หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
“พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ”
คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย”
หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม
และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก
“สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ”
“แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก”
ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา
“ไม่เกรงใจนะ”
หมอก้องภพรับถุงขนมมาวางบนโต๊ะ มองหน้าหญิงสาวนิ่งๆ เขาอยากถามเรื่อง ‘คืนนั้น’ แต่เขาเดินตามเธอไม่ทัน และไม่เหมาะนักถ้าจะเดินไปตามถึงห้องพัก แต่เช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันว่างให้คนที่มาร่วมสัมมนาพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนเดินทางกลับ เขาไม่เจอธีรยาแต่เมื่อโทรหาก็ได้ยินน้ำเสียงงัวเงียทำให้เขาหัวเราะและขอโทษที่รบกวนเวลานอน เขาเห็นเธอเหมือนน้องสาวจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ และเหมือนจะเป็นห่วงจนเกินไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยิ้มออกมา แล้วทำหน้าแบบพึ่งนึกได้
“มาพอดีเลย พี่ว่าจะไปหาอยู่เหมือนกัน”
“มีอะไรหรือคะ หรือจะมากล่อมให้หมิวเรียนต่ออีกคน” เธอเพิ่งทำงานที่โรงพยาบาลได้ปีเศษ ยังพอใจกับการทำงานที่แผนกของตนเอง
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” ก้องภพพูดพลางเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบซองสีชมพูหวานแหววส่งให้ “ว่าจะเอาการ์ดงานแต่งงานไปให้นะ”
รอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าทันที ธีรยารับซองสีหวานแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆมาไว้ในมือ เพิ่งประกาศตัวว่ามีแฟนไปไม่กี่สัปดาห์ ตอนนี้มาแจกการ์ดงานแต่งงานแล้ว เธอต้องรู้สึกยังไงกันละที่นี่
แต่ที่แน่ๆ ใจเธอยังเจ็บแปลบอยู่เลย
“ยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบใจนะ”
ก้องภพไม่รู้สึกผิดสังเกตอะไร แต่ไหนแต่ไรเขาแสดงออกชัดเจนว่าตัวเองมี ‘คุย’กันอยู่แล้ว และไม่เคยนอกลู่นอกทาง กับธีรยาก็เป็นรุ่นน้องจึงสนิทสนมกันมากแม้จะอยู่คนละแผนก และที่สำคัญแฟนของเขาก็เคยเจอธีรยาอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นกำชับให้แจกการ์ดให้ธีรยาด้วย
“เงินใส่ซองไม่ต้อง แต่อยากให้คนมา” เขาพูดไปตามประสาคนตรงไปตรงมา “ในการ์ดมีแผนที่บ้านเจ้าสาวอยู่เส้นพุทธมณฑลสายสี่ งานเล็กๆแต่เน้นคนกันเอง”
“พี่ชายแต่งงานทั้งที หมิวต้องไปแน่นอน” เธอยังคงยิ้มให้เขาแต่รู้สึกเหมือนเป็นการยิ้มลามากกว่า “หมิวกลับก่อนนะ กินขนมให้อร่อยนะคะ”
“อืม ขอบใจมากนะ”
“ค่ะ” ธีรยาพยักหน้าให้แล้วหมุนตัวเดินออกมา ทว่าเพียงออกมาจากแผนกก็เห็นคนชกต่อยกันอยู่หน้าห้อง
“มาทะเลาะกันที่โรงพยาบาลอีกแล้ว”
ธีรยาอดบ่นไม่ได้ แล้วหยุดดูสถานการณ์ เจ้าที่หน้าเวรเปลเข้ามาห้าม แต่คนกลุ่มใหญ่ชกต่อยกันวุ่นวายไปหมด ข้าวของหล่นเกลือนกลาด เก้าอี้ล้ม ก้องภพที่อยู่ด้านในเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องอยู่ด้านในจึงออกมาดู สายตาเขามองเห็นคนตะลุมบอนกันอยู่ ไม่รู้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน จังหวะหนึ่งมีชายคนหนึ่งยกเท้าแตะชายอีกคนแล้วกระเด็นไปทางที่หมอธีรยายืนอยู่
“น้องหมิว ระวัง!”
ธีรยาเป็นผู้หญิงตัวเล็กสูงแค่155เซนติเมตร ผู้ชายตัวใหญ่พุ่งมาทางเธอ หญิงสาวทำได้แค่ยกมือขึ้นป้องศีรษะของตัวเองไว้ก่อน จู่ๆ ก็มีมือใหญ่มากระชากร่างเธอไปให้พ้นทาง ทำให้ชายคนนั้นล้มหงายหลังทันทีโดยไม่โดนตัวเธอ แต่ร่างเธอกลับอยู่ในอกแกร่งของใครก็ไม่รู้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเป็นจังหวะที่เขาก้มหน้าลงพอดี ธีรยายกมือขึ้นดันแผงอกเขาไว้ อีกฝ่ายขยับตัวเพียงเล็กน้อยแล้วถอยออกมา แต่กลิ่นน้ำหอมเจือกลิ่นเหงื่อจางๆ ยังคงติดปลายจมูกของคุณหมอสาวอยู่
“น้องหมิวเป็นอะไรหรือเปล่า” ก้องภพรีบวิ่งเข้ามาดูทันที
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
ธีรยาส่ายหน้ามาไปแล้วดันแว่นตาให้เข้าที่ เธอจะหันไปขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยแต่ก็เห็นผู้ชายคนนั้นหันไปชกหน้าคนในกลุ่มนั้น และยกเท้าแตะไปอีกคน คนเพียงคนเดียวก็จัดการผู้ชายตัวใหญ่ๆ 4-5 ได้ในเวลารวดเร็วโดยที่รปภ.เพิ่งจะวิ่งมาถึง เธอได้ยินเขาพูดภาษาอะไรไม่รู้รัวๆ ฟังไม่ทันว่าอะไร แต่เห็นแค่นี้เธอก็ติดป้าย ‘ผู้ชายอันตราย’ ห้ามเข้าใกล้
“รปภ.มาแล้ว พี่จะไปดูคนเจ็บก่อน”
“ค่ะ”
ธีรยากระชับกระเป๋าสะพายแน่นขึ้นแล้วเดินออกมา แต่เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจึงอดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสีเดียวกับกางเกงที่เขาสวมอยู่ ผู้ชายคนนั้นจ้องมองเธอเขม็งทำให้เธอสะดุ้งโหย่ง แล้วรีบหมุนตัวเดินจากไปทันที
สายตาแบบนี้มันคืออะไรกัน น่ากลัวชะมัดเลย!
….
“ลูกหมิว เห็นข่าวนี้หรือยัง เกิดเรื่องที่โรงพยาบาลของลูกเหรอ”
“มีออกข่าวด้วยเหรอคะ”
ธีรยาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ทุกเดือนเธอจะหาวันว่างกลับมาเยี่ยม ‘คุณแม่เพ็ญนภา’ ที่บ้านเด็กกำพร้าตะวันฉาย คุณเพ็ญนภาทำตาดุใส่แล้วดึงมือให้มานั่งลงข้างๆกัน พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู หญิงสาวนั่งลงแล้วมองคลิปต้นเรื่อง
“ใครแอบถ่ายคลิปกันเนี้ย เขาห้ามถ่ายคลิปวีดีโอในโรงพยาบาลกันนะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าแม่ไม่เห็นข่าวนี้ก็คงไม่รู้ว่าที่โรงพยาบาลมีเรื่องสินะ”
“ก็เรื่องนิดเดียวเองค่ะ คุณแม่อย่าไปใส่ใจเลย อีกอย่างไม่เกี่ยวกับหมิวด้วย”
เธอไม่อยากปิดบังแต่ก็ไม่อยากให้แม่เพ็ญนภาไม่สบายใจ ที่บ้านเด็กกำพร้าตะวันฉายมีเรื่องให้ปวดหัวมากพอแล้ว เธอไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้คุณแม่ต้องเป็นห่วง
“อย่าทำเหมือนตัวเองไม่มีใคร มีอะไรก็ต้องบอกแม่บ้าง” คุณเพ็ญนภาถอนหายใจเบาๆ พลางปรายตามองไปยังกรอบรูปที่ตั้งเรียงรายบนตู้เอกสาร
“วันหยุดก็หัดไปเที่ยวเล่นบ้างไม่ต้องกลับมาช่วยงานที่นี่ก็ได้”
หญิงสาวชะงักมือไปเล็กน้อย เธอแสร้งเป็นดันแว่นตาชิดใบหน้าแล้วยิ้มอ่อน ก็เพราะเอาวันหยุดไปเข้ารวมสัมมนาเลยได้อกหักถาวร และยัง...
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม
ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น “คุณ!” “คุณ...”ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ
“โรงพยาบาล?” กานดาทำท่าตกใจ “ลูกไม่สบายเหรอ”“เปล่าครับ พอดีลูกน้องทำเรื่องไว้” เขายิ้มและส่งสายตาให้หญิงสาว “วันนั้นคุณคงเสียขวัญน่าดู แต่ทางทนายของเราติดต่อชดใช้ค่าเสียหายและบริจาคเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้ว” “เสียขวัญ? นี่มันเรื่องอะไรกันยัยหมิว ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย” คราวนี้คุณเพ็ญนภาทำหน้ากังวล ธีรยาจึงจำเป็นต้องเปิดปากพูดบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นกังวลเรื่องงานของเธอ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนทะเลาะกันที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องพวกนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนดูแลจัดการ หมิวไม่รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างก็คนละแผนกกัน” “อ่อ...มิน่าล่ะ ผมกลับไปที่แผนกฉุกเฉินอีกครั้งแต่ไม่พบคุณ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เขาก็อยากเจอคุณหมอคนสวยอยู่เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงที่มีเซ็กส์นอนบนเตียงเดียวกัน ถึงไม่อนุญาตเธอก็โดนเขาจับกินจนสิ้นเรี่ยวแรงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าตอนเช้าเขาออกไปคุยงานกับลูกค้า กลับเข้ามาพบแค่ที่นอนยับยู่ กระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เธออยู่รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก็เหมือนกับไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเลย เขาทั้งหงุดหงิด โมโห เสียหน้า
“เช่าชุด?” เขาถามเพื่อความแน่ใจแล้วขับรถออกไป “ค่ะ...เช่าชุดใส่ไปงานแต่งงาน ธีมงานขาว-ชมพู ก็เลยว่าจะไปหาดูที่ร้านนี้ ถ้าสั่งออนไลน์ก็กลัวจะไม่ตรงปกค่ะ”“ถ้างั้นผมเลือกร้านให้เอาไหม?” “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”“ไม่เชื่อเซนส์ผมเหรอ” เขายิ้มทั้งที่ตายังมองไปยังถนนตรงหน้า “หรือถ้าห่วงเรื่องเงิน เรื่องนั้นผมจัดการให้ได้” “เราเพิ่งรู้จักกันคุณไม่ต้องเปย์ให้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” เธอไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้าด้วย กลัวถูกทวงทีหลังอีกต่างหาก“ก็ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก”“คุณนี่...จะจีบเหรอ” ธีรยาดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้า “ถ้าเห็นฉันเป็นของแปลกก็ไม่ต้องมาจีบเลยนะ”“ก็แปลกจนน่าสนใจไง” เขาพูดไปตามตรงแล้วขับรถไปห้างสรรพสินค้าหรูหรา เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงมา “มาเถอะ ผมไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอก ตัวแค่นี้กินไม่อิ่ม” เขายิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามอง “แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่...” “คุณนี่... หน้าตาก็ดี ปากร้ายชะมัด” “ยอมรับว่าผมหน้าตาดีแล้วสิ” ธีรยาไม่เคยเจอคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อน จู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวตกใจแล้วดึงมือกลับ “แค่จะใ
“คุณ...อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้” ธีรยาจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย “ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” ดวงตาคมปลาบจ้องมองคนตัวเล็ก เขาพอใจกับท่าทีไม่สะทกสะท้านแม้ถูกสายตาของเขากดดันอยู่ มุมปากยกยิ้มขึ้นก่อนเอ่ย “ทำไมคิดว่าผมเล่นๆ กับคุณเล่า” “ก็...คนอย่างคุณ...” “คนอย่างผม?” เขาชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คนอย่างผมไม่คู่ควรกับคุณหมอย่างคุณเหรอ” “มะ..ไม่ใช่แบบนั้น...เอ่อ...คือ..ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครแต่คุณมีฐานะทางสังคมดีกว่าแล้วก็...”เธออึกอักพลันหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “เรื่องคืนนั้นมันก็แค่วันไนท์สแตนด์ เราไม่ควรเจอกันอีก” “แค่วันไนท์สแตนด์?” เขาหรี่ตาจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ “ผมไม่คิดว่าเรื่องคืนนั้นเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ และเป็นคุณต่างหากที่ทิ้งผม” “คะ? ฉันนะเหรอ” นิ้วเรียวชี้ที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง “ผมเขียนโน้ตวางไว้บนหมอน ให้คุณรอผม ผมมีนัดกับลูกค้าตอนสิบโมงเช้า แต่พอผมเสร็จธุระแล้วกลับเข้ามาเจอแค่ที่นอนยับยู่ยี่นี่นะ” “ก็...ฉันไม่เห็นโน้ตอะไรเลย แต่ถึงเห็น...ฉันก็
“อืม ...คุณกลัวเหรอ” “กลัวอาชีพคุณมากกว่า” คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง” “เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้” “ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก” ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู “คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน “คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง” เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย
ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’ ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’ ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’ ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ! ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็
“เราถูกย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้ว” “จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสิ” ธีรยายิ้มกว้าง “พักแถวไหนล่ะ แบบนี้ก็ดีเลยนะจะได้กลับไปช่วยงานแม่เพ็ญนภาได้” “อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าหมิวยังกลับไปที่บ้านนั้นอีกนะ” ปกป้องทำตาโต “ทำไมจะกลับไปไม่ได้ล่ะ ป้องนั้นแหละ ทำไมไม่กลับไปหาแม่เพ็ญนภาบ้าง” “ไม่อยากฟังบ่น” ปกป้องยักไหล่ “เลิกงานแล้วมีนัดที่ไหนไหม ไปหาอะไรกินกัน ป้องเลี้ยงเองในฐานะที่ได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้หมิว” “เรื่องกินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็อดกวาดตามองรอบๆไม่ได้ ไม่เอาน่า เธอไม่ได้รอใครเสียหน่อย ทำไมต้องมองหาด้วยเล่า “รอใครหรือเปล่า นัดพี่หมอก้องไว้เหรอ” ปกป้องถามเพราะสังเกตได้ว่าธีรยาเหมือนมองหาใครอยู่ แถมยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย ปกติไม่ค่อยเห็นคนตัวเล็กแต่งหน้าสักเท่าไหร่ “เปล่า” หญิงสาวส่ายหน้ายืนยัน “ไปเถอะ หิวแล้ว ว่าแต่เจ้ามือจะเลือกร้านให้หรือให้หมิวเลือกร้านเอง” “หมิวเลือกเลยสิ อยากกินอะไร ป๋าจ่ายเอง” “อืม เราเห็นร้านบะหมี่ติดแอร์เปิดใหม่ใกล้ๆ โรงพย