เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี
เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา
“หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม”
“ไม่รู้ ขามันไปเอง”
เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้
“หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม”
“คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด”
“หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้
“ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เธอยิ้มแหย่ “เคยเห็นแผลถูกยิงแต่ไม่คิดว่าจะถูกยิงเอง”
“หมิว...ผมรักคุณ”
“หือ?” เธออิงอยู่กับอกของเขาจึงได้ยินไม่ชัดนัก “อะไรนะคะ”
“ผมรักคุณ”
“รักเพราะหมิวถูกยิงเหรอ” เธอหัวเราะแต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดมันอยู่ที่ไหนกันนะ เจ็บจริงๆนะ!
“พระเจ้า คุณนี่นะ” เขาไม่รู้จะจัดการเธอยังไงดี “ผมรักคุณ ผมมาช่วยคุณไม่ใช่เพราะหน้าที่แต่เพราะหัวใจผมสั่งให้ต้องมาช่วยคุณ”
“หวานจัง ไม่คิดว่าประธานโจวจะพูดคำหวานๆแบบนี้เป็นด้วย”
“แต่งงานกับผม ผมจะพูดให้คุณฟังคนเดียว” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “ไม่ต้องเสี่ยงเอาตัวรับกระสุนแบบนี้อีกนะ”
“หมิวก็รักคุณค่ะ”
“แต่งงานกับผมนะ”
“นี่ขอแต่งงานทั้งที่เลือดอาบแบบนี้เหรอ”
“โธ่! หมิว!”
“ค่ะๆ แต่งค่ะ หมิวจะแต่งงานกับคุณ”
“ผมรักคุณ คุณหมอฮอตเนิร์ดของผม”
หญิงสาวหัวเราะแล้วพูดออกมา
“หมิวก็รักคุณค่ะ คุณประธานมาเฟีย”
เพียงแค่ได้ยินคำตอบ หัวใจของเขาก็พองโต หากไม่เพราะคนในอ้อมอกบาดเจ็บ เขาคงดีใจกว่านี้ ธีรยาได้แต่ยิ้ม แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็ว แต่เธอไม่อยากเสียเขาไป อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายจอมเผด็จการเอาแต่ใจคนนี้
นับจากนี้เธอจะไม่ใช่เด็กกำพร้าอีกต่อไป เธอจะมี ‘ครอบครัว’ เป็นของตัวเองแล้ว ธีรยา!.
บทส่งท้าย
ก้องภพพาเขมิกามาเยี่ยมธีรยาที่บ้านของโจวเจียอี บาดแผลของหญิงสาวไม่สาหัสนัก พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็ออกมาได้ โจวเจียอีไม่อยากให้คนรักอยู่คนเดียวที่คอนโดจึงขอร้องให้เธอมาพักฟื้นที่บ้านของมารดา คุณกานดาเองก็เต็มใจให้ว่าที่ลูกสะใภ้มาอยู่ด้วยกัน
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ หมิวไม่เป็นอะไรมาก แต่ไหนๆได้ลาป่วยแล้วก็เลยใช้เต็มที่หน่อย” เธอพูดติดตลกแล้วรับกระเช้าผลไม้จากเขมิกา
“เข็มร้อนใจเป็นห่วงหมิวมาก” ก้องภพพูดขึ้นแล้วบีบมือภรรยา “บอกแล้วหมอหมิวไม่เป็นอะไรมาก พูดยังไงก็ไม่เชื่อเลยต้องมารบกวนคนเจ็บแบบนี้”
“รบกวนอะไรกันค่ะ พี่ชายกับพี่สะใภ้มาเยี่ยม หมิวต้องดีใจอยู่แล้ว” เธอยิ้มทะเล้น เรื่องที่เขมิกาพูดวันนั้นมันน้อยนิดกับเหตุการณ์ที่เธอเจอ และที่สำคัญเธอจะแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด
เขมิกาพูดไม่ออกแต่น้ำตาคลอเบ้า เด็กคนนี้จิตใจดีจริงๆ แม้เธอเคยพูดจาทำร้ายจิตใจแต่ก็ยังยิ้มจริงใจให้เธอ
“อ้าว ร้องไห้แล้ว” ก้องภพตกใจรีบเช็ดน้ำตาให้ภรรยาสาว เขารู้ว่าตัวเองเคยทำผิดต่อเข็มมิกาจึงตั้งใจดูแลและใส่ใจอีกฝ่ายให้มากที่สุด
“น้ำตาไหลเอง” เขมิกาหยิบกระดาษทิชชูมาซับน้ำตา “ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไรอารมณ์อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน”
“นั้นสิ วันก่อนดูซีรีย์ด้วยกันก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร”
“เอ๊ะ! หรือว่าจะมีข่าวดีค่ะ” ธีรยายิ้มกว้าง “พี่หมอก้องนี่นะ เป็นหมอเสียเปล่า”
“เออจริงด้วย” ก้องภพเพิ่งนึกได้ “ก็พี่ชายคนนี้อยู่แผนกฉุกเฉินนี่ ไม่ได้อยู่สูติฯ”
เขมิกานิ่งงันไปชั่วขณะ จะว่าไปประจำเดือนเธอก็มาไม่ค่อยตรงเลยไม่ได้สังเกตว่ามันหายไป เธออดยกมือวางบนหน้าท้องตัวเองไม่ได้
“ขากลับแวะซื้อชุดตรวจก็ได้” ก้องภพกลัวเขมิกาจะดีใจเก้อ เขาไม่รู้ภรรยาตัวเองรอบเดือนขาดหายหรือไม่
“เอาเถอะค่ะ ถ้าตรวจครั้งนี้ยังไม่มีน้อง พี่หมอก้องก็แค่ขยันเพิ่มขึ้นอีกนิดสิค่ะ”
“เจ้าเด็กทะลึ่ง เรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาสอนหรอก”
ก้องภพทำตาดุใส่ยกมือขึ้นทำท่าจะเขกหัวธีรยาแต่เขมิกาตีต้นแขนสามีดังเผี๊ยะ! ทำเอาก้องภพสะดุ้งโหยง ทำให้ธีรยาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียวหัวเราะออกมา เมฆหมอกในใจสลายไปหมดสิ้น นับจากนี้เหลือเพียงความเป็นพี่น้องและเพื่อนร่วมงานจริงๆ แล้ว
โจวเจียอีเดินเข้ามาพร้อมถาดใส่แก้วนมอุ่น ธีรยาขยับนั่งหลังตรงแล้วยื่นมือไปรับแก้วนมจากคนรัก ก้องภพมองแล้วก็ยิ้มบางๆ อย่างน้อยก็มีคนที่รักจริงดูแล ‘น้องสาว’ของเขาแล้ว ก้องภพกับเขมิกาพูดคุยไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับ ชายหนุ่มทั้งสองสบตากันเล็กน้อยแม้ไม่พูดอะไรแต่ก็เข้าใจกันได้
“คุณก็ต้องดื่มนมดูแลตัวเองด้วย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทุกชนิด นอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลา เตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อน้องชายของคุณ”
“ทราบแล้วครับคุณหมอ”
โจวเจียอียื่นหน้าไปจูบหน้าผากหญิงสาว ตอนนี้เขาส่งน้องชายกับภรรยาคนที่สองคนของพ่อกลับเมืองจีนไปแล้ว ให้เตรียมตัวให้พร้อมและเขาจะเดินทางกลับไปผ่าตัดที่จีนเพราะเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้เป็นปีแล้ว โชคดีที่คุณแม่ของเขา ‘ทำใจ’ ยอมรับเรื่องนี้ได้ และจะเดินทางไปจีนเพื่อดูแลเขาหลังผ่าตัดด้วย
“แล้วคุณล่ะ พร้อมจะไปเมืองจีนกับผมหรือยัง”
“หมิวต้องลางานยาวเลย ยังไงคุณไปก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ได้! ไม่มีคุณอยู่ผมไม่กล้าผ่าตัดหรอก”
“ตลกล่ะ” เธอหัวเราะเขา ผู้ชายคนนี้บทอยากจะดื้อก็ดื้อเสียจนน่ารักจริงๆ แต่เธอก็ดูวันลาหยุดไว้แล้ว เพื่อนร่วมแผนกก็เข้าใจดี เธอทำงานแทบไม่เคยลาหยุดยาวเลย
“แล้วนี่ตกลงคุณจะไม่เล่าจริงๆเหรอว่าเจสันกับนายป้องไปปิ๊งกันตอนไหน”
ธีรยาทวงสัญญาที่เขาจเล่าเรื่องนี้ หลังจากวันนั้น ซ่งไห่เทาเลขาคนสนิทของโจวเจียอีส่งหลักฐานเกี่ยวกับเจียงซีฮันให้ปกป้องไปทั้งหมด ทำให้โจวเจียอีหลุดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา และปกป้องได้หน้าไปเต็มๆ และที่สำคัญเธอไม่เคยรู้ว่าปกป้องชอบเจสัน หรือเจสันเป็นฝ่ายไปชอบปกป้องก่อน เธอไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง แค่ ‘อยากรู้’ ตามประสาเพื่อนสนิท
“ห้ามพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม”
โจวเจียอีเองก็ยังแอบขำเรื่องที่ทั้งสองคนนั้นคบกัน แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดก็คือคนตรงหน้า
เจอครั้งแรกเรียกความบังเอิญ แต่เจอกันถึงสามครั้งแบบนี้เรียกพรหมลิขิตได้ใช่ไหม.
จบ.
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม
ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น “คุณ!” “คุณ...”ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ
“โรงพยาบาล?” กานดาทำท่าตกใจ “ลูกไม่สบายเหรอ”“เปล่าครับ พอดีลูกน้องทำเรื่องไว้” เขายิ้มและส่งสายตาให้หญิงสาว “วันนั้นคุณคงเสียขวัญน่าดู แต่ทางทนายของเราติดต่อชดใช้ค่าเสียหายและบริจาคเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้ว” “เสียขวัญ? นี่มันเรื่องอะไรกันยัยหมิว ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย” คราวนี้คุณเพ็ญนภาทำหน้ากังวล ธีรยาจึงจำเป็นต้องเปิดปากพูดบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นกังวลเรื่องงานของเธอ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนทะเลาะกันที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องพวกนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนดูแลจัดการ หมิวไม่รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างก็คนละแผนกกัน” “อ่อ...มิน่าล่ะ ผมกลับไปที่แผนกฉุกเฉินอีกครั้งแต่ไม่พบคุณ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เขาก็อยากเจอคุณหมอคนสวยอยู่เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงที่มีเซ็กส์นอนบนเตียงเดียวกัน ถึงไม่อนุญาตเธอก็โดนเขาจับกินจนสิ้นเรี่ยวแรงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าตอนเช้าเขาออกไปคุยงานกับลูกค้า กลับเข้ามาพบแค่ที่นอนยับยู่ กระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เธออยู่รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก็เหมือนกับไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเลย เขาทั้งหงุดหงิด โมโห เสียหน้า
“เช่าชุด?” เขาถามเพื่อความแน่ใจแล้วขับรถออกไป “ค่ะ...เช่าชุดใส่ไปงานแต่งงาน ธีมงานขาว-ชมพู ก็เลยว่าจะไปหาดูที่ร้านนี้ ถ้าสั่งออนไลน์ก็กลัวจะไม่ตรงปกค่ะ”“ถ้างั้นผมเลือกร้านให้เอาไหม?” “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”“ไม่เชื่อเซนส์ผมเหรอ” เขายิ้มทั้งที่ตายังมองไปยังถนนตรงหน้า “หรือถ้าห่วงเรื่องเงิน เรื่องนั้นผมจัดการให้ได้” “เราเพิ่งรู้จักกันคุณไม่ต้องเปย์ให้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” เธอไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้าด้วย กลัวถูกทวงทีหลังอีกต่างหาก“ก็ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก”“คุณนี่...จะจีบเหรอ” ธีรยาดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้า “ถ้าเห็นฉันเป็นของแปลกก็ไม่ต้องมาจีบเลยนะ”“ก็แปลกจนน่าสนใจไง” เขาพูดไปตามตรงแล้วขับรถไปห้างสรรพสินค้าหรูหรา เมื่อจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงมา “มาเถอะ ผมไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอก ตัวแค่นี้กินไม่อิ่ม” เขายิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามอง “แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่...” “คุณนี่... หน้าตาก็ดี ปากร้ายชะมัด” “ยอมรับว่าผมหน้าตาดีแล้วสิ” ธีรยาไม่เคยเจอคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อน จู่ๆ ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวตกใจแล้วดึงมือกลับ “แค่จะใ