ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง
ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้
“อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง
“อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
“อื้อ...คุณ...อึก..อีริค..ฉัน...อื้อออ”
นิ้วเรียวยาวสำรวจภายในร่องสีสวย เรียวขาแยกออกอย่างไม่รู้ตัวสะโพกส่ายรับจังหวะเข้าออกของนิ้วกร้าน เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นทำให้เราเร่งรัวนิ้วจนน้ำสวาทไหลเปียกชุ่มนิ้ว เขาเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเป็นสองนิ้ว
“แฮ่กๆ มะ..ไม่..ไม่ไหวแล้ว”
“อีกนิดนะ ...ของคุณแคบมาก จะรับของผมเข้าไปไม่ไหว อื้มม ตรงนี้สินะ คุณชอบใช่ไหม น้ำออกมาเยอะเลย”
ร่างขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและร้อนรุ่มราวป่วยไข้ เหงื่อชื้นซึมออกมา โจวเจียอีพอใจกับแรงตอดรัดที่นิ้วมือทุกครั้งที่เขาชักนิ้วเข้าออก เขาก็ดูดดึงปลายยอดอกของเธอไปพร้อมกัน
“ไม่..ไม่ไหวแล้ว อึก...อ๊า”
ธีรยาหวีดร้องออกมาเมื่อถูกเขาเร่งเร้าไปถึงจุดสุดยอด ร่างเกร็งกระตุกและร่องรักตอดรัดสอง ไม่สิ สามนิ้วของเขา ชายหนุ่มผละจากทรวงอกที่ดูดเม้มจนเป็นรอยช้ำแล้วยิ้มมุมปาก เขาถอนนิ้วออกจากร่องสาวแล้วส่งเข้าปากชิมความหวานจากกายสาว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยที่อยู่บนหัวเตียง
บรรยากาศในห้องร้อนเร่าเพราะสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดรัดกันบนเตียงกว้าง ตามเนื้อตัวมีร่องรอยสีแดงเต็มไปหมด โจวเจียอีประคองลำเอ็นที่สวมปราการเรียบร้อยแล้วค่อยๆ กดเข้าไปในร่องรักที่เปียกแฉะ น้ำฉ่ำวาวช่วยให้เขากดปลายหัวบากเข้าไปได้ง่ายแต่กระนั้นมันก็ยังคับแคบจนเขาต้องค่อยๆ เคลื่อนไหวดุนดันเข้าไปที่ละน้อย แต่นั้นยิ่งทำให้ธีรยาหวาบหวามปั่นป่วนไปหมด เรียวขาแยกกว้างมากขึ้นและยกสะโพกขึ้นเพื่อให้เขากดลำเอ็นเข้ามาลึกกว่าเดิม
“ใจเย็นๆ เด็กน้อย” เขายิ้มทั้งที่เหงื่อซึมหน้าผาก ช่องทางคับแคบนี้ทำให้เขาอยากกระแทกเข้าไปทีเดียวให้มิดด้าม แต่ยังเป็นกังวลว่าเธอจะรับความใตของเขาไม่ไหว
“อื้อ”
เสียงครางหวานและดวงตาฉ่ำปรือที่จ้องมองทำให้ชายหนุ่มโน้มหน้าลงจูบกลีบปากอีกครั้ง และส่งตัวตนเข้าไปจนหมด เสียงเธอครางสะอึกสะอื้นอยู่ในปากของเขา
“อ๊ะ...จุก...”
นั้นคือสิ่งที่เธอรู้สึกแต่พูดไม่ได้ ท่อนเอ็นใหญ่ยาวมุดเข้าไปกระแทกถึงมดลูกเลยทีเดียว แต่เมื่อเขาเริ่มขยับตัวความเสียดเสียวก็เข้ามาแทนที่ สองขาเกี่ยวเอวสอบอย่างไม่รู้ตัว ปลายเล็บเผลอจิกต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม โจวเจียอีไม่อาจรอได้อีกต่อไปเริ่มขยับเอวสอบตามใจปรารถนา ลมหายใจถี่กระชั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาก้มมองกลีบเนื้ออวบอูมที่ดูดกลืนลำเอ็น แรงตอดรัดรุนแรงทำให้เขารู้ว่าเธอใกล้จะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง การบดเอวส่ายวนทำตลอดจนตอกลำเอ็นรัวๆ ทำให้ธีรยาแทบคลั่งจนหวีดร้องออกมาอีกครั้งผสานเสียงครางต่ำอย่างพอใจก่อนจะยกเรียวขาของเธอขึ้นพาดบ่าและเริ่มโยกเอวสอบอีกครั้ง
“อึก...อ่า...”
ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง ชายหนุ่มเสือกกายเข้าออกอย่างรุนแรง ไร้ความปรานีดิบเถื่อนจนเตียงใหญ่สั่นไหว ร่างเล็กสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น ร่างกายของเขาร้อนรุ่มและพร้อมปลดปล่อยยิ่งทำให้เขาขยับซอยสะโพกรวดเร็ว ท่าทางทรมานนั้นเร้าอารมณ์ของเขายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เขาถอนแก่นกายออก เปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ เธอได้หายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่เขางอเข่าและดันมันไปด้านหน้าทำให้สะโพกเธอลอยเหนือที่นอนและส่งลำเอ็นร้อนระอุเข้ามาอีกครั้ง
“อ๊ะ...อะ ...อ๊ะ”
สีหน้าและเสียงครวญครางนั้นทำให้เขาโยกเอวไม่ยั้ง หน้าอกอิ่มสวยถูกดันจนเหมือนจะทะลักล้นออกมา ธีรยาได้แต่ปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวตามความพอใจรวมทั้งนำพาความเสียวซ่านที่ไม่เคยรู้จักมาเธอได้ลิ้มรส ช่องรักคับแคบตอดรัดลำเอ็นทำให้เขารู้สึกดีและแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ดวงตาคู่สวยปรือตาขึ้นมามีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ เขาขยับเปลี่ยนท่าแยกขาที่ไร้เรี่ยวเองออกโดยที่ท่อนเอ็นยังเชื่อมอยู่ภายใน เขายื่นมือไปยึดหัวเตียงไว้แล้วเริ่มบดคลึงเนินเนื้อเนิบช้า น้ำรักวาวใสเปื้อนเปรอะไรขนอ่อนบาง เธอครางกระเส่าและร่างกายเริ่มสั่นไหวอีกครั้งเมื่อเขาโยกเอวถี่รัวโดยที่สองมือยังยึดหัวเตียงและก้มมองคนใต้ร่างที่ได้แต่บิดตัวไปมาเพราะความเสียวซ่าน ความร้อนรุมรัญจวนถาโถมละลอกแล้วละลอกเล่า หญิงสาวใกล้แต่สุดสุดยอดอีกครั้ง
“อีกนิด พร้อมกัน..” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอย่างรู้ว่าเธอใกล้จะเสร็จอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ยั้งความต้องการอีก เร่งเดินเครื่องเต็มกำลังจนร่างเล็กเกร็งกระตุกไปอีกรอบพร้อมกับชายหนุ่มที่แหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม
ธีรยาเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในขณะเดียวกับหัวสมองก็โล่งปลอดโปร่งอย่างที่สุด นี่นะเหรอข้อดีของการถึงจุดออกัสซั่มอย่างที่เคยได้ยินมา แต่เวลานี้เธอเพลียจนไม่อาจลืมตาได้อีก โจวเจียอีคอยๆ ถอนลำเอ็นออกจากร่องรักที่บวมช้ำเล็กน้อย ผ้าปูที่นอนมีคราบสีแดงจางๆ เขาขมวดคิ้วแล้วมองหน้าคนที่ชิงหลับไปก่อน ปกติเขาไม่เคยอนุญาตให้ ‘คู่ขา’ หลับบนเตียงเดียวกับเขา แต่ครั้งนี้เห็นทีว่าเป็นเขาที่ต้องละเมิดกฎของตัวเองแล้ว.
…….
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม
ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น “คุณ!” “คุณ...”ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ
“โรงพยาบาล?” กานดาทำท่าตกใจ “ลูกไม่สบายเหรอ”“เปล่าครับ พอดีลูกน้องทำเรื่องไว้” เขายิ้มและส่งสายตาให้หญิงสาว “วันนั้นคุณคงเสียขวัญน่าดู แต่ทางทนายของเราติดต่อชดใช้ค่าเสียหายและบริจาคเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้ว” “เสียขวัญ? นี่มันเรื่องอะไรกันยัยหมิว ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย” คราวนี้คุณเพ็ญนภาทำหน้ากังวล ธีรยาจึงจำเป็นต้องเปิดปากพูดบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นกังวลเรื่องงานของเธอ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนทะเลาะกันที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องพวกนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนดูแลจัดการ หมิวไม่รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างก็คนละแผนกกัน” “อ่อ...มิน่าล่ะ ผมกลับไปที่แผนกฉุกเฉินอีกครั้งแต่ไม่พบคุณ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เขาก็อยากเจอคุณหมอคนสวยอยู่เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงที่มีเซ็กส์นอนบนเตียงเดียวกัน ถึงไม่อนุญาตเธอก็โดนเขาจับกินจนสิ้นเรี่ยวแรงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าตอนเช้าเขาออกไปคุยงานกับลูกค้า กลับเข้ามาพบแค่ที่นอนยับยู่ กระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เธออยู่รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก็เหมือนกับไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเลย เขาทั้งหงุดหงิด โมโห เสียหน้า
“เช่าชุด?” เขาถามเพื่อความแน่ใจแล้วขับรถออกไป “ค่ะ...เช่าชุดใส่ไปงานแต่งงาน ธีมงานขาว-ชมพู ก็เลยว่าจะไปหาดูที่ร้านนี้ ถ้าสั่งออนไลน์ก็กลัวจะไม่ตรงปกค่ะ”“ถ้างั้นผมเลือกร้านให้เอาไหม?” “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”“ไม่เชื่อเซนส์ผมเหรอ” เขายิ้มทั้งที่ตายังมองไปยังถนนตรงหน้า “หรือถ้าห่วงเรื่องเงิน เรื่องนั้นผมจัดการให้ได้” “เราเพิ่งรู้จักกันคุณไม่ต้องเปย์ให้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” เธอไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้าด้วย กลัวถูกทวงทีหลังอีกต่างหาก“ก็ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก”“คุณนี่...จะจีบเหรอ” ธีรยาดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้า “ถ้าเห็นฉันเป็นของแปลกก็ไม่ต้องมาจีบเลยนะ”“ก็แปลกจนน่าสนใจไง” เขาพูดไปตามตรงแล้วขับรถไปห้างสรรพสินค้าหรูหรา เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงมา “มาเถอะ ผมไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอก ตัวแค่นี้กินไม่อิ่ม” เขายิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามอง “แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่...” “คุณนี่... หน้าตาก็ดี ปากร้ายชะมัด” “ยอมรับว่าผมหน้าตาดีแล้วสิ” ธีรยาไม่เคยเจอคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อน จู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวตกใจแล้วดึงมือกลับ “แค่จะใ
“คุณ...อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้” ธีรยาจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย “ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” ดวงตาคมปลาบจ้องมองคนตัวเล็ก เขาพอใจกับท่าทีไม่สะทกสะท้านแม้ถูกสายตาของเขากดดันอยู่ มุมปากยกยิ้มขึ้นก่อนเอ่ย “ทำไมคิดว่าผมเล่นๆ กับคุณเล่า” “ก็...คนอย่างคุณ...” “คนอย่างผม?” เขาชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คนอย่างผมไม่คู่ควรกับคุณหมอย่างคุณเหรอ” “มะ..ไม่ใช่แบบนั้น...เอ่อ...คือ..ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครแต่คุณมีฐานะทางสังคมดีกว่าแล้วก็...”เธออึกอักพลันหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “เรื่องคืนนั้นมันก็แค่วันไนท์สแตนด์ เราไม่ควรเจอกันอีก” “แค่วันไนท์สแตนด์?” เขาหรี่ตาจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ “ผมไม่คิดว่าเรื่องคืนนั้นเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ และเป็นคุณต่างหากที่ทิ้งผม” “คะ? ฉันนะเหรอ” นิ้วเรียวชี้ที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง “ผมเขียนโน้ตวางไว้บนหมอน ให้คุณรอผม ผมมีนัดกับลูกค้าตอนสิบโมงเช้า แต่พอผมเสร็จธุระแล้วกลับเข้ามาเจอแค่ที่นอนยับยู่ยี่นี่นะ” “ก็...ฉันไม่เห็นโน้ตอะไรเลย แต่ถึงเห็น...ฉันก็
“อืม ...คุณกลัวเหรอ” “กลัวอาชีพคุณมากกว่า” คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง” “เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้” “ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก” ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู “คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน “คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง” เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย
ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’ ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’ ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’ ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ! ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็