Share

Chapter 10. เพราะคุณน่าสนใจ

            “อืม ...คุณกลัวเหรอ”

            “กลัวอาชีพคุณมากกว่า”

            คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง”

            “เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้”

            “ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก” 

            ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ  โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู

            “คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน

            “คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง”  เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย”

            “ทำไมคุณสนใจฉัน”  เธอยังไม่อยากเชื่อนัก เขาคงเห็นเธอเป็นของแปลกจริงๆ

            “ก็เพราะคุณน่าสนใจ”

            “แล้วถ้าฉันหมดความน่าสนใจ..”

            “ถึงเวลานั้นผมคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วล่ะ”

            “คุณจริงจังหน่อยสิ!” 

            “ผมไม่ได้พูดเล่น”  เขายื่นหน้าไปใกล้

            “คุณพูดเหมือนกำลังดีลธุรกิจอยู่”

            “ขอโทษด้วยผมไม่ใช่คนโรแมนติก” ปลายจมูกสัมผัสปลายจมูกของหญิงสาวเบาๆ “เวลาของผมเป็นเงินเป็นทอง และเมื่อคุณคือเป้าหมายผมจึงไม่ลังเลที่จะเข้าหาคุณอย่างตรงไปตรงมา”

            พนักงานยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟทำให้ชายหนุ่มผละจากการไล่ต้อนเหยื่อตัวน้อย

หญิงสาวหน้าตาแดงก่ำไม่พูดไม่จา เมื่ออาหารถูกยกมาตรงหน้า เธอก็ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญโดยไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของชายหนุ่มระบายยิ้มตลอดเวลา.

………

            “คุณหมอธีรยามีคนมาขอพบค่ะ”

            “คะ?”

            หญิงสาวเจ้าของชื่อโผล่หน้ามาจากด้านของปฏิบัติการ เธอขยับแว่นสายตาด้วยความเคยชินก่อนแล้วเดินออกมาด้านนอก เมื่อเห็นว่าคนที่รออยู่เป็นใครก็ทำหน้าตึงขึ้นมาทันที

            “สวัสดีครับคุณหมอ...”

            “คุณเจสัน! ฉันก็บอกแล้วไม่ต้องมาอีก”

ธีรยาพูดแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ แล้วเดินมาเจอหน้าคนตัวสูงกว่า ความจริงเธอสูง 155 เซนติเมตรก็ไม่นับว่าเตี้ย แต่ทำไมบอดี้การ์ดของโจวเจียอีถึงตัวสูงใหญ่กันทุกคน  

            “แต่ผมมีหน้าที่ทำตามคำสั่งบอสนี่ครับ”  บอดี้การ์ดหนุ่มชาวฮ่องกงที่ถูกเรียกว่า ‘เจสัน’ ส่งยิ้มให้แต่หน้าตาดุดันนั้นทำให้รอยยิ้มดูกระด้างชอบกล “คราวนี้ไม่ใช่ดอกไม้นะครับ แต่เป็นคุกกี้”

            “คุกกี้...ของกินเหรอ?” 

 นี่ตานั้นคิดอะไรอยู่นะ  ธีรยาไม่เข้าใจโจวเจียอีเลยจริงๆ แต่เอาเถอะ หลายวันมานี้เขาให้ลูกน้องเอาดอกไม้มาเธอทุกวันตอนเที่ยงตรง ช่อเล็กบ้างใหญ่บ้างสลับกันไป เธอชอบดอกไม้ก็จริงแต่ให้ทุกวันแถมยังมาให้ที่ทำงานอีก  ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานจ้องมองและคนที่สนิทกันหน่อยก็เอ่ยปากหยอกล้อ

            “ครับ” เจสันรีบยื่นถุงกระดาษสีสวยใส่กล่องคุ้กกี้โดยใช้สองมือประคองและค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ธีรยารู้สึกว่าบอดี้การ์ดให้เกียรติเธอมากจึงรับไว้ เขาก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายที่พูดไม่รู้เรื่องเท่านั้น

            “ขอบคุณค่ะ”

            “....”

            “ฉันรับแล้วก็กลับไปสิ ฉันต้องทำงาน” 

ธีรยาออกปากไล่ แต่เพราะเป็นคนเสียงเบาและเสียงหวาน คำพูดที่คิดว่ารุนแรงแล้วแต่คนฟังยังแอบเคลิ้ม ถ้าไม่เพราะเป็นผู้หญิงของเจ้านาย เขาก็อยากจีบเหมือนกัน

“คุณธีรยาไม่มีอะไรฝากถึงเจ้านายผมหรือครับ รับรองว่าผมจดจำได้ทุกคำไม่ตกหล่นแน่นอน”

            “ไม่มีค่ะ”

            “เอ่อ...ผมให้เวลาคุณหมอคิดสักห้านาที...”

            “ไม่มีค่ะ”

            “คือ...”

            “เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”

            “เอ่อ...ครับๆ” 

            บอดี้การ์ดหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปแล้ว ธีรยาถึงถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะเบื่อและเลิกราไปเอง บอกว่าไม่ชอบดอกไม้แต่เธอก็อดยิ้มไม่ได้ คราวนี้เขาส่งขนมมาหลายกล่องได้อิ่มไปหลายมื้อเลยทีเดียว

            “เมื่อไหร่หมอหมิวจะเปิดตัวแฟนนะ”  เสียงรุ่นพี่ในแผนกหยอกล้อ “ทั้งขนมทั้งดอกไม้ สายเปย์ขนาดนี้ไม่เปิดตัวให้พี่ๆรู้จักบ้างเหรอ”

            “ยังไม่ได้เป็นแฟนค่ะ”  

ธีรยารีบโบกมือไปมาแต่ใบหน้าแดงก่ำ พอนึกอีกทีก็รู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไปคล้ายจะยอมรับว่ามีแฟน  เธอเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกยกถุงขนมมาบังหน้าแล้วตั้งใจจะเดินกลับไปที่ห้องแลป แต่ถูกเรียกไว้ก่อนจึงหันกลับไปมอง

            “พี่หมอก้อง” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วสาวเท้าเข้าไปหา “มีอะไรหรือเปล่าคะ มาหาถึงห้องแล็บเลย”

            “พอดีผ่านมา”  ก้องภพยิ้มน้อยๆ แล้วกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้า

            “หรือว่า... ขาดเพื่อนเจ้าบ่าวค่ะ” ธีรยาหัวเราะเสียงใสจนดวงตาหลังแว่นตาเป็นประกายพราวระยับ  “มีอะไรให้หมิวช่วยก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจค่ะ”

            “ขอบใจ งานแต่งเล็กๆคนในครอบครัวไม่มีอะไรมากหรอก อีกอย่างคู่หมั้นพี่เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว” 

            จริงที่อย่างพูดไป ก้องภพแทบไม่ได้ทำช่วยงานแต่งงานของตัวเองนัก เขมิกา-ว่าที่ภรรยาต่างหากที่จัดการให้เสร็จสรรพ ตั้งแต่การ์ดงานแต่ง ของชำร่วย ธีมงานแต่ง ร้านอาหารที่จะจ้างมาทำอาหารในงานเลี้ยงรวมทั้งเมนูที่จะเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน เขานี่แค่เอาตัวเองไปลองชุดและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเท่านั้น

            สายตาของแพทย์หนุ่มประจำห้องฉุกเฉินไปหยุดที่ถุงกระดาษหรูหรา ธีรยามองตามสายตาเขาแล้วก็ชูถุงกระดาษในมือขึ้น

            “พี่หมอก้องแบ่งขนมไปกินไหมคะ”

            “ของใครเหรอ” 

            “เอ่อ...”   ปกติเธอไม่ซื้อของกินราคาแพงนัก แต่ก็เลือกของมีคุณภาพเสมอ

            “ของหนุ่มที่มาจีบหมอหมิวนะสิ”  รุ่นพี่ในแผนกพูดขึ้น “เช้าถึงเย็นถึง ทั้งดอกไม้ทั้งขนม พวกพี่อิ่มหนำสำราญกันไปด้วย”

            ก้องภพนิ่งงันไปเล็กน้อย เขาเองก็ได้ยินว่ามีคนมาจีบ   ธีรยาขยันส่งดอกไม้มาให้และยังมีขนมของกินราคาแพงอีก และจะว่าไปเขาไม่ได้บังเอิญผ่านมา แต่สองขาพามาที่นี่อย่างไม่รู้ตัวต่างหาก  อาจเพราะไม่เห็นธีรยาโผล่ไปทักทายหลายวันแล้ว ปกติถ้าเธอมีเวลาว่างก็มักมาหาเขาบ่อยๆ  บางครั้งก่อนที่เธอกลับบ้านก็มาเคาะประตูบอกเขาว่า ‘หมิวกลับบ้านแล้วนะ’  มันเป็นความคุ้นชินที่วันหนึ่งเธอหายไปแล้วใจเขาหวิวๆชอบกล

            “ใคร?”

            “คะ?”

            “เอ่อ...ไม่มีอะไร พี่กลับแผนกก่อนนะ หายไปนานคนอื่นจะคิดว่าแอบหนีไปหลับ”

            “ค่ะ หมิวมีงานค้างอยู่ต้องรีบไปทำให้เสร็จด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status