เซี่ยชิงโจวกำลังจะแต่งงานแล้วงานแต่งนั้นยิ่งใหญ่มาก เป็นฉากที่ฉันเคยวาดฝันไว้แต่เซี่ยชิงโจวดูกระสับกระส่ายไม่สบายใจเป็นพิเศษ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูบ่อย ๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำว่ากู้เหมี่ยวจินในชุดเจ้าสาวได้เดินเข้ามาถึงตรงหน้าเขาแล้ว“พักนี้คุณเป็นอะไรไป? จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าลืมสิ่งที่คุณรับปากกับฉันไว้ก่อนหน้านี้นะ!”“ผมรู้ คุณช่วยพูดให้น้อยลงหน่อยได้ไหม”เซี่ยชิงโจวดูหงุดหงิดเป็นพิเศษ “พอได้รับสิทธิ์การสืบทอดมรดกของสกุลเซี่ยอย่างสมบูรณ์แล้ว ผมจะปล่อยให้คุณไปเสพสุขกับคนรักที่ฝรั่งเศส ดังนั้นช่วงนี้อย่ามายั่วโมโหผม!”“คุณมาพาลใส่ฉันเรื่องอะไร!”กู้เหมี่ยวจินรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันใด ทำหน้าบูดบึ้ง หันหน้าหนีไม่พูดคุยกับเขาอีกเซี่ยชิงโจวไม่สนใจอารมณ์ของเธอเลยสักนิด เมื่อเห็นแม่ของฉันปรากฏตัวขึ้น ดวงตาก็เป็นประกาย“แล้วอวี่ซือล่ะครับ? พี่ชายอย่างผมแต่งงานทั้งที เธอจะไม่กลับบ้านเดิมเลยเหรอ?”แต่ไหนแต่ไรเขารู้จักเก็บซ่อนความรังเกียจของตัวเองไว้ได้เสมอต่อหน้าคุณพ่อเซี่ย เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาที่ใจดีเป็นกันเองกับฉันเสมอ เป็นลูกเลี้ยงที่อ่อนโยนสุภาพสำหรับแม
สีหน้าของเซี่ยชิงโจวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“นี่คือไอเดียที่คุณกับซ่งอวี่ซือคิดขึ้นมา นึกว่าการแกล้งตายจะสามารถไถ่บาปให้กับตัวเองได้งั้นเหรอ?”มือขวาที่กำแน่นออกแรงมากเกินไป จึงเริ่มทำให้ข้อต่อนิ้วซีดขาวขึ้นสวี่อันอันคิดว่าข่าวการตายของฉันจะทำให้เขาตื่นตระหนกน่าเสียดาย เธอลืมไปแล้วว่าถึงแม้ฉันกับเซี่ยชิงโจวจะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมานานแล้วแต่สวี่อันอันนั้นเป็นเด็กสาวที่ดื้อรั้นคนหนึ่งเธอไม่อยากให้ความตายของฉันกลายเป็นเรื่องเบาหวิวเหมือนจอกแหน อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากให้การแต่งงานของเซี่ยชิงโจวสมบูรณ์แบบ“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ ซ่งอวี่ซือเป็นมะเร็งตับมานานแล้ว คุณคงไม่รู้สินะ?”“คุณมองไม่เห็นร่างกายที่ซูบผอมลงเรื่อย ๆ ของเธอ มองไม่เห็นความเบื่ออาหารของเธอ ไม่ทันสังเกตถึงสภาพตัวงอเพราะความเจ็บปวดของเธอด้วยซ้ำแม้แต่ตอนที่เธอใกล้จะตาย คุณก็ยังยุ่งอยู่กับการจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ กับคู่หมั้น”สวี่อันอันเล่าถึงความทุกข์ทรมานที่ฉันได้พบเจอในช่วงเวลานี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เซี่ยชิงโจวยังคงไม่ยอมเชื่อ“เธอสุขภาพแข็งแรงขนา
หลังจากที่สวี่อันอันกลับไปแล้ว เซี่ยชิงโจวก็ยืนอึ้งอยู่กับที่เป็นเวลานานมากในที่สุดเสียงอึกทึกรอบข้างก็ดึงสติเขากลับมาอีกครั้งฉันมองดูเขาขอกู้เหมี่ยวจินแต่งงานตามพิธีการ และเมื่อบาทหลวงถามเขาว่าเต็มใจหรือไม่เขาจ้องไปที่ประตูอย่างสงบเงียบ ราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างแต่เมื่อบาทหลวงพูดซ้ำอีกเป็นรอบที่สาม ฉันก็ได้ยินเสียงอันแหบพร่ากล่าวว่า “ผมยินดี”ทันทีที่เสียงเงียบลง ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองนั้นโปร่งใสขึ้นมากฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจากโลกใบนี้ไปแล้วคืนนั้น เซี่ยชิงโจวอยู่ตามลำพังคนเดียวในห้องอ่านหนังสือภายในห้องมืดลง ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งพร่ามัวอยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ที่ลอยวนขึ้นมาจากปลายนิ้วของเขาทันใดนั้น เขาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออกบางอย่าง พลางหยิบก้อนกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากลิ้นชักหลังจากที่เขาคลี่ออก ฉันถึงรู้ว่ามันคือรูปถ่ายเปื้อนเลือดใบนั้นเขาใช้กระดาษทิชชูชุบน้ำ พยายามเช็ดคราบเลือดที่หยดลงบนใบหน้าของฉันให้สะอาดแต่มันซึมเข้าไปในเนื้อกระดาษตั้งนานแล้ว จะเช็ดออกให้สะอาดได้อย่างไร?ก็เหมือนกับช่องว่างระหว่างฉันกับเขา หกปีผ่านมาก็ยังไม่สามารถเย
ฉันมองดูเขาซิ่งรถไปตลอดทาง แม้กระทั่งไฟแดงบนถนนก็ยังฝ่าไปสุดท้าย เขาก็หยุดลงที่หน้าประตูบ้านของสวี่อันอันตอนที่เปิดประตู สวี่อันอันสวมเสื้อโค้ทหนาเตอะ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูจากสภาพเหมือนยังไม่ตื่นดีแต่เมื่อพบว่าคนที่มาคือเซี่ยชิงโจว เธอก็อยากจะปิดประตูโดยสัญชาตญาณปัง เสียงประตูไม้เนื้อแข็งกระแทกกับเนื้อและกระดูก“คุณมาทำอะไร?”สวี่อันอันมีสีหน้ารังเกียจ “ไม่กลับไปอยู่กับภรรยาสาวสุดที่รักของคุณเหรอ?”“ซ่งอวี่ซืออยู่ที่ไหนกันแน่ เธอซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า?”ตั้งแต่ต้นจนจบเซี่ยชิงโจวไม่กล้าถามประโยคที่ว่า “ซ่งอวี่ซือตายแล้วใช่ไหม”แต่สวี่อันอันเข้าใจเธอดูเหมือนจะมองเห็นความแข็งนอกอ่อนในของเซี่ยชิงโจว พลางแสยะปากหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“เซี่ยชิงโจว คุณมีคำตอบอยู่ในใจตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”“คุณโกหก”ริมฝีปากของเซี่ยชิงโจวสั่นเทา เขาจับจ้องดวงตาของสวี่อันอันไม่วางตา ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมแม้แต่เสียงที่เย็นชาตามปกติ ในเวลานี้ได้กลายเป็นเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย“ซ่งอวี่ซือรักแม่ของเธอมาก จะไม่บอกเรื่องการตายกับน้าซ่งได้ยังไง?”นี่เป็นครั้งแรก
สุดท้ายสวี่อันอันก็ยอมประนีประนอมคนตายก็ตายไปแล้ว ต่อให้เธอจะปกปิดสถานที่ฝังศพของฉันในเวลานี้ แต่เซี่ยชิงโจวก็ยังมีช่องทางอื่นในการค้นหาเมื่อสวี่อันอันพาเขามาถึงสุสานของฉัน เนินดินเล็ก ๆ ก็ปกคลุมไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งแล้วเป็นดอกกุหลาบที่ฉันชอบที่สุดสวยสดงดงามและอบอุ่นท้องฟ้าเริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาและปกคลุมไปด้วยหมอก ดูอ้างว้างและหนาวเย็นเซี่ยชิงโจวคุกเข่าลงข้างหนึ่งหน้าหลุมศพของฉัน ลูบไล้ใบหน้าเปื้อนยิ้มของฉัน แล้วพูดอย่างขมขื่น“เธอไม่ได้ฝากคำพูดที่เกี่ยวกับผมไว้เลยจริงเหรอ?”“คุณจะถามอีกกี่รอบ เธอบอกว่าอยากให้คุณเลิกเกลียดเธอ คุณทำได้ไหม?”“ผมทำไม่ได้ ทำยังไงดี?”เซี่ยชิงโจวไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กสาวที่เคยสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตจึงหายไปจากโลกใบนี้แล้ว?“ทำไม่ได้เหรอ? งั้นก็ไปตายซะ!”สวี่อันอันเอาคำพูดของเซี่ยชิงโจวที่เคยกัดกินหัวใจฉันตอกกลับไป“ตอนแรกที่ซ่งอวี่ซือตามตื๊อคุณแบบนั้น คุณปฏิบัติกับเธอยังไง? เธอไร้ค่าจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว คุณทำยังไง?เป็นคุณที่ทำกับเธอเหมือนเป็นตัวตลก และตอนนี้ก็เป็นคุณที่เสียใจ ถ้าต้องการให้ซ่งอวี่ซือกลับมา คุณควรขอโทษและ
เมื่อได้รู้ว่าวันเวลาของตัวเองเหลืออยู่ไม่มากแล้วนี่เป็นปีที่หกแล้วที่ฉันกับเซี่ยชิงโจวเลิกกัน และก็เป็นปีที่หกที่มาเป็นครอบครัวเดียวกันด้วยฉันรีบวิ่งกลับบ้าน แล้วตรงเข้าไปในห้องอ่านหนังสือของเขาฉันถามเขาว่าต้องการแต่งงานกับลูกสาวสกุลกู้จริงไหม?แต่เขากลับยิ้มเยาะมองฉัน บอกว่าฉันคิดเพ้อเจ้อ บอกว่าฉันทนเห็นเขาได้ดีไม่ได้ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างงงงัน อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเขา ก็ตระหนักได้อย่างเชื่องช้าว่าเซี่ยชิงโจวเหมือนจะเกลียดชังฉันมาตลอดฉันฝืนฉีกยิ้มออกมา“แต่ว่า ลูกสาวสกุลกู้ไม่ใช่คนดี”ฉันมีเจตนาที่เห็นแก่ตัว แต่ก็รู้ดีว่าระหว่างเราไม่มีวันมีจุดจบที่ดีได้ดังนั้นภรรยาในอนาคตของเขาจึงไม่ควรเป็นสาวสังคมที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่“แล้วคุณล่ะ? ลูกสาวของชู้ คิดว่าเป็นคนดีสำหรับผมงั้นเหรอ?”เขาเหลือบตามองมาที่ฉัน ในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ราวกับมองทะลุความคิดของฉันแล้วเซี่ยชิงโจวลุกขึ้นยืน แสงไฟส่องกระทบตัวเขาใบหน้าครึ่งหนึ่งสว่างครึ่งหนึ่งมืด เส้นผมสยายปรกหน้าผาก ทำให้ฉันมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจนนัก“ซ่งอวี่ซือ ทุก
ฉันคุกเข่าลงกับพื้นอย่างจนตรอก ต้องการเช็ดคราบเลือดบนพื้นให้สะอาดแต่พอเช็ดออก เลือดสีสวยสดก็หยดลงมาเป็นกองอีกครั้งราวกับไหลไม่หยุดเสียที เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมดฉันแตกสลายอย่างสิ้นเชิงนั่งอยู่กับพื้น ขดตัวกลม ร้องไห้เงียบ ๆ ไร้สุ้มเสียงฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าถึงทำกับฉันแบบนี้ในตอนที่ฉันคิดว่าได้เจอรักแท้แล้ว ก็พบว่าแฟนเก่าคือพี่ชายต่างมารดาในอนาคตของฉันในตอนที่ฉันต้องการยุติความรักที่มีต่อเซี่ยชิงโจว ก็บอกว่าฉันเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายฉันเดินออกไปด้านนอกประตูด้วยจิตใจอันสับสน คาดไม่ถึงว่าแม่กำลังรออยู่ที่ประตูอย่างกังวลใจเธอไม่ได้ถามฉันว่าทะเลาะกับเซี่ยชิงโจวหรือไม่ แต่มองหน้าฉันด้วยความปวดใจ และถามฉันว่าเลือดมาจากไหน?ในดวงตาของเธอมีความหวาดกลัวที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นนั่นคือร่องรอยที่ได้จากความรุนแรงในชีวิตสมรสกับพ่อผู้ให้กำเนิดก่อนจะมาแต่งงานใหม่ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วง จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบอกว่าเป็นร้อนในแม่ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางเร่งเร้าให้ฉันรีบไปพักผ่อนฉันอดทนต่อความเจ็บปวดกลับไปที่ห้องนอน นอนลงบนเตียง เหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากผุดขึ้นมาฉันกลืนย
การนอนครั้งนี้จะหลับสบายมาก ถ้าฉันไม่ถูกความเจ็บปวดปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียก่อนฉันกุมหน้าท้องด้านขวาไว้ด้วยความทรมาน ฝ่ามือออกแรงจนแทบจิกเข้าไปในเนื้อเมื่อก่อนหากทำแบบนี้จะสามารถบรรเทาอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง แต่คราวนี้มันไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วฉันหน้าซีดเผือด ต้องการดื่มน้ำร้อนสักแก้วอย่างเร่งด่วนแต่ฉันไม่นึกว่า เซี่ยชิงโจวที่ควรจะออกจากวิลล่าสกุลเซี่ยไปตั้งนานแล้วกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในเวลานี้ห้องนั่งเล่นไม่ได้เปิดไฟ อาศัยไฟถนนจากด้านนอกหน้าต่าง ฉันถึงพอจะมองออกว่าเป็นเขาเวลานี้เซี่ยชิงโจวกำลังเอนตัวพิงโซฟาเงียบ ๆ นิ้วมืออันเรียวยาวคีบบุหรี่ไว้ ซึ่งยังคงลุกไหม้เป็นแสงไฟสีแดงฉานดูเหมือนจะได้ยินการเคลื่อนไหวของฉัน เขาจึงทอดสายตามาที่ฉันอย่างรำคาญใจ“ซ่งอวี่ซือ ดึกดื่นป่านนี้จะแกล้งหลอกผีให้ผมช็อกตายเหรอ?”“ขอโทษค่ะ ฉันแค่อยากดื่มน้ำ”ฉันเม้มปากพลางเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพอันย่ำแย่ของฉันแต่ดูเหมือนเขาก็ไม่อยากปล่อยฉันไปง่าย ๆเซี่ยชิงโจวลุกขึ้น แล้วเดินเข้ามาหาฉัน “สกุลเซี่ยไม่ใช่ครอบครัวใจดำ คิดจะแสร้งทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจ ก็มีแค่พ่อของผมเท่านั้นที่จะตกห