“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”
“ค่ะ”
ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความ
เจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับ
หมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้ว
เจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับ
หมอหมิว : โอเค.ค่ะ
เขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วย
ธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”
“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”
“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค่ะ พี่เข็มไม่โกรธใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่มีสามีเป็นหมอ เรื่องแบบนี้เกิดประจำ”
เหมือนโดนตอกย้ำสถานะ แต่ธีรยาก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกไป เขมิกาอาสาจ่ายเงินให้ตามที่บอกไว้แต่แรกว่าจะเลี้ยง คุณหมอในห้องแล็บจึงเก็บกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ ยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกมาด้านนอก ธีรยาระบายลมหายใจยาว โล่งอกที่ออกมาจากสถานการณ์อึดอัดสำเร็จ
รถเก๋งสีดำติดฟิลม์ดำมืดปาดเข้ามาจอด ธีรยายืนมองอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนที่เจสันส่งมาจะถึงเร็วขนาดนี้ ก็เธอบอกเขาไปว่าอีกสิบนาทีค่อยมา ทว่าเมื่อประตูรถเปิดออกก็ชายในชุดดำสองคนลงประกบตัวหญิงสาว ทั้งสองพูดภาษาจีนรัวๆ จนธีรยาที่เริ่มเรียนภาษาจีนฟังไม่ทัน แต่ร่างถูกผลักให้เข้าไปนั่งด้านในรถ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที
เขมิกานั่งมองจากด้านในร้านก็แปลกใจ แม้รู้ว่าคนที่ธีรยาคบหาชอบส่งบอดี้การ์ดมาคอยดูแลรับส่ง แต่ไม่คิดว่าจะเสียมารยาทผลักผู้หญิงเข้าไปในรถอย่างนี้ ภารกิจของวันนี้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ เธอหยิบสมาร์ทโฟนออกมาดูและตั้งใจว่าจะไปสปานวดตัวเสียหน่อย ไหนๆ ก็ได้ออกจากบ้านและมีเวลาเหลือแล้ว ขณะส่งข้อความเพื่อนัดหมายคิวไปใช้บริการสปาร้านดัง ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมชายในชุดสูทสีเข้ม เขากวาดตามองในร้านแล้วพุ่งสายตามาที่เธอ เขมิกาตกใจแต่ยังเก็บอาการอยู่ นั่งหลังเหยียดตรงอย่างไม่หวาดหวั่น ก็แน่ล่ะ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ หรือยัยเด็กแว่นนั้นจะโทรไปฟ้องแฟนมาเฟียล่ะ
“สวัสดีครับ ขอรบกวนถามสักนิดครับ” ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุภาพแต่สำเนียงการพูดภาษาไทยยังไม่ชัดนัก “ไม่ทราบว่าคุณธีรยาอยู่ไหนครับ ผมมารับคุณธีรยาครับ”
“เอ๊ะ! ก็เมื่อกี้ น้องหมิวขึ้นรถเก๋งสีดำออกไปแล้วนี่”
“รถเก๋งสีดำ? ไม่ทราบว่าพอจะบอกลักษณะได้ไหมครับ”
“ไม่รู้ ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น เห็นปกติมีรถกับบอดี้การ์ดมาคอยรับส่งอยู่ตลอดเลยไม่ได้ใส่ใจ”
“เกิดเรื่องแล้ว!”
เขาพูดและสบถเป็นภาษาจีน
“อะไรนะคะ” เขมิกาถาม
“นั้นไม่ใช่รถของเจ้านายผม ขอตัวก่อนนะครับ”
“หมายความว่ายังไงคะ น้องหมิวถูกจับตัวไปเหรอ”
เขมิกาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ ถึงจะไม่ชอบหน้ากันแต่ไม่ได้อยากเห็นอีกฝ่ายเป็นอันตราย
“ตอนนี้ผมยังพูดไม่ได้ครับ ขอตัว”
บอดี้การ์ดหนุ่มที่มาแทนหยิบโทรศัพท์มือถือรายงานเจสันทันที
“บัดซบ!”
เจสันที่นั่งเปลือยแผ่นอกอยู่บนเตียงสถบด่าหยาบหลายคำ แล้วสั่งการไปทันที เขาลุกขึ้นคว้าเสื้อยืดมาสวมอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาสำหรับการแต่งตัวเนี้ยบเช่นทุกครั้ง แล้วเรื่องที่กังวลก็เกิดขึ้นจนได้
“มีอะไรเหรอ” ปกป้องถามพลางถือแก้วกาแฟออกมาจากครัวขนาดเล็กในห้องพักของเจสัน
“คุณธีรยาถูกลักพาตัว”
“เฮ้ย!” ปกป้องตกใจเกือบทำแก้วกาแฟหลุดมือ “เมื่อไหร่ ไม่ใช่นายส่งคนไปรับเหรอ”
“เมื่อครู่ พวกมันชิงตัดหน้าไปก่อน” เขาตอบแล้วหันไปหยิบกล่องเซฟเปิดออก ปืนกระบอกสีดำที่ถูกดูแลอย่างดีนอนสงบนิ่งอยู่ในนั้น
“เฮ้ยๆ ทำไมมีปืน”
“ผมไม่มีเวลาอธิบาย ต้องรีบไปแล้ว”
“ไปด้วย”
“ไม่ได้!”
“ผมเป็นตำรวจ ถึงจะคนละแผนกก็เถอะ แล้วหมิวก็เพื่อนผม”
เจสันช่างใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ เวลานี้ความปลอดภัยของธีรยาสำคัญที่สุด เพราะเธอคือดวงใจของบอสและเป็นว่าที่นายหญิงแห่งตระกูลโจว
ใครกันมันช่างกล้าลองดีกับโจวเจียอีได้.
……
โจวเจียอีตะคอกลูกน้องอย่างหัวเสีย ใครเลยจะคิดว่ามีคนกล้ากระตุกหนวดมังกรตระกูลโจว วันนี้นัดกับธีรยา ปกติเขาให้เจสันคอยรับส่งผู้หญิงของเขาและบางทีสลับให้บอดี้การ์ดคนอื่นทำหน้าที่แทน แต่เหตุเพราะเจสันมีเรื่องได้รับบาดเจ็บ เขาให้หยุดงานได้สองวันและให้คนอื่นไปรับธีรยาแทน วันนี้เธอควรมาเจอเขากับแม่ที่บ้าน แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ธีรยาถูกลักพาตัวไป
“สั่งการลงไป ต้องหาตัวธีรยาให้พบ!”
“รับทราบ!”
ชายหนุ่มเสยผมอย่างหงุดหงิดแล้วหมุนตัวกลับมาเพื่อจะออกไปข้างนอก แต่มารดามายืนขวางไว้ก่อน
“คุณแม่...”
“แม่รู้เรื่องหนูหมิวแล้ว มาคุยกับแม่ก่อน”
“ครับ” เขารับคำอย่างเสียไม่ได้ ใจอยากออกตามหายัยหอยทากน้อยของเขาเต็มที่ แต่ก็เดินตามมารดาไปที่ห้องรับแขก คุณกานดาโบกมือไล่ไม่ให้คนอื่นอยู่บริเวณนี้แล้วจึงนั่งลงที่โซฟาตัวยาวใหญ่
“ลูกคิดยังไงกับหนูหมิว”
“ครับ?” เขาแปลกใจที่แม่ถามอย่างนี้ และในเวลานี้
“เธอเป็นผู้หญิงของผม”
“ตอบไม่ตรงคำถาม” คุณกานดาส่ายหน้าไปมา “ชอบ ไม่ชอบ รัก ไม่รัก”
“คือ...ชอบครับ...ผมคิดว่าเธอเหมาะสมกับผม ผมอยากแต่งงานกับเธอ”
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม