“อืม ...คุณกลัวเหรอ”
“กลัวอาชีพคุณมากกว่า”
คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง”
“เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้”
“ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก”
ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู
“คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน
“คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง” เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย”
“ทำไมคุณสนใจฉัน” เธอยังไม่อยากเชื่อนัก เขาคงเห็นเธอเป็นของแปลกจริงๆ
“ก็เพราะคุณน่าสนใจ”
“แล้วถ้าฉันหมดความน่าสนใจ..”
“ถึงเวลานั้นผมคงรักคุณหัวปักหัวปำไปแล้วล่ะ”
“คุณจริงจังหน่อยสิ!”
“ผมไม่ได้พูดเล่น” เขายื่นหน้าไปใกล้
“คุณพูดเหมือนกำลังดีลธุรกิจอยู่”
“ขอโทษด้วยผมไม่ใช่คนโรแมนติก” ปลายจมูกสัมผัสปลายจมูกของหญิงสาวเบาๆ “เวลาของผมเป็นเงินเป็นทอง และเมื่อคุณคือเป้าหมายผมจึงไม่ลังเลที่จะเข้าหาคุณอย่างตรงไปตรงมา”
พนักงานยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟทำให้ชายหนุ่มผละจากการไล่ต้อนเหยื่อตัวน้อย
หญิงสาวหน้าตาแดงก่ำไม่พูดไม่จา เมื่ออาหารถูกยกมาตรงหน้า เธอก็ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญโดยไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของชายหนุ่มระบายยิ้มตลอดเวลา.
………
“คุณหมอธีรยามีคนมาขอพบค่ะ”
“คะ?”
หญิงสาวเจ้าของชื่อโผล่หน้ามาจากด้านของปฏิบัติการ เธอขยับแว่นสายตาด้วยความเคยชินก่อนแล้วเดินออกมาด้านนอก เมื่อเห็นว่าคนที่รออยู่เป็นใครก็ทำหน้าตึงขึ้นมาทันที
“สวัสดีครับคุณหมอ...”
“คุณเจสัน! ฉันก็บอกแล้วไม่ต้องมาอีก”
ธีรยาพูดแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ แล้วเดินมาเจอหน้าคนตัวสูงกว่า ความจริงเธอสูง 155 เซนติเมตรก็ไม่นับว่าเตี้ย แต่ทำไมบอดี้การ์ดของโจวเจียอีถึงตัวสูงใหญ่กันทุกคน
“แต่ผมมีหน้าที่ทำตามคำสั่งบอสนี่ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มชาวฮ่องกงที่ถูกเรียกว่า ‘เจสัน’ ส่งยิ้มให้แต่หน้าตาดุดันนั้นทำให้รอยยิ้มดูกระด้างชอบกล “คราวนี้ไม่ใช่ดอกไม้นะครับ แต่เป็นคุกกี้”
“คุกกี้...ของกินเหรอ?”
นี่ตานั้นคิดอะไรอยู่นะ ธีรยาไม่เข้าใจโจวเจียอีเลยจริงๆ แต่เอาเถอะ หลายวันมานี้เขาให้ลูกน้องเอาดอกไม้มาเธอทุกวันตอนเที่ยงตรง ช่อเล็กบ้างใหญ่บ้างสลับกันไป เธอชอบดอกไม้ก็จริงแต่ให้ทุกวันแถมยังมาให้ที่ทำงานอีก ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานจ้องมองและคนที่สนิทกันหน่อยก็เอ่ยปากหยอกล้อ
“ครับ” เจสันรีบยื่นถุงกระดาษสีสวยใส่กล่องคุ้กกี้โดยใช้สองมือประคองและค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ธีรยารู้สึกว่าบอดี้การ์ดให้เกียรติเธอมากจึงรับไว้ เขาก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายที่พูดไม่รู้เรื่องเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ”
“....”
“ฉันรับแล้วก็กลับไปสิ ฉันต้องทำงาน”
ธีรยาออกปากไล่ แต่เพราะเป็นคนเสียงเบาและเสียงหวาน คำพูดที่คิดว่ารุนแรงแล้วแต่คนฟังยังแอบเคลิ้ม ถ้าไม่เพราะเป็นผู้หญิงของเจ้านาย เขาก็อยากจีบเหมือนกัน
“คุณธีรยาไม่มีอะไรฝากถึงเจ้านายผมหรือครับ รับรองว่าผมจดจำได้ทุกคำไม่ตกหล่นแน่นอน”
“ไม่มีค่ะ”
“เอ่อ...ผมให้เวลาคุณหมอคิดสักห้านาที...”
“ไม่มีค่ะ”
“คือ...”
“เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”
“เอ่อ...ครับๆ”
บอดี้การ์ดหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปแล้ว ธีรยาถึงถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะเบื่อและเลิกราไปเอง บอกว่าไม่ชอบดอกไม้แต่เธอก็อดยิ้มไม่ได้ คราวนี้เขาส่งขนมมาหลายกล่องได้อิ่มไปหลายมื้อเลยทีเดียว
“เมื่อไหร่หมอหมิวจะเปิดตัวแฟนนะ” เสียงรุ่นพี่ในแผนกหยอกล้อ “ทั้งขนมทั้งดอกไม้ สายเปย์ขนาดนี้ไม่เปิดตัวให้พี่ๆรู้จักบ้างเหรอ”
“ยังไม่ได้เป็นแฟนค่ะ”
ธีรยารีบโบกมือไปมาแต่ใบหน้าแดงก่ำ พอนึกอีกทีก็รู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไปคล้ายจะยอมรับว่ามีแฟน เธอเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกยกถุงขนมมาบังหน้าแล้วตั้งใจจะเดินกลับไปที่ห้องแลป แต่ถูกเรียกไว้ก่อนจึงหันกลับไปมอง
“พี่หมอก้อง” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วสาวเท้าเข้าไปหา “มีอะไรหรือเปล่าคะ มาหาถึงห้องแล็บเลย”
“พอดีผ่านมา” ก้องภพยิ้มน้อยๆ แล้วกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้า
“หรือว่า... ขาดเพื่อนเจ้าบ่าวค่ะ” ธีรยาหัวเราะเสียงใสจนดวงตาหลังแว่นตาเป็นประกายพราวระยับ “มีอะไรให้หมิวช่วยก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจค่ะ”
“ขอบใจ งานแต่งเล็กๆคนในครอบครัวไม่มีอะไรมากหรอก อีกอย่างคู่หมั้นพี่เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว”
จริงที่อย่างพูดไป ก้องภพแทบไม่ได้ทำช่วยงานแต่งงานของตัวเองนัก เขมิกา-ว่าที่ภรรยาต่างหากที่จัดการให้เสร็จสรรพ ตั้งแต่การ์ดงานแต่ง ของชำร่วย ธีมงานแต่ง ร้านอาหารที่จะจ้างมาทำอาหารในงานเลี้ยงรวมทั้งเมนูที่จะเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน เขานี่แค่เอาตัวเองไปลองชุดและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเท่านั้น
สายตาของแพทย์หนุ่มประจำห้องฉุกเฉินไปหยุดที่ถุงกระดาษหรูหรา ธีรยามองตามสายตาเขาแล้วก็ชูถุงกระดาษในมือขึ้น
“พี่หมอก้องแบ่งขนมไปกินไหมคะ”
“ของใครเหรอ”
“เอ่อ...” ปกติเธอไม่ซื้อของกินราคาแพงนัก แต่ก็เลือกของมีคุณภาพเสมอ
“ของหนุ่มที่มาจีบหมอหมิวนะสิ” รุ่นพี่ในแผนกพูดขึ้น “เช้าถึงเย็นถึง ทั้งดอกไม้ทั้งขนม พวกพี่อิ่มหนำสำราญกันไปด้วย”
ก้องภพนิ่งงันไปเล็กน้อย เขาเองก็ได้ยินว่ามีคนมาจีบ ธีรยาขยันส่งดอกไม้มาให้และยังมีขนมของกินราคาแพงอีก และจะว่าไปเขาไม่ได้บังเอิญผ่านมา แต่สองขาพามาที่นี่อย่างไม่รู้ตัวต่างหาก อาจเพราะไม่เห็นธีรยาโผล่ไปทักทายหลายวันแล้ว ปกติถ้าเธอมีเวลาว่างก็มักมาหาเขาบ่อยๆ บางครั้งก่อนที่เธอกลับบ้านก็มาเคาะประตูบอกเขาว่า ‘หมิวกลับบ้านแล้วนะ’ มันเป็นความคุ้นชินที่วันหนึ่งเธอหายไปแล้วใจเขาหวิวๆชอบกล
“ใคร?”
“คะ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไร พี่กลับแผนกก่อนนะ หายไปนานคนอื่นจะคิดว่าแอบหนีไปหลับ”
“ค่ะ หมิวมีงานค้างอยู่ต้องรีบไปทำให้เสร็จด้วย”
ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’ ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’ ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’ ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ! ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็
“เราถูกย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้ว” “จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสิ” ธีรยายิ้มกว้าง “พักแถวไหนล่ะ แบบนี้ก็ดีเลยนะจะได้กลับไปช่วยงานแม่เพ็ญนภาได้” “อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าหมิวยังกลับไปที่บ้านนั้นอีกนะ” ปกป้องทำตาโต “ทำไมจะกลับไปไม่ได้ล่ะ ป้องนั้นแหละ ทำไมไม่กลับไปหาแม่เพ็ญนภาบ้าง” “ไม่อยากฟังบ่น” ปกป้องยักไหล่ “เลิกงานแล้วมีนัดที่ไหนไหม ไปหาอะไรกินกัน ป้องเลี้ยงเองในฐานะที่ได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้หมิว” “เรื่องกินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็อดกวาดตามองรอบๆไม่ได้ ไม่เอาน่า เธอไม่ได้รอใครเสียหน่อย ทำไมต้องมองหาด้วยเล่า “รอใครหรือเปล่า นัดพี่หมอก้องไว้เหรอ” ปกป้องถามเพราะสังเกตได้ว่าธีรยาเหมือนมองหาใครอยู่ แถมยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย ปกติไม่ค่อยเห็นคนตัวเล็กแต่งหน้าสักเท่าไหร่ “เปล่า” หญิงสาวส่ายหน้ายืนยัน “ไปเถอะ หิวแล้ว ว่าแต่เจ้ามือจะเลือกร้านให้หรือให้หมิวเลือกร้านเอง” “หมิวเลือกเลยสิ อยากกินอะไร ป๋าจ่ายเอง” “อืม เราเห็นร้านบะหมี่ติดแอร์เปิดใหม่ใกล้ๆ โรงพย
“เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ” “ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ” “ตามใจ” ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม “มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม” “อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ” “งั้นเราไปล่ะ” ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก “อ๊ะ! คุณ...” ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่” “ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ช
“ได้ ถ้าคุณลืม ผมจะทบทวนว่าเราเป็นอะไรกัน”คนตัวเล็กขยับตัวดิ้นรนทำให้กระโปรงร่นขึ้นเห็นเรียวขาขาวผ่อง โจวเจียอีใช้มือเพียงข้างเดียวก็รวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากที่พูดจาแทงใจเขาเหลือเกิน ไอร้อนจากกายเขาผสานกับกลิ่นน้ำหอมเกิดเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัว คล้ายปลุกเร้าความทรงจำในค่ำคืนนั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาแตกตื่น คราวนี้เธอกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ โจวเจียอีรับรู้ได้ว่า การกระทำของตนทำให้เธอตกใจ จึงจำใจผละจากริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่เพราะเตียงเล็กทำให้เขาต้องดึงเธอมากอดไว้“ขอโทษ...”“คะ?”“คุณกลัวสินะ”“หมิวตกใจค่ะ” เธอสารภาพ “เรา...เราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม”“อื้ม...” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็มีอะไรกับคุณไม่ได้”“คะ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่ม “คุณไม่สบายเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”โจวเจียอีหัวเราะ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ“เปล่า ผมแต่ไม่ได้เตรียมตัวมามีเซ็กส์กับคุณ”“คุณ...พูดตรงไปหรือเปล่า” คราวนี้เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ“ผมเป็นคนตรงไ
เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง” “มาเร็วไม่ดีหรือ?” โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง” เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...” “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะค
“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งใ
เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว “ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาด
เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัวโจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลั