Share

Chapter 7. ไม่อยากเข้าใกล้

         “โรงพยาบาล?” กานดาทำท่าตกใจ “ลูกไม่สบายเหรอ”

“เปล่าครับ พอดีลูกน้องทำเรื่องไว้” เขายิ้มและส่งสายตาให้หญิงสาว “วันนั้นคุณคงเสียขวัญน่าดู แต่ทางทนายของเราติดต่อชดใช้ค่าเสียหายและบริจาคเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้ว”

           “เสียขวัญ? นี่มันเรื่องอะไรกันยัยหมิว ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย” คราวนี้คุณเพ็ญนภาทำหน้ากังวล ธีรยาจึงจำเป็นต้องเปิดปากพูดบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นกังวลเรื่องงานของเธอ

           “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนทะเลาะกันที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องพวกนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนดูแลจัดการ หมิวไม่รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างก็คนละแผนกกัน”

           “อ่อ...มิน่าล่ะ ผมกลับไปที่แผนกฉุกเฉินอีกครั้งแต่ไม่พบคุณ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เขาก็อยากเจอคุณหมอคนสวยอยู่เหมือนกัน

         เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงที่มีเซ็กส์นอนบนเตียงเดียวกัน ถึงไม่อนุญาตเธอก็โดนเขาจับกินจนสิ้นเรี่ยวแรงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าตอนเช้าเขาออกไปคุยงานกับลูกค้า กลับเข้ามาพบแค่ที่นอนยับยู่ กระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เธออยู่รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก็เหมือนกับไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเลย เขาทั้งหงุดหงิด โมโห เสียหน้า เหมือนเป็นคนถูกทิ้งทั้งที่ทุกครั้งเขาเป็นฝ่ายทิ้งคนอื่นก่อน

           “ผมเป็นห่วงว่าวันนั้นคุณบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า”

           “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ก็คุณ...” ธีรยายั้งปากไว้ก่อนจะพูดออกไป “ก็ไม่มีอะไรนี่”

           “ทะเลาะกันในโรงพยาบาล เอ๋? ที่มีคลิปออกสื่อไปทั่วนั้นนะเหรอ” คุณกานดาถามลูกชาย “ตายจริง! ทำไมทำตัวเหลวไหลอย่างนี้ ที่โรงพยาบาลก็ไม่เว้น”

           “จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้วครับ” โจวเจียอีผงกศีรษะให้มารดา แล้วลอบมองไปทางหญิงสาว

“ไม่รู้ว่าคุณหมอจะมาเลยไม่ได้เตรียมของขวัญแทนคำขอโทษ”

           “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร แล้วอีกอย่างทางคุณก็จัดการทุกอย่างแล้ว”

ได้ยินว่าถึงขนาดซื้อเครื่องวัดความดันรุ่นใหม่ล่าสุดบริจาคให้ทางโรงพยาบาลตั้งห้าเครื่อง

           “ไม่ได้สิ” เขาทำหน้าจริงจัง “เอาอย่างนี้ คราวหน้าผมเอาไปให้ที่บ้านคุณหมอดีไหมครับ หรือไปที่โรงพยาบาลดี”

           “หา!” ธีรยาทำตาโต “ทางที่ดีไม่ต้องมาเจอกันอีกจะดีกว่าค่ะ”

           “ยัยหมิวอย่าเสียมารยาท ยังไงก็เป็นลูกชายของเพื่อนแม่นะ” คุณเพ็ญนภาเข้าข้างฝ่ายชายเต็มที่ “ยัยหมิวไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับน้าหรอกนะ เขาออกจากบ้านเด็กกำพร้าไปนานแล้ว”

         โจวเจียอีเลิกคิ้ว เขารู้ว่าเพื่อนแม่หรือคุณเพ็ญนภาใช้บ้านตัวเองเป็นสถานสงเคราะห์เด็กหรือบ้านเด็กกำพร้าตะวันฉาย หลายครั้งที่แม่มอบเงินบริจาคและให้ทุนการศึกษาเด็กที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าที่สวยหวานหยาดเยิ้มขนาดนี้จะเป็นเด็กที่คุณแม่อุปการะ

           “ก็ฝากไว้ที่แม่เพ็ญนภาก็ได้ค่ะ”

ธีรยาพูดเสียงเบา เดาว่าเขาคงพอรู้แล้วว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่คุณหนูผู้ดีมาจากไหน ไม่ใช่คนฐานะเดียวกับเขา เขาก็คง...เลิกสนใจไปเอง

           “หรือเอาไปให้ที่โรงพยาบาลก็ได้ อยู่แผนกอะไรนะลูกหมิว” คุณกานดาพูดแล้วหันไปถามหญิงสาว

           “หนูทำงานในห้องแล็บค่ะ”  คนอื่นไม่เรียกเธอว่าหมอด้วยซ้ำไป แต่เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้ใส่ใจนัก ที่ตัดสินใจเลือกเรียนสาขาพยาธิวิทยาส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเจอคนไข้โดยตรงอยู่แล้ว 

           “ไม่ดีหรอกครับ คุณหมอทำงานยุ่งผมไม่ไปรบกวนดีกว่า เอาเป็นว่าวันหยุดหน้าของคุณหมอวันไหนครับ เรานัดเจอกันดีไหม”

           “ไม่...”

           “ดีจ๊ะ” คุณเพ็ญนภาตอบแทนลูกสาว “จริงๆ ยัยหมิวหยุดวันเสาร์หน้า เห็นว่าจะไปหาเช่าชุดใส่ไปงานแต่งงานรุ่นพี่อยู่พอดี”

           “วันเสาร์หน้า” คนงานยุ่งขมวดคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูตารางงาน “ถ้าเป็นตอนสิบเอ็ดโมงเช้าได้ไหมครับผมไปรับที่บ้าน คุณหมออยากไปที่ไหน ผมขับรถไปส่งให้”

           “ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจ” ธีรยารีบพูดขึ้น

           “คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”

           “แต่คุณคงงานยุ่ง” เธอหันสบตากับเขา ขยิบตาให้หวังว่าเขาจะรับมุกเธอบ้างแต่อีกฝ่ายกดบันทึกตารางงานเรียบร้อยแล้วยิ้มยียวนอารมณ์ดี 

           “ผมเคลียร์งานแล้วครับ ยังไงก็ขออนุญาตชดเชยที่ทำให้คุณหมอเสียขวัญในวันนั้น”

           “เรียกคุณหมอๆ ฟังห่างเหินจัง” คุณเพ็ญนภาหัวเราะออกมา “เรียกหมิวก็ได้ เอ๊ะ...อายุน่าจะน้อยกว่าอีริคนะ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”

           “สามสิบครับ”

           “ยัยหมิวยี่สิบหกแล้ว เขาเป็นเด็กหัวดีเรียนเร็ว เข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุยังน้อย แต่ก็เพราะเอาแต่เรียนนั้นแหละ ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น จบมาก็ทำงานทันที น้าก็รู้สึกผิดกับลูกสาวมากจริงๆ”

           “คุณแม่”

           เห็นทุกคนเป็นใจขนาดนี้ ธีรยาแต่ได้แต่ยอมรับนัดของผู้ชายตัวโต เขายังคงยิ้มเหมือนเดิม ครู่หนึ่งคนรับใช้ก็มาแจ้งว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว เดิมทีโจวเจียอีไม่ได้คิดจะกินข้าวเย็นพร้อมมารดา แต่มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอยู่ด้วย วันนี้เขาจึงร่วมรับประทานอาหารเย็น คนเป็นแม่ย่อมดีใจ นานๆลูกชายจะอยู่บ้านกินข้าวด้วยสักหน  ผิดกับธีรยาที่อยากกลับก่อนก็ไม่ได้ ทำได้แค่ยอมกินข้าวเย็นที่นี่ เอาเถอะ ถือเสียว่าได้ประหยัดเงินไปอีกมื้อก็แล้วกัน ส่วนสายตาของผู้ชายคนนั้น เธอจะทำเป็นมองไม่เหมือนกับที่เคยเกือบลืมเขาไปแล้วเช่นกัน.

            รถเก๋งสีดำด้านหรูหราจอดหน้าคอนโดแห่งหนึ่งตั้งแต่เวลา10.50 น.   ธีรยาไม่คิดว่าเขาจะมารับจริงๆ วันนั้นหลังจากบอกเวลาและสถานที่นัดหมายแล้ว เขาก็ไม่ได้ติดต่อเธออีก ทำให้เธอหายใจโล่งอกคิดว่าเขาคงแค่ทำไปเพราะเอาใจคุณกานดา-แม่ของเขา แต่พอถึงเวลาจริง เธอก็อดไม่ได้ต้องมารอที่หน้าคอนโดในเวลานัดหมาย  

           ธีรยาได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไหนๆ เขาก็อยากบริการแล้วก็ตามใจเถอะ! หญิงสาวคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ดเดินไปที่รถยนต์คนนั้น ชายหนุ่มเห็นคนที่ตัวเองรอเดินมาใกล้ก็ลงจากรถมาทันที

           “ผมมาก่อนเวลาเลยไม่ได้โทรหาคุณ”

           “ไม่เป็นไรค่ะ หมิวก็ เอ่อ ฉันก็เตรียมตัวเสร็จพอดี”

           “จะแอบหนีไปก่อนเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างรู้ทัน “เรียกตัวเองว่าหมิวก็ดีนะครับ รู้สึกสนิทกันดี”

           ธีรยาหน้าเจือนที่ถูกจับได้ คนตัวโตเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง เมื่อตนเองเดินกลับมาที่ฝั่งคนขับแล้วก็เอ่ยถามหญิงสาวที่ทำหน้านิ่งอยู่

           “ไปที่ไหนดีครับ”

           ธีรยาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ปลายนิ้วเรียวเลื่อนๆ หน้าจอแล้วยื่นให้เขาดู

“ไปร้านนี้ค่ะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status