“เราถูกย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้ว”
“จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสิ” ธีรยายิ้มกว้าง “พักแถวไหนล่ะ แบบนี้ก็ดีเลยนะจะได้กลับไปช่วยงานแม่เพ็ญนภาได้”
“อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าหมิวยังกลับไปที่บ้านนั้นอีกนะ” ปกป้องทำตาโต
“ทำไมจะกลับไปไม่ได้ล่ะ ป้องนั้นแหละ ทำไมไม่กลับไปหาแม่เพ็ญนภาบ้าง”
“ไม่อยากฟังบ่น” ปกป้องยักไหล่ “เลิกงานแล้วมีนัดที่ไหนไหม ไปหาอะไรกินกัน ป้องเลี้ยงเองในฐานะที่ได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้หมิว”
“เรื่องกินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็อดกวาดตามองรอบๆไม่ได้ ไม่เอาน่า เธอไม่ได้รอใครเสียหน่อย ทำไมต้องมองหาด้วยเล่า
“รอใครหรือเปล่า นัดพี่หมอก้องไว้เหรอ” ปกป้องถามเพราะสังเกตได้ว่าธีรยาเหมือนมองหาใครอยู่ แถมยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย ปกติไม่ค่อยเห็นคนตัวเล็กแต่งหน้าสักเท่าไหร่
“เปล่า” หญิงสาวส่ายหน้ายืนยัน “ไปเถอะ หิวแล้ว ว่าแต่เจ้ามือจะเลือกร้านให้หรือให้หมิวเลือกร้านเอง”
“หมิวเลือกเลยสิ อยากกินอะไร ป๋าจ่ายเอง”
“อืม เราเห็นร้านบะหมี่ติดแอร์เปิดใหม่ใกล้ๆ โรงพยาบาล น่าอร่อยอยู่นะ”
“กลัวเราไม่มีเงินจ่ายหรือไง กินหรูกว่านี้ก็ได้”
“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย นั้นร้านบะหมี่เป็ดย่างเลยนะ ตั้งแต่เปิดร้านมา เราไปกินหนเดียวเอง อร่อยด้วยแต่ชามละตั้งแปดสิบบาท”
ปกป้องถึงกับแหงนหน้าหัวเราะแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะของธีรยา
“ยัยเตี้ยเอ๊ย! เรื่องกินนี่ขี้เหนียวสุดๆ เธอทำงานมีเงินเดือนแล้วไม่ต้องทำตัวอดๆ ยากๆ นักก็ได้ ถ้ามันอร่อยแปดสิบบาทก็ไม่แพงหรอก เธอนี่นะ ตอนเด็กๆ ก็กินไม่ทันคนอื่น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสารอาหารบำรุงสมองจนเรียนจบแพทย์มาได้”
“เกเรอย่างป้องยังเป็นตำรวจได้เลย” ธีรยาแลบลิ้นใส่ เธอกำลังจะเดินออกไปทางประตูใหญ่ แต่ปกป้องคว้ามือเธอลากมาที่ลานจอดรถด้านหลัง
“จะไปไหน?”
“เราเอารถมา”
“อย่าบอกว่ารถตำรวจนะ”
“บ้าสิ! รถเราเอง” ปกป้องหัวเราะออกมาแล้วหยิบกุญแจรถกดรีโมทปลดล็อกประตูรถ “รถมือกระบะมือสองนะ ยังผ่อนอยู่ นั่งได้ไหม”
“ก้าวหน้าแล้วนะ มีรถยนต์เป็นของตัวเองแล้ว” เธอยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ
“หมิวก็มีคอนโดของตัวเองนี่”
“ห้องเท่ารังหนูเอง” หญิงสาวหัวเราะแล้วจะขึ้นรถ แต่รถยนต์ของปกป้องเป็นกระบะโฟร์วิวค่อนข้างสูง ปกป้องหัวเราะแบบไม่เกรงใจแล้วช่วยประคองให้เธอขึ้นไปนั่งในรถได้อย่างปลอดภัย
“รถสูงแบบนี้ แฟนไม่บ่นเอาเหรอ” ธีรยาพูดแก้เก้อขณะที่ปกป้องขับรถออกมาเพื่อไปร้านบะหมี่ที่เพื่อนรักอยากกิน
“ไม่บ่นเพราะยังไม่มี” เขาหัวเราะอารมณ์ดีแล้วลอบมองคนข้างๆ “หมิวนี่แหละเป็นผู้หญิงคนแรกที่บ่น”
“ความผิดเราที่เกิดมาตัวเตี้ยกว่านายเอง” เธอหันไปแลบลิ้นใส่อีกครั้ง เธอทำกับเขาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนชินแล้ว หญิงสาวบอกทางให้พลขับไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย หลังจากได้ที่จอดรถแล้ว ปกป้องก็รีบลงจากรถมาเปิดประตูให้หญิงสาวและช่วยประคองเธอลงจากรถ
“นี่! หมิวไม่ได้พิการนะ ขึ้นลงเองได้” เธอตีต้นแขนเขาแต่แล้วก็ตกใจต้องยกมือขึ้นบีบๆ จับๆ แขนของอีกฝ่าย
“มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
“กล้ามเนื้อทั้งนั้นเลย นายเป็นตำรวจหรือเป็นทหารกันแน่เนี้ย”
“อันนี้ชมใช่ไหมจะได้ยืดอกรับ” ปกป้องคว้ามือเรียวเล็กมาทุบที่หน้าอกตัวเอง “นี่ก็กล้ามเนื้อล้วนๆ”
หญิงสาวพยักหน้าแล้ว “เป็นตำรวจจราจรต้องกล้ามแน่นขนาดนี้เลยเหรอ”
“ยัวหมิว!” ปกป้องแยกเขี้ยวใส่ “ไม่ใช่เว้ย”
คราวนี้เธอหัวเราะออกมาเพราะแกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ ทำให้ปกป้องรู้ว่าตัวเองถูกเพื่อนแกล้งเข้าให้แล้ว
“หัวหน้าส่งเรามาทำงานที่กรุงเทพฯ เราได้ทำงานกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”
“ที่เขาเรียกว่าตำรวจไซเบอร์ใช่ไหม”
“เรียกแบบนั้นก็ได้”
“เพื่อนเราเก่งที่สุด”
“ชมแบบนี้กินเยอะๆเลยนะ”
ปกป้องยังไม่ปล่อยมือของเธอซ้ำยังกุมไว้มั่น ธีรยาเองก็ไม่คิดเป็นอื่นเพราะที่ผ่านมาปกป้องก็จับมือแบบนี้มาตลอด เขาพาเธอไปนั่งด้านในซึ่งมีโต๊ะว่างอยู่พอดี อาจเพราะเป็นเวลาเลิกงานจึงมีคนเข้ามากินบะหมี่หลายโต๊ะ
“นี่ๆ จะสั่งกลับไปเผื่อกินที่ห้องก็ได้”
“วันนี้ทำตัวเป็นเสี่ยจัง” เธอยิ้มขำแล้วดันแว่นตาชิดใบหน้า อ่านเมนูแล้วสั่งที่ตัวเองต้องการ ปกป้องก็สั่งแบบเดียวกัน ทั้งสองพูดคุยถามไถ่สารทุกข์เช่นที่ผ่านมา แม้เขาจะโทรศัพท์คุยกับเธอบ่อยๆ แต่มันเหมือนเวลาได้เห็นหน้ากันแบบนี้
“พี่หมอก้องจะแต่งงานแล้วเหรอ”
“อืม” ธีรยาตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจนัก แล้วลอบมองดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองบ่อยๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอ ‘คิดถึง’ ผู้ชายคนนั้นเข้าจนได้
“แบบนี้หมิวก็อกหักสินะ” ปกป้องเป็นเพื่อนสนิทที่เรียกว่าสนิทมากจนรู้ว่าธีรยาแอบชอบหมอก้องภพ แต่เป็นการแอบรักฝ่ายเดียว
“ก็ใช่นะ” เธอพูดแล้วหยุดรอจนพนักงานเสิร์ฟยกบะหมี่มาวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วจึงพูดต่อ “แฟนพี่หมอก้องน่ารักด้วย เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากๆ”
“มีอะไรก็ระบายกับเราได้นะ” ปกป้องพูดด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักกันมา เขารู้ว่าธีรยาแอบชอบผู้ชายอยู่คนเดียวก็คือหมอก้องภพ และนั้นทำให้เขาคงสถานะเพื่อนสนิทที่ไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะไปแทนที่ได้
“แค่อกหักนะ ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก” พูดแล้วก็เคี้ยวเนื้อเป็ดคำโต “อร่อยมาก”
“จริงๆเลย” ปกป้องยิ้มขำแล้วหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะยื่นไปแตะที่มุมปาก “กินเหมือนเด็กเลย”
“ก็มันอร่อยนี่ แล้วก็อยู่กับนายด้วย ไม่ต้องรักษากิริยามากนัก หรือว่ารังเกียจกัน!”
“ใช่ที่ไหนเล่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เราชอบ”
“หือ? ว่าอะไรนะ”
เพราะมัวแต่ตั้งใจกินของอร่อยจึงไม่ทันฟังคำท้ายประโยคที่พูดอย่างแผ่วเบา
“ปะ..เปล่า เอ่อ เราบอกให้กินเยอะๆ หรือจะเอาเป็ดครึ่งตัวเลยดีไหม”
“ไม่ต้องๆ แต่เอาคอเป็ดมาแทะกระดูกก็ดีนะ”
“ยัยหมิวเอ๊ย! ก็บอกแล้วว่ามื้อนี้เราเลี้ยงเอง ถ้าเหลือก็แค่เอากลับบ้าน”
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาแล้วเรียกพนักงานเอาเป็ดมาอีกครึ่งตัว เขานั่งดูเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่มันเป็นรอยยิ้มดีใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวอกหักและท่าทางจะอกหักถาวรเพราะอีกฝ่ายแต่งงาน แบบนี้ค่อยคุ้มค่าที่เขาทำงานหนักให้มีผลงานและขอย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ จะได้มีโอกาสเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นคนรัก
ว่าแต่ เธอจะยอมเป็นแฟนเขาไหมนะ.
รถกระบะโฟร์วิลมาจอดหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผมสั้นเกรียนลงจากรถสาวเท้ายาวๆ มาเปิดประตูให้หญิงสาวลงจากรถได้สะดวก
“เราเสริมบันไดให้เอาไหม”
“ไม่ต้อง!”
ธีรยาแลบลิ้นใส่แล้วลงมายืนได้สำเร็จ เพราะใส่กระโปรงอยู่หรอกถึงต้องระวังขนาดนี้ แต่วันนี้ทั้งสองคุยกันเรื่องเก่าสนุกจนเพลินลืมเวลา หลังจากการกินบะหมี่เสร็จก็ไปต่อร้านกาแฟไม่ไกลนัก ได้นั่งคุยกันนานขึ้น อัพเดตชีวิตของแต่ละคน
“เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ” “ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ” “ตามใจ” ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม “มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม” “อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ” “งั้นเราไปล่ะ” ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก “อ๊ะ! คุณ...” ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่” “ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ช
“ได้ ถ้าคุณลืม ผมจะทบทวนว่าเราเป็นอะไรกัน”คนตัวเล็กขยับตัวดิ้นรนทำให้กระโปรงร่นขึ้นเห็นเรียวขาขาวผ่อง โจวเจียอีใช้มือเพียงข้างเดียวก็รวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากที่พูดจาแทงใจเขาเหลือเกิน ไอร้อนจากกายเขาผสานกับกลิ่นน้ำหอมเกิดเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัว คล้ายปลุกเร้าความทรงจำในค่ำคืนนั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาแตกตื่น คราวนี้เธอกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ โจวเจียอีรับรู้ได้ว่า การกระทำของตนทำให้เธอตกใจ จึงจำใจผละจากริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่เพราะเตียงเล็กทำให้เขาต้องดึงเธอมากอดไว้“ขอโทษ...”“คะ?”“คุณกลัวสินะ”“หมิวตกใจค่ะ” เธอสารภาพ “เรา...เราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม”“อื้ม...” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็มีอะไรกับคุณไม่ได้”“คะ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่ม “คุณไม่สบายเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”โจวเจียอีหัวเราะ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ“เปล่า ผมแต่ไม่ได้เตรียมตัวมามีเซ็กส์กับคุณ”“คุณ...พูดตรงไปหรือเปล่า” คราวนี้เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ“ผมเป็นคนตรงไ
เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง” “มาเร็วไม่ดีหรือ?” โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง” เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...” “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะค
“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งใ
เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว “ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาด
เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัวโจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลั
“สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง” เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว” “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ” “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน” “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ” เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ” “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว” เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ
“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว” “ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ” “ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ” “ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้องบางที...ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง.......... หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย “เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”