Share

Chapter 11.  ลำบากใจ

            ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น

            ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’

            ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’

            ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’

            ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน  จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ

            ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ!

            ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็กเนิร์ดอย่างเธอไปแล้ว  แต่ดูเหมือนที่ผ่านมาธีรยาก็ไม่เคยแสดงท่าทีเดือดร้อนใจที่ตัวเองยังเป็นโสด เขาเองก็เห็นเธอเป็นน้องสาวมานาน รู้ดีว่าธีรยานิสัยเป็นอย่างไร แต่ครั้งนี้มีผู้ชายสายเปย์มาจีบชัดเจนอย่างนี้ ทำให้เขาอดเป็นกังวลไม่ได้

            “ทำหน้าเครียดจัง”   เขมิกาเอ่ยทักเมื่อเห็นคนรักทำหน้าตาเคร่งเครียดคิ้วขมวดยุ่ง “เจอเคสหนักหรือคะ”

            “อ้าว เข็ม มาตั้งแต่เมื่อไหร่”  ก้องภพทักทายคู่หมั้นสาว

            “มาถึงได้สักห้านาทีแล้วค่ะ แต่พี่ก้องใจลอยไปถึงก็ไม่รู้ มีเรื่องกลุ้มใจหรือคะ หรือว่าเครียดเรื่องงานแต่งงานของเรา”

“ไม่มีอะไรหรอก พี่คิดเรื่องยัยหมิวนะ” 

ก้องภพยิ้มแล้วหันไปจัดการเอกสารบนโต๊ะ หมดเวรของเขาแล้ว เกือบลืมไปเสียสนิทว่านัดเขมิกาไปแจกการ์ดให้ผู้หลักผู้ใหญ่ทางฝั่งว่าที่ภรรยา  ตัวเขาเองไม่อยากแจกการ์ดงานแต่งอะไรเลย เกรงใจคนรับการ์ดจะคิดว่าเขาอยากได้เงินใส่ซอง แต่เขมิกาอยากให้จัดเป็นไปตามพิธี ครอบครัวทั้งสองฝั่งก็เห็นดีด้วย เขาก็เข้าใจว่าผู้หญิงย่อมอยากให้วันแต่งงานเป็นวันพิเศษสุด เขาจึงไม่อยากขัดใจเธอ  เขารู้จักเขมิกามาหลายปี ครอบครัวทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันและต้องการให้ลูกๆ ได้แต่งงานกัน  แรกทีเดียวเขาก็ไม่ได้อยากแต่งงานนัก แต่ทนการรบเร้าของมารดาไม่ไหว อีกอย่างเขมิกาเป็นผู้หญิงนิสัยดี  เธอเข้าใจการทำงานที่ไม่เป็นเวลาของเขาและไม่สามารถพาเธอไปเที่ยวหรือออกเดตได้บ่อยอย่างคู่รักคู่อื่นๆ นานวันเข้าก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง จึงตัดสินใจคบหาดูใจกัน แต่เมื่อผู้ใหญ่รู้เข้าก็จัดการกำหนดวันหมั้นหมายและแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว

‘ถ้าพี่ก้องลำบากใจ เข็มไปคุยกับพ่อแม่ไหมคะ’

‘เข็มจะไปบอกพ่อกับแม่ว่ายังไงล่ะ’

‘ก็...พี่ก้องไม่พร้อมหรือไม่ก็...พี่ก้องไม่อยากแต่งงานกับเข็ม’

‘มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แค่รู้สึกว่าเร็วไปนิด’

‘ถ้าอย่างนั้น เราเลิกกันตอนนี้เลยดีไหมคะ’

‘อ้าว ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ’

‘ถ้าแต่งกันตอนนี้เร็วไป อีกปีสองปีหรือสามปีก็เร็วไปอยู่ดีล่ะค่ะ เพราะงั้นก็เลิกกันตอนนี้ดีกว่า อีกปีสองปีหรือสามปีก็ต้องเลิกกันอยู่ดี’

‘ก็พี่ไม่ได้อยากเลิกกับเข็มนี่’

‘แล้วเราจะทำยังไงละคะ’

‘ก็แต่งงานตามผู้ใหญ่จัดการนั้นแหละ’

‘พี่ก้องจะไม่เสียใจเหรอคะ’

‘อืม ถ้าพี่ไม่ได้แต่งกับเข็ม พี่น่าจะเสียใจมากกว่านะ’

“น้องหมิวเป็นอะไรหรือคะ”

เสียงเขมิกาปลุกก้องภพให้ตื่นจากภวังค์  ชายหนุ่มส่งยิ้มแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยตอบ

“มีคนมาจีบยัยหมิว”

“แล้วไม่ดีหรือคะ พี่ก้องไม่อยากให้น้องหมิวมีแฟนเหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” เขาส่ายหน้าไปมา “พี่เห็นน้องหมิวเป็นน้องสาว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าคนมาจีบเป็นคนดีก็ดีไป กลัวแต่จะมาหลอกยัยหมิวให้เสียใจนะสิ”

“เป็นพี่ที่หวงน้องสาวจังเลยนะคะ” เขมิกาหัวเราะเสียงใส ทำให้ก้องภพยิ้มออกมา

“ไม่ได้หวงแค่เป็นห่วง เข็มเข้าใจพี่ใช่ไหม พี่เห็นมาตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ทั้งเอ็นดูทั้งเป็นห่วง น้องหมิวก็เจออะไรมามาก พี่ก็อยากให้เขาได้เจอคนที่ดีดูแลได้”

“ค่ะ เข็มเข้าใจไม่คิดมากหรอกค่ะ”  หญิงสาวยื่นมือไปแตะหลังมือของคนรัก “แต่ถ้าเราออกไปช้ากว่านี้ เจอรถติดและไปแจกการ์ดช้าแน่นอนค่ะ”

“ครับๆ ไปกันเถอะ” 

ก้องภพหัวเราะในลำคอแล้วหันไปคุยกับพยาบาลในแผนก ส่งงานให้คุณหมอที่เข้าเวรแทนแล้วพาคู่หมั้นไปทำธุระที่นัดหมาย  ทว่าเขาไม่รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มของเขมิกาคือความรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นเขาให้ความสนิทสนมกับธีรยามากเกินไป  มันมากเกินกว่าพี่ชายกับน้องสาว ต่อให้มองด้วยตาข้างเดียวยังรู้เลยว่าก้องภพหึงหวงธีรยาเข้าให้แล้ว.  

            …

            “คุณหมอธีรยามีคนมาขอพบค่ะ”

            “ค่ะ”

            หญิงสาวขานรับขณะที่เก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพาย ได้เวลาเลิกงานพอดี  ทำงานในห้องแล็บแบบนี้ทำให้เลิกงานได้ตรงเวลา แต่ก็มีบ้างที่เจอเคสด่วนก็เลิกงานช้าไปบ้าง  ธีรยากำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็เปลี่ยนใจหยิบตลับแป้งมาเปิดส่องดูหน้าตาตัวเองเล็กน้อย เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนร่วมงานทำให้เธอสะดุ้งแล้วยิ้มเขิน

            “ส่องๆไปเถอะ เป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา ดีกว่าออกจากห้องทำงานไปสภาพเหมือนซอมบี้ คนอื่นจะได้นึกว่าแผนกนี้ใช้แรงงานคนกลายเป็นศพได้”

            ธีรยาหัวเราะน้อยๆ แล้วแอบเติมลิปสติกอีกนิดก่อนสะพายกระเป๋าออกมาด้านนอก ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างและโบกมือให้ทันทีที่เห็นเธอ หญิงสาวเลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อยก่อนยิ้มตอบแล้วก้าวเข้าไปหา

            “ป้องเองเหรอ”

            “หมิวรอใครอยู่ล่ะ”  ชายหนุ่มผมสั้นเกรียนถามด้วยรอยยิ้ม

            “ปะ เปล่า”  ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนผมที่รวบเป็นหางม้าสั่นไหวไปมา “ไม่ได้เห็นหน้าหลายเดือนแล้วเลยแปลกใจ”

            “อีกหน่อยหมิวจะได้เห็นหน้าเราจนเบื่อเลยล่ะ”

            “เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น”         

            “อย่าทำหน้าตกใจแบบนี้สิ เอาข่าวดีมาบอกเลยนะ บอกหมิวคนแรกด้วย” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วคว้ามือหญิงสาวไว้ให้เดินออกมาด้านนอก

            เพราะความสนิทสนมที่มีมาตั้งแต่เด็ก ธีรยาจึงไม่คิดอะไรที่ ‘ปกป้อง’ จับมือเธออย่างนี้ เขาเป็นเด็กที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าภายใต้การดูแลของคุณแม่เพ็ญนภาเหมือนกันเธอ และเป็นเด็กที่ไม่มีใครรับอุปการะเหมือนกันด้วย ทั้งสองจึงสนิทสนมกันเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้อง เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ธีรยาเป็นเด็กตัวเล็กและขี้อาย เวลามีคนมาแจกขนมของเล่นที่บ้านเด็กกำพร้า เธอมักไปรับไม่ทันหรือไม่ก็ถูกเด็กคนอื่นแย่งไป แต่  ‘ปกป้อง’ ที่เรียนไม่ค่อยเก่งและทะเลาะกับเด็กคนอื่นบ่อยๆ กลับคอยช่วยเหลือแย่งเอาขนมของกินมาให้เธออยู่เสมอ แม้จะเติบโตไปบนเส้นทางที่ต่างเลือกเดิน แต่ปกป้องก็ยังติดต่อเธออยู่เสมอไม่ได้หายไปไหน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status