ท่าทางของคุณกานดาเหมือนจะเป็นลม ธีรยาเข้าไปประคองให้เอนหลังนอนบนเตียง แต่นางโบกมือห้ามไว้ก่อน
“แล้วนี่นึกยังไงถึงมาแสดงตัว หรือเพราะเห็นแม่ใกล้ตายเลยอยากให้มารับส่วนแบ่งมรดกของพ่อแก”
“แม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ ปกติคุณพ่อให้ผมจัดการค่าใช้จ่ายรายเดือนให้คุณน้าเหมยลี่ และในส่วนมรดกที่คุณพ่อแบ่งให้หมิงเจ๋อนั้นก็ไม่ได้แตะต้องส่วนของคุณแม่เลย ที่ผ่านมาคุณพ่อเลี้ยงดูน้าเหมยลี่มาอย่างลับๆ จนกระทั่งถึงคราวที่คุณพ่อเสีย พ่อให้ผมช่วยดูแลหมิงเจ๋อจนกว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะ”
“แล้วทำไมถึงเสนอหน้ากันมาที่เมืองไทย ก็รู้ว่าแม่อยู่ที่นี่ แม่ไม่ได้อยากรับรู้เรื่องที่พ่อนอกใจแม่หรอกนะ!”
“คุณกานดาค่ะ ใจเย็นๆค่ะ” ธีรยาลูบหลังเบาๆ เธอโล่งใจที่ไม่ใช่ลูกของโจวเจียอี ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจเด็ก เธอแค่กลัวว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามในชีวีตคนอื่น
“เดิมที่ก็ไม่จะให้คุณแม่รู้เรื่องนี้ แต่...หมิงเจ๋อร่างกายไม่แข็งแรง ตับทำงานผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิดตอนนี้อาการทรุดลงและต้องปลูกถ่ายตับ...”
“อย่าบอกว่าต้องใช้ตับของลูกนะ!” คุณกานดาตวาดเสียงสั่นแล้วตวัดสายตาจ้องมองไปยังเหมยลี่ “ฉันไม่มีวันให้ตับลูกชายฉันเด็ดขาด”
“คุณแม่!”
“คุณนายค่ะ! ฉันไม่ต้องการอะไรเลย ฉันคืนทรัพย์สินของคุณผู้ชายไปทั้งหมดก็ได้ ขอแค่ลูกชายได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันไม่สามารถบริจาคตับตัวเองให้ลูกได้ เหลือแค่คุณโจวที่มีสายเลือดเดียวกันถึงจะบริจาคให้หมิงเจ๋อได้ คุณนายเห็นแก่ความเป็นแม่ ช่วยเมตตาหมิงเจ๋อด้วยเถิดค่ะ”
“ไม่! ฉันไม่มีวันให้เจียอีทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”
ธีรยาไม่เข้าใจภาษาจีนแต่พอเดาได้ว่าคุณกานดาไม่พอใจและไม่มีท่าทีจะยอมให้โจวเจียอีบริจาคตับแน่นอน ชายหนุ่มสบตาเธออย่างขอความช่วยเหลือ ธีรยากระแอมไอเล็กน้อยแล้วพูดกับคุณกานดา
“คุณแม่พักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะ อย่าวิตกกังวลเกินไปความดันจะขึ้นเอานะคะ” เธอยิ้มบางๆ แล้วประคองให้ท่านเอนหลังลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุม “การแพทย์สมัยใหม่ไม่อันตรายแล้วค่ะ แล้วก็แค่แบ่งตับส่วนหนึ่งไปปลูกแทนที่ตับที่บกพร่อง ไม่ได้เอาตับทั้งหมดของอีริคไปค่ะ คุณอีริคสุขภาพแข็งแรงดี เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแน่นอนค่ะ”
คุณกานดายังไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อยากแสดงกิริยาไม่ดีให้ว่าที่ลูกสะใภ้เห็น
“คุณแม่พักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านกัน”
“หนูหมิวกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ได้ไหม”
“ได้ค่ะ หมิวไปอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เอง ขออนุญาตรบกวนขอกินข้าวด้วยนะคะ ครั้งก่อนกินข้าวบ้านคุณแม่ อาหารอร่อยมากค่ะ” เธอหัวเราะเสียงใส
“มาเลยๆ ตัวแค่นี้เองจะกินได้สักแค่ไหน”
“ค่ะ”
คุณกานดาปรายตามองสองแม่ลูกนั้นแล้วแสร้งทำเป็นปิดเปลือกตาว่าต้องการพักผ่อน ธีรยาดูความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วพยักหน้าไปเชิงบอกให้โจวเจียอีออกไปด้านนอก หญิงสาวถือโอกาสตัดสินใจเรียกพยาบาลมาปรึกษาเพื่อแจ้งไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณกานดา เธอต้องการให้คุณกานดาหลับให้สนิทจึงขอยานอนหลับให้คุณกานดากิน เธอรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้คงไม่ทำให้คุณกานดาหลับได้แน่นอน และการนอนไม่หลับส่งผลต่อสุขภาพ หลังจากมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอจึงเดินมาพบโจวเจียอีที่ยืนพูดคุยกับเหมยลี่อยู่ เธอกระแอมไอให้เขารู้ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้
“คุณแม่หลับแล้วค่ะ ทางที่ดีอย่าเพิ่งให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากไปกว่านี้”
“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยกับเธอแล้วหันไปพูดด้วยภาษาจีนกับเหมยลี่ “วันนี้พวกคุณกลับไปก่อน ทำตามที่ไห่เทาแนะนำทุกอย่าง เข้าใจใช่ไหม”
ทั้งสองเพียงพยักหน้ารับ เหมยลี่ปาดน้ำตาแล้วสบตากับหญิงสาวด้วยแววตาข้อร้อง ธีรยาได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วมองเด็กชายที่หน้าคล้ายโจวเจียอีมาก มิน่าเล่า ใครต่อใครถึงคิดว่าเขามีลูกชาย
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ยาวนานเสียจริง
ซ่งไห่เทาขยับแว่นสายตาแล้วเดินมาจูงมือเด็กน้อยให้ตามเขาออกไป เด็กชายดวงตาสีน้ำตาลยังคงมองเธออยู่ก่อนยิ้มน้อยแล้วพูดบ้างอย่าง โจวเจียอีดุน้องชายต่างมารดาจนอีกฝ่ายหดคอเหมือนเต่าแล้วรีบเกาะมารดาเดินไปที่ลิฟต์ทันที
“น้องชายคุณพูดอะไรคะ”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีแล้วทำไมต้องดุด้วย” เธอทำปากยื่นใส่ “อย่าคิดว่าฉันฟังภาษาจีนไม่เข้าใจแล้วจะปิดบังได้ตลอดนะ”
“โอเค.ผมยอมแพ้” เขายกมือขึ้นยอมยกธงขาว “หมิงเจ๋อ
บอกว่าคุณสวยและอยากแต่งงานกับคุณ”
“หือ? เจอกันไม่กี่ครั้งเองนะ” เธอหัวเราะจนดวงตาเป็นประกาย “อื้ม แบบนี้ถึงเป็นน้องชายคุณสินะ พี่น้องนิสัยเหมือนกันเลย”
“หมิวครับ” เขาลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจ แต่เพราะรอยยิ้มของเธอทำให้เขาพ้นจากความตึงเครียด
หญิงสาวหัวเราะแล้วเดินไปเกาะแขนของเขา “วันนี้คุณต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”
“เรื่องวันนี้วุ่นวายมากจริงๆ ผมไม่คิดจะปิดบังเรื่องน้องชายเลย แต่มันมีเรื่องวุ่นๆ ที่ผมจัดการไม่ได้”
“หมิวพอเข้าใจค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “คุณคงพยายามปิดบังเพราะไม่อยากให้คุณแม่เจ็บปวดใช่ไหมคะ”
“ครับ”
เหมือนได้ยกก้อนหินออกจากอก เขากลุ้มใจเรื่องนี้มาหลายปี
“ผมเจอหมิงเจ๋อครั้งแรกตอนนั้นหมิงเจ๋อแค่สี่ขวบ แรกทีเดียวผมก็โกรธที่พ่อทรยศหักหลังแม่อย่างนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หมิงเจ๋อไม่ได้ผิดอะไร เขาเลือกเกิดไม่ได้ หากเลือกได้คงไม่อยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสและยังร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิดอย่างนี้ นานวันเข้าผมก็เห็นเขาเป็นน้องชายคนหนึ่งที่ต้องดูแล พ่อไม่ได้กลัวว่าแม่จะมาทำร้ายเหมยลี่กับหมิงเจ๋อ แต่เพราะรู้สึกผิดกับแม่และไม่อยากให้แม่เสียใจ”
“แต่เราไม่สามารถปกปิดความจริงนี้ได้ใช่ไหมคะ” เธอพยายามปลอบใจเขา
“ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องหมิงเจ๋อ คิดว่าถ้าเขาแข็งแรงกว่านี้จะส่งไปอยู่เมืองนอก แต่พอดีแม่ผมตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย” เขาถอนหายใจคราวหนึ่ง “อาการของหมิงเจ๋อแย่ลง เหมยลี่กลัวผมจะเปลี่ยนใจเรื่องปลูกถ่ายตับจึงตัดสินใจพาหมิง เจ๋อมาที่นี่ ก็เลยเกิดเรื่องขึ้น”
“พลังของคนเป็นแม่ อันตรายแค่ไหนก็ขอสู้เพื่อลูก” เธอยิ้มเศร้าๆ ประโยคนี้คงใช้ไม่ได้กับแม่ของเธอที่ทอดทิ้งเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“คุณแม่คุณเป็นคนจิตใจดีค่ะ ท่านแค่ต้องใช้เวลายอมรับเรื่องเหล่านี้ สำหรับท่านแล้วคงไม่ต่างจากการรู้ว่าถูกทรยศหักหลัง ที่ไม่ยอมให้คุณบริจาคตับคงเพราะยังทำใจยอมรับเรื่องที่สามีมีภรรยาเก็บไม่ได้ ให้เวลาท่านหน่อยนะคะ”
“ครับ ผมเข้าใจ”
“ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว คุณเข้าไปนอนพักสักงีบเถอะค่ะในห้องVIP มีเตียงเสริมสำหรับญาติสามารถนอนพักผ่อนได้สบายค่ะ คุณตัวใหญ่ไปนอนเตียง เดี๋ยวหมิวนอนโซฟาเอง”
คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง” “อย่าดื้อค่ะ” โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน “คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้” แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ? “จะรับไว้พิจารณานะคะ” “โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ “เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก” “ได้ ผมสอนให้เอง”“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย
“ค่ะ พี่รู้ว่าน้องหมิวไม่ได้คิดอะไร และน้องหมิวเองก็มีแฟนแล้ว แต่พี่เตือนด้วยความหวังดี ยังไงเสียทั้งหมิวและพี่ก้องก็ยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละแผนกก็ตาม”“ค่ะ” ขนมที่ว่าอร่อยก็กร่อยจนกลืนไม่ลง ธีรยาคิดหาวิธีออกจากสถานการณ์แสนอึดอัดอย่างนี้ โชคดีที่มีข้อความส่งเข้ามา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านดูข้อความเจสัน : วันนี้ผมยังเจ็บแผลอยู่ จะให้ลูกน้องไปรับคุณธีรยานะครับหมอหมิว : ไม่เป็นไรค่ะ หมิวออกมากินกาแฟกับพี่เข็ม...ภรรยาพี่หมอก้องภพค่ะ สักประเดี๋ยวจะเดินทางไปบ้านคุณแม่กานดาแล้วเจสัน : คุณธีรยาส่งโลเคชั่นมาครับ ผมให้ลูกน้องขับรถไปรับหมอหมิว : โอเค.ค่ะเขมิกาจิบกาแฟจนหมดแก้ว แล้วมองธีรยาที่ก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความ จะว่าเธอเป็นคนใจร้ายก็ยอม แต่ตอนนี้เธอมีฐานะเป็น ‘ภรรยา’ ของก้องภพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอสามารถทำอะไรที่ควรทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งประกาศให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้ถึงสถานะของเธอด้วยธีรยาส่งข้อความเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หมิวขอโทษนะคะ พอดีมีธุระด่วนค่ะ”“ตายจริง นึกว่าเป็นวันหยุดเสียอีก”“วันหยุดค่ะ แต่พอดีมีธุระด่วนต้องไปค
“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก” “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน” “แม่รู้อยู่แล้ว” “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผ
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส