Share

Chapter 33.  อย่าบอกนะว่า

ท่าทางของคุณกานดาเหมือนจะเป็นลม ธีรยาเข้าไปประคองให้เอนหลังนอนบนเตียง แต่นางโบกมือห้ามไว้ก่อน

            “แล้วนี่นึกยังไงถึงมาแสดงตัว หรือเพราะเห็นแม่ใกล้ตายเลยอยากให้มารับส่วนแบ่งมรดกของพ่อแก”

            “แม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ ปกติคุณพ่อให้ผมจัดการค่าใช้จ่ายรายเดือนให้คุณน้าเหมยลี่ และในส่วนมรดกที่คุณพ่อแบ่งให้หมิงเจ๋อนั้นก็ไม่ได้แตะต้องส่วนของคุณแม่เลย ที่ผ่านมาคุณพ่อเลี้ยงดูน้าเหมยลี่มาอย่างลับๆ จนกระทั่งถึงคราวที่คุณพ่อเสีย พ่อให้ผมช่วยดูแลหมิงเจ๋อจนกว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะ”

            “แล้วทำไมถึงเสนอหน้ากันมาที่เมืองไทย ก็รู้ว่าแม่อยู่ที่นี่ แม่ไม่ได้อยากรับรู้เรื่องที่พ่อนอกใจแม่หรอกนะ!”

            “คุณกานดาค่ะ ใจเย็นๆค่ะ” ธีรยาลูบหลังเบาๆ เธอโล่งใจที่ไม่ใช่ลูกของโจวเจียอี ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจเด็ก เธอแค่กลัวว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามในชีวีตคนอื่น

            “เดิมที่ก็ไม่จะให้คุณแม่รู้เรื่องนี้ แต่...หมิงเจ๋อร่างกายไม่แข็งแรง ตับทำงานผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิดตอนนี้อาการทรุดลงและต้องปลูกถ่ายตับ...”

            “อย่าบอกว่าต้องใช้ตับของลูกนะ!”  คุณกานดาตวาดเสียงสั่นแล้วตวัดสายตาจ้องมองไปยังเหมยลี่ “ฉันไม่มีวันให้ตับลูกชายฉันเด็ดขาด”

            “คุณแม่!”

            “คุณนายค่ะ! ฉันไม่ต้องการอะไรเลย ฉันคืนทรัพย์สินของคุณผู้ชายไปทั้งหมดก็ได้ ขอแค่ลูกชายได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันไม่สามารถบริจาคตับตัวเองให้ลูกได้ เหลือแค่คุณโจวที่มีสายเลือดเดียวกันถึงจะบริจาคให้หมิงเจ๋อได้ คุณนายเห็นแก่ความเป็นแม่ ช่วยเมตตาหมิงเจ๋อด้วยเถิดค่ะ”

            “ไม่! ฉันไม่มีวันให้เจียอีทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”

            ธีรยาไม่เข้าใจภาษาจีนแต่พอเดาได้ว่าคุณกานดาไม่พอใจและไม่มีท่าทีจะยอมให้โจวเจียอีบริจาคตับแน่นอน  ชายหนุ่มสบตาเธออย่างขอความช่วยเหลือ ธีรยากระแอมไอเล็กน้อยแล้วพูดกับคุณกานดา

            “คุณแม่พักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะ อย่าวิตกกังวลเกินไปความดันจะขึ้นเอานะคะ” เธอยิ้มบางๆ แล้วประคองให้ท่านเอนหลังลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุม “การแพทย์สมัยใหม่ไม่อันตรายแล้วค่ะ แล้วก็แค่แบ่งตับส่วนหนึ่งไปปลูกแทนที่ตับที่บกพร่อง ไม่ได้เอาตับทั้งหมดของอีริคไปค่ะ คุณอีริคสุขภาพแข็งแรงดี เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแน่นอนค่ะ”

            คุณกานดายังไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อยากแสดงกิริยาไม่ดีให้ว่าที่ลูกสะใภ้เห็น

            “คุณแม่พักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านกัน”

            “หนูหมิวกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ได้ไหม”

            “ได้ค่ะ หมิวไปอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เอง ขออนุญาตรบกวนขอกินข้าวด้วยนะคะ ครั้งก่อนกินข้าวบ้านคุณแม่ อาหารอร่อยมากค่ะ” เธอหัวเราะเสียงใส

            “มาเลยๆ ตัวแค่นี้เองจะกินได้สักแค่ไหน”

            “ค่ะ”

            คุณกานดาปรายตามองสองแม่ลูกนั้นแล้วแสร้งทำเป็นปิดเปลือกตาว่าต้องการพักผ่อน ธีรยาดูความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วพยักหน้าไปเชิงบอกให้โจวเจียอีออกไปด้านนอก หญิงสาวถือโอกาสตัดสินใจเรียกพยาบาลมาปรึกษาเพื่อแจ้งไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณกานดา  เธอต้องการให้คุณกานดาหลับให้สนิทจึงขอยานอนหลับให้คุณกานดากิน เธอรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้คงไม่ทำให้คุณกานดาหลับได้แน่นอน และการนอนไม่หลับส่งผลต่อสุขภาพ หลังจากมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอจึงเดินมาพบโจวเจียอีที่ยืนพูดคุยกับเหมยลี่อยู่ เธอกระแอมไอให้เขารู้ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้

            “คุณแม่หลับแล้วค่ะ ทางที่ดีอย่าเพิ่งให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากไปกว่านี้”

            “ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยกับเธอแล้วหันไปพูดด้วยภาษาจีนกับเหมยลี่ “วันนี้พวกคุณกลับไปก่อน ทำตามที่ไห่เทาแนะนำทุกอย่าง เข้าใจใช่ไหม”

            ทั้งสองเพียงพยักหน้ารับ เหมยลี่ปาดน้ำตาแล้วสบตากับหญิงสาวด้วยแววตาข้อร้อง ธีรยาได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วมองเด็กชายที่หน้าคล้ายโจวเจียอีมาก มิน่าเล่า ใครต่อใครถึงคิดว่าเขามีลูกชาย

            ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ยาวนานเสียจริง

            ซ่งไห่เทาขยับแว่นสายตาแล้วเดินมาจูงมือเด็กน้อยให้ตามเขาออกไป เด็กชายดวงตาสีน้ำตาลยังคงมองเธออยู่ก่อนยิ้มน้อยแล้วพูดบ้างอย่าง  โจวเจียอีดุน้องชายต่างมารดาจนอีกฝ่ายหดคอเหมือนเต่าแล้วรีบเกาะมารดาเดินไปที่ลิฟต์ทันที 

            “น้องชายคุณพูดอะไรคะ”

            “ไม่มีอะไร” 

            “ไม่มีแล้วทำไมต้องดุด้วย” เธอทำปากยื่นใส่ “อย่าคิดว่าฉันฟังภาษาจีนไม่เข้าใจแล้วจะปิดบังได้ตลอดนะ”

            “โอเค.ผมยอมแพ้” เขายกมือขึ้นยอมยกธงขาว “หมิงเจ๋อ

บอกว่าคุณสวยและอยากแต่งงานกับคุณ”

            “หือ? เจอกันไม่กี่ครั้งเองนะ” เธอหัวเราะจนดวงตาเป็นประกาย  “อื้ม แบบนี้ถึงเป็นน้องชายคุณสินะ พี่น้องนิสัยเหมือนกันเลย”

            “หมิวครับ” เขาลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจ แต่เพราะรอยยิ้มของเธอทำให้เขาพ้นจากความตึงเครียด

            หญิงสาวหัวเราะแล้วเดินไปเกาะแขนของเขา “วันนี้คุณต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”

            “เรื่องวันนี้วุ่นวายมากจริงๆ ผมไม่คิดจะปิดบังเรื่องน้องชายเลย แต่มันมีเรื่องวุ่นๆ ที่ผมจัดการไม่ได้”

            “หมิวพอเข้าใจค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “คุณคงพยายามปิดบังเพราะไม่อยากให้คุณแม่เจ็บปวดใช่ไหมคะ”

            “ครับ”

เหมือนได้ยกก้อนหินออกจากอก เขากลุ้มใจเรื่องนี้มาหลายปี

 “ผมเจอหมิงเจ๋อครั้งแรกตอนนั้นหมิงเจ๋อแค่สี่ขวบ แรกทีเดียวผมก็โกรธที่พ่อทรยศหักหลังแม่อย่างนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หมิงเจ๋อไม่ได้ผิดอะไร เขาเลือกเกิดไม่ได้ หากเลือกได้คงไม่อยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสและยังร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิดอย่างนี้ นานวันเข้าผมก็เห็นเขาเป็นน้องชายคนหนึ่งที่ต้องดูแล  พ่อไม่ได้กลัวว่าแม่จะมาทำร้ายเหมยลี่กับหมิงเจ๋อ แต่เพราะรู้สึกผิดกับแม่และไม่อยากให้แม่เสียใจ”

            “แต่เราไม่สามารถปกปิดความจริงนี้ได้ใช่ไหมคะ”  เธอพยายามปลอบใจเขา

            “ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องหมิงเจ๋อ คิดว่าถ้าเขาแข็งแรงกว่านี้จะส่งไปอยู่เมืองนอก แต่พอดีแม่ผมตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย” เขาถอนหายใจคราวหนึ่ง “อาการของหมิงเจ๋อแย่ลง เหมยลี่กลัวผมจะเปลี่ยนใจเรื่องปลูกถ่ายตับจึงตัดสินใจพาหมิง เจ๋อมาที่นี่ ก็เลยเกิดเรื่องขึ้น”

            “พลังของคนเป็นแม่ อันตรายแค่ไหนก็ขอสู้เพื่อลูก”  เธอยิ้มเศร้าๆ ประโยคนี้คงใช้ไม่ได้กับแม่ของเธอที่ทอดทิ้งเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

            “คุณแม่คุณเป็นคนจิตใจดีค่ะ ท่านแค่ต้องใช้เวลายอมรับเรื่องเหล่านี้ สำหรับท่านแล้วคงไม่ต่างจากการรู้ว่าถูกทรยศหักหลัง ที่ไม่ยอมให้คุณบริจาคตับคงเพราะยังทำใจยอมรับเรื่องที่สามีมีภรรยาเก็บไม่ได้ ให้เวลาท่านหน่อยนะคะ”

            “ครับ ผมเข้าใจ”

“ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว คุณเข้าไปนอนพักสักงีบเถอะค่ะในห้องVIP มีเตียงเสริมสำหรับญาติสามารถนอนพักผ่อนได้สบายค่ะ คุณตัวใหญ่ไปนอนเตียง เดี๋ยวหมิวนอนโซฟาเอง”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status