พี่ชายต่างแม่ของฉันเกลียดฉันมาก เขารังเกียจการมาของฉันกับแม่ เกลียดชังที่พวกเราทำลายครอบครัวที่ดูเหมือนจะอบอุ่นของเขา เวลาเขาเห็นฉัน เขามักจะทำสีหน้าเย็นชาบอกว่าฉันน่าสะอิดสะเอียน ถามฉันอย่างร้ายกาจว่าเมื่อไหร่จะไปตาย ต่อมา ฉันเป็นไปตามความปรารถนาของเขา แต่เขากลับเสียใจ ร้องไห้อ้อนวอนให้ฉันกลับมา บอกว่าตอนนั้นไม่ควรเลิกกับฉัน ไม่ควรร้ายกับฉัน แต่ฉันตายไปแล้ว ความรู้สึกอันลึกซึ้งนี้ แสดงให้ใครดูงั้นเหรอ?
View Moreสุดท้ายสวี่อันอันก็ยอมประนีประนอมคนตายก็ตายไปแล้ว ต่อให้เธอจะปกปิดสถานที่ฝังศพของฉันในเวลานี้ แต่เซี่ยชิงโจวก็ยังมีช่องทางอื่นในการค้นหาเมื่อสวี่อันอันพาเขามาถึงสุสานของฉัน เนินดินเล็ก ๆ ก็ปกคลุมไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งแล้วเป็นดอกกุหลาบที่ฉันชอบที่สุดสวยสดงดงามและอบอุ่นท้องฟ้าเริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาและปกคลุมไปด้วยหมอก ดูอ้างว้างและหนาวเย็นเซี่ยชิงโจวคุกเข่าลงข้างหนึ่งหน้าหลุมศพของฉัน ลูบไล้ใบหน้าเปื้อนยิ้มของฉัน แล้วพูดอย่างขมขื่น“เธอไม่ได้ฝากคำพูดที่เกี่ยวกับผมไว้เลยจริงเหรอ?”“คุณจะถามอีกกี่รอบ เธอบอกว่าอยากให้คุณเลิกเกลียดเธอ คุณทำได้ไหม?”“ผมทำไม่ได้ ทำยังไงดี?”เซี่ยชิงโจวไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กสาวที่เคยสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตจึงหายไปจากโลกใบนี้แล้ว?“ทำไม่ได้เหรอ? งั้นก็ไปตายซะ!”สวี่อันอันเอาคำพูดของเซี่ยชิงโจวที่เคยกัดกินหัวใจฉันตอกกลับไป“ตอนแรกที่ซ่งอวี่ซือตามตื๊อคุณแบบนั้น คุณปฏิบัติกับเธอยังไง? เธอไร้ค่าจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว คุณทำยังไง?เป็นคุณที่ทำกับเธอเหมือนเป็นตัวตลก และตอนนี้ก็เป็นคุณที่เสียใจ ถ้าต้องการให้ซ่งอวี่ซือกลับมา คุณควรขอโทษและ
ฉันมองดูเขาซิ่งรถไปตลอดทาง แม้กระทั่งไฟแดงบนถนนก็ยังฝ่าไปสุดท้าย เขาก็หยุดลงที่หน้าประตูบ้านของสวี่อันอันตอนที่เปิดประตู สวี่อันอันสวมเสื้อโค้ทหนาเตอะ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูจากสภาพเหมือนยังไม่ตื่นดีแต่เมื่อพบว่าคนที่มาคือเซี่ยชิงโจว เธอก็อยากจะปิดประตูโดยสัญชาตญาณปัง เสียงประตูไม้เนื้อแข็งกระแทกกับเนื้อและกระดูก“คุณมาทำอะไร?”สวี่อันอันมีสีหน้ารังเกียจ “ไม่กลับไปอยู่กับภรรยาสาวสุดที่รักของคุณเหรอ?”“ซ่งอวี่ซืออยู่ที่ไหนกันแน่ เธอซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า?”ตั้งแต่ต้นจนจบเซี่ยชิงโจวไม่กล้าถามประโยคที่ว่า “ซ่งอวี่ซือตายแล้วใช่ไหม”แต่สวี่อันอันเข้าใจเธอดูเหมือนจะมองเห็นความแข็งนอกอ่อนในของเซี่ยชิงโจว พลางแสยะปากหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“เซี่ยชิงโจว คุณมีคำตอบอยู่ในใจตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”“คุณโกหก”ริมฝีปากของเซี่ยชิงโจวสั่นเทา เขาจับจ้องดวงตาของสวี่อันอันไม่วางตา ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมแม้แต่เสียงที่เย็นชาตามปกติ ในเวลานี้ได้กลายเป็นเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย“ซ่งอวี่ซือรักแม่ของเธอมาก จะไม่บอกเรื่องการตายกับน้าซ่งได้ยังไง?”นี่เป็นครั้งแรก
หลังจากที่สวี่อันอันกลับไปแล้ว เซี่ยชิงโจวก็ยืนอึ้งอยู่กับที่เป็นเวลานานมากในที่สุดเสียงอึกทึกรอบข้างก็ดึงสติเขากลับมาอีกครั้งฉันมองดูเขาขอกู้เหมี่ยวจินแต่งงานตามพิธีการ และเมื่อบาทหลวงถามเขาว่าเต็มใจหรือไม่เขาจ้องไปที่ประตูอย่างสงบเงียบ ราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างแต่เมื่อบาทหลวงพูดซ้ำอีกเป็นรอบที่สาม ฉันก็ได้ยินเสียงอันแหบพร่ากล่าวว่า “ผมยินดี”ทันทีที่เสียงเงียบลง ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองนั้นโปร่งใสขึ้นมากฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจากโลกใบนี้ไปแล้วคืนนั้น เซี่ยชิงโจวอยู่ตามลำพังคนเดียวในห้องอ่านหนังสือภายในห้องมืดลง ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งพร่ามัวอยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ที่ลอยวนขึ้นมาจากปลายนิ้วของเขาทันใดนั้น เขาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออกบางอย่าง พลางหยิบก้อนกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากลิ้นชักหลังจากที่เขาคลี่ออก ฉันถึงรู้ว่ามันคือรูปถ่ายเปื้อนเลือดใบนั้นเขาใช้กระดาษทิชชูชุบน้ำ พยายามเช็ดคราบเลือดที่หยดลงบนใบหน้าของฉันให้สะอาดแต่มันซึมเข้าไปในเนื้อกระดาษตั้งนานแล้ว จะเช็ดออกให้สะอาดได้อย่างไร?ก็เหมือนกับช่องว่างระหว่างฉันกับเขา หกปีผ่านมาก็ยังไม่สามารถเย
สีหน้าของเซี่ยชิงโจวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“นี่คือไอเดียที่คุณกับซ่งอวี่ซือคิดขึ้นมา นึกว่าการแกล้งตายจะสามารถไถ่บาปให้กับตัวเองได้งั้นเหรอ?”มือขวาที่กำแน่นออกแรงมากเกินไป จึงเริ่มทำให้ข้อต่อนิ้วซีดขาวขึ้นสวี่อันอันคิดว่าข่าวการตายของฉันจะทำให้เขาตื่นตระหนกน่าเสียดาย เธอลืมไปแล้วว่าถึงแม้ฉันกับเซี่ยชิงโจวจะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมานานแล้วแต่สวี่อันอันนั้นเป็นเด็กสาวที่ดื้อรั้นคนหนึ่งเธอไม่อยากให้ความตายของฉันกลายเป็นเรื่องเบาหวิวเหมือนจอกแหน อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากให้การแต่งงานของเซี่ยชิงโจวสมบูรณ์แบบ“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ ซ่งอวี่ซือเป็นมะเร็งตับมานานแล้ว คุณคงไม่รู้สินะ?”“คุณมองไม่เห็นร่างกายที่ซูบผอมลงเรื่อย ๆ ของเธอ มองไม่เห็นความเบื่ออาหารของเธอ ไม่ทันสังเกตถึงสภาพตัวงอเพราะความเจ็บปวดของเธอด้วยซ้ำแม้แต่ตอนที่เธอใกล้จะตาย คุณก็ยังยุ่งอยู่กับการจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ กับคู่หมั้น”สวี่อันอันเล่าถึงความทุกข์ทรมานที่ฉันได้พบเจอในช่วงเวลานี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เซี่ยชิงโจวยังคงไม่ยอมเชื่อ“เธอสุขภาพแข็งแรงขนา
เซี่ยชิงโจวกำลังจะแต่งงานแล้วงานแต่งนั้นยิ่งใหญ่มาก เป็นฉากที่ฉันเคยวาดฝันไว้แต่เซี่ยชิงโจวดูกระสับกระส่ายไม่สบายใจเป็นพิเศษ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูบ่อย ๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำว่ากู้เหมี่ยวจินในชุดเจ้าสาวได้เดินเข้ามาถึงตรงหน้าเขาแล้ว“พักนี้คุณเป็นอะไรไป? จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าลืมสิ่งที่คุณรับปากกับฉันไว้ก่อนหน้านี้นะ!”“ผมรู้ คุณช่วยพูดให้น้อยลงหน่อยได้ไหม”เซี่ยชิงโจวดูหงุดหงิดเป็นพิเศษ “พอได้รับสิทธิ์การสืบทอดมรดกของสกุลเซี่ยอย่างสมบูรณ์แล้ว ผมจะปล่อยให้คุณไปเสพสุขกับคนรักที่ฝรั่งเศส ดังนั้นช่วงนี้อย่ามายั่วโมโหผม!”“คุณมาพาลใส่ฉันเรื่องอะไร!”กู้เหมี่ยวจินรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันใด ทำหน้าบูดบึ้ง หันหน้าหนีไม่พูดคุยกับเขาอีกเซี่ยชิงโจวไม่สนใจอารมณ์ของเธอเลยสักนิด เมื่อเห็นแม่ของฉันปรากฏตัวขึ้น ดวงตาก็เป็นประกาย“แล้วอวี่ซือล่ะครับ? พี่ชายอย่างผมแต่งงานทั้งที เธอจะไม่กลับบ้านเดิมเลยเหรอ?”แต่ไหนแต่ไรเขารู้จักเก็บซ่อนความรังเกียจของตัวเองไว้ได้เสมอต่อหน้าคุณพ่อเซี่ย เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาที่ใจดีเป็นกันเองกับฉันเสมอ เป็นลูกเลี้ยงที่อ่อนโยนสุภาพสำหรับแม
ขณะที่กำลังจะไปเก็บข้าวของที่ห้องของฉัน สวี่อันอันก็บังเอิญพบกับเซี่ยชิงโจวที่กลับบ้านมาทำธุระพอดี“สวี่อันอัน คุณมาทำอะไรที่บ้านของพวกเรา?”เขามองข้าวของที่สวี่อันอันถืออยู่ในมือด้วยสายตาระแวดระวัง“คุณตาบอดเหรอ? ที่ฉันถืออยู่ในมือไม่ใช่ข้าวของเหรอ? รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถามอีก!”ฝีปากคมคายของสวี่อันอันไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังฉันดูเธอวางก้ามด่าเซี่ยชิงโจว แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาถ้าฉันด่าเขาแบบนี้ อีกวันคงโดนไล่ออกจากบ้านไปแล้ว“แล้วซ่งอวี่ซือล่ะ? ข้าวของของเธอยังต้องให้คุณมาเอาด้วยเหรอ? คุณเป็นคนรับใช้ของเธอเหรอ? ไม่ได้เป็นคุณหนูใหญ่ แต่วางมาดเป็นคุณหนูใหญ่เชียว!”“ฉันยินดีรับใช้เธอ ไม่เหมือนกับคนบางคน ใจแคบยึดติดกับอดีตบลา ๆ ๆ ไม่ยอมปล่อยวาง”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของสวี่อันอันก็แดงขึ้นทันที แม้แต่พลังในการพูดก็อ่อนลงมากเซี่ยชิงโจวกัดริมฝีปาก สายตาหยุดอยู่ที่ของที่เธอหอบถืออยู่เมื่อเห็นรูปถ่ายคู่ที่อยู่บนสุด เขาก็อึ้งไปทันที “รูปใบนี้ ซ่งอวี่ซือไม่ได้ทิ้งไปนานแล้วหรอกเหรอ?”“คุณพูดจาเหลวไหลอะไร ฉันต้องไปแล้ว!”สวี่อันอันไม่รู้เรื่องที่ฉันโยนรูปทิ้งใบนี้ไปต่อหน้าเซี่ยชิงโจ
ฉันหลับตาลงแต่แรกนึกว่าเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งน่าจะอยู่บนเส้นทางสู่ปรโลกแล้วแต่หลังจากที่ฉันตายไป กลับยังคงลอยไปลอยมาอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปในรูปแบบของวิญญาณฉันเฝ้าดูสวี่อันอันโผเข้าหาร่างของฉัน ตำหนิฉันปานจะขาดใจ“ซ่งอวี่ซือ เธอมันผู้หญิงไร้หัวใจ เธอห้ามตายนะ เจ้าตัวน้อยยังรอแม่บุญธรรมคนนี้มาอุ้มเขาอยู่!”ฉันมองดูภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจกลายเป็นเส้นตรง แต่จิตใจกลับรู้สึกโล่งอกการรักษามะเร็งตับนั้นเจ็บปวดมากจริง ๆไม่ว่าจะเป็นการตัดเนื้องอกบางส่วน เคมีบำบัด ฉายรังสี ฉันลองวิธีการรักษาต่าง ๆ มานับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ผลผมร่วงไปเป็นจำนวนมาก แต่ฉันก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมโกนหัวเมื่อเห็นสภาพตอนที่ตัวเองตาย ฉันถึงกับหัวเราะออกมาน่าเกลียดจังสวี่อันอันไม่รู้สึกขบขันกับรูปลักษณ์ของฉันบ้างเหรอแต่เมื่อฉันรู้ว่าฉันตายแล้วจริง ๆ ฉันก็โอบกอดสวี่อันอันที่กำลังสิ้นหวังในตอนนี้ไว้ด้วยความเสียใจเธอดูเหมือนจะสัมผัสอะไรได้บางอย่าง จึงพูดใส่ตำแหน่งที่ฉันอยู่อย่างดุดัน “ซ่งอวี่ซือ ถ้าเธออยู่ที่นี่จริง ๆ ก็เป่าลมใส่ฉันหน่อย โอเคไหม?”เธอช่างไร้เดียงสาจนโง่เขลาจริง ๆต่อให้ฉันกลายเป็นผี แล้วจะม
ฉันใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายบนเตียงในโรงพยาบาลเดิมทีฉันอยากตายไปคนเดียวเงียบ ๆแต่ก็ถูกสวี่อันอันสังเกตเห็นความผิดปกติจนได้เธอวิ่งหอบแฮ่ก ๆ มาถึงโรงพยาบาลที่ฉันอยู่ ร้องห่มร้องไห้บอกว่าฉันไร้หัวใจฉันไม่อยากให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับริมฝีปากสวี่อันอันน้ำตานองหน้า ตัดพ้อถึงความอยุติธรรมของโลกใบนี้“ซือซือ เธออดทนอีกหน่อยได้ไหม? เดี๋ยวพวกเราก็จะหาเงินไปรักษาที่ต่างประเทศได้แล้วที่นั่นมีผลการศึกษาวิจัยมะเร็งตับที่ก้าวหน้าที่สุด เธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน!”เธอจับมือฉันไว้ อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นส่งจากจุดที่สัมผัสไปยังแขนขาและกระดูกของฉัน“แต่ว่า ฉันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนไม่อยากลืมตาอีกแล้ว”ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังขึ้นมา จึงรีบกำชับเธอ“ฉันเคยบอกแม่ว่าฉันจะไปทำงานที่ต่างประเทศ จดหมายที่จะส่งให้แม่ทุกปี ฉันเขียนเตรียมไว้อยู่แล้ว มันอยู่ในห้องของฉันนะ”“ในบัตรของฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง เธอรู้รหัสผ่าน ถือว่าเป็นของขวัญที่แม่บุญธรรมคนนี้มอบให้กับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องก็แล้วกัน”“สำหรับเซี่ยชิงโจว อันที่จริงเขาก็อยากให้ฉันตายไปใจจะขาด ไม่เห็นก็ไม่ต้องร
เมื่อได้เห็นเซี่ยชิงโจวอีกครั้ง เขาก็กลับมามีรูปลักษณ์ที่สง่างามและสุภาพเหมือนเดิมพูดคุยกับแขกเหรื่ออย่างคล่องแคล่ว คอยยื่นขนมให้กู้เหมี่ยวจินรับประทานแก้หิวอยู่เป็นครั้งคราวฝ่ายหญิงดูขยะแขยงกับภาพนี้ จึงแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาเซี่ยชิงโจวก้มลงเอ่ยเตือนที่ข้างหูของเธอ ใบหน้าสะสวยของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเบิกบานทันทีฉันยังคิดว่ากู้เหมี่ยวจินจะกลับไปพักผ่อน แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะเดินตรงเข้ามาหาฉัน“ใช่น้องอวี่ซือหรือเปล่า? ชิงโจวเขากลัวว่าฉันจะเบื่อ เลยบอกให้ฉันมาหาเธอโดยเฉพาะน่ะ”เธอยิ้มสดใส เหมือนดอกกุหลาบในเรือนกระจกที่ไม่มีอะไรให้กังวลส่วนสายตาของฉันนั้น กลับจับจ้องหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณหนูกู้ ขออวยพรให้คุณกับพี่ชายของฉันอยู่ด้วยกันยืนยาว ให้กำเนิดทายาทไว ๆ นะคะ”ฉันคิดว่านี่เป็นคำพูดที่น่ารักประโยคหนึ่ง แต่คนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในตอนแรกกลับหน้าขรึมลงในทันที“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันท้องแล้ว? เซี่ยชิงโจวบอกคุณเหรอ? เรื่องนี้เขาก็บอกคุณด้วยเหรอ?”เธอดูโกรธมาก ถกกระโปรงวิ่งไปหาเซี่ยชิงโจวอีกครั้งฉันเอ่ยคำขอโทษเบา ๆ ให้กับท่าทางกระฟัดกระ
เมื่อได้รู้ว่าวันเวลาของตัวเองเหลืออยู่ไม่มากแล้วนี่เป็นปีที่หกแล้วที่ฉันกับเซี่ยชิงโจวเลิกกัน และก็เป็นปีที่หกที่มาเป็นครอบครัวเดียวกันด้วยฉันรีบวิ่งกลับบ้าน แล้วตรงเข้าไปในห้องอ่านหนังสือของเขาฉันถามเขาว่าต้องการแต่งงานกับลูกสาวสกุลกู้จริงไหม?แต่เขากลับยิ้มเยาะมองฉัน บอกว่าฉันคิดเพ้อเจ้อ บอกว่าฉันทนเห็นเขาได้ดีไม่ได้ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างงงงัน อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเขา ก็ตระหนักได้อย่างเชื่องช้าว่าเซี่ยชิงโจวเหมือนจะเกลียดชังฉันมาตลอดฉันฝืนฉีกยิ้มออกมา“แต่ว่า ลูกสาวสกุลกู้ไม่ใช่คนดี”ฉันมีเจตนาที่เห็นแก่ตัว แต่ก็รู้ดีว่าระหว่างเราไม่มีวันมีจุดจบที่ดีได้ดังนั้นภรรยาในอนาคตของเขาจึงไม่ควรเป็นสาวสังคมที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่“แล้วคุณล่ะ? ลูกสาวของชู้ คิดว่าเป็นคนดีสำหรับผมงั้นเหรอ?”เขาเหลือบตามองมาที่ฉัน ในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ราวกับมองทะลุความคิดของฉันแล้วเซี่ยชิงโจวลุกขึ้นยืน แสงไฟส่องกระทบตัวเขาใบหน้าครึ่งหนึ่งสว่างครึ่งหนึ่งมืด เส้นผมสยายปรกหน้าผาก ทำให้ฉันมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจนนัก“ซ่งอวี่ซือ ทุก
Comments