“เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ”
“ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ”
“ตามใจ” ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม”
“อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ”
“งั้นเราไปล่ะ”
ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก
“อ๊ะ! คุณ...” ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...
“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
“ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ชั้นไหน”
“นี่คุณจะไปไหน”
“ไปห้องคุณ”
“ไม่ได้นะ!”
“ชั้นไหน” เขาถามย้ำน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดัน
“ทำไมต้องไปห้องหมิวด้วย” เธอขึงตาโต้เขากลับ แต่มุมปากของเขายกยิ้มทำให้เธอเริ่มใจคอไม่ดี จนใบหน้าหล่อเหลาโน้มหน้าลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเรือนแก้ม
“หรืออยากให้ผมจูบคุณตรงนี้”
“คุณ!”
ท่าทางเอาจริงของเขาทำให้ธีรยาเบือนหน้าหลบแล้วยื่นมือไปกดหมายเลขชั้นที่ตัวเองพักอยู่ เขาจึงยอมเลิกก่อกวนเธอชั่วคราว ไม่กี่นาทีประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวเดินมาที่ห้องของตัวเอง หันไปบอกผู้ชายที่เดินตามมาก่อนจะเปิดประตู
“บอกไว้ก่อนนะว่าห้องรก แล้วก็เล็กด้วย”
โจวเจียอีพยักหน้ารับ เขาบุกมาถึงห้องก็เพื่อดูให้เห็นกับตาว่าเธอไม่ได้ซุกซ่อนใครไว้ในห้อง จึงไม่สนใจว่าห้องเธอจะเล็กเท่ารังหนูหรือรกแค่ไหน หญิงสาวดันแว่นตาด้วยความเคยชินก่อนเปิดประตูห้อง มือเรียวเอื้อมไปกดสวิตช์ไฟให้ความสว่างในห้องขนาดเล็ก เธอเดินนำเข้าไปด้านใน วางกระเป๋าสะพายบนโต๊ะแล้วหันไปถามเขา
“ปกติไม่ชอบให้ใครมาที่ห้อง ในห้องมีแค่น้ำเปล่า นมกล่องแล้วก็กาแฟสำเร็จรูป คุณจะดื่มอะไรดีคะ”
ธีรยารู้ว่าเขาคงดูแคลนเธออยู่ ห้องพักของเธอขนาดเล็ก มันเป็นห้องเดี่ยวโล่งๆ ที่จับทุกอย่างมาใส่ในห้องเดียว ห้องน้ำอยู่มุมหนึ่ง เตียงนอนอยู่มุมหนึ่ง และอีกมุมหนึ่งเป็นห้องครัวขนาดเล็กที่อยู่ติดกับระเบียงที่พอให้เธอนั่งกินข้าวหรือดื่มกาแฟและใช้มุมนี้เป็นที่นั่งอ่านหนังสือหรือทำงานไปด้วย ถึงจะเป็นห้องเล็กๆ แต่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ มันคือความภูมิใจของเธอเลยล่ะ
รอยยิ้มโล่งใจผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว โจวเจียอีแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ตนเองเป็นอย่างนี้ ห้องของเธอค่อนข้างเป็นระเบียบ แน่นอนว่าห้องนี้เล็กมากหากเทียบกับห้องพักของเขา แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างลงตัว ในห้องไม่มีร่องรอยว่าเธออยู่ร่วมกับคนอื่น เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกพาดที่เก้าอี้ สายตาเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้ที่เขาส่งมาให้อยู่ในมุมต่างๆ ของห้อง รวมทั้งถุงและกล่องขนมก็ถูกเก็บไว้เรียบร้อยที่มุมห้อง ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาส่งมาให้จะถูกเธอเก็บไว้แม้จะไม่อาจเรียกว่า ‘อย่างดี’ แต่ก็ไม่ถูกทิ้งขว้างอย่างที่เขาคิดไว้
“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำดื่มส่งให้ ห้องของเธอเสมือนอาณาจักรส่วนตัว ไม่เคยให้ใครเข้ามา การมีคนอื่นเข้ามายืนในห้องแบบนี้ เธอรู้สึกแปลกพิกล
“คุณกินอะไรมาหรือยัง หมิวมีคุกกี้ที่คุณให้มาเหลืออยู่นะ”
“ไม่อร่อยเหรอ ทำไมยังเหลืออยู่ล่ะ” เขารับน้ำมาดื่มเล็กน้อย ห้องเธอไม่มีโซฟา แต่มีโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้อยู่ที่ระเบียง ทำให้ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียงของเธอ
“อร่อยค่ะ แต่กลัวหมด”
ธีรยาพูดเสียงเบาแล้วไปยกเก้าอี้จากระเบียงมานั่งตรงหน้าเขา เพราะเขาพาดเสื้อสูทไว้เธอจึงหยิบมาจัดให้เรียบร้อยก่อนวางที่เดิม ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ตบที่นอนด้านข้างตัวเองเหมือนเรียกให้เธอไปนั่งด้วย เพราะเธอนั่งตัวแข็งไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง โจวเจียอีจึงขยับตัวจับคนตัวเล็กมานั่งบนตักเขาเสียเอง
“คุณ...” คำพูดของเธอถูกเขาดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ฝ่ามือใหญ่ประคองท้ายทอยเธอไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนีจูบร้อนแรงที่มอบให้
เขาขบเม้มกลีบปากนุ่มเรียกร้องให้เธอเปิดปาก เรียวลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากสาว ดวงตาคมวาวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อตัวน้อย ทำให้เธอปิดเปลือกตาลงเพื่อหลบสายตาร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาให้หลอมละลายในอ้อมอกที่กอดรัดแนบแน่น
“คิดถึงผมไหม?”
เขาถามเสียงพร่าหลังจากถอนจูบแล้ว อยากจูบเธอให้นานกว่านี้แต่เหมือนคนตัวเล็กยังไม่ประสีประสานัก เกรงว่าจะกลั้นลมหายใจตายไปเสียก่อน เขาถอดแว่นตาของเธอออกทำให้หญิงสาวลืมตามองเขาเต็มตา เธอไม่ตอบแต่กัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าหวานแดงเรื่อลามไปที่ลำคอ เขาใช้ปลายนิ้วไล้แก้มนวลแผ่วเบา แล้วยื่นหน้าไปขบเม้มติ่งหูดุจไข่มุกอย่างหยอกล้อ แต่สร้างความวาบหวิวไปทั่วช่องท้อง หญิงสาวหลุดเสียงครางเบาๆ พอรู้ตัวก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง โจวเจียอีพอใจกับเสียงหวานที่ได้ยิน อารมณ์ขุ่นมัวจางลงไปมาก สองมือลูบไล้เรือนร่างที่แสนโหยหา
“คุณนี่ใจร้ายจริงๆ กล้าไปกินข้าวกับผู้ชายอื่นทั้งที่มีผมอยู่ได้ยังไง”
“คะ? อะไรนะคะ”
ธีรยาได้สติใช้สองมือดันแผ่นอกของเขาไว้ ทำให้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังปลดกระดุมเสื้อเธออยู่
“ผู้ชาย?...อ้อ...ปกป้อง...นั้นเพื่อนสนิทอยู่บ้านเด็กกำพร้าด้วยกันค่ะ”
“ผมอุตส่าห์ตั้งใจไปรับคุณมาดินเนอร์ แต่มีคนชิงตัดหน้าไปเสีนได้”
“คุณเห็นเหรอคะ? หรือว่าแอบตามหมิว”
“ไม่ได้แอบตาม แต่ผมไปรับคุณจะมากินข้าวด้วยกันต่างหากล่ะ” เขาเงยหน้าสบตากับเธอ “คุณรู้ไหมว่าผมต้องรีบเคลียร์งานแทบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อหาเวลากลับเมืองไทย”
“ความผิดหมิวเหรอ” เธอพูดแล้วกัดริมฝีปาก ทำไมรู้สึกดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้นะ “แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน จะไปกินข้าวหรือไปไหนกับใครก็ได้”
“ไม่-ได้-เป็น-อะไร-กัน”
น้ำเสียงเยียบเย็นและท่าทางคุกคามนั้นทำให้ธีรยารู้สึกกลัวขึ้นมา เธอพลิกตัวลงจากตักของเขาแต่กระต่ายน้อยก็ไหวตัวช้าเกินไป ราชสีห์หนุ่มตะครุบเหยื่อได้ทันแล้วจับกดร่างเล็กนอนหงายบนเตียงขนาด3.5ฟุต
“ได้ ถ้าคุณลืม ผมจะทบทวนว่าเราเป็นอะไรกัน”คนตัวเล็กขยับตัวดิ้นรนทำให้กระโปรงร่นขึ้นเห็นเรียวขาขาวผ่อง โจวเจียอีใช้มือเพียงข้างเดียวก็รวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากที่พูดจาแทงใจเขาเหลือเกิน ไอร้อนจากกายเขาผสานกับกลิ่นน้ำหอมเกิดเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัว คล้ายปลุกเร้าความทรงจำในค่ำคืนนั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาแตกตื่น คราวนี้เธอกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ โจวเจียอีรับรู้ได้ว่า การกระทำของตนทำให้เธอตกใจ จึงจำใจผละจากริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่เพราะเตียงเล็กทำให้เขาต้องดึงเธอมากอดไว้“ขอโทษ...”“คะ?”“คุณกลัวสินะ”“หมิวตกใจค่ะ” เธอสารภาพ “เรา...เราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม”“อื้ม...” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็มีอะไรกับคุณไม่ได้”“คะ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่ม “คุณไม่สบายเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”โจวเจียอีหัวเราะ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ“เปล่า ผมแต่ไม่ได้เตรียมตัวมามีเซ็กส์กับคุณ”“คุณ...พูดตรงไปหรือเปล่า” คราวนี้เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ“ผมเป็นคนตรงไ
เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง” “มาเร็วไม่ดีหรือ?” โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง” เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...” “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะค
“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งใ
เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว “ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาด
เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัวโจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลั
“สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง” เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว” “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ” “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน” “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ” เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ” “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว” เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ
“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว” “ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ” “ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ” “ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้องบางที...ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง.......... หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย “เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ” “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก” “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ” “ก็...” “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!“หมิว...” “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ” “อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”