคไตอันดับหนึ่งในเมืองจริง ๆไม่นานไตที่เต็มไปด้วยเลือดชิ้นนั้นก็ถูกนำออกมาวางลงในอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ด้านข้าง“ส่งไปโรงพยาบาลและรีบให้ไฉ่เวยอันจัดการปลูกถ่ายไตทันที”“แล้วศพของผู้หญิงคนนี้จะทำยังไง ถึงแม้ว่าตอนที่ซื้อมาจะเหลือแค่ส่วนลำตัว แต่ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เราต้องแจ้งตำรวจไหม?”จู่ ๆ ฉินตงเฟิงเพื่อนสนิทของเฉินจืออี้ ที่ยืนดูลำตัวศพบนเตียงผ่าตัดอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นมาเฉินจืออี้จัดการล้างเลือดที่เปื้อนมือของเขา โดยไม่สนใจเหลือบมองศพร่างนั้นแม้แต่หางตาน้ำเสียงของเขายังคงดูใจเย็นเหมือนเช่นเคย“งั้นป้องกันไว้ก่อน ทำลายทิ้งซะ”...

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
23 Chapters
บทที่ 1
ตอนที่ร่างกายของฉันถูกวางลงบนเตียงผ่าตัดนั้น อุณหภูมิร่างกายยังอุ่นอยู่เล็กน้อยแต่ทว่ากลับไม่มีใครสนใจเลยเฉินจืออี้หยิบมีดผ่าตัดออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่าเปิดทรวงอกของฉันอย่างระมัดระวัง“เอ๊ะ ทำไมเหลือไตแค่ข้างเดียว?”เขาลังเลเล็กน้อยแต่ไม่นานก็รีบทำการผ่าต่อไปการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่ว สมกับเป็นอายุรแพทย์โรคไตอันดับหนึ่งในเมืองจริง ๆไม่นานไตที่เต็มไปด้วยเลือดชิ้นนั้นก็ถูกนำออกมาวางลงในอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ด้านข้าง“ส่งไปโรงพยาบาลและรีบให้ไฉ่เวยอันจัดการปลูกถ่ายไตทันที”“แล้วศพของผู้หญิงคนนี้จะทำยังไง ถึงแม้ว่าตอนที่ซื้อมาจะเหลือแค่ส่วนลำตัว แต่ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เราต้องแจ้งตำรวจไหม?”จู่ ๆ ฉินตงเฟิงเพื่อนสนิทของเฉินจืออี้ ที่ยืนดูลำตัวศพบนเตียงผ่าตัดอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นมาเฉินจืออี้จัดการล้างเลือดที่เปื้อนมือของเขา โดยไม่สนใจเหลือบมองศพร่างนั้นแม้แต่หางตาน้ำเสียงของเขายังคงดูใจเย็นเหมือนเช่นเคย“งั้นป้องกันไว้ก่อน ทำลายทิ้งซะ”
Read more
บทที่ 2
เพียงแต่ขณะที่ทำลายศพอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเล็กน้อยเฉินจืออี้พบว่าศพของผู้หญิงกำลังตั้งท้องเขายังเห็นรอยแผลจากการถูกไฟลวกบนหน้าท้องของศพผู้หญิงด้วยฉันคิดว่าแม้หลายปีมานี้เขามักจะปิดไฟนอนกับฉัน เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของฉันแต่เขาน่าจะคุ้นเคยกับร่างกายของฉันมากเพียงพอรอยแผลบนหน้าท้องของฉันถูกพ่อใช้ก้นบุหรี่จี้เวลาเฉินจืออี้อยู่บนเตียงเขาชอบจูบตรงนั้นมาก เขาบอกว่ามันเหมือนกับดอกเหมย ซึ่งเป็นเครื่องหมายพิเศษที่พระเจ้ามอบให้ฉันแต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นรอยดอกเหมยที่คุ้นเคยนั้น เขากลับตะลึงเพียงชั่วขณะ จากนั้นก็โยนฉันลงไปในสระกรดซัลฟิวริกที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ลังเลใจน่าแปลกจัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วแต่เมื่อร่างกายของฉันถูกกัดกร่อนด้วยกรดซัลฟิวริก ฉันก็ยังสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจโดยเฉพาะตอนที่เห็นเฉินจืออี้มองฉันด้วยสายตาเย็นชา มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเฉินจืออี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือฉัน?หรือว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการทำอยู่แล้ว“ไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวครอบครัวไหน ตั้งท้องแล้วยังถูกฆ่าหั่นศพอีก” ฉินตงเฟิงยืนถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ อยู่
Read more
บทที่ 3
เมื่อเขากลับมา เฉินจืออี้ก็ขมวดคิ้วด้วยความเหนื่อยล้าเขาทำเรื่องสำคัญสำเร็จ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง เขากดเปิดไลน์บนโทรศัพท์ของเขานิ้วเรียวยาวหยุดที่ประวัติการสนทนาระหว่างฉันกับเขาในนั้นยังมีบันทึกการทะเลาะกันของเราสองคนอยู่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว จู่ ๆ เฉินจืออี้ก็พูดออกมาว่าเขายินดีที่จะแต่งงานกับฉันอันที่จริงเรานอนด้วยกันตั้งแต่ที่ฉันบรรลุนิติภาวะแล้วหลายปีที่ผ่านมา เฉินจืออี้เขาไม่เคยยอมรับฉันในฐานะแฟน อีกทั้งยังบอกกับทุกคนว่าฉันเป็นแค่น้องสาวของเขาเท่านั้นดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานเลยแต่จู่ ๆ เขากลับพูดว่าอยากแต่งงานกับฉันนึกดูแล้ว นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หาได้น้อยมากในชีวิตของฉันแต่วินาทีต่อจากนั้น คำพูดของเขากลับทำให้ฉันดิ่งลงถึงขีดสุด“แต่งงานกับฉันมีเงื่อนไขว่า”“เธอต้องบริจาคไตข้างหนึ่งให้กับฉินไฉ่เวย”ฉินไฉ่เวย ผู้หญิงที่เขาคิดถึงมาตลอดหลายปีฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใช้ภาษามือบอกไปอย่างไรแต่พอฉันได้สติกลับมา ก็พบว่าฉันปฏิเสธไปแล้วและเฉินจืออี้ก็โกรธมากเราสองคนทะเลาะกันหนักมาก
Read more
บทที่ 4
ฉันกับเฉินจืออี้เราเป็นเพื่อนบ้านที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กฉันเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็กและเติบโตมากับพ่อที่ติดเหล้าอย่างหนักพ่อแม่ของเฉินจืออี้หย่างร้างกัน เขาอาศัยอยู่ข้างบ้านฉันและถูกเลี้ยงดูโดยแม่ที่อ่อนโยนแม่ของเฉินจืออี้ชอบฉันมาก เขามักจะอุ้มฉันและถามฉันอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากเป็นภรรยาของเฉินจืออี้ไหมเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำแบบนี้ เฉินจืออี้จะมีท่าทีต่อต้านอย่างมาก“ใครจะอยากให้คนใบ้เป็นภรรยากัน”แต่ถึงอย่างนั้น เวลาอยู่ข้างนอกเฉินจืออี้ก็ปกป้องฉันมากเวลาที่ฉันถูกปาหิน ถูกสุนัขรุมกัด หรือถูกแย่งของ เขาจะรีบเข้ามาต่อยกับคนที่รังแกฉันทันทีแม้ว่าเขาจะฟกช้ำไปทั้งตัว เขาก็มักพยายามที่จะปกป้องฉันไว้ข้างหลังเขาเขาบอกว่าเขาไม่ชอบคนใบ้ แต่เขาคอยดูแลดวงดาวน้อยของอยู่เสมอจนกระทั่งปีนั้น เมื่อพ่อของฉันเป็นหนี้การพนันก้อนโต และเตรียมจะพาคนใบ้ที่ไร้ประโยชน์อย่างฉันไปขาย กลับถูกแม่ของเฉินจืออี้รู้เข้าเธอเขามาช่วยฉันไว้ แต่กลับถูกพ่อขี้เมาของฉันใช้มีดแทงเข้าไปสิบสามครั้งและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยฉันจำสายตาที่เฉินจืออี้มองฉันตอนที่ฉันฟื้นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยได้ดี มันเป็นแววตาที่สิ้
Read more
บทที่ 5
ถึงเฉินจืออี้จะเกลียดฉัน แต่เขาก็รู้สึกผิดกับฉันคืนนั้นเราสองคนได้สูญเสียคนในครอบครัวไปเพราะฉันทั้งหูหนวกทั้งยังเป็นใบ้ และเพราะคำพูดสุดท้ายที่แม่ของเฉินจืออี้ทิ้งไว้ว่า ‘เสี่ยวซิงซิงเป็นเด็กน้อยที่แม่ช่วยไว้’ เฉินจืออี้จึงไม่จากไปไหนเขากลับเริ่มทำหน้าที่พี่ชายรับผิดชอบดูแลฉันมาตั้งแต่ตอนนั้นแต่ฉันรู้ดีว่าเขายังโกรธฉันอยู่หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่ถึงวันครบรอบการตายของแม่ของเขา เขาก็จะดื่มจนเมาและไปไหว้แม่เพียงลำพังฉันเคยตามไปครั้งหนึ่ง กลับถูกเขาซึ่งดื่มเหล้าจนเมามายเตะไล่ออกมาเขาคว้าคอของฉันแล้วพูดด้วยสีหน้าดุร้าย "เจียงหว่านซิง เธอไม่คู่ควรที่จะก้มหัวคำนับต่อหน้าแม่ของฉัน”แต่หลังจากได้สติตื่นขึ้นมา เราจะกอดฉันและลูบรอยฟกช้ำบนคอของฉันอย่างทำตัวไม่ถูก เอาแต่พูดขอโทษกับฉันซ้ำ ๆ “เสี่ยวซิงซิง ฉันขอโทษ ฉันแค่...สับสนมาก”ฉันรู้ว่าเขารู้สึกสับสนมากแม้กระทั่งเวลาขึ้นเตียงกับฉัน เขาก็ยังปิดบังใบหน้าของฉันไว้จริง ๆ แล้ว ฉันเองก็สับสนมากเช่นกันฉันอยากให้เขาเป็นพี่ชายและอยู่เคียงข้างเขาแบบนี้ตลอดไปแต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ตลอดยี่สิบปีที่อยู่ด้วยกัน ทำให้ฉันหลงรักเขาจ
Read more
บทที่ 6
บนรถ ฉินตงเฟิงพูดลอย ๆ ขึ้นมาว่า“กำลังคิดถึงน้องใบ้ของนายอยู่เหรอ”“ไม่ใช่สักหน่อย ใครจะไปคิดถึงเธอกัน”เฉินจืออี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับโยนโทรศัพท์ลง“ฉันว่าในเมื่อนายไม่ได้ชอบเธอ ทำไมถึงไม่บอกเธอให้ชัดเจนไปเลย เธอเป็นคนใบ้ออกจะดูน่าสงสารมาก”“เธอน่าสงสารอย่างนั้นเหรอ?” เฉินจืออี้ขยับเนกไทด้วยความหงุดหงิด “เธอน่าสงสารตรงไหน ฉันเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี แล้วผลเป็นยังไง กลับกลายเป็นเลี้ยงคนเห็นแก่ตัวลืมบุญคุณ ตำหนิเธอไม่กี่คำ กลับทำสงครามเย็นกับฉัน ช่างปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ”“ถึงอย่างไรก็เติบโตมากด้วยกัน ถ้าไม่รักก็ต้องผูกพันกันอยู่บ้าง ลองโทรศัพท์ไปปรับความเข้าใจกับเธอหน่อยไหม?”“ไม่ต้องหรอก” เฉินจืออี้เหลือบมองโทรศัพท์พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ตามใจเธอจนเสียนิสัย!”แต่ถึงอย่างนั้น สักพักเฉินจืออี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาฉันด้วยข้อความที่เรียบง่ายว่า‘พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะกลับไปกินข้าว’ดูสิ แม้กระทั่งขอคืนดีเขาก็ยังพูดอย่างมั่นใจ โดยไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลยเพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าจากนี้เขาจะไม่ต้องห่วงความรู้สึกของฉันอีกต่อไปแล้วฉันไม่สามารถรับรู้ได้แล้
Read more
บทที่ 7
“ใช่เหรอ?”เฉินจืออี้นวดระหว่างคิ้ว แล้วหลับตาลงอีกครั้งฉันเองก็หลับตาเช่นกันถ้าเฉินจืออี้อยากพิสูจน์ให้ชัดเจนกว่านี้อีกนิด อย่างน้อยเขาคงกดโทรศัพท์หาฉันแม้ว่าฉันจะได้ยินเสียงของเขาไม่ชัดเจนแต่เสียงโทรศัพท์ของฉันต้องดังขึ้นจะ——จะดังขึ้นมาจากท้ายรถของเขาแน่นอนแต่เขาไม่ทำเมื่อก่อนไม่ทำ ตอนนี้ก็ไม่ทำเช่นกันต่อไปก็จะไม่มีอีกแล้วด้วยไตของฉันข้างนั้น ทำให้การผ่าตัดของฉินไฉ่เวยประความสำเร็จดีมากเฉินจืออี้เป็นห่วงฉินไฉ่เวยมาก แม้ว่าเธอจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ยังคอยเฝ้าตลอดไม่ไปไหนจนกระทั่งฉินไฉ่เวยฟื้นขึ้นมา เขาถึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ“จืออี้ ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ”“ไม่ต้องเกรงใจหรอกไฉ่เวย เราเป็นเพื่อนกัน แถมก่อนหน้านี้คุณยังเคยช่วยชีวิตผมไว้ด้วย”ฉินไฉ่เวยฝืนยิ้มและไม่พูดอะไรต่ออีกดูคล้ายกับว่าเธอจะอ่อนล้าจากการผ่าตัดและไม่มีแรงที่จะพูดแต่มีเพียงฉันที่รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกผิดเพราะเธอรู้ดีว่าในตอนนั้นคนที่ช่วยเฉินจืออี้ไว้ไม่ใช่เธอแต่เป็นฉันแต่ถึงอย่างไรสำหรับเฉินจืออี้แล้ว คนที่ช่วยเขาจะเป็นใครก็คงไม่สำคัญเพราะสิ่งสำคัญก็คือฉินไฉ่เวยคนนี้
Read more
บทที่ 8
ฉินไฉ่เวยเข้ามาในชีวิตเราสองคน ในตอนที่เฉินจืออี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเขาเริ่มเอ่ยชื่อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาบ่อย ๆฉินไฉ่เวยฉันแอบไปดูเธอ เธอสวยมาก ฐานะทางครอบครัวก็ดี เหมือนกับพญาหงส์ที่สูงส่งเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่พูดไม่ได้และยังได้ยินไม่ชัดอย่างฉัน มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวต่อมาเฉินจืออี้ไปเดินป่ากับเธอ ฉันเลยแอบตามสองคนนั้นไปฉันเห็นรอยยิ้มของเฉินจืออี้มันเป็นรอยยิ้มผ่อนคลายซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อนวินาทีนั้น ฉันกลัวจะเสียเขาไปจริง ๆฉันเหมือนตัวประหลาดน่ารังเกียจที่อยู่ในมุมมืด กำลังติดตามคู่หนุ่มสาวแสนสวยจนกระทั่งเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันและแยกทางกันไป ฉันถึงรู้สึกโล่งใจแต่ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนทะเลาะกันเกือบคร่าชีวิตของเฉินจืออี้ไปเขาลื่นล้มลงมาจากหน้าผาฉันไม่รู้ว่าตัวเองตามหาเขาเจอได้อย่างไรและฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองที่หนักแค่ห้าสิบกิโลกรัม สามารถแบกเขาที่หนักเจ็ดสิบกว่ากิโลกรัมเดินออกมาทีละก้าวทีละก้าวจนถึงถนนใหญ่ได้อย่างไรฉันรู้แค่ว่าแสงจันทร์ในค่ำคืนนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกินและเฉินจืออี้ก็ยังกระซิบข้างหูฉันตลอดว่า“ไม่ได้ ฉันจะตายไม่ได้ เสี่ยวซิงซิงรอฉันอยู่
Read more
บทที่ 9
หลังจากแน่ใจว่าอาการของฉินไฉ่เวยเป็นปกติ เฉินจืออี้ถึงกลับบ้านด้วยความวางใจเขาส่งข้อความไลน์หาฉัน บอกว่าคืนนี้จะกลับมากินข้าวที่บ้านเขาคิดว่าเมื่อเขากลับมาฉันจะสวมผ้ากันเปื้อนและทำอาหารอร่อย ๆ ไว้รอ เหมือนกับลูกสุนัขที่กระดิกหางดีใจ วิ่งเข้าไปต้อนรับเจ้าของกลับบ้านแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่รอต้อนรับเขาคือห้องที่ว่างเปล่าเขาตามหาฉันจนทั้งทุกห้องแล้วไม่พบ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในที่สุดเขาก็โทรศัพท์หาฉันหลังจากที่ฉันตายได้สามวันคาดว่าเสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ปิดเครื่องจากปลายสายเฉินจื่ออี้โยนโทรศัพท์ลงอย่างแรง“เจียงหว่านซิง! นังใบ้! เธอจะกล้าดีเกินไปแล้ว! ได้! ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าไปตลอดชีวิตหรอก!”พูดจบ เฉินจืออี้ก็หยับโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวกดไปบนหน้าจอเพื่อส่งข้อความเสียง“เจียงหว่านซิง ถ้าคืนนี้เธอไม่กลับมา เธอก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย!”เขาโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าก่อนเที่ยงคืนคืนนี้เธอยังไม่ตอบกลับ งานแต่งของเราเป็นอันยกเลิก!”ฉันเฝ้าดูเขาดึงเนกไทด้วยความยอมแพ้กับตัวเอง พลา
Read more
บทที่ 10
คืนนั้นเฉินจืออี้ราวกับคนสิ้นหวัง เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ตลอดเวลาเขาไม่แม้แต่จะกลับไปนอนบนเตียง และนั่งรอบนโซฟาอยู่อย่างนั้นเช่นเดียวกับที่ฉันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งรุ่งสาง เขาถึงได้เบิกดวงตาที่แดงก่ำของเขาขึ้นมา“ได้ เจียงหว่านซิง นังใบ้ เธอเก่งมาก! คอยดูนะถ้าฉันหาเธอเจอ ฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เลย!”เฉินจืออี้ฉันถูกคุณฉีกเป็นชิ้น ๆไปแล้วฉันถอนหายใจอย่างเงียบ ๆถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้มีเพียงลมพัดเบา ๆ ผ่านม่านหน้าต่างเท่านั้นเฉินจืออี้ไม่ได้นอนทั้งคืน โทรศัพท์หาฉันก็ไม่รับสาย สุดท้ายนึกขึ้นได้จึงไปที่ห้องทำงานของฉัน แต่เขายังไปไม่ถึงห้องทำงานของฉัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่าฉินไฉ่เวยโวยวายและรู้สึกว่าร่างกายไม่สบายเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับและขับรถออกไปหัวใจของฉันมันตายด้าน จนไม่รู้สึกอะไรแล้วใช่แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินจืออี้ทิ้งฉันเพราะฉินไฉ่เวยและแน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกันตอนที่เฉินจืออี้เรียนมหาวิทยาลัย สถานการณ์การเงินของพวกเราไม่ค่อยดีนักตอนที่พ่อของเขายังตามหาเขาไม่พบ เขาไม่เพียงแต่รับผิดจ่ายค่าเล่าเรีย
Read more
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status