เมื่อได้รู้ว่าวันเวลาของตัวเองเหลืออยู่ไม่มากแล้วนี่เป็นปีที่หกแล้วที่ฉันกับเซี่ยชิงโจวเลิกกัน และก็เป็นปีที่หกที่มาเป็นครอบครัวเดียวกันด้วยฉันรีบวิ่งกลับบ้าน แล้วตรงเข้าไปในห้องอ่านหนังสือของเขาฉันถามเขาว่าต้องการแต่งงานกับลูกสาวสกุลกู้จริงไหม?แต่เขากลับยิ้มเยาะมองฉัน บอกว่าฉันคิดเพ้อเจ้อ บอกว่าฉันทนเห็นเขาได้ดีไม่ได้ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างงงงัน อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเขา ก็ตระหนักได้อย่างเชื่องช้าว่าเซี่ยชิงโจวเหมือนจะเกลียดชังฉันมาตลอดฉันฝืนฉีกยิ้มออกมา“แต่ว่า ลูกสาวสกุลกู้ไม่ใช่คนดี”ฉันมีเจตนาที่เห็นแก่ตัว แต่ก็รู้ดีว่าระหว่างเราไม่มีวันมีจุดจบที่ดีได้ดังนั้นภรรยาในอนาคตของเขาจึงไม่ควรเป็นสาวสังคมที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่“แล้วคุณล่ะ? ลูกสาวของชู้ คิดว่าเป็นคนดีสำหรับผมงั้นเหรอ?”เขาเหลือบตามองมาที่ฉัน ในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ราวกับมองทะลุความคิดของฉันแล้วเซี่ยชิงโจวลุกขึ้นยืน แสงไฟส่องกระทบตัวเขาใบหน้าครึ่งหนึ่งสว่างครึ่งหนึ่งมืด เส้นผมสยายปรกหน้าผาก ทำให้ฉันมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจนนัก“ซ่งอวี่ซือ ทุก
ฉันคุกเข่าลงกับพื้นอย่างจนตรอก ต้องการเช็ดคราบเลือดบนพื้นให้สะอาดแต่พอเช็ดออก เลือดสีสวยสดก็หยดลงมาเป็นกองอีกครั้งราวกับไหลไม่หยุดเสียที เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมดฉันแตกสลายอย่างสิ้นเชิงนั่งอยู่กับพื้น ขดตัวกลม ร้องไห้เงียบ ๆ ไร้สุ้มเสียงฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าถึงทำกับฉันแบบนี้ในตอนที่ฉันคิดว่าได้เจอรักแท้แล้ว ก็พบว่าแฟนเก่าคือพี่ชายต่างมารดาในอนาคตของฉันในตอนที่ฉันต้องการยุติความรักที่มีต่อเซี่ยชิงโจว ก็บอกว่าฉันเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายฉันเดินออกไปด้านนอกประตูด้วยจิตใจอันสับสน คาดไม่ถึงว่าแม่กำลังรออยู่ที่ประตูอย่างกังวลใจเธอไม่ได้ถามฉันว่าทะเลาะกับเซี่ยชิงโจวหรือไม่ แต่มองหน้าฉันด้วยความปวดใจ และถามฉันว่าเลือดมาจากไหน?ในดวงตาของเธอมีความหวาดกลัวที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นนั่นคือร่องรอยที่ได้จากความรุนแรงในชีวิตสมรสกับพ่อผู้ให้กำเนิดก่อนจะมาแต่งงานใหม่ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วง จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบอกว่าเป็นร้อนในแม่ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางเร่งเร้าให้ฉันรีบไปพักผ่อนฉันอดทนต่อความเจ็บปวดกลับไปที่ห้องนอน นอนลงบนเตียง เหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากผุดขึ้นมาฉันกลืนย
การนอนครั้งนี้จะหลับสบายมาก ถ้าฉันไม่ถูกความเจ็บปวดปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียก่อนฉันกุมหน้าท้องด้านขวาไว้ด้วยความทรมาน ฝ่ามือออกแรงจนแทบจิกเข้าไปในเนื้อเมื่อก่อนหากทำแบบนี้จะสามารถบรรเทาอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง แต่คราวนี้มันไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วฉันหน้าซีดเผือด ต้องการดื่มน้ำร้อนสักแก้วอย่างเร่งด่วนแต่ฉันไม่นึกว่า เซี่ยชิงโจวที่ควรจะออกจากวิลล่าสกุลเซี่ยไปตั้งนานแล้วกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในเวลานี้ห้องนั่งเล่นไม่ได้เปิดไฟ อาศัยไฟถนนจากด้านนอกหน้าต่าง ฉันถึงพอจะมองออกว่าเป็นเขาเวลานี้เซี่ยชิงโจวกำลังเอนตัวพิงโซฟาเงียบ ๆ นิ้วมืออันเรียวยาวคีบบุหรี่ไว้ ซึ่งยังคงลุกไหม้เป็นแสงไฟสีแดงฉานดูเหมือนจะได้ยินการเคลื่อนไหวของฉัน เขาจึงทอดสายตามาที่ฉันอย่างรำคาญใจ“ซ่งอวี่ซือ ดึกดื่นป่านนี้จะแกล้งหลอกผีให้ผมช็อกตายเหรอ?”“ขอโทษค่ะ ฉันแค่อยากดื่มน้ำ”ฉันเม้มปากพลางเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพอันย่ำแย่ของฉันแต่ดูเหมือนเขาก็ไม่อยากปล่อยฉันไปง่าย ๆเซี่ยชิงโจวลุกขึ้น แล้วเดินเข้ามาหาฉัน “สกุลเซี่ยไม่ใช่ครอบครัวใจดำ คิดจะแสร้งทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจ ก็มีแค่พ่อของผมเท่านั้นที่จะตกห
เมื่อได้พบกับเซี่ยชิงโจวอีกครั้ง ก็อยู่ในแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลฉันพาเพื่อนรักสวี่อันอันไปตรวจครรภ์ส่วนเขา ก็มากับกู้เหมี่ยวจินซึ่งเป็นคู่หมั้นฉันเหมือนหนูในท่อระบายน้ำที่เห็นแสงสว่างไม่ได้ พยายามหาที่ซ่อนตัวอย่างสุดชีวิตแต่ด้วยกิริยาท่าทางที่ดูแย่เกินไป ผู้คนรอบข้างมองฉันด้วยสายตาเดียวกับมองผู้ป่วยทางจิตมีบางคนถึงกับจงใจเดินอ้อมไปไกล เพียงเพื่อจะหลบหลีกฉันแต่ฉันไม่มีเวลาสนใจสายตาแปลก ๆ เหล่านี้ ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่เซี่ยชิงโจวยิ้มแย้มเอาอกเอาใจกู้เหมี่ยวจินรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ฉันไม่ได้เห็นบนใบหน้าของเซี่ยชิงโจวมานานแล้วเขามักจะทำหน้าเย็นชา และมีน้ำเสียงเคร่งขรึมฉันนึกว่าหลังจากทำงานแล้ว ทุกคนจะมีท่าทางเย็นชาแบบนี้กันหมดแต่ฉันคิดผิดไปเซี่ยชิงโจวทำท่าทีแบบนี้กับฉันเท่านั้นฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเขาออกไปแล้วหรือยัง กลับบังเอิญสบกับสายตาหยั่งเชิงของเซี่ยชิงโจวเขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์อื่นอย่างรวดเร็วเขาเห็นฉันแล้ว แต่เขาไม่มาหาฉันฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่เชื่องช้ามากฉันไม่ชอบเอ่ยปากก่อนว่าตัวเองต้องการอะไรแต
เมื่อฉันกลับถึงห้องของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งร่าง บุคคลที่ไม่ควรปรากฏตัวที่นี่ก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ที่น่าคลื่นไส้ฉันที่ไม่ได้กินอะไรเลยเกือบทั้งวัน จึงวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำโดยสัญชาตญาณจนหน้ามืดแม้แต่เสียงฝีเท้าของเซี่ยชิงโจวก็ยังไม่ได้ยินฉันคุกเข่าลงข้างหนึ่งกับพื้น ยกมือขึ้นกดปุ่มชักโครก แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นเล็ก ๆ โดยไม่คาดคิด“คุณท้องแล้วเหรอ? ออกไปมั่วข้างนอกลับหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่? วางแผนเอาลูกนอกกฎหมายเข้ามาแบ่งสมบัติของครอบครัวเหรอ?”เขาจับมือของฉันกดไว้กับผนังอย่างง่ายดาย โน้มตัวลงมองฉัน จ้องมองท้องของฉันด้วยขอบตาแดงฉาน“ซ่งอวี่ซือ ถ้าคุณยังอยากอยู่ที่สกุลเซี่ยต่อไป สัปดาห์นี้ไปเอาลูกนอกกฎหมายออกซะ! ไม่งั้นเดือนหน้าคุณกับแม่ก็ม้วนเสื่อออกไปได้เลย!”หลังจากพูดประโยคนี้จบ เขาก็สะบัดมือฉันออกอย่างรังเกียจ “ทั้งตัวเหลือแต่กระดูก ไม่รู้ว่าชอบรสนิยมแปลก ๆ แบบไหน!”สมองเริ่มเฉื่อยชาจากการอาเจียน ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรดังนั้น เซี่ยชิงโจวนึกว่าฉันท้อง ก็เลยไปที่แผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลงั้นเหรอ?แล้วเข
เมื่อได้เห็นเซี่ยชิงโจวอีกครั้ง เขาก็กลับมามีรูปลักษณ์ที่สง่างามและสุภาพเหมือนเดิมพูดคุยกับแขกเหรื่ออย่างคล่องแคล่ว คอยยื่นขนมให้กู้เหมี่ยวจินรับประทานแก้หิวอยู่เป็นครั้งคราวฝ่ายหญิงดูขยะแขยงกับภาพนี้ จึงแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาเซี่ยชิงโจวก้มลงเอ่ยเตือนที่ข้างหูของเธอ ใบหน้าสะสวยของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเบิกบานทันทีฉันยังคิดว่ากู้เหมี่ยวจินจะกลับไปพักผ่อน แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะเดินตรงเข้ามาหาฉัน“ใช่น้องอวี่ซือหรือเปล่า? ชิงโจวเขากลัวว่าฉันจะเบื่อ เลยบอกให้ฉันมาหาเธอโดยเฉพาะน่ะ”เธอยิ้มสดใส เหมือนดอกกุหลาบในเรือนกระจกที่ไม่มีอะไรให้กังวลส่วนสายตาของฉันนั้น กลับจับจ้องหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณหนูกู้ ขออวยพรให้คุณกับพี่ชายของฉันอยู่ด้วยกันยืนยาว ให้กำเนิดทายาทไว ๆ นะคะ”ฉันคิดว่านี่เป็นคำพูดที่น่ารักประโยคหนึ่ง แต่คนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในตอนแรกกลับหน้าขรึมลงในทันที“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันท้องแล้ว? เซี่ยชิงโจวบอกคุณเหรอ? เรื่องนี้เขาก็บอกคุณด้วยเหรอ?”เธอดูโกรธมาก ถกกระโปรงวิ่งไปหาเซี่ยชิงโจวอีกครั้งฉันเอ่ยคำขอโทษเบา ๆ ให้กับท่าทางกระฟัดกระ
ฉันใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายบนเตียงในโรงพยาบาลเดิมทีฉันอยากตายไปคนเดียวเงียบ ๆแต่ก็ถูกสวี่อันอันสังเกตเห็นความผิดปกติจนได้เธอวิ่งหอบแฮ่ก ๆ มาถึงโรงพยาบาลที่ฉันอยู่ ร้องห่มร้องไห้บอกว่าฉันไร้หัวใจฉันไม่อยากให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับริมฝีปากสวี่อันอันน้ำตานองหน้า ตัดพ้อถึงความอยุติธรรมของโลกใบนี้“ซือซือ เธออดทนอีกหน่อยได้ไหม? เดี๋ยวพวกเราก็จะหาเงินไปรักษาที่ต่างประเทศได้แล้วที่นั่นมีผลการศึกษาวิจัยมะเร็งตับที่ก้าวหน้าที่สุด เธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน!”เธอจับมือฉันไว้ อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นส่งจากจุดที่สัมผัสไปยังแขนขาและกระดูกของฉัน“แต่ว่า ฉันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนไม่อยากลืมตาอีกแล้ว”ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังขึ้นมา จึงรีบกำชับเธอ“ฉันเคยบอกแม่ว่าฉันจะไปทำงานที่ต่างประเทศ จดหมายที่จะส่งให้แม่ทุกปี ฉันเขียนเตรียมไว้อยู่แล้ว มันอยู่ในห้องของฉันนะ”“ในบัตรของฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง เธอรู้รหัสผ่าน ถือว่าเป็นของขวัญที่แม่บุญธรรมคนนี้มอบให้กับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องก็แล้วกัน”“สำหรับเซี่ยชิงโจว อันที่จริงเขาก็อยากให้ฉันตายไปใจจะขาด ไม่เห็นก็ไม่ต้องร
ฉันหลับตาลงแต่แรกนึกว่าเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งน่าจะอยู่บนเส้นทางสู่ปรโลกแล้วแต่หลังจากที่ฉันตายไป กลับยังคงลอยไปลอยมาอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปในรูปแบบของวิญญาณฉันเฝ้าดูสวี่อันอันโผเข้าหาร่างของฉัน ตำหนิฉันปานจะขาดใจ“ซ่งอวี่ซือ เธอมันผู้หญิงไร้หัวใจ เธอห้ามตายนะ เจ้าตัวน้อยยังรอแม่บุญธรรมคนนี้มาอุ้มเขาอยู่!”ฉันมองดูภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจกลายเป็นเส้นตรง แต่จิตใจกลับรู้สึกโล่งอกการรักษามะเร็งตับนั้นเจ็บปวดมากจริง ๆไม่ว่าจะเป็นการตัดเนื้องอกบางส่วน เคมีบำบัด ฉายรังสี ฉันลองวิธีการรักษาต่าง ๆ มานับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ผลผมร่วงไปเป็นจำนวนมาก แต่ฉันก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมโกนหัวเมื่อเห็นสภาพตอนที่ตัวเองตาย ฉันถึงกับหัวเราะออกมาน่าเกลียดจังสวี่อันอันไม่รู้สึกขบขันกับรูปลักษณ์ของฉันบ้างเหรอแต่เมื่อฉันรู้ว่าฉันตายแล้วจริง ๆ ฉันก็โอบกอดสวี่อันอันที่กำลังสิ้นหวังในตอนนี้ไว้ด้วยความเสียใจเธอดูเหมือนจะสัมผัสอะไรได้บางอย่าง จึงพูดใส่ตำแหน่งที่ฉันอยู่อย่างดุดัน “ซ่งอวี่ซือ ถ้าเธออยู่ที่นี่จริง ๆ ก็เป่าลมใส่ฉันหน่อย โอเคไหม?”เธอช่างไร้เดียงสาจนโง่เขลาจริง ๆต่อให้ฉันกลายเป็นผี แล้วจะม