Share

บทที่ 21

Author: ต้าอวี๋
ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเจอศีรษะของฉัน

ฉันพบว่าฉันเริ่มค่อย ๆ อ่อนแรงลง

ฉันเข้าใจว่าความยึดติดอาลัยอาวรณ์ในโลกของฉันกำลังจะหายไปแล้ว

และฉันก็กำลังจะหายไปเช่นกัน

ฉินตงเฟิงถูกตัดสินประหารชีวิต

แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาเหลืออดกับเฉินจืออี้

แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาทำเพื่อฉินไฉ่เวย

เขาเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลฉิน และเขาก็ดูแลน้องสาวคนนี้อย่างดีมาโดยตลอด

ขอเพียงน้องสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป เขายอมทำได้ทุกอย่าง

แม้กระทั่งฆ่ารุ่นน้องที่เขารักและเอ็นดูมาตลอด

หลังจากวันนั้นเฉินจืออี้ก็ไม่ไปทำงานอีกเลย

เขาเอาแต่กอดศีรษะของฉันอยู่ในบ้าน

เขาเก็บข้าวของทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารที่ฉันชอบกินเหมือนเช่นเคย

และยังกินมันที่ติดเนื้อให้แทนฉัน รวมถึงกินอาหารเหลือที่ฉันไม่สามารถแตะต้องไปพวกนั้น

เขายังซื้อชุดแต่งงานให้ฉันด้วย

แต่ศีรษะของฉันใส่ได้เพียงผ้าคลุมหน้าเท่านั้น

เขาบอกว่าฉันสวยมาก

เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยเจอ

เขายังบอกด้วยว่าเขาปฏิเสธที่ฉันขอแต่งงาน

เพราะเรื่องแบบนี้ผู้ชายควรเป็นคนทำ

สุดท้ายเขาบอกว่าเขาจะอยู่กับฉันตลอดไป

เมื่อศีรษะของฉันเริ่มเน่าเปื่อยมากขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าในห้องก็เริ่มรุนแรงขึ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 22

    ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเฉินจืออี้คือข้างสระกรดซัลฟิวริกเขากอดศีรษะของฉันและสวมผ้าคลุมสีขาวแสนสวยให้ฉันอย่างทะนุถนอมและข้าง ๆ เขา เป็นฉินไฉ่เวยกับฉินตงเฟิงที่ถูกมัดไว้“เฉินจืออี้ นายมีอะไรก็มาลงที่ฉัน น้องสาวฉันไม่เกี่ยว”“ฉินตงเฟิง ที่แท้นายก็มีเรื่องที่กลัวด้วยเหรอ”เฉินจืออี้วางฉันลงบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เช็ดใบหน้าที่แทบจะไม่มีฝุ่นของฉันเขาจูบศีรษะที่เน่าเปื่อยของฉันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“เสี่ยวซิงซิงเด็กดี รอให้พี่จัดการคนที่มันรังแกเธอก่อนนะ แล้วเราค่อยกลับบ้านด้วยกัน”ไม่นะ——เฉินจืออี้ คุณบ้าไปแล้วหรือไง? คุณกำลังผิดกฎหมายนะ!“เฉินจืออี้ นายมันบ้าไปแล้วเหรอ? นายไม่เพียงแต่ปล้นนักโทษ นายยังลักพาตัวพวกเรามาอีก! ไม่ช้าก็เร็วตำรวจก็ต้องรู้! นาย...นายจะทำลายอนาคตตัวเองแบบนี้ไม่ได้!”“อนาคตงั้นเหรอ? ฉันยังมีอนาคตด้วยเหรอ?”เฉินจืออี้แสยะยิ้ม “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นหมอ? เพราะตอนที่เสี่ยวซิงซิงอายุสิบสองขวบเธอไข้สูงจนเกือบตาย ฉันแบกเธอออกไปตระเวนขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครช่วยฉันสักคน ตอนนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าฉันต้องเป็นหมอให้ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องไปขอร้องคนอื่นอีก และฉ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 23

    เฉินจืออี้ ฉันไม่ต้องการตั้งแต่เล็กจนโตฉันแค่อยากให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุข อย่าให้ภาระอย่างฉันขัดขวางความก้าวหน้าของคุณไม่ใช่แบบนี้ ที่ทำให้คุณทำลายอนาคตตัวเองทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่ากลัวแบบนี้“เจียงหว่านซิง เธอไม่ใช่ภาระของฉัน เธอคือครอบครัวของฉัน เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันบนโลกใบนี้”“พี่มันไม่ได้เรื่อง ดูแลปกป้องเธอไม่ได้ แต่เสี่ยวซิงซิงไม่ต้องกลัวนะ พี่กำลังจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว”“พี่เคยบอกไว้ว่าพี่จะปกป้องดูแลและอยู่เคียงข้างเสี่ยวซิงซิงไปตลอดชีวิต”ขณะที่มีดผ่าตัดกรีดทะลุเลือดเนื้อของเขา ฉันกรีดร้องแทบขาดใจฉันพุ่งเข้าไปเพื่อหยุดเขา แต่ฉันกลับคว้าอะไรไม่ได้เลยฉันได้แต่เฝ้ามองเฉินจืออี้ผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาไม่สามารถทำต่อไปได้ เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่ง“ที่แท้มันก็เจ็บแบบนี้เอง”เขายิ้มแล้วฉีดยาชาให้ตัวเองจากนั้นก็ทำการผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองต่อไปเลือดไหลนองราวกับผีร้ายฉันไม่รู้ว่าการกระทำนั้นกินเวลานานแค่ไหนความเจ็บปวดทำให้เขาหยุดตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขายังคงทำต่อไปเขายังทำต่อไปอยู่อย่างนั้นฉันเฝ้ามอ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 1

    ตอนที่ร่างกายของฉันถูกวางลงบนเตียงผ่าตัดนั้น อุณหภูมิร่างกายยังอุ่นอยู่เล็กน้อยแต่ทว่ากลับไม่มีใครสนใจเลยเฉินจืออี้หยิบมีดผ่าตัดออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผ่าเปิดทรวงอกของฉันอย่างระมัดระวัง“เอ๊ะ ทำไมเหลือไตแค่ข้างเดียว?”เขาลังเลเล็กน้อยแต่ไม่นานก็รีบทำการผ่าต่อไปการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่ว สมกับเป็นอายุรแพทย์โรคไตอันดับหนึ่งในเมืองจริง ๆไม่นานไตที่เต็มไปด้วยเลือดชิ้นนั้นก็ถูกนำออกมาวางลงในอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ด้านข้าง“ส่งไปโรงพยาบาลและรีบให้ไฉ่เวยอันจัดการปลูกถ่ายไตทันที”“แล้วศพของผู้หญิงคนนี้จะทำยังไง ถึงแม้ว่าตอนที่ซื้อมาจะเหลือแค่ส่วนลำตัว แต่ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เราต้องแจ้งตำรวจไหม?”จู่ ๆ ฉินตงเฟิงเพื่อนสนิทของเฉินจืออี้ ที่ยืนดูลำตัวศพบนเตียงผ่าตัดอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นมาเฉินจืออี้จัดการล้างเลือดที่เปื้อนมือของเขา โดยไม่สนใจเหลือบมองศพร่างนั้นแม้แต่หางตาน้ำเสียงของเขายังคงดูใจเย็นเหมือนเช่นเคย“งั้นป้องกันไว้ก่อน ทำลายทิ้งซะ”

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 2

    เพียงแต่ขณะที่ทำลายศพอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเล็กน้อยเฉินจืออี้พบว่าศพของผู้หญิงกำลังตั้งท้องเขายังเห็นรอยแผลจากการถูกไฟลวกบนหน้าท้องของศพผู้หญิงด้วยฉันคิดว่าแม้หลายปีมานี้เขามักจะปิดไฟนอนกับฉัน เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของฉันแต่เขาน่าจะคุ้นเคยกับร่างกายของฉันมากเพียงพอรอยแผลบนหน้าท้องของฉันถูกพ่อใช้ก้นบุหรี่จี้เวลาเฉินจืออี้อยู่บนเตียงเขาชอบจูบตรงนั้นมาก เขาบอกว่ามันเหมือนกับดอกเหมย ซึ่งเป็นเครื่องหมายพิเศษที่พระเจ้ามอบให้ฉันแต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นรอยดอกเหมยที่คุ้นเคยนั้น เขากลับตะลึงเพียงชั่วขณะ จากนั้นก็โยนฉันลงไปในสระกรดซัลฟิวริกที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ลังเลใจน่าแปลกจัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วแต่เมื่อร่างกายของฉันถูกกัดกร่อนด้วยกรดซัลฟิวริก ฉันก็ยังสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจโดยเฉพาะตอนที่เห็นเฉินจืออี้มองฉันด้วยสายตาเย็นชา มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเฉินจืออี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือฉัน?หรือว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการทำอยู่แล้ว“ไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวครอบครัวไหน ตั้งท้องแล้วยังถูกฆ่าหั่นศพอีก” ฉินตงเฟิงยืนถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ อยู่

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 3

    เมื่อเขากลับมา เฉินจืออี้ก็ขมวดคิ้วด้วยความเหนื่อยล้าเขาทำเรื่องสำคัญสำเร็จ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง เขากดเปิดไลน์บนโทรศัพท์ของเขานิ้วเรียวยาวหยุดที่ประวัติการสนทนาระหว่างฉันกับเขาในนั้นยังมีบันทึกการทะเลาะกันของเราสองคนอยู่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว จู่ ๆ เฉินจืออี้ก็พูดออกมาว่าเขายินดีที่จะแต่งงานกับฉันอันที่จริงเรานอนด้วยกันตั้งแต่ที่ฉันบรรลุนิติภาวะแล้วหลายปีที่ผ่านมา เฉินจืออี้เขาไม่เคยยอมรับฉันในฐานะแฟน อีกทั้งยังบอกกับทุกคนว่าฉันเป็นแค่น้องสาวของเขาเท่านั้นดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานเลยแต่จู่ ๆ เขากลับพูดว่าอยากแต่งงานกับฉันนึกดูแล้ว นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หาได้น้อยมากในชีวิตของฉันแต่วินาทีต่อจากนั้น คำพูดของเขากลับทำให้ฉันดิ่งลงถึงขีดสุด“แต่งงานกับฉันมีเงื่อนไขว่า”“เธอต้องบริจาคไตข้างหนึ่งให้กับฉินไฉ่เวย”ฉินไฉ่เวย ผู้หญิงที่เขาคิดถึงมาตลอดหลายปีฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใช้ภาษามือบอกไปอย่างไรแต่พอฉันได้สติกลับมา ก็พบว่าฉันปฏิเสธไปแล้วและเฉินจืออี้ก็โกรธมากเราสองคนทะเลาะกันหนักมาก

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 4

    ฉันกับเฉินจืออี้เราเป็นเพื่อนบ้านที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กฉันเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็กและเติบโตมากับพ่อที่ติดเหล้าอย่างหนักพ่อแม่ของเฉินจืออี้หย่างร้างกัน เขาอาศัยอยู่ข้างบ้านฉันและถูกเลี้ยงดูโดยแม่ที่อ่อนโยนแม่ของเฉินจืออี้ชอบฉันมาก เขามักจะอุ้มฉันและถามฉันอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากเป็นภรรยาของเฉินจืออี้ไหมเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำแบบนี้ เฉินจืออี้จะมีท่าทีต่อต้านอย่างมาก“ใครจะอยากให้คนใบ้เป็นภรรยากัน”แต่ถึงอย่างนั้น เวลาอยู่ข้างนอกเฉินจืออี้ก็ปกป้องฉันมากเวลาที่ฉันถูกปาหิน ถูกสุนัขรุมกัด หรือถูกแย่งของ เขาจะรีบเข้ามาต่อยกับคนที่รังแกฉันทันทีแม้ว่าเขาจะฟกช้ำไปทั้งตัว เขาก็มักพยายามที่จะปกป้องฉันไว้ข้างหลังเขาเขาบอกว่าเขาไม่ชอบคนใบ้ แต่เขาคอยดูแลดวงดาวน้อยของอยู่เสมอจนกระทั่งปีนั้น เมื่อพ่อของฉันเป็นหนี้การพนันก้อนโต และเตรียมจะพาคนใบ้ที่ไร้ประโยชน์อย่างฉันไปขาย กลับถูกแม่ของเฉินจืออี้รู้เข้าเธอเขามาช่วยฉันไว้ แต่กลับถูกพ่อขี้เมาของฉันใช้มีดแทงเข้าไปสิบสามครั้งและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยฉันจำสายตาที่เฉินจืออี้มองฉันตอนที่ฉันฟื้นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยได้ดี มันเป็นแววตาที่สิ้

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 5

    ถึงเฉินจืออี้จะเกลียดฉัน แต่เขาก็รู้สึกผิดกับฉันคืนนั้นเราสองคนได้สูญเสียคนในครอบครัวไปเพราะฉันทั้งหูหนวกทั้งยังเป็นใบ้ และเพราะคำพูดสุดท้ายที่แม่ของเฉินจืออี้ทิ้งไว้ว่า ‘เสี่ยวซิงซิงเป็นเด็กน้อยที่แม่ช่วยไว้’ เฉินจืออี้จึงไม่จากไปไหนเขากลับเริ่มทำหน้าที่พี่ชายรับผิดชอบดูแลฉันมาตั้งแต่ตอนนั้นแต่ฉันรู้ดีว่าเขายังโกรธฉันอยู่หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่ถึงวันครบรอบการตายของแม่ของเขา เขาก็จะดื่มจนเมาและไปไหว้แม่เพียงลำพังฉันเคยตามไปครั้งหนึ่ง กลับถูกเขาซึ่งดื่มเหล้าจนเมามายเตะไล่ออกมาเขาคว้าคอของฉันแล้วพูดด้วยสีหน้าดุร้าย "เจียงหว่านซิง เธอไม่คู่ควรที่จะก้มหัวคำนับต่อหน้าแม่ของฉัน”แต่หลังจากได้สติตื่นขึ้นมา เราจะกอดฉันและลูบรอยฟกช้ำบนคอของฉันอย่างทำตัวไม่ถูก เอาแต่พูดขอโทษกับฉันซ้ำ ๆ “เสี่ยวซิงซิง ฉันขอโทษ ฉันแค่...สับสนมาก”ฉันรู้ว่าเขารู้สึกสับสนมากแม้กระทั่งเวลาขึ้นเตียงกับฉัน เขาก็ยังปิดบังใบหน้าของฉันไว้จริง ๆ แล้ว ฉันเองก็สับสนมากเช่นกันฉันอยากให้เขาเป็นพี่ชายและอยู่เคียงข้างเขาแบบนี้ตลอดไปแต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ตลอดยี่สิบปีที่อยู่ด้วยกัน ทำให้ฉันหลงรักเขาจ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 6

    บนรถ ฉินตงเฟิงพูดลอย ๆ ขึ้นมาว่า“กำลังคิดถึงน้องใบ้ของนายอยู่เหรอ”“ไม่ใช่สักหน่อย ใครจะไปคิดถึงเธอกัน”เฉินจืออี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับโยนโทรศัพท์ลง“ฉันว่าในเมื่อนายไม่ได้ชอบเธอ ทำไมถึงไม่บอกเธอให้ชัดเจนไปเลย เธอเป็นคนใบ้ออกจะดูน่าสงสารมาก”“เธอน่าสงสารอย่างนั้นเหรอ?” เฉินจืออี้ขยับเนกไทด้วยความหงุดหงิด “เธอน่าสงสารตรงไหน ฉันเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี แล้วผลเป็นยังไง กลับกลายเป็นเลี้ยงคนเห็นแก่ตัวลืมบุญคุณ ตำหนิเธอไม่กี่คำ กลับทำสงครามเย็นกับฉัน ช่างปีกกล้าขาแข็งจริง ๆ”“ถึงอย่างไรก็เติบโตมากด้วยกัน ถ้าไม่รักก็ต้องผูกพันกันอยู่บ้าง ลองโทรศัพท์ไปปรับความเข้าใจกับเธอหน่อยไหม?”“ไม่ต้องหรอก” เฉินจืออี้เหลือบมองโทรศัพท์พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ตามใจเธอจนเสียนิสัย!”แต่ถึงอย่างนั้น สักพักเฉินจืออี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาฉันด้วยข้อความที่เรียบง่ายว่า‘พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะกลับไปกินข้าว’ดูสิ แม้กระทั่งขอคืนดีเขาก็ยังพูดอย่างมั่นใจ โดยไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลยเพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าจากนี้เขาจะไม่ต้องห่วงความรู้สึกของฉันอีกต่อไปแล้วฉันไม่สามารถรับรู้ได้แล้

Pinakabagong kabanata

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 23

    เฉินจืออี้ ฉันไม่ต้องการตั้งแต่เล็กจนโตฉันแค่อยากให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุข อย่าให้ภาระอย่างฉันขัดขวางความก้าวหน้าของคุณไม่ใช่แบบนี้ ที่ทำให้คุณทำลายอนาคตตัวเองทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่ากลัวแบบนี้“เจียงหว่านซิง เธอไม่ใช่ภาระของฉัน เธอคือครอบครัวของฉัน เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันบนโลกใบนี้”“พี่มันไม่ได้เรื่อง ดูแลปกป้องเธอไม่ได้ แต่เสี่ยวซิงซิงไม่ต้องกลัวนะ พี่กำลังจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว”“พี่เคยบอกไว้ว่าพี่จะปกป้องดูแลและอยู่เคียงข้างเสี่ยวซิงซิงไปตลอดชีวิต”ขณะที่มีดผ่าตัดกรีดทะลุเลือดเนื้อของเขา ฉันกรีดร้องแทบขาดใจฉันพุ่งเข้าไปเพื่อหยุดเขา แต่ฉันกลับคว้าอะไรไม่ได้เลยฉันได้แต่เฝ้ามองเฉินจืออี้ผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาไม่สามารถทำต่อไปได้ เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่ง“ที่แท้มันก็เจ็บแบบนี้เอง”เขายิ้มแล้วฉีดยาชาให้ตัวเองจากนั้นก็ทำการผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองต่อไปเลือดไหลนองราวกับผีร้ายฉันไม่รู้ว่าการกระทำนั้นกินเวลานานแค่ไหนความเจ็บปวดทำให้เขาหยุดตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขายังคงทำต่อไปเขายังทำต่อไปอยู่อย่างนั้นฉันเฝ้ามอ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 22

    ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเฉินจืออี้คือข้างสระกรดซัลฟิวริกเขากอดศีรษะของฉันและสวมผ้าคลุมสีขาวแสนสวยให้ฉันอย่างทะนุถนอมและข้าง ๆ เขา เป็นฉินไฉ่เวยกับฉินตงเฟิงที่ถูกมัดไว้“เฉินจืออี้ นายมีอะไรก็มาลงที่ฉัน น้องสาวฉันไม่เกี่ยว”“ฉินตงเฟิง ที่แท้นายก็มีเรื่องที่กลัวด้วยเหรอ”เฉินจืออี้วางฉันลงบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เช็ดใบหน้าที่แทบจะไม่มีฝุ่นของฉันเขาจูบศีรษะที่เน่าเปื่อยของฉันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“เสี่ยวซิงซิงเด็กดี รอให้พี่จัดการคนที่มันรังแกเธอก่อนนะ แล้วเราค่อยกลับบ้านด้วยกัน”ไม่นะ——เฉินจืออี้ คุณบ้าไปแล้วหรือไง? คุณกำลังผิดกฎหมายนะ!“เฉินจืออี้ นายมันบ้าไปแล้วเหรอ? นายไม่เพียงแต่ปล้นนักโทษ นายยังลักพาตัวพวกเรามาอีก! ไม่ช้าก็เร็วตำรวจก็ต้องรู้! นาย...นายจะทำลายอนาคตตัวเองแบบนี้ไม่ได้!”“อนาคตงั้นเหรอ? ฉันยังมีอนาคตด้วยเหรอ?”เฉินจืออี้แสยะยิ้ม “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นหมอ? เพราะตอนที่เสี่ยวซิงซิงอายุสิบสองขวบเธอไข้สูงจนเกือบตาย ฉันแบกเธอออกไปตระเวนขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครช่วยฉันสักคน ตอนนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าฉันต้องเป็นหมอให้ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องไปขอร้องคนอื่นอีก และฉ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 21

    ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเจอศีรษะของฉันฉันพบว่าฉันเริ่มค่อย ๆ อ่อนแรงลงฉันเข้าใจว่าความยึดติดอาลัยอาวรณ์ในโลกของฉันกำลังจะหายไปแล้วและฉันก็กำลังจะหายไปเช่นกันฉินตงเฟิงถูกตัดสินประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาเหลืออดกับเฉินจืออี้แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาทำเพื่อฉินไฉ่เวยเขาเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลฉิน และเขาก็ดูแลน้องสาวคนนี้อย่างดีมาโดยตลอดขอเพียงน้องสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป เขายอมทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่ารุ่นน้องที่เขารักและเอ็นดูมาตลอดหลังจากวันนั้นเฉินจืออี้ก็ไม่ไปทำงานอีกเลยเขาเอาแต่กอดศีรษะของฉันอยู่ในบ้านเขาเก็บข้าวของทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารที่ฉันชอบกินเหมือนเช่นเคยและยังกินมันที่ติดเนื้อให้แทนฉัน รวมถึงกินอาหารเหลือที่ฉันไม่สามารถแตะต้องไปพวกนั้น เขายังซื้อชุดแต่งงานให้ฉันด้วยแต่ศีรษะของฉันใส่ได้เพียงผ้าคลุมหน้าเท่านั้นเขาบอกว่าฉันสวยมากเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยเจอเขายังบอกด้วยว่าเขาปฏิเสธที่ฉันขอแต่งงานเพราะเรื่องแบบนี้ผู้ชายควรเป็นคนทำสุดท้ายเขาบอกว่าเขาจะอยู่กับฉันตลอดไปเมื่อศีรษะของฉันเริ่มเน่าเปื่อยมากขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าในห้องก็เริ่มรุนแรงขึ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 20

    เพล้งเฉินจืออี้กลับถึงบ้านได้ทุบรูปปั้นขนาดใหญ่และหนักอึ้งนั้นเมื่อรูปปั้นแตกกระจาย เผยให้เห็นศีรษะคนที่ถูกเก็บรักษาอย่างดีด้วยสารเคมีโผล่ออกมาดวงตากลมโตทั้งสองของเธอยังคงเบิกกว้างด้วยท่าทางสงบราวกับว่าเธอไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยคล้ายกับว่าเธอแค่นอนหลับไปเท่านั้นเฉินจืออี้เหมือนคนที่ค้นพบสมบัติ เขาค่อยแกะรอยแตกออกจากใบหน้าของเธอแล้วลูบเบา ๆ“เสี่ยวซิงซิง ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเธอเอง และจะปกป้องเสี่ยวซิงซิงของพี่ตลอดไป”

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 19

    ตำรวจวิ่งเข้ามาจากด้านหลังด้วยความรีบร้อน“คุณเฉิน เราตามสืบพบแล้วว่าเมื่อเจ็ดวันก่อน ใครเป็นคนมารับคุณเจียงออกไปจากบ้านของคุณ คือคุณฉินตงเฟิง คุณรู้จักเขาไหมครับ”ตอนที่เฉินตงเฟิงถูกจับ เขาดูมีท่าทีที่นิ่งผิดปกติ“ใช่ ผมเป็นคนทำ ผมเป็นคนหลอกเธอออกไป และจ้างคนมาฆ่าเธอเอง”“ไม่มีเหตุผล แค่ไม่ชอบขี้หน้าของเฉินจืออี้ก็เท่านั้น”ฉินตงเฟิงยิ้มมุมปากมองไปที่เฉินจืออี้ เหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเพื่อนกันปกติ“เธออยู่ที่ไหน?”“จืออี้ นายพูดว่าไงนะ?”“ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน?”ฉินตงเฟิงยังคงยิ้ม “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ นายเสมอ เฉินจืออี้ นายเองก็ฉลาด ไม่รู้เลยเหรอว่าโลกใบนี้มันไม่มีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนั้น เช่นบังเอิญตลาดมืดมีศพผู้หญิง บังเอิญไตของศพผู้หญิงคนนั้นเข้ากันได้กับไฉ่เวย และบังเอิญว่าศพผู้หญิงคนนั้นได้บริจาคไตไปแล้วครั้งหนึ่งจึงเหลือไตแค่ข้างเดียว และบังเอิญว่าศพผู้หญิงคนนั้นก็กำลังตั้งท้อง...”“แก...แก...ไอ้สารเลว! เธอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง! แล้วเธอก็ยังเป็นรุ่นน้องของแกด้วย!”“โมโหมากล่ะสิ? ฉันเคยเตือนนายแล้วไม่ใช่เหรอ? ศพนี้กำลังตั้งท้องและยังถูกแย

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 18

    เสี่ยวซิงซิงกลัวมากจึงโทรศัพท์ไปสามครั้งตามข้อตกลงตอนนั้นเมื่อเขารับโทรศัพท์ เสี่ยวซิงซิงดีใจมากไม่ว่าร่างกายจะเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ว่าคนข้างหลังจะน่ากลัวแค่ไหนแต่เธอเชื่อมั่นว่าพี่ชายของเธอจะต้องมาช่วยเธออย่างแน่นอนแต่พี่ชายกลับไม่มาเขายังพูดอีกว่า “เจียงหว่านซิง เธอจะพอได้หรือยัง ฉันบอกแล้วว่าอาการของไฉ่เวยอยู่ในขีดอันตราย ถ้าเธอช่วยเขาไม่ได้ เธอก็อย่ามารบกวนฉัน”เขาทิ้งเสี่ยวซิงซิงจริง ๆ แล้ว การถูกแทงในตอนนั้นมันเจ็บมากแต่หลังจากได้ยินประโยคนั้นของเฉินจืออี้ ฉันกลับสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดไปอย่างน่าประหลาดแม้กระทั่งในตอนที่ถูกตัดศีรษะ แขนและขาออก ฉันก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนักตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่แม้แต่จะเสียน้ำตาเลยด้วยซ้ำเฉินจืออี้ร้องไห้ไม่หยุดเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าน้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุด“ทำไมฉันถึงร้องไห้ล่ะ?”“ไม่จริง ฉันจะร้องไห้ได้ยังไง”จากนั้นเขาปาดน้ำตาและรับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล“ไม่ทราบว่าใช่ญาติของคุณเจียงหว่านซิงไหมคะ เราโทรมาจากโรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่งค่ะ วันนี้ถึงกำหนดนัดตรวจครรภ์ของคุณเจียงหว่านซิง เธอกับลูกในท้องค่อนข้างอ่อนแอ กรุณาเข้าม

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 17

    “คุณพูดจาเหลวไหล!”เฉินจืออี้ดวงตาเปลี่ยนสีแดง พลางกำคอของฉินไฉ่เวยไว้แน่น“ไม่มีทาง! เธออ่อนแอขนาดนั้น เดินเฉย ๆ ก็ยังล้ม จะแบกผมออกมาจากเขาได้ยังไง!”“แค่ก แค่ก แค่ก...คุณมันบ้าไปแล้ว คุณปล่อยฉันนะ!”ฉินไฉ่เวยผลักเขาออกไปอย่างแรง“เฉินจืออี้ ฉันจะบอกคุณให้อีกเรื่องหนึ่ง! ตอนนั้นที่คุณผ่าตัดเปลี่ยนไต คุณก็ใช้ไตข้างหนึ่งของเธอ! ฉันได้ยินเธอขอร้องรุ่นพี่ เธอไม่อยากให้คุณรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เลยตัดสินใจปิดบังคุณไปตลอดชีวิต!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้หญิงโง่คนนั้น! รักเดียวใจเดียวอุทิศตนให้กับผู้ชายอย่างคุณ! มันก็สมควรตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”“คุณหุบปาก ผมบอกให้คุณหุบปาก”วันนั้นเฉินจืออี้ราวกับคนบ้าสุดท้ายตำรวจก็เข้ามาถึงช่วยฉินไฉ่เวยจากเขาไว้ได้ที่สถานีตำรวจ ในที่สุดเขาก็ยืนยันการเสียชีวิตของฉัน“แม้ว่าเราจะยังไม่พบศพของคุณเจียง แต่เมื่อพิจารณาจากรอยเลือดจำนวนมากที่พบในที่เกิดเหตุ จึงตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะเป็นฆ่าหั่นชิ้นส่วน”“หั่นชิ้นส่วนเหรอครับ?”“ใช่ครับ เราพบมือและแขนที่ถูกตัดขาดอยู่ในกองหิมะ แต่ส่วนที่ยังหาไม่พบคือลำตัวกับศีรษะ”“ไม่...เป็นไปไม่ได้...ไม่ใช่เธอ ต้องไม่ใช่เธอ...พวกคุ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 16

    หลังจากนั้นเฉินจืออี้ไม่ไปทำงานอยู่หลายวันใครโทรศัพท์มาเขาก็ไม่รับสายเขาสวมผ้ากันเปื้อนทำความสะอาดบ้านและยังทำอาหารที่ฉันชอบมากมายในทุกวันเขาทำแม้กระทั่งเสิร์ฟข้าวให้ฉันพร้อมทั้งกัดไขมันที่ติดอยู่บนเนื้อออกให้ฉัน“เธอไม่ชอบกินไขมันแต่กลับชอบกินเนื้อติดมัน ไม่รู้ว่าใครจะไปตามใจเธอได้ขนาดนั้น! รีบกินเร็วเข้า ต่อไปฉันจะไม่ตามใจเธอแล้วนะ” “เจียงหว่านซิง เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ข้าวแค่นี้ก็กินไม่หมด เธอดูสิว่าเธอผอมขนาดไหน!”“ช่างเถอะ เอาข้าวที่เหลือมาเดี๋ยวฉันกินเอง ครั้งหน้าห้ามสิ้นเปลืองแบบนี้อีก สิ้นเปลืองมันไม่ดีรู้ไหม!”เป็นอยู่อย่างนั้น——ฉันมองดูเขาพูดคุยกับอากาศที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆหลังจากนั้นก็กินข้าวที่เหลือในจานของฉันอย่างพอใจสุดท้ายเขากลับไปที่ห้องนอนของเราและกอดหมอนของฉัน เหมือนปกติที่เขากอดฉันและลูบเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน“เสี่ยวซิงซิง ฉันเหนื่อยจัง ฉันขอกอดเธอหน่อยนะ กอดสักพักก็หายเหนื่อยแล้ว”ฉันรู้ว่าเฉินจืออี้มีบางอย่างผิดแผกไปฉันเคยคิดว่าหลังจากเฉินจืออี้รู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไรฉันอยากให้เขาสำนึกผิดและจดจำฉันตลอดไปแต่สิ่งที่ฉันไม่อยากให้เ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 15

    ในที่สุดเฉินจืออี้ก็โทรแจ้งตำรวจตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าสถานที่ที่ฉันหายตัวไปนั้นอยู่ใกล้ ๆ กับโรงงานร้างแม้ว่าจุดนั้นจะเป็นโรงงานร้าง แต่เพราะหิมะตกจึงมักจะมีคู่รักแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินที่นั่น เพราะถือว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติก เฉินจืออี้ขับรถไปถึงทุ่งหิมะนั้นเขาเดินไปบนหิมะอย่างทุลักทุเลพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อฉันจากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และมองไปที่โรงงานร้างที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่เชื่อสายตาในที่สุดเขาก็รู้แล้วใช่ไหม?ในที่สุดก็พบว่าที่นี่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาทำการผ่าศพหญิงสาวนิรนามศพนั้น“คุณเฉิน สุนัขตำรวจของเราพบสิ่งนี้ในกองหิมะครับ”เครื่องช่วยฟังเปื้อนเลือดข้างหนึ่งยากที่จะอธิบายปฏิกิริยาของเฉินจืออี้ ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจจนพูดอะไรไม่ออกสุดท้ายเขาก็เปิดดูเครื่องช่วยฟังราคาแพงที่เขาสั่งทำให้ฉัน“เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่มีทางใช่ของเธอ บนโลกนี้มีเครื่องช่วยฟังตั้งมากมาย ไม่ใช่ของเธอ เธอยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมไม่พูดกับคุณแล้ว เสี่ยวซิงซิงยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”เขาผลักตำรวจออกและเดินโซซัดโซ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status