คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด
“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง”
“อย่าดื้อค่ะ”
โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้”
แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ
รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ?
“จะรับไว้พิจารณานะคะ”
“โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ
“เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก”
“ได้ ผมสอนให้เอง”
“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”
“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”
สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.
….
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนจะเกิดเรื่องมากมายกับชีวิตของธีรยาขนาดนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้ เธอเดินเข้าแผนกฉุกเฉินอย่างไม่ลังเล โผล่หน้าไปเพื่อเจอรอยยิ้มของหมอก้องภพ แต่เวลาเธอนี้กลับยืนยังลังเลไม่กล้าเข้าไป
“อ้าว! หมอหมิวไม่เข้าไปรึคะ” พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยทักด้วยความคุ้นเคย
“รอเพื่อนอยู่ค่ะ”
“เพื่อนหมอหมิวเข้าห้องฉุกเฉินเหรอคะ” คราวนี้คุณพยาบาลถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนเจ็บศีรษะแตกเย็บสิบสองเข็มอยู่ข้างใน”
“ค่ะ น่าจะเป็นคนนั้น”
“เข้าไปได้นะคะ ตอนนี้เย็บแผลเสร็จแล้ว”
“ค่ะ..ขอบคุณค่ะ”
ธีรยาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วก้าวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน บ่ายนี้ไม่วุ่นวายอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ ในห้องนอกจากหมอประจำแผนกแล้วก็มีพยาบาลเดินไปเดินมา คนตัวสูงที่นั่งอยู่มองข้ามไหล่คุณหมอเห็นเจ้าของร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ก็ผงกศีรษะเล็กน้อย แต่ทำให้คุณหมอที่ดูแลอยู่รู้ตัวว่ามีคนอื่นเข้ามาทำให้เขาเอี้ยวตัวไปมองเล็กน้อย
ไม่เห็นหน้ากันแค่ครึ่งเดือน ทำไมรู้สึกยาวนานเป็นชาติขนาดนี้
ก้องภพได้แต่ระบายลมหายใจเบาๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจธีรยา
“มาแล้วเหรอ” ปกป้องเอ่ยทักแล้วย้ายสายตามองเจ้าบอดี้การ์ดตัวโตแล้วกระตุกมุมปากยิ้มเยาะ
ธีรยามองเจสันกับปกป้องสลับกันไปมาอย่างงุนงง
“ทำไมสองคนนี้มาเจอกันได้ล่ะ”
“ไม่มีครับ อุบัติเหตุนิดหน่อย” เจสันร้อนตัวรีบพูดออกไป “ความจริงแผลนิดเดียวเองครับ”
“บาดแผลเกิดจากของไม่มีคมกระแทกศีรษะ เย็บสิบสองเข็ม” ก้องภพพูดลอยๆ ขึ้นมา “แต่ถ้าคุณยืนยันว่าศีรษะไปกระแทกกับขอบตู้เอง ผมก็จะลงรายงานไว้ตามนั้น”
“ขอบคุณครับ” เจสันผงกศีรษะให้คุณหมอเล็กน้อย
“มีเรื่องอะไรกันแน่” ธีรยาถามด้วยความสงสัย สองคนนี้ไม่น่าจะโคจรมาเจอกันได้
“ถ้าจะคุยกันก็เชิญข้างนอกนะครับ” ก้องภพพูดพลางถอดถุงมือออก
ทั้งสามมองหน้ากันเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเด็กโดนคุณครูดุเอาจนต้องก้มหน้าพากันเดินออกมาด้านนอก พยาบาลที่สนิทกันแอบหัวเราะ แต่หมอก้องภพก็ยังมองเห็น เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนส่ายหน้าไปมา เขาเองก็เห็นปกป้องกับธีรยามานาน อีกคนซุกซนตามประสาผู้ชาย ส่วนอีกคนก็เรียบร้อยแต่แอบดื้อเงียบ และที่สำคัญที่สุดเรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาที่ไม่รู้ใจตัวเองและยังพูดจาว่าร้ายธีรยาขนาดนั้น
“เล่ามา” ธีรยาขยับแว่นสายตาแล้วจ้องหน้าชายหนุ่มทั้งสอง เพราะความสูงของเธอแค่ 155 เซนติเมตรทำให้ต้องแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย “ห้ามปิดบัง”
“คือ...” เจสันอึกอัก “เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ”
“ไอ้หมอนี่แอบตามเราไง” ปกป้องชิงพูดขึ้น
“คุณต่างหากที่แอบตามผม” เจสันแย้ง
“ก็ผมไปสืบราชการ”
“เรื่องที่คุณสืบคือเรื่องของเจ้านายผม!”
“ก็เจ้านายคุณมัน...”
“เดี๋ยวก่อน พูดแบบนี้เมื่อไหร่หมิวจะเข้าใจล่ะ” ธีรยายกมือห้ามแล้วหันไปสั่งปกป้อง “นายป้องไปรับยาให้เจสัน”
“อ้าว! ทำไมเป็นเราล่ะ”
“ป้องจะให้หมิวไปเอาเอง?” เธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “หรือให้คนเจ็บเสื้อเปื้อนเลือดไปเอา”
“ได้...รอนี่แหละ เดี๋ยวเราไปรับยาให้เอง”
ปกป้องเบ้ปากแล้วเดินไปที่จุดรอรับยา เดินได้สองก้าวก็นึกขึ้นได้หันมาถาม “นายชื่ออะไรนะ ชื่อตามพาสปอร์ต”
“ผมแซ่ไป๋ชื่อห่าวอู๋ครับ”
“ไป๋-ห่าว-อู๋ เรียกยากจริงๆ” ปกป้องโคลงศีรษะไปมาแล้วเดินไปรอรับยาให้บอดี้การ์ดตัวโต
ธีรยาถอนหายใจแล้วหันมาดูอาการของเจสัน เพราะตัวเตี้ยเป็นเหตุเลยต้องเขย่งปลายเท้าขึ้น “ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะ”
“ครับผม แค่นี้เล็กน้อยครับ” แผลหนักกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว
“รู้ว่าทนได้” เธอถอนหายใจอีกรอบ “ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เกิดการเข้าใจผิดกันครับ บอสโดนใส่ร้ายว่าไปพัวพันกับธุรกิจมืดพวกกลุ่มคอลเซนเตอร์ ผมเองกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ บังเอิญคุณปกป้องก็ตามสืบเรื่องเดียวกัน แต่คิดว่าบอสเป็นคนอยู่เบื้องหลัง...”
“ซับซ้อนจริงๆ แต่อีริคไม่เกี่ยวใช่ไหม”
“ครับ” เจสันตอบรับหนักแน่น “การทำงานของบอสคือตรงไปตรงมา ยอมหักไม่ยอมงอ เด็ดขาดและรวดเร็ว บอสของเราจึงมักถูกนินทาลับหลังว่าเป็นมาเฟีย”
“ก็บอสของเจสันเป็นมาเฟียจริงๆนั้นแหละ จอมบงการ เผด็จการ”
เจสันหัวเราะเบาๆ “ขอบคุณที่เชื่อใจบอสครับ คุณธีรยาเป็นผู้หญิงคนแรกที่บอสให้อยู่ใกล้ชิดมากขนาดนี้”
“พูดเหมือนอีริคไม่เคยมีแฟน” เธอเบ้ปาก “ช่างเถอะ แล้วทำไมถึงได้แผลที่ศีรษะล่ะ นายป้องทำเหรอ”
“หูย! นี่เราแค่เดินไปรับยาให้ไม่กี่นาทีนี่ก็ยังนินทาเลยเหรอ” ปกป้องได้ยินแล้วก็ยัดถุงยาใส่มืออีกฝ่าย
“คุณปกป้องไม่ได้ทำจริงๆครับ” เจสันยืนยัน “มันเป็นอุบัติเหตุ เกิดตอนชุลมุน ผมถูกอีกฝ่ายเล่นงานเอาครับ”
“คงต้องเก่งมากสินะถึงทำให้เจสันเจ็บได้”
เพราะรู้จักกันมาหลายเดือน เจสันไม่ได้มีหน้าที่คอยตามเธอต้อยๆ เขายังดูแลความปลอดภัยให้เธอด้วย
“ก็...” เจสันปรายมองไปทางปกป้อง อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี คงยอมรับไม่ได้ว่าที่เขาบาดเจ็บเพราะเอาตัวเข้าบังนายปกป้อง ช่างเถอะ ถือว่าเป็นเพื่อนของคุณธีรยาก็แล้วกัน เขาจึงได้แต่จำใจยอมรับเสียเอง
“มันเป็นอุบัติเหตุครับ”
“โอเค. เชื่อก็ได้” ธีรยายักไหล่แล้วจ้องไปทางปกป้อง “ที่เรียกหมิวมาก็เพื่อให้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม”
“เฮ้ย! ยัยหมิว!เธอมันหัวอ่อน เราก็แค่อยากให้หมิวรู้ว่าผู้ชายที่หมิวคบเป็นคนอันตรายมากแค่ไหน”
“เรื่องนั้นเรารู้” เธอพยักหน้ารับ ช่วงนี้โจวเจียอีมีเรื่องหนักหนามากพออยู่แล้ว เรื่องคุณกานดาเธอก็ต้องแวะไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ ค่อยๆ พูดให้คุณกานดายอมรับน้องชายของโจวเจียอี เธอไม่อยากให้เขาต้องแบกภาระไว้เพียงลำพัง ที่ทำได้ก็คือเป็นกำลังใจให้เขา
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”