“เช่าชุด?” เขาถามเพื่อความแน่ใจแล้วขับรถออกไป
“ค่ะ...เช่าชุดใส่ไปงานแต่งงาน ธีมงานขาว-ชมพู ก็เลยว่าจะไปหาดูที่ร้านนี้ ถ้าสั่งออนไลน์ก็กลัวจะไม่ตรงปกค่ะ”
“ถ้างั้นผมเลือกร้านให้เอาไหม?”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เชื่อเซนส์ผมเหรอ” เขายิ้มทั้งที่ตายังมองไปยังถนนตรงหน้า “หรือถ้าห่วงเรื่องเงิน เรื่องนั้นผมจัดการให้ได้”
“เราเพิ่งรู้จักกันคุณไม่ต้องเปย์ให้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” เธอไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้าด้วย กลัวถูกทวงทีหลังอีกต่างหาก
“ก็ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก”
“คุณนี่...จะจีบเหรอ” ธีรยาดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้า “ถ้าเห็นฉันเป็นของแปลกก็ไม่ต้องมาจีบเลยนะ”
“ก็แปลกจนน่าสนใจไง” เขาพูดไปตามตรงแล้วขับรถไปห้างสรรพสินค้าหรูหรา เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงมา
“มาเถอะ ผมไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอก ตัวแค่นี้กินไม่อิ่ม” เขายิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามอง “แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่...”
“คุณนี่... หน้าตาก็ดี ปากร้ายชะมัด”
“ยอมรับว่าผมหน้าตาดีแล้วสิ”
ธีรยาไม่เคยเจอคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อน จู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวตกใจแล้วดึงมือกลับ
“แค่จะให้คุณเดินมาทางผม” เขาหัวเราะในลำคอ “ไปครับ ห้องเสื้อร้านนั้นผมรู้จักกับเจ้าของร้าน เสื้อผ้าของเขาใช้ได้ทีเดียว”
โจวเจียอีเป็นคนที่ ‘เวลาเป็นเงินเป็นทอง’ เขาไม่ได้ว่างแต่เพราะ ‘สนใจ’ หญิงสาวคนนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้มารดาก็เคยเปรยให้ฟังแต่เขาไม่ได้ใส่ใจ จน ‘บังเอิญ’ ได้พบกัน ครั้งแรกแรมในคืนนั้น ต่อมาที่โรงพยาบาลเพราะลูกน้องของเขาก่อเรื่อง หากไม่ไปจัดการเองก็เกรงว่าจะเสียภาพพจน์ไปถึงบริษัท และอีกครั้งที่ไม่คิดว่าจะได้เจอลูกสาวของเพื่อนแม่ แม้รู้ว่าเป็นลูกบุญธรรมเพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าก็ตาม
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเสื้อแห่งหนึ่ง พนักงานออกมาต้อนรับอย่างดี ธีรยาทำตาปริบๆ เธอเองก็พอใจกับเสื้อผ้าที่มองเห็นอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่ามันดูดีกว่าที่เธอเคยเลือกๆ ตามร้านเสื้อผ้าออนไลน์
“อยากให้ผมช่วยเลือกไหม?” เขาถามแล้วจับไหล่เธอมาตรงราวเสื้อผ้า “ธีมขาว-ชมพู จะว่าไปก็เหมาะกับคุณนะ เอาเป็นชุดเดรสสั้นหรือยาวดี แต่ขาสั้นแบบนี้ใส่เดรสสั้นน่ารักกว่า”
“ที่บ้านคุณเขาล้อกันเรื่องรูปร่างเป็นเรื่องสนุกปากหรือไง พ่อคนตัวสูง!”
“ก็คุณขาสั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไร” เขาขมวดคิ้วทำหน้างง “แม่ผมก็ยังพูดแบบนี้”
คราวนี้ธีรยาไม่รู้จะเถียงยังไงดี เขาอาจใช้คำพูดแบบชินปาก โดยไม่รู้ว่าไปกระทบจิตใจคนอื่น แต่เธอก็ตัวเตี้ยสำหรับเขาจริงๆ
“เดรสสั้นก็ได้ค่ะ” เธอตัดสินใจ เลือกๆให้มันจบๆ เถอะ “คุณมาเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงบ่อยเหรอ”
“ครับ” เขาตอบแล้วมองหน้าหญิงสาว “มากับแม่ แม่ชอบให้มาเลือกเสื้อผ้าเป็นเพื่อน พ่อผมเสียแล้วก็ผมก็เลยพยายามดูแลท่านให้มากขึ้น แต่ระยะหลังมานี้ก็ไม่ค่อยได้ออกมาเป็นเพื่อนแม่เท่าไหร่ ตอนนี้แม่มาอยู่เมืองไทย ได้เจอเพื่อนสนิท แม่ก็คงไม่เหงาแล้วล่ะครับ”
ธีรยาพยักหน้าเข้าใจ แม้เธอเป็นเด็กกำพร้าแต่ก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ ไม่ได้รู้สึกว่าการพูดเรื่องพวกนี้กระทบกระเทือนจิตใจแต่อย่างใด เธอเริ่มมองเขาดีขึ้นแต่ก็ไม่เทใจให้เต็มร้อย เธอเลือกชุดเดรสที่โจวเจียอีเลือกให้แล้วเข้าไปลองเปลี่ยนดู
“ใส่แล้วก็ออกมาให้ผมดูด้วยสิ” เขาพูดปนหัวเราะ
“ต้องดูด้วยเหรอ” เธอพูดเสียงสูงออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ก็ผมอยากรู้ว่าสายตาผมยังดีอยู่หรือเปล่า” เขาหัวเราะแล้วหยิบมือถือออกมาอ่านข้อความ ทว่าไม่นาทีต่อมาหญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องลองชุด ชายหนุ่มถึงกับนิ่งงันไป
พอเห็นเขาเงียบ ธีรยาก็ใจคอไม่ดี เธอหมุนซ้ายหมุนขวาอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไม่เหมาะเหรอคะ งั้นเอาชุดอื่นดีกว่า”
“ไม่เหมาะจริงๆ คุณใส่ชุดนี้แล้วสวยกว่าเจ้าสาวแน่” เขาทำหน้าจริงจัง “อีกอย่าง...ผมหวง”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาหวงฉัน” ธีรยาหัวเราะออกมา คนๆนี้ก็ทำเรื่องให้ชวนหัวเราะจริงๆ
“สิทธิ์ของคนจีบไง” เขาทำหน้าดุ แล้วลุกขึ้นยืนดันร่างเล็กกลับเข้าไปในห้องลองชุดอีกที
สองมือเรียวเล็กยกขึ้นดันแผงอกของเขา แต่เขาจับไหล่เธอแล้วหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่
“นี่คือสิ่งที่คนอื่นเห็นเหมือนที่ผมเห็น” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่บ้าง “หน้าอกคุณมันล้นออกมาแบบนี้ ถ้าอยากใส่ชุดนี้จริงๆ ก็ใส่ให้ผมดูคนเดียวก็แล้วกัน”
“เปลี่ยนชุดก็ได้” เธอพึมพำเสียงเบา ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำเธอรู้สึกหวิวๆ ชอบกล
“ดี” เขาพยักหน้ารับแล้วอดอดเลียริมฝีปากไม่ได้ คนตัวเล็กซ่อนรูปจริงๆ หน้าอกก็อิ่มจนน่ากินชะมัด! “คุณอยู่ในนี้แหละ ผมไปหยิบชุดใหม่ให้เอง”
ไม่รู้ทำไมเธอถึงยอมทำตามที่เขาสั่ง เขาหายออกไปไม่กี่นาทีก็หิ้วชุดเดรสมาอีกสองสามชุด เธอรับไว้แล้วส่งสายตาให้เขาออกไป แต่อีกฝ่ายยังคงตีมึนอยู่ในห้องลองชุด
“ออกไปสิ”
“คุณก็เปลี่ยนชุดสิ” เขายังตีมึนอยู่ “ชุดนี้ซิปอยู่ด้านหลัง คุณจะใส่ยังไง”
“เอ่อ...ก็ใส่ได้...”
“งั้นก็เปลี่ยนเลยสิ”
ธีรยาจำใจผลักผ้าม่านแล้วเข้าไปเปลี่ยนชุดลองชุดใหม่ ซิปซ่อนอยู่ด้านหลังเธอจึงโผล่หน้ามา เมื่อเห็นเขายังอยู่ก็หันหลังให้เขา เพียงแค่นี้โจวเจียอีก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วรูดซิปด้านหลังให้ ปลายนิ้วแตะแผ่นหลังเหมือนไม่ตั้งใจแต่ทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที
“โอเค.” เขาพูดสั้นๆแต่เรียกสติของหญิงสาว เธอหันกลับมาเผชิญสายตากับเขา โจวเจียอีกวาดตามองอย่างพอใจแล้วพยักหน้ารับ “แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย มิดชิดดี”
“นึกว่าผู้ชายชอบผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ๆเสียอีก”
“ชอบ” เขาผงกศีรษะรับ “แต่ผมชอบไว้ดูคนเดียวไม่แบ่งคนอื่น”
ปลายนิ้วเชยคางหญิงสาวขึ้น ธีรยายังไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากร้อนก็กดทับลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ ในขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างเป็นเจ้าของ ใช้ปลายลิ้นแยกกลีบปากสวยก่อนแทรกเข้าไปชิมความหวานจากโพรงปากสาว
“อื้อ” ธีรยาเริ่มขยับตัวหนีแต่แขนข้างหนึ่งโอบรัดเธอไว้ไม่ให้ถอยห่าง เขาจูบจนพอใจแล้วจึงยอมผละจากริมฝีปากของหญิงสาว
“คุณ!” เธอทั้งโกรธทั้งอาย แต่เขากลับยกนิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากให้อย่างใส่ใจ
“คุณถือดียังไงมาจูบฉัน!”
“แค่ทำให้แน่ใจว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ” เขายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ธีรยารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชอบกล “ตอนแรกผมแค่รู้สึกว่าคุณน่าสนใจ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมชอบคุณ”
“!”
“คุณ...อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้” ธีรยาจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย “ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” ดวงตาคมปลาบจ้องมองคนตัวเล็ก เขาพอใจกับท่าทีไม่สะทกสะท้านแม้ถูกสายตาของเขากดดันอยู่ มุมปากยกยิ้มขึ้นก่อนเอ่ย “ทำไมคิดว่าผมเล่นๆ กับคุณเล่า” “ก็...คนอย่างคุณ...” “คนอย่างผม?” เขาชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คนอย่างผมไม่คู่ควรกับคุณหมอย่างคุณเหรอ” “มะ..ไม่ใช่แบบนั้น...เอ่อ...คือ..ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครแต่คุณมีฐานะทางสังคมดีกว่าแล้วก็...”เธออึกอักพลันหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “เรื่องคืนนั้นมันก็แค่วันไนท์สแตนด์ เราไม่ควรเจอกันอีก” “แค่วันไนท์สแตนด์?” เขาหรี่ตาจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ “ผมไม่คิดว่าเรื่องคืนนั้นเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ และเป็นคุณต่างหากที่ทิ้งผม” “คะ? ฉันนะเหรอ” นิ้วเรียวชี้ที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง “ผมเขียนโน้ตวางไว้บนหมอน ให้คุณรอผม ผมมีนัดกับลูกค้าตอนสิบโมงเช้า แต่พอผมเสร็จธุระแล้วกลับเข้ามาเจอแค่ที่นอนยับยู่ยี่นี่นะ” “ก็...ฉันไม่เห็นโน้ตอะไรเลย แต่ถึงเห็น...ฉันก็
“อืม ...คุณกลัวเหรอ” “กลัวอาชีพคุณมากกว่า” คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง” “เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้” “ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก” ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู “คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน “คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง” เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย
ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’ ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’ ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’ ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ! ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็
“เราถูกย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้ว” “จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสิ” ธีรยายิ้มกว้าง “พักแถวไหนล่ะ แบบนี้ก็ดีเลยนะจะได้กลับไปช่วยงานแม่เพ็ญนภาได้” “อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าหมิวยังกลับไปที่บ้านนั้นอีกนะ” ปกป้องทำตาโต “ทำไมจะกลับไปไม่ได้ล่ะ ป้องนั้นแหละ ทำไมไม่กลับไปหาแม่เพ็ญนภาบ้าง” “ไม่อยากฟังบ่น” ปกป้องยักไหล่ “เลิกงานแล้วมีนัดที่ไหนไหม ไปหาอะไรกินกัน ป้องเลี้ยงเองในฐานะที่ได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้หมิว” “เรื่องกินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็อดกวาดตามองรอบๆไม่ได้ ไม่เอาน่า เธอไม่ได้รอใครเสียหน่อย ทำไมต้องมองหาด้วยเล่า “รอใครหรือเปล่า นัดพี่หมอก้องไว้เหรอ” ปกป้องถามเพราะสังเกตได้ว่าธีรยาเหมือนมองหาใครอยู่ แถมยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย ปกติไม่ค่อยเห็นคนตัวเล็กแต่งหน้าสักเท่าไหร่ “เปล่า” หญิงสาวส่ายหน้ายืนยัน “ไปเถอะ หิวแล้ว ว่าแต่เจ้ามือจะเลือกร้านให้หรือให้หมิวเลือกร้านเอง” “หมิวเลือกเลยสิ อยากกินอะไร ป๋าจ่ายเอง” “อืม เราเห็นร้านบะหมี่ติดแอร์เปิดใหม่ใกล้ๆ โรงพย
“เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ” “ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ” “ตามใจ” ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม “มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม” “อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ” “งั้นเราไปล่ะ” ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก “อ๊ะ! คุณ...” ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่” “ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ช
“ได้ ถ้าคุณลืม ผมจะทบทวนว่าเราเป็นอะไรกัน”คนตัวเล็กขยับตัวดิ้นรนทำให้กระโปรงร่นขึ้นเห็นเรียวขาขาวผ่อง โจวเจียอีใช้มือเพียงข้างเดียวก็รวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากที่พูดจาแทงใจเขาเหลือเกิน ไอร้อนจากกายเขาผสานกับกลิ่นน้ำหอมเกิดเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัว คล้ายปลุกเร้าความทรงจำในค่ำคืนนั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาแตกตื่น คราวนี้เธอกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ โจวเจียอีรับรู้ได้ว่า การกระทำของตนทำให้เธอตกใจ จึงจำใจผละจากริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่เพราะเตียงเล็กทำให้เขาต้องดึงเธอมากอดไว้“ขอโทษ...”“คะ?”“คุณกลัวสินะ”“หมิวตกใจค่ะ” เธอสารภาพ “เรา...เราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม”“อื้ม...” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็มีอะไรกับคุณไม่ได้”“คะ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่ม “คุณไม่สบายเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”โจวเจียอีหัวเราะ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ“เปล่า ผมแต่ไม่ได้เตรียมตัวมามีเซ็กส์กับคุณ”“คุณ...พูดตรงไปหรือเปล่า” คราวนี้เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ“ผมเป็นคนตรงไ
เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง” “มาเร็วไม่ดีหรือ?” โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง” เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...” “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะค
“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งใ