“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ”
“ยัยหมิว!”
“จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย”
“อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง”
“โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!”
เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้
“คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ”
“ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่”
“คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง
“หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา
“นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา
“ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรยานะครับ”
“ตามใจ” เธอรู้ว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้น พวกเขาทำตามหน้าที่ แต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง เธอส่งยิ้มให้ปกป้องแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องแล็บ
“นี่ต้องเรียกยัยหมิวว่าคุณธีรยาทุกคำเลยเหรอ” ปกป้องถามแล้วยื่นมือไปฉวยถุงยามาถือเอง
“ครับ ผู้หญิงของเจ้านายเรียกชื่อเล่นไม่สะดวกปากครับ”
“วุ่นวายจริงๆ” ปกป้องเบ้ปาก “ไปรถผมแล้วกัน บ้านอยู่ทางไหนจะได้ไปส่งถูก”
เจสันกลั้นยิ้มแล้วบอกตำแหน่งที่พักของตัวเอง จะว่าไปเพื่อนของคุณธีรยาก็นิสัยไม่เลวเลยทีเดียว เขาหยิบสมาร์ทโฟนมาโทรเรียกบอดี้การ์ดคนอื่นมารับคุณธีรยาหลังเลิกงาน
หญิงสาวขยับแว่นสายตาเล็กน้อย สองเท้าชะงักไปทันที่เห็นหมอก้องภพยืนรออยู่ไม่ไกลนัก เธอไม่แน่ใจว่าเขารอเธอหรือเปล่า แต่เมื่อเธอทำท่าจะเดินผ่านเลยไป เขาก็ส่งเสียงเรียกเธอไว้ก่อน
“หมอหมิว”
“คะ?” ธีรยาหันกลับมา แต่ยังคงรักษาระยะห่างไว้ไม่ใกล้ชิดเล่นหัวเช่นที่เคยเป็นมา สถานะของเธอกับเขาตอนนี้เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
ก้องภพเห็นการแสดงออกชัดเจนธีรยา เขาได้แต่ถอนหายก่อนคลี่ยิ้มเศร้าๆ ออกมา
“เดี๋ยวนี้แค่ทักทายก็ทำไม่ได้เหรอ”
“ก็...” เธอไม่รู้ว่าควรตอบเขายังไง ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
“พี่ขอโทษ”
“คะ?”
“พี่ขอโทษ” เขาพูดจากใจจริง “พี่ทำเรื่องไม่ควรทำ พูดในสิ่งไม่ควรพูด หมิวไม่ได้ผิดอะไรเลย พี่เองที่ผิดทุกอย่าง”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เธอไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรในเวลานี้ ใจเธอยังไม่สามารถให้อภัยเขาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
“พี่เข้าใจ ไม่ต้องยกโทษให้พี่ตอนนี้หรอก แค่ให้รู้ว่าพี่เสียใจและจะไม่เกิดเรื่องนั้นอีก” เขายิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือวางบนศีรษะของเธอเหมือนที่เคยทำมาหลายปี “หมิวโตแล้วจริงๆ และพี่ก็ควรเป็นพี่ชายที่ดูแลน้องสาวให้ดี ควรยินดีที่น้องสาวมีคนรักและเป็นคนที่ดีด้วย”
“พี่หมอก้อง” เธอพูดได้แค่นั้นเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่เคยมีมันสลายกลายเป็นน้ำตาไปหมดแล้ว
“ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่ไม่สามารถดูแลหมิวได้แล้วเพราะพี่มีคนที่ต้องดูแลแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
ธีรยายิ้มออกมา อย่างน้อยเธอก็มองหน้าเขาได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ที่ต้องเจอกันอีก
“ไปทำงานไป!”
ก้องภพผลักเธอเบาๆ หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ แล้วเดินกลับไปที่ห้องแล็บที่ตนทำงานอยู่ ชายหนุ่มยิ้มเหงาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปที่แผนกของตน
ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง
ทว่าภาพที่เขมิกาเห็นนั้นมันบาดใจเหลือเกิน เขาแต่งงานกับเธอแล้วยังหยอกล้อผู้หญิงคนอื่นอีก ซ้ำยังเป็นผู้หญิงที่เธอเกลียดขี้หน้าด้วย
เสี้ยนหนามหัวใจมันเป็นแบบนี้เองสินะ.
...
หญิงสาวขยับแว่นตาด้วยความเคยชินขณะกวาดสายตามองหาคนที่นัดหมาย ไม่กี่วินาทีธีรยาก็พบเขมิกานั่งจิบกาแฟรออยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เธอคลี่ยิ้มน้อยๆ แม้ประหลาดใจกับการนัดหมายพบเจอครั้งนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธที่จะพบเจอ
“พี่เข็ม รอนานไหมคะ”
“ไม่ค่ะ กาแฟเพิ่งมาเสิร์ฟ น้องหมิวอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะคะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง เค้กร้านนี้อร่อยทุกเมนูเลยค่ะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความเป็นกันเอง สาวแว่นก็เบาใจลง เธอสั่งลาเต้เย็นกับเค้กน่ากินอีกหนึ่งชิ้นแล้วหันมาส่งยิ้มให้เข็มมิกา
“พี่เข็มเป็นยังไงบ้างคะ วางแผนไปฮันนีมูนที่ไหน”
ทีแรกเธอยังคิดว่าก้องภพแต่งงานแล้วก็คงจะลาหยุดไปฮันนีมูน แต่เขายังกลับมาทำงานปกติไม่เหมือนคนเพิ่งแต่งงาน จะว่าไปเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคู่อื่นเป็นยังไงและเธอเองก็ไม่เคยแต่งงานด้วย
“ก็วางแผนกันอยู่ค่ะ พี่อยากไปต่างประเทศ แต่พี่ก้องต้องลางานล่วงหน้าแถมหยุดยาวเป็นสัปดาห์ ก็เลยยังหาวันหยุดลงตัวไม่ได้เสียที”
เขมิกายิ้มแล้วจิบกาแฟร้อน ไม่นานเครื่องดื่มและเค้กของธีรยาก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เมื่อก่อนจะกินจะดื่มอะไรแต่ละอย่าง ธีรยาจะคิดแล้วคิดอีกเพราะติดนิสัยเสียดายเงิน แต่ตอนนี้เธอสามารถกินดื่มได้ตามใจ ไม่ใช่เพราะมีคนรักเป็นมหาเศรษฐี แต่เพราะเธอมีรายได้เพิ่มจากการไปทำงานที่แล็บเอกชน
“ดีจัง กินไม่กลัวอ้วนเลย”
“กินแค่นี้ไม่อ้วนหรอกค่ะ” ธีรยาหัวเราะเสียงใส “พี่เข็มมีเรื่องอะไรให้หมิวช่วยหรือเปล่าคะ”
หมอแล็บถามเข้าประเด็น เธอรู้ว่าไม่มีทางที่จู่ๆ เขมิกาจะนัดเธอมานั่งจิบกาแฟพูดคุยหยอกล้อแน่ๆ แต่เธอก็บริสุทธิ์ใจเรื่องของเธอกับก้องภพเป็นเรื่องที่จบไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น
“น้องหมิวพูดตรงแบบนี้ พี่ก็จะไม่อ้อมค้อมนะคะ”
เขมิกาวางแก้วกาแฟแล้วยิ้มบางๆ
“พี่อยากให้น้องหมิวช่วยรักษาระยะห่างกับพี่ก้องด้วยค่ะ”
“คะ?” ธีรยาทำหน้างุนงง “พี่เข็มพูดว่าอะไรนะคะ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนจะพูดซ้ำออกมา
“พี่ไม่อยากเห็นน้องหมิวสนิทกับพี่ก้องค่ะ ก่อนหน้านี้พี่ก้องยังไม่แต่งงาน น้องหมิวจะทำยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ก้องแต่งงานแล้ว น้องหมิวก็ควรวางตัวให้ถูกไม่ใช่ใกล้ชิดกันเกินไป คนอื่นจะมองว่ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงานได้นะคะ”
“แต่หมิวกับพี่หมอก้องเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนร่วมงานกัน ไม่มีเรื่องเกินเลยจริงๆ ค่ะ”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้องหมิวกับพี่หมอก้องรู้กันแค่สองคน แต่สิ่งที่ทำมันทำให้คนอื่นคิดค่ะ แล้วช่วยคิดถึงความรู้สึกพี่ด้วยว่าจะรู้สึกยังไง”
“หมิว...หมิวขอโทษค่ะ หมิวจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
แม้ในใจอยากเถียงว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่คนอย่างธีรยาเคยอ้าปากเถียงใครเป็นด้วยเหรอ แต่ไหนแต่ไรเวลามีเรื่องอะไร เธอก็มักใช้วิธีปิดปากให้สนิทแล้วหลบไปนั่งเช็ดน้ำตาคนเดียว
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”