Share

Chapter 13.   หรืออยากให้ผมจูบคุณตรงนี้

            “เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ”

            “ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ”

            “ตามใจ”  ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม

            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม”

            “อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ”

            “งั้นเราไปล่ะ”

            ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป  ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน  แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก

            “อ๊ะ! คุณ...”  ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...

“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

            “ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ชั้นไหน”

            “นี่คุณจะไปไหน”

            “ไปห้องคุณ”

            “ไม่ได้นะ!”

            “ชั้นไหน” เขาถามย้ำน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดัน

            “ทำไมต้องไปห้องหมิวด้วย”  เธอขึงตาโต้เขากลับ แต่มุมปากของเขายกยิ้มทำให้เธอเริ่มใจคอไม่ดี จนใบหน้าหล่อเหลาโน้มหน้าลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเรือนแก้ม

            “หรืออยากให้ผมจูบคุณตรงนี้”

            “คุณ!” 

            ท่าทางเอาจริงของเขาทำให้ธีรยาเบือนหน้าหลบแล้วยื่นมือไปกดหมายเลขชั้นที่ตัวเองพักอยู่ เขาจึงยอมเลิกก่อกวนเธอชั่วคราว ไม่กี่นาทีประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวเดินมาที่ห้องของตัวเอง หันไปบอกผู้ชายที่เดินตามมาก่อนจะเปิดประตู

            “บอกไว้ก่อนนะว่าห้องรก แล้วก็เล็กด้วย”

            โจวเจียอีพยักหน้ารับ เขาบุกมาถึงห้องก็เพื่อดูให้เห็นกับตาว่าเธอไม่ได้ซุกซ่อนใครไว้ในห้อง จึงไม่สนใจว่าห้องเธอจะเล็กเท่ารังหนูหรือรกแค่ไหน หญิงสาวดันแว่นตาด้วยความเคยชินก่อนเปิดประตูห้อง มือเรียวเอื้อมไปกดสวิตช์ไฟให้ความสว่างในห้องขนาดเล็ก เธอเดินนำเข้าไปด้านใน วางกระเป๋าสะพายบนโต๊ะแล้วหันไปถามเขา

            “ปกติไม่ชอบให้ใครมาที่ห้อง ในห้องมีแค่น้ำเปล่า นมกล่องแล้วก็กาแฟสำเร็จรูป คุณจะดื่มอะไรดีคะ”

            ธีรยารู้ว่าเขาคงดูแคลนเธออยู่ ห้องพักของเธอขนาดเล็ก มันเป็นห้องเดี่ยวโล่งๆ ที่จับทุกอย่างมาใส่ในห้องเดียว ห้องน้ำอยู่มุมหนึ่ง เตียงนอนอยู่มุมหนึ่ง  และอีกมุมหนึ่งเป็นห้องครัวขนาดเล็กที่อยู่ติดกับระเบียงที่พอให้เธอนั่งกินข้าวหรือดื่มกาแฟและใช้มุมนี้เป็นที่นั่งอ่านหนังสือหรือทำงานไปด้วย ถึงจะเป็นห้องเล็กๆ แต่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ มันคือความภูมิใจของเธอเลยล่ะ

            รอยยิ้มโล่งใจผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว โจวเจียอีแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ตนเองเป็นอย่างนี้  ห้องของเธอค่อนข้างเป็นระเบียบ  แน่นอนว่าห้องนี้เล็กมากหากเทียบกับห้องพักของเขา แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างลงตัว  ในห้องไม่มีร่องรอยว่าเธออยู่ร่วมกับคนอื่น  เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกพาดที่เก้าอี้ สายตาเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้ที่เขาส่งมาให้อยู่ในมุมต่างๆ ของห้อง  รวมทั้งถุงและกล่องขนมก็ถูกเก็บไว้เรียบร้อยที่มุมห้อง  ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาส่งมาให้จะถูกเธอเก็บไว้แม้จะไม่อาจเรียกว่า ‘อย่างดี’ แต่ก็ไม่ถูกทิ้งขว้างอย่างที่เขาคิดไว้

            “น้ำค่ะ”  เธอยื่นแก้วน้ำดื่มส่งให้  ห้องของเธอเสมือนอาณาจักรส่วนตัว ไม่เคยให้ใครเข้ามา การมีคนอื่นเข้ามายืนในห้องแบบนี้ เธอรู้สึกแปลกพิกล

“คุณกินอะไรมาหรือยัง หมิวมีคุกกี้ที่คุณให้มาเหลืออยู่นะ”

            “ไม่อร่อยเหรอ ทำไมยังเหลืออยู่ล่ะ” เขารับน้ำมาดื่มเล็กน้อย ห้องเธอไม่มีโซฟา แต่มีโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้อยู่ที่ระเบียง ทำให้ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียงของเธอ

            “อร่อยค่ะ แต่กลัวหมด”

ธีรยาพูดเสียงเบาแล้วไปยกเก้าอี้จากระเบียงมานั่งตรงหน้าเขา เพราะเขาพาดเสื้อสูทไว้เธอจึงหยิบมาจัดให้เรียบร้อยก่อนวางที่เดิม  ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ตบที่นอนด้านข้างตัวเองเหมือนเรียกให้เธอไปนั่งด้วย เพราะเธอนั่งตัวแข็งไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง โจวเจียอีจึงขยับตัวจับคนตัวเล็กมานั่งบนตักเขาเสียเอง

“คุณ...”  คำพูดของเธอถูกเขาดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ฝ่ามือใหญ่ประคองท้ายทอยเธอไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนีจูบร้อนแรงที่มอบให้

เขาขบเม้มกลีบปากนุ่มเรียกร้องให้เธอเปิดปาก เรียวลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากสาว ดวงตาคมวาวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อตัวน้อย  ทำให้เธอปิดเปลือกตาลงเพื่อหลบสายตาร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาให้หลอมละลายในอ้อมอกที่กอดรัดแนบแน่น

“คิดถึงผมไหม?” 

เขาถามเสียงพร่าหลังจากถอนจูบแล้ว อยากจูบเธอให้นานกว่านี้แต่เหมือนคนตัวเล็กยังไม่ประสีประสานัก เกรงว่าจะกลั้นลมหายใจตายไปเสียก่อน  เขาถอดแว่นตาของเธอออกทำให้หญิงสาวลืมตามองเขาเต็มตา  เธอไม่ตอบแต่กัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าหวานแดงเรื่อลามไปที่ลำคอ เขาใช้ปลายนิ้วไล้แก้มนวลแผ่วเบา แล้วยื่นหน้าไปขบเม้มติ่งหูดุจไข่มุกอย่างหยอกล้อ แต่สร้างความวาบหวิวไปทั่วช่องท้อง หญิงสาวหลุดเสียงครางเบาๆ พอรู้ตัวก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง โจวเจียอีพอใจกับเสียงหวานที่ได้ยิน อารมณ์ขุ่นมัวจางลงไปมาก สองมือลูบไล้เรือนร่างที่แสนโหยหา

“คุณนี่ใจร้ายจริงๆ กล้าไปกินข้าวกับผู้ชายอื่นทั้งที่มีผมอยู่ได้ยังไง”

“คะ?  อะไรนะคะ” 

ธีรยาได้สติใช้สองมือดันแผ่นอกของเขาไว้ ทำให้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังปลดกระดุมเสื้อเธออยู่

“ผู้ชาย?...อ้อ...ปกป้อง...นั้นเพื่อนสนิทอยู่บ้านเด็กกำพร้าด้วยกันค่ะ”

“ผมอุตส่าห์ตั้งใจไปรับคุณมาดินเนอร์ แต่มีคนชิงตัดหน้าไปเสีนได้”

“คุณเห็นเหรอคะ? หรือว่าแอบตามหมิว”

“ไม่ได้แอบตาม แต่ผมไปรับคุณจะมากินข้าวด้วยกันต่างหากล่ะ”  เขาเงยหน้าสบตากับเธอ “คุณรู้ไหมว่าผมต้องรีบเคลียร์งานแทบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อหาเวลากลับเมืองไทย”

“ความผิดหมิวเหรอ”  เธอพูดแล้วกัดริมฝีปาก ทำไมรู้สึกดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้นะ “แล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน  จะไปกินข้าวหรือไปไหนกับใครก็ได้”

“ไม่-ได้-เป็น-อะไร-กัน”

น้ำเสียงเยียบเย็นและท่าทางคุกคามนั้นทำให้ธีรยารู้สึกกลัวขึ้นมา เธอพลิกตัวลงจากตักของเขาแต่กระต่ายน้อยก็ไหวตัวช้าเกินไป ราชสีห์หนุ่มตะครุบเหยื่อได้ทันแล้วจับกดร่างเล็กนอนหงายบนเตียงขนาด3.5ฟุต

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status