Share

บทที่ 8

Author: ต้าอวี๋
ฉินไฉ่เวยเข้ามาในชีวิตเราสองคน ในตอนที่เฉินจืออี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัย

เขาเริ่มเอ่ยชื่อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาบ่อย ๆ

ฉินไฉ่เวย

ฉันแอบไปดูเธอ เธอสวยมาก ฐานะทางครอบครัวก็ดี เหมือนกับพญาหงส์ที่สูงส่ง

เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่พูดไม่ได้และยังได้ยินไม่ชัดอย่างฉัน มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

ต่อมาเฉินจืออี้ไปเดินป่ากับเธอ ฉันเลยแอบตามสองคนนั้นไป

ฉันเห็นรอยยิ้มของเฉินจืออี้

มันเป็นรอยยิ้มผ่อนคลายซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

วินาทีนั้น ฉันกลัวจะเสียเขาไปจริง ๆ

ฉันเหมือนตัวประหลาดน่ารังเกียจที่อยู่ในมุมมืด กำลังติดตามคู่หนุ่มสาวแสนสวย

จนกระทั่งเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันและแยกทางกันไป ฉันถึงรู้สึกโล่งใจ

แต่ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนทะเลาะกันเกือบคร่าชีวิตของเฉินจืออี้ไป

เขาลื่นล้มลงมาจากหน้าผา

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองตามหาเขาเจอได้อย่างไร

และฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองที่หนักแค่ห้าสิบกิโลกรัม สามารถแบกเขาที่หนักเจ็ดสิบกว่ากิโลกรัมเดินออกมาทีละก้าวทีละก้าวจนถึงถนนใหญ่ได้อย่างไร

ฉันรู้แค่ว่าแสงจันทร์ในค่ำคืนนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน

และเฉินจืออี้ก็ยังกระซิบข้างหูฉันตลอดว่า

“ไม่ได้ ฉันจะตายไม่ได้ เสี่ยวซิงซิงรอฉันอยู่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 9

    หลังจากแน่ใจว่าอาการของฉินไฉ่เวยเป็นปกติ เฉินจืออี้ถึงกลับบ้านด้วยความวางใจเขาส่งข้อความไลน์หาฉัน บอกว่าคืนนี้จะกลับมากินข้าวที่บ้านเขาคิดว่าเมื่อเขากลับมาฉันจะสวมผ้ากันเปื้อนและทำอาหารอร่อย ๆ ไว้รอ เหมือนกับลูกสุนัขที่กระดิกหางดีใจ วิ่งเข้าไปต้อนรับเจ้าของกลับบ้านแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่รอต้อนรับเขาคือห้องที่ว่างเปล่าเขาตามหาฉันจนทั้งทุกห้องแล้วไม่พบ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในที่สุดเขาก็โทรศัพท์หาฉันหลังจากที่ฉันตายได้สามวันคาดว่าเสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ปิดเครื่องจากปลายสายเฉินจื่ออี้โยนโทรศัพท์ลงอย่างแรง“เจียงหว่านซิง! นังใบ้! เธอจะกล้าดีเกินไปแล้ว! ได้! ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าไปตลอดชีวิตหรอก!”พูดจบ เฉินจืออี้ก็หยับโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวกดไปบนหน้าจอเพื่อส่งข้อความเสียง“เจียงหว่านซิง ถ้าคืนนี้เธอไม่กลับมา เธอก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย!”เขาโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าก่อนเที่ยงคืนคืนนี้เธอยังไม่ตอบกลับ งานแต่งของเราเป็นอันยกเลิก!”ฉันเฝ้าดูเขาดึงเนกไทด้วยความยอมแพ้กับตัวเอง พลา

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 10

    คืนนั้นเฉินจืออี้ราวกับคนสิ้นหวัง เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ตลอดเวลาเขาไม่แม้แต่จะกลับไปนอนบนเตียง และนั่งรอบนโซฟาอยู่อย่างนั้นเช่นเดียวกับที่ฉันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งรุ่งสาง เขาถึงได้เบิกดวงตาที่แดงก่ำของเขาขึ้นมา“ได้ เจียงหว่านซิง นังใบ้ เธอเก่งมาก! คอยดูนะถ้าฉันหาเธอเจอ ฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เลย!”เฉินจืออี้ฉันถูกคุณฉีกเป็นชิ้น ๆไปแล้วฉันถอนหายใจอย่างเงียบ ๆถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้มีเพียงลมพัดเบา ๆ ผ่านม่านหน้าต่างเท่านั้นเฉินจืออี้ไม่ได้นอนทั้งคืน โทรศัพท์หาฉันก็ไม่รับสาย สุดท้ายนึกขึ้นได้จึงไปที่ห้องทำงานของฉัน แต่เขายังไปไม่ถึงห้องทำงานของฉัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่าฉินไฉ่เวยโวยวายและรู้สึกว่าร่างกายไม่สบายเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับและขับรถออกไปหัวใจของฉันมันตายด้าน จนไม่รู้สึกอะไรแล้วใช่แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินจืออี้ทิ้งฉันเพราะฉินไฉ่เวยและแน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกันตอนที่เฉินจืออี้เรียนมหาวิทยาลัย สถานการณ์การเงินของพวกเราไม่ค่อยดีนักตอนที่พ่อของเขายังตามหาเขาไม่พบ เขาไม่เพียงแต่รับผิดจ่ายค่าเล่าเรีย

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 11

    ฉันมองเขาเดินหันหลังจากสตูดิโอไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ฉันตายเร็วเกินไป ยังมีประติมากรรมที่ยังสร้างไม่เสร็จอยู่ในสตูดิโออยู่เลยแต่ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วเฉินจืออี้รับกลับมาโรงพยาบาล ฉินไฉ่เวยร้องไห้น้ำตานอง“จืออี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไตของฉันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมฉันถึงรู้สึกทรมานอยู่ตลอดเลยล่ะ”หลังจากเฉินจืออี้ตรวจดูให้เธออย่างละเอียด พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาถึงค่อยปลอบโยนเธอ“ไฉ่เวย ไม่ต้องกังวลนะ คุณแค่คิดมากไปเอง แค่เปลี่ยนไตข้างหนึ่งเท่านั้น ไม่เป็นไรนะ คุณดูผมสิ เปลี่ยนไตมาตั้งหลายปีก็ยังไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ”“จริงเหรอ?” ฉินไฉ่เวยหลั่งน้ำตา“จริงสิ จะว่าไปแล้วเราก็ถือว่าเป็นพวกที่โชคร้ายเหมือนกัน คุณเปลี่ยนไตข้างหนึ่ง ผมก็เปลี่ยนไตข้างหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นเราทั้งคู่ก็ยังมีกรุ๊ปเลือดที่หายากเหมือนกัน ตอนนั้นถ้าไตของผมไม่มีปัญหา ผมจะเอาไตของตัวเองมาเปลี่ยนให้คุณ...”ขณะที่เฉินจืออี้พูดดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ พร้อมกับมีสีหน้าที่แย่ลงเล็กน้อยฉินไฉ่เวยเองก็รับรู้ได้เช่นกัน“จืออี้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”เฉินจืออี้ส่ายหัวราวกับว่าตื่นจาก

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 12

    ไม่รู้ว่าทำไม เฉินจืออี้ถึงอยู่เฝ้าฉินไฉ่เวยที่ห้องผู้ป่วยได้ไม่นานเขาก็โทรศัพท์หารุ่นพี่ของเขา“รุ่นพี่ คุณตามสืบประวัติคนที่เปลี่ยนไตให้ผมในตอนนั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอ”“จืออี้ นายอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย” รุ่นพี่ถอนหายใจเบา ๆ จากปลายสายแล้วพูดขึ้นว่า “จืออี้ นายกับเสี่ยวซิงซิงใกล้จะแต่งงานกันแล้ว เสี่ยวซิงซิงเองก็ลำบากเป็นพิเศษ ต่อไปอย่าลืมดูแลเธอให้ดีด้วย”ตอนที่แม่ของเฉินจืออี้ตาย เขาเอาความโกรธมาลงที่ฉันแต่จริง ๆ แล้วฉันรู้ดีว่าเขาโทษตัวเองมากกว่าเพราะวันนั้นเดิมทีคนที่มาที่บ้านของฉันควรจะเป็นเขาแต่เขาไม่ยอม แม่ของเขาจึงต้องเอาเค้กมาส่งให้ฉันเองหลายปีมานี้เขารู้สึกผิดกับแม่ของเขามาตลอดจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนอ่อนโยนและใจดีดังนั้นในปีนั้นที่ต้องปลูกถ่ายไต ฉันจึงคุกเข่าลงต่อหน้ารุ่นพี่เพื่อขอร้องเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ห้ามบอกเฉินจืออี้เด็ดขาดว่าไตข้างนั้นที่อยู่ในร่างกายของเขาเป็นของฉันฉันไม่อยากให้เขาแบกความรู้สึกผิดกับฉันอีกต่อไปหลายปีมานี้ รุ่นพี่ช่วยเก็บเป็นความลับมาตลอดเฉินจืออี้สีหน้าหดหู่และรีบกลับไปที่บ้านอย่างคนบ้าคลั่งหลังจากเก็บเป็นความลับมาหลายปี ตอน

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 13

    สายตาดวงวิญญาณอย่างฉันเห็นได้ชัดว่าเขามีท่าทีรีบร้อนเขากำลังค้นหากล่องและตู้ต่าง ๆ ในบ้าน ไม่รู้ว่าเขาต้องการแน่ใจอะไรบางอย่างหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของฉันไม่ได้หายไปถึงค่อยโล่งใจแต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเขารีบวิ่งออกไปรับด้วยสีหน้าดีใจแต่ปลายสายที่โทรเข้ามาเป็นบริษัทจัดงานแต่งงาน“ไม่ทราบว่าใช่ญาติของคุณเจียงหว่านซิงไหมคะ เราคือบริษัทจัดงานแต่งรักนิรันดร์ เนื่องจากเราติดต่อคุณเจียงทางไลน์ไม่ได้มาหลายวันแล้ว เราไม่มีทางเลือกถึงได้ติดต่อหาคุณ คืออย่างนี้นะคะ คุณเจียงยกเลิกแพ็คเกจงานแต่งงานที่เธอจองไว้กับเรา แต่ตามเงื่อนไขของบริษัท เราสามารถคืนเงินให้คุณได้เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินมัดจำเท่านั้น...”“บริษัทจัดงานแต่งงาน?” เฉินจืออี้ดูประหลาดใจมากแต่ที่เขาประหลาดใจกว่านั้นก็คือ “ทำไม ทำไมต้องยกเลิก?”“เอ่อ คุณเจียงบอกว่าเธอไม่สามารถแต่งงานกับแฟนของเธอได้แล้ว ดังนั้นจึงยกเลิกทุกอย่างค่ะ”แกร็ก——โทรศัพท์ของเฉินจืออี้ร่วงลงบนพื้น เขาทำอะไรไม่ถูก อยากที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่กลับพบว่ามือทั้งสองข้างของเขานั้นกำลังสั่นอยู่“เจียงหว่านซิง เธอไม่ต้องการฉันแล้ว..

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 14

    ในที่สุดเฉินจืออี้เข้าไปในห้องทำงานของฉันแต่คนที่รอต้องรับเขาอยู่คือฉินตงเฟิง“เสี่ยวซิงซิงยังน้อยใจนายอยู่เหรอ? ฉันได้ยินคนในสตูดิโอบอกว่า เสี่ยวซิงซิงไม่ได้มาทำงานเจ็ดวันแล้ว”“อะไรนะ? ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน?”“ทำไมล่ะ? นั่นน่าจะเป็นเพราะว่านายเอาแต่สนใจฉินไฉ่เวยน้องสาวของฉัน ฉันเลยคิดว่านายไม่สนใจเรื่องเสี่ยวซิงซิงแล้วซะอีก จะว่าไปแล้วถึงเสี่ยวซิงซิงจะหูหนวกและเป็นใบ้ แต่เธอก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว งอนไม่นานหรอก หิวแล้วเดี๋ยวก็กลับมา…”ผลัวะ——เฉินจืออี้ต่อยไปที่หน้าของฉินตงเฟิงด้วยแววตาโกรธ “นายก็รู้ว่าเธอทั้งหูหนวกและเป็นใบ้! เธออยู่ข้างนอกแล้วถูกคนรังแกจะทำยังไง?” “ถูกรังแกงั้นเหรอ? เฉินจืออี้ ในโลกนี้คนชอบรักแกเธอมากที่สุดก็คือนายไม่ใช่หรือไง?”ฉินตงเฟิงผลักเขาออกและจัดคอเสื้อที่ยับยู่ยี่ “จืออี้ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่โลภมากขนาดนี้ ถ้าฉันเป็นนาย เวลานี้ฉันคงเลือกโทรแจ้งตำรวจแล้ว หรือถ้านายจะยอมแพ้และตำหนิตัวเองแล้วรอให้เธอกลับมาก็ได้ ไม่แน่นะจริง ๆ แล้วเธออาจจะอยู่ข้าง ๆ นายมาตลอดก็ได้!”

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 15

    ในที่สุดเฉินจืออี้ก็โทรแจ้งตำรวจตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าสถานที่ที่ฉันหายตัวไปนั้นอยู่ใกล้ ๆ กับโรงงานร้างแม้ว่าจุดนั้นจะเป็นโรงงานร้าง แต่เพราะหิมะตกจึงมักจะมีคู่รักแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินที่นั่น เพราะถือว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติก เฉินจืออี้ขับรถไปถึงทุ่งหิมะนั้นเขาเดินไปบนหิมะอย่างทุลักทุเลพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อฉันจากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และมองไปที่โรงงานร้างที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่เชื่อสายตาในที่สุดเขาก็รู้แล้วใช่ไหม?ในที่สุดก็พบว่าที่นี่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาทำการผ่าศพหญิงสาวนิรนามศพนั้น“คุณเฉิน สุนัขตำรวจของเราพบสิ่งนี้ในกองหิมะครับ”เครื่องช่วยฟังเปื้อนเลือดข้างหนึ่งยากที่จะอธิบายปฏิกิริยาของเฉินจืออี้ ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจจนพูดอะไรไม่ออกสุดท้ายเขาก็เปิดดูเครื่องช่วยฟังราคาแพงที่เขาสั่งทำให้ฉัน“เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่มีทางใช่ของเธอ บนโลกนี้มีเครื่องช่วยฟังตั้งมากมาย ไม่ใช่ของเธอ เธอยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมไม่พูดกับคุณแล้ว เสี่ยวซิงซิงยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”เขาผลักตำรวจออกและเดินโซซัดโซ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 16

    หลังจากนั้นเฉินจืออี้ไม่ไปทำงานอยู่หลายวันใครโทรศัพท์มาเขาก็ไม่รับสายเขาสวมผ้ากันเปื้อนทำความสะอาดบ้านและยังทำอาหารที่ฉันชอบมากมายในทุกวันเขาทำแม้กระทั่งเสิร์ฟข้าวให้ฉันพร้อมทั้งกัดไขมันที่ติดอยู่บนเนื้อออกให้ฉัน“เธอไม่ชอบกินไขมันแต่กลับชอบกินเนื้อติดมัน ไม่รู้ว่าใครจะไปตามใจเธอได้ขนาดนั้น! รีบกินเร็วเข้า ต่อไปฉันจะไม่ตามใจเธอแล้วนะ” “เจียงหว่านซิง เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ข้าวแค่นี้ก็กินไม่หมด เธอดูสิว่าเธอผอมขนาดไหน!”“ช่างเถอะ เอาข้าวที่เหลือมาเดี๋ยวฉันกินเอง ครั้งหน้าห้ามสิ้นเปลืองแบบนี้อีก สิ้นเปลืองมันไม่ดีรู้ไหม!”เป็นอยู่อย่างนั้น——ฉันมองดูเขาพูดคุยกับอากาศที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆหลังจากนั้นก็กินข้าวที่เหลือในจานของฉันอย่างพอใจสุดท้ายเขากลับไปที่ห้องนอนของเราและกอดหมอนของฉัน เหมือนปกติที่เขากอดฉันและลูบเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน“เสี่ยวซิงซิง ฉันเหนื่อยจัง ฉันขอกอดเธอหน่อยนะ กอดสักพักก็หายเหนื่อยแล้ว”ฉันรู้ว่าเฉินจืออี้มีบางอย่างผิดแผกไปฉันเคยคิดว่าหลังจากเฉินจืออี้รู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไรฉันอยากให้เขาสำนึกผิดและจดจำฉันตลอดไปแต่สิ่งที่ฉันไม่อยากให้เ

Latest chapter

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 23

    เฉินจืออี้ ฉันไม่ต้องการตั้งแต่เล็กจนโตฉันแค่อยากให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุข อย่าให้ภาระอย่างฉันขัดขวางความก้าวหน้าของคุณไม่ใช่แบบนี้ ที่ทำให้คุณทำลายอนาคตตัวเองทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่ากลัวแบบนี้“เจียงหว่านซิง เธอไม่ใช่ภาระของฉัน เธอคือครอบครัวของฉัน เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันบนโลกใบนี้”“พี่มันไม่ได้เรื่อง ดูแลปกป้องเธอไม่ได้ แต่เสี่ยวซิงซิงไม่ต้องกลัวนะ พี่กำลังจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว”“พี่เคยบอกไว้ว่าพี่จะปกป้องดูแลและอยู่เคียงข้างเสี่ยวซิงซิงไปตลอดชีวิต”ขณะที่มีดผ่าตัดกรีดทะลุเลือดเนื้อของเขา ฉันกรีดร้องแทบขาดใจฉันพุ่งเข้าไปเพื่อหยุดเขา แต่ฉันกลับคว้าอะไรไม่ได้เลยฉันได้แต่เฝ้ามองเฉินจืออี้ผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาไม่สามารถทำต่อไปได้ เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่ง“ที่แท้มันก็เจ็บแบบนี้เอง”เขายิ้มแล้วฉีดยาชาให้ตัวเองจากนั้นก็ทำการผ่าเปิดทรวงอกของตัวเองต่อไปเลือดไหลนองราวกับผีร้ายฉันไม่รู้ว่าการกระทำนั้นกินเวลานานแค่ไหนความเจ็บปวดทำให้เขาหยุดตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขายังคงทำต่อไปเขายังทำต่อไปอยู่อย่างนั้นฉันเฝ้ามอ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 22

    ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเฉินจืออี้คือข้างสระกรดซัลฟิวริกเขากอดศีรษะของฉันและสวมผ้าคลุมสีขาวแสนสวยให้ฉันอย่างทะนุถนอมและข้าง ๆ เขา เป็นฉินไฉ่เวยกับฉินตงเฟิงที่ถูกมัดไว้“เฉินจืออี้ นายมีอะไรก็มาลงที่ฉัน น้องสาวฉันไม่เกี่ยว”“ฉินตงเฟิง ที่แท้นายก็มีเรื่องที่กลัวด้วยเหรอ”เฉินจืออี้วางฉันลงบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เช็ดใบหน้าที่แทบจะไม่มีฝุ่นของฉันเขาจูบศีรษะที่เน่าเปื่อยของฉันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“เสี่ยวซิงซิงเด็กดี รอให้พี่จัดการคนที่มันรังแกเธอก่อนนะ แล้วเราค่อยกลับบ้านด้วยกัน”ไม่นะ——เฉินจืออี้ คุณบ้าไปแล้วหรือไง? คุณกำลังผิดกฎหมายนะ!“เฉินจืออี้ นายมันบ้าไปแล้วเหรอ? นายไม่เพียงแต่ปล้นนักโทษ นายยังลักพาตัวพวกเรามาอีก! ไม่ช้าก็เร็วตำรวจก็ต้องรู้! นาย...นายจะทำลายอนาคตตัวเองแบบนี้ไม่ได้!”“อนาคตงั้นเหรอ? ฉันยังมีอนาคตด้วยเหรอ?”เฉินจืออี้แสยะยิ้ม “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นหมอ? เพราะตอนที่เสี่ยวซิงซิงอายุสิบสองขวบเธอไข้สูงจนเกือบตาย ฉันแบกเธอออกไปตระเวนขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครช่วยฉันสักคน ตอนนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าฉันต้องเป็นหมอให้ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องไปขอร้องคนอื่นอีก และฉ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 21

    ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเจอศีรษะของฉันฉันพบว่าฉันเริ่มค่อย ๆ อ่อนแรงลงฉันเข้าใจว่าความยึดติดอาลัยอาวรณ์ในโลกของฉันกำลังจะหายไปแล้วและฉันก็กำลังจะหายไปเช่นกันฉินตงเฟิงถูกตัดสินประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาเหลืออดกับเฉินจืออี้แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาทำเพื่อฉินไฉ่เวยเขาเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลฉิน และเขาก็ดูแลน้องสาวคนนี้อย่างดีมาโดยตลอดขอเพียงน้องสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป เขายอมทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่ารุ่นน้องที่เขารักและเอ็นดูมาตลอดหลังจากวันนั้นเฉินจืออี้ก็ไม่ไปทำงานอีกเลยเขาเอาแต่กอดศีรษะของฉันอยู่ในบ้านเขาเก็บข้าวของทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารที่ฉันชอบกินเหมือนเช่นเคยและยังกินมันที่ติดเนื้อให้แทนฉัน รวมถึงกินอาหารเหลือที่ฉันไม่สามารถแตะต้องไปพวกนั้น เขายังซื้อชุดแต่งงานให้ฉันด้วยแต่ศีรษะของฉันใส่ได้เพียงผ้าคลุมหน้าเท่านั้นเขาบอกว่าฉันสวยมากเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยเจอเขายังบอกด้วยว่าเขาปฏิเสธที่ฉันขอแต่งงานเพราะเรื่องแบบนี้ผู้ชายควรเป็นคนทำสุดท้ายเขาบอกว่าเขาจะอยู่กับฉันตลอดไปเมื่อศีรษะของฉันเริ่มเน่าเปื่อยมากขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าในห้องก็เริ่มรุนแรงขึ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 20

    เพล้งเฉินจืออี้กลับถึงบ้านได้ทุบรูปปั้นขนาดใหญ่และหนักอึ้งนั้นเมื่อรูปปั้นแตกกระจาย เผยให้เห็นศีรษะคนที่ถูกเก็บรักษาอย่างดีด้วยสารเคมีโผล่ออกมาดวงตากลมโตทั้งสองของเธอยังคงเบิกกว้างด้วยท่าทางสงบราวกับว่าเธอไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยคล้ายกับว่าเธอแค่นอนหลับไปเท่านั้นเฉินจืออี้เหมือนคนที่ค้นพบสมบัติ เขาค่อยแกะรอยแตกออกจากใบหน้าของเธอแล้วลูบเบา ๆ“เสี่ยวซิงซิง ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเธอเอง และจะปกป้องเสี่ยวซิงซิงของพี่ตลอดไป”

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 19

    ตำรวจวิ่งเข้ามาจากด้านหลังด้วยความรีบร้อน“คุณเฉิน เราตามสืบพบแล้วว่าเมื่อเจ็ดวันก่อน ใครเป็นคนมารับคุณเจียงออกไปจากบ้านของคุณ คือคุณฉินตงเฟิง คุณรู้จักเขาไหมครับ”ตอนที่เฉินตงเฟิงถูกจับ เขาดูมีท่าทีที่นิ่งผิดปกติ“ใช่ ผมเป็นคนทำ ผมเป็นคนหลอกเธอออกไป และจ้างคนมาฆ่าเธอเอง”“ไม่มีเหตุผล แค่ไม่ชอบขี้หน้าของเฉินจืออี้ก็เท่านั้น”ฉินตงเฟิงยิ้มมุมปากมองไปที่เฉินจืออี้ เหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเพื่อนกันปกติ“เธออยู่ที่ไหน?”“จืออี้ นายพูดว่าไงนะ?”“ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน?”ฉินตงเฟิงยังคงยิ้ม “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ นายเสมอ เฉินจืออี้ นายเองก็ฉลาด ไม่รู้เลยเหรอว่าโลกใบนี้มันไม่มีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนั้น เช่นบังเอิญตลาดมืดมีศพผู้หญิง บังเอิญไตของศพผู้หญิงคนนั้นเข้ากันได้กับไฉ่เวย และบังเอิญว่าศพผู้หญิงคนนั้นได้บริจาคไตไปแล้วครั้งหนึ่งจึงเหลือไตแค่ข้างเดียว และบังเอิญว่าศพผู้หญิงคนนั้นก็กำลังตั้งท้อง...”“แก...แก...ไอ้สารเลว! เธอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง! แล้วเธอก็ยังเป็นรุ่นน้องของแกด้วย!”“โมโหมากล่ะสิ? ฉันเคยเตือนนายแล้วไม่ใช่เหรอ? ศพนี้กำลังตั้งท้องและยังถูกแย

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 18

    เสี่ยวซิงซิงกลัวมากจึงโทรศัพท์ไปสามครั้งตามข้อตกลงตอนนั้นเมื่อเขารับโทรศัพท์ เสี่ยวซิงซิงดีใจมากไม่ว่าร่างกายจะเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ว่าคนข้างหลังจะน่ากลัวแค่ไหนแต่เธอเชื่อมั่นว่าพี่ชายของเธอจะต้องมาช่วยเธออย่างแน่นอนแต่พี่ชายกลับไม่มาเขายังพูดอีกว่า “เจียงหว่านซิง เธอจะพอได้หรือยัง ฉันบอกแล้วว่าอาการของไฉ่เวยอยู่ในขีดอันตราย ถ้าเธอช่วยเขาไม่ได้ เธอก็อย่ามารบกวนฉัน”เขาทิ้งเสี่ยวซิงซิงจริง ๆ แล้ว การถูกแทงในตอนนั้นมันเจ็บมากแต่หลังจากได้ยินประโยคนั้นของเฉินจืออี้ ฉันกลับสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดไปอย่างน่าประหลาดแม้กระทั่งในตอนที่ถูกตัดศีรษะ แขนและขาออก ฉันก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนักตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่แม้แต่จะเสียน้ำตาเลยด้วยซ้ำเฉินจืออี้ร้องไห้ไม่หยุดเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าน้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุด“ทำไมฉันถึงร้องไห้ล่ะ?”“ไม่จริง ฉันจะร้องไห้ได้ยังไง”จากนั้นเขาปาดน้ำตาและรับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล“ไม่ทราบว่าใช่ญาติของคุณเจียงหว่านซิงไหมคะ เราโทรมาจากโรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่งค่ะ วันนี้ถึงกำหนดนัดตรวจครรภ์ของคุณเจียงหว่านซิง เธอกับลูกในท้องค่อนข้างอ่อนแอ กรุณาเข้าม

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 17

    “คุณพูดจาเหลวไหล!”เฉินจืออี้ดวงตาเปลี่ยนสีแดง พลางกำคอของฉินไฉ่เวยไว้แน่น“ไม่มีทาง! เธออ่อนแอขนาดนั้น เดินเฉย ๆ ก็ยังล้ม จะแบกผมออกมาจากเขาได้ยังไง!”“แค่ก แค่ก แค่ก...คุณมันบ้าไปแล้ว คุณปล่อยฉันนะ!”ฉินไฉ่เวยผลักเขาออกไปอย่างแรง“เฉินจืออี้ ฉันจะบอกคุณให้อีกเรื่องหนึ่ง! ตอนนั้นที่คุณผ่าตัดเปลี่ยนไต คุณก็ใช้ไตข้างหนึ่งของเธอ! ฉันได้ยินเธอขอร้องรุ่นพี่ เธอไม่อยากให้คุณรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เลยตัดสินใจปิดบังคุณไปตลอดชีวิต!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้หญิงโง่คนนั้น! รักเดียวใจเดียวอุทิศตนให้กับผู้ชายอย่างคุณ! มันก็สมควรตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”“คุณหุบปาก ผมบอกให้คุณหุบปาก”วันนั้นเฉินจืออี้ราวกับคนบ้าสุดท้ายตำรวจก็เข้ามาถึงช่วยฉินไฉ่เวยจากเขาไว้ได้ที่สถานีตำรวจ ในที่สุดเขาก็ยืนยันการเสียชีวิตของฉัน“แม้ว่าเราจะยังไม่พบศพของคุณเจียง แต่เมื่อพิจารณาจากรอยเลือดจำนวนมากที่พบในที่เกิดเหตุ จึงตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะเป็นฆ่าหั่นชิ้นส่วน”“หั่นชิ้นส่วนเหรอครับ?”“ใช่ครับ เราพบมือและแขนที่ถูกตัดขาดอยู่ในกองหิมะ แต่ส่วนที่ยังหาไม่พบคือลำตัวกับศีรษะ”“ไม่...เป็นไปไม่ได้...ไม่ใช่เธอ ต้องไม่ใช่เธอ...พวกคุ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 16

    หลังจากนั้นเฉินจืออี้ไม่ไปทำงานอยู่หลายวันใครโทรศัพท์มาเขาก็ไม่รับสายเขาสวมผ้ากันเปื้อนทำความสะอาดบ้านและยังทำอาหารที่ฉันชอบมากมายในทุกวันเขาทำแม้กระทั่งเสิร์ฟข้าวให้ฉันพร้อมทั้งกัดไขมันที่ติดอยู่บนเนื้อออกให้ฉัน“เธอไม่ชอบกินไขมันแต่กลับชอบกินเนื้อติดมัน ไม่รู้ว่าใครจะไปตามใจเธอได้ขนาดนั้น! รีบกินเร็วเข้า ต่อไปฉันจะไม่ตามใจเธอแล้วนะ” “เจียงหว่านซิง เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ข้าวแค่นี้ก็กินไม่หมด เธอดูสิว่าเธอผอมขนาดไหน!”“ช่างเถอะ เอาข้าวที่เหลือมาเดี๋ยวฉันกินเอง ครั้งหน้าห้ามสิ้นเปลืองแบบนี้อีก สิ้นเปลืองมันไม่ดีรู้ไหม!”เป็นอยู่อย่างนั้น——ฉันมองดูเขาพูดคุยกับอากาศที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆหลังจากนั้นก็กินข้าวที่เหลือในจานของฉันอย่างพอใจสุดท้ายเขากลับไปที่ห้องนอนของเราและกอดหมอนของฉัน เหมือนปกติที่เขากอดฉันและลูบเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน“เสี่ยวซิงซิง ฉันเหนื่อยจัง ฉันขอกอดเธอหน่อยนะ กอดสักพักก็หายเหนื่อยแล้ว”ฉันรู้ว่าเฉินจืออี้มีบางอย่างผิดแผกไปฉันเคยคิดว่าหลังจากเฉินจืออี้รู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไรฉันอยากให้เขาสำนึกผิดและจดจำฉันตลอดไปแต่สิ่งที่ฉันไม่อยากให้เ

  • ดวงดาวกลางหิมะ   บทที่ 15

    ในที่สุดเฉินจืออี้ก็โทรแจ้งตำรวจตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าสถานที่ที่ฉันหายตัวไปนั้นอยู่ใกล้ ๆ กับโรงงานร้างแม้ว่าจุดนั้นจะเป็นโรงงานร้าง แต่เพราะหิมะตกจึงมักจะมีคู่รักแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินที่นั่น เพราะถือว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติก เฉินจืออี้ขับรถไปถึงทุ่งหิมะนั้นเขาเดินไปบนหิมะอย่างทุลักทุเลพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อฉันจากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และมองไปที่โรงงานร้างที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่เชื่อสายตาในที่สุดเขาก็รู้แล้วใช่ไหม?ในที่สุดก็พบว่าที่นี่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาทำการผ่าศพหญิงสาวนิรนามศพนั้น“คุณเฉิน สุนัขตำรวจของเราพบสิ่งนี้ในกองหิมะครับ”เครื่องช่วยฟังเปื้อนเลือดข้างหนึ่งยากที่จะอธิบายปฏิกิริยาของเฉินจืออี้ ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจจนพูดอะไรไม่ออกสุดท้ายเขาก็เปิดดูเครื่องช่วยฟังราคาแพงที่เขาสั่งทำให้ฉัน“เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่มีทางใช่ของเธอ บนโลกนี้มีเครื่องช่วยฟังตั้งมากมาย ไม่ใช่ของเธอ เธอยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมไม่พูดกับคุณแล้ว เสี่ยวซิงซิงยังรอผมกลับไปกินข้าวที่บ้าน ผม...ผมต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”เขาผลักตำรวจออกและเดินโซซัดโซ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status